ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1: ออกเดินทาง (3/7)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 183
      33
      1 ต.ค. 60

    ลาโตรมองเรย์อย่างพินิจพิเคราะห์ ถึงแม้เรย์จะไม่ได้มีกล้ามมัดราวชายชาติทหารที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองโซดาเรีย แต่สายตาที่ยาวไกลของเขาก็รู้สึกได้ว่าเรย์มีความพิเศษบางอย่าง ถ้าฝึกมากพอก็คงมีฝีมือที่ยากต่อกร ภายใต้ชุดนักเดินทางธรรมดา ๆ กับกระเป๋าสะพายหนัง อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ชายหนุ่มจึงสอบถามถึงความฝันของเรย์ที่มีจุดประสงค์จะเดินทางไปยังเมืองหลวง เมื่อได้คำตอบลาโตรก็พูดออกมาอย่างเสียดาย

    “งั้นรึเจ้าอยากจะเป็นพ่อครัวเหรอ น่าเสียดายนะ หน่วยก้านอย่างเจ้านี่ถ้าเป็นนักรบล่ะก็รับรองอนาคตไกลแน่” ลาโตรลูบคางอย่างครุ่นคิดในขณะที่มองเรย์หัวจรดเท้า

    “ตลกแล้วล่ะ อย่างข้าเนี่ยนะ” เรย์หัวเราะ

    “เออสิ เชื่อเถอะข้าดูคนไม่เคยพลาดหรอก ใคร ๆ ก็เรียกข้าว่านักวิเคราะห์ลาโตรเลยนะ” ลาโตรคุยโม้พลางยิ้มอย่างภาคภูมิและไม่วายจะหันหลังมาขยิบตาให้กับเรย์ แต่เรย์ฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องชวนหัวมากกว่า คนที่ไม่เคยต่อสู้และเกลียดการรบราฆ่าฟันอย่างเขาเนี่ยนะ จะเป็นนักรบ เขาจะมีฝีมือพอจะไปสู้ใครได้เล่า ถ้าถือมีดทำครัวอยู่ในร้านอาหารก็คงเป็นได้อยู่หรอก...

    อันที่จริงเรย์และลาโตรอยู่ห่างจากเมืองหลวงแล้วนัก แต่ด้วยความที่ไร้แผนที่ทั้งคู่จึงเสียเวลาอยู่นานกว่าจะหลุดออกมาจากป่าทึบได้ หลังจากแหวกตัวผ่านต้นไม้สูงใหญ่ สังเกตจากดินที่ถูกเกวียนลากจนเป็นทางทำให้พวกเขารู้ได้ว่า นี่คือถนนสายหลักที่ชาวบ้านใช้กันประจำ

    เรย์ทอดสายตาไปยังท้องฟ้าสีส้มเหนือหัวของตน แดดที่เคยร้อนจัดกลายเป็นดวงอาทิตย์สีส้มเข้มที่จวนจะลับขอบฟ้า อาจจะเป็นเพราะต้นไม้ที่สูงและแน่นขนัดบดบังเมืองหลวงที่อยู่ไม่ไกล ทำให้ทั้งสองต้องใช้เวลานานกว่าจะเจอ แต่ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างแปลกตาตั้งอยู่ที่ปลายทางของถนนที่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมาได้แล้ว ...ในที่สุดเมืองหลวงโซดาเรียก็อยู่เบื้องหน้าเขา


    “บอกแต่แรกแล้วว่าทางนี้” ลาโตรคุยโวหลังจากที่พาหลงเสียนานจนเรย์ชักจะไม่แน่ใจว่าคน ๆ นี้พูดจาได้น่าเชื่อถือแค่ไหน ชายหนุ่มกระชับสายสะพายกระเป๋าหนังและสาวเท้าตามลาโตรไปตามถนนต้อย ๆ

    “เอาเถอะ ออกมาจากป่าได้ก็ดีแล้ว ถ้างั้นข้าขอฝากสิ่งนี้ด้วยก็แล้วกัน” เรย์หยิบกล่องไม้เก่า ๆ ยื่นส่งให้ลาโตร หลังจากที่ถืออยู่เสียนาน ลาโตรเหลียวหลังมามองเมื่อเห็นกล่องไม้ที่เรย์เล่าให้ฟังระหว่างทางก็ส่ายหัวปฏิเสธในทันที

    “เดี๋ยวสิ เจ้าบอกว่าทหารคนนั้นฝากให้นำไปส่งให้ไม่ใช่รึ” ลาโตรกล่าว เรย์ย่นคิ้วและตอบกลับในขณะที่เดินไปข้าง ๆ ชายหนุ่มนักเดินทาง

    “ข้าไม่ค่อยถูกโรคกับพิธีรีตองน่ะสิ จะให้เข้าเฝ้าก็ไม่ไหวล่ะ” เรย์บ่นอุบอิบ เขานั้นเป็นแค่พ่อครัวฝึกหัดจะให้เข้าไปในวังอะไรนั่น ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเลย “เจ้าเอาไปเถอะเผื่อจะได้รับรางวัลด้วยนะ” เรย์รบเร้าและชูกล่องไม้ไปที่ลาโตรอีกครั้งอย่างหลอกล่อ ลาโตรยังคงปฏิเสธ แม้จะอยากได้รางวัลซักเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่า ในเมื่อเรย์รับปากไว้แล้วยังไงก็ควรจะทำให้ถึงที่สุด


    สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จากที่ถูกขนาบไปด้วยป่าใหญ่และพุ่มไม้ เมื่อใกล้เขตเมืองมากขึ้นพวกเขาก็เริ่มเห็นสิ่งปลูกสร้างจากฝีมือของมนุษย์บ้าง ร้านค้าเริ่มปรากฏให้เห็นตามข้างทางแต่จะมีก็เพียงเพิงที่ว่างเปล่าเพราะกว่าเรย์และลาโตรจะมาถึง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสนิทแล้ว น่าเสียดายที่พวกเขามาช้าไป ไม่อย่างนั้นก็คงมีโอกาสจะได้ซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ตั้งแต่วันนี้

    เมื่อพ้นป่ามาแล้วก็จะเจอเพียงแต่ตึกรามบ้านช่องที่ก่อสร้างด้วยอิฐปูน ท่ามกลางความมืดมิด แสงจากโคมไฟก็ส่องทางให้พวกเขาเดินเข้าตรอกซอยที่น่าจะมีโรงแรมให้พักชั่วคราว นี่เป็นเมืองหลวงชั้นนอกจึงเงียบสงบกว่าอาคารที่อยู่ลึกเข้าไปใกล้กับพระราชวังที่ตั้งตระหง่านกลางเมือง เสียงคนพูดคุยและดนตรีครึกครื้นที่บรรเลงอยู่ดูจะดังไกลออกไป ทิ้งให้บริเวณที่เรย์และลาโตรเดินอยู่คล้ายกับเป็นเมืองร้าง ที่ได้ยินอยู่จะมีก็เพียงเสียงรองเท้าบูทที่ดังกระทบพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะของทั้งสอง


    เมื่อไม่มีทางเลือกใดอื่น ทั้งสองจึงตัดสินใจจะค้างแรมกันสักคืนก่อนจะออกไปหาซื้อของและนำกล่องไม้ไปส่งคืนให้แก่ราชา หลังจากอยู่ในความเงียบมานานลาโตรก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

    “พรุ่งนี้ หลังจากเข้าเฝ้าด้วยกันแล้ว ข้าก็คงจะแวะซื้อแผนที่แล้วก็ออกเดินทางต่อเลย แล้วเจ้าล่ะมีแผนจะทำอะไร” เรย์ตาเป็นประกาย มองไปรอบ ๆ อย่างนึกสนุก ริมฝีปากฉีกยิ้มทันทีเมื่อนึกถึงร้านอาหารใจกลางเมืองหลวง ที่ที่เขาจะสามารถไปหาประสบการณ์และความรู้เพิ่มเติมได้

    “ข้าว่าจะลองดูว่ามีร้านอาหารใดสนใจอยากได้พ่อครัวบ้าง” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ลาโตรพยักหน้ารับรู้และกลับไปมองหาโรงแรมต่อ

    ทั้งสองยังคงสนทนากันไปเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินไปตามถนนสลัว ๆ เพื่อหาโรงแรม โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าพวกเขากำลังถูกกลุ่มคนตามดูอยู่ทุกฝีก้าว พวกมันแฝงตัวอยู่ในความมืดระหว่างมุมตึกจดจ้องทั้งสองอย่างไม่คลาดสายตา



    โจรที่สวมชุดสีดำปกปิดร่างกายคนหนึ่งกระซิบกระซาบกับชายที่น่าจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน เขาสวมชุดเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ดูมีฝีมือกว่า เหล่าลูกสมุนนั่งยอง ๆ อยู่ในระดับพื้นโดยมีเขายืนอยู่เพียงผู้เดียว จึงเดาได้เลยว่าเขานี่แหละคือคนคอยสั่งการและมีอำนาจควบคุมโจรเหล่านี้

    หัวหน้าโจรพยักหน้าและโบกไม้โบกมือให้สัญญาณกับลูกน้องที่ซ่อนอยู่อีกฝั่งของถนน เพียงอึดใจเดียวกลุ่มโจรหลายสิบคนก็กรูกันออกมาเต็มถนนแคบ ๆ ล้อมพวกเรย์ไว้ทันที กลุ่มโจรสวมชุดดำนั้นมีอาวุธครบมือ โดยมีชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้ายืนอยู่หน้าสุด


    ลาโตรและเรย์ที่ถูกล้อมโดยไม่ทันได้ตั้งตัวต่างก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ลาโตรคือคนแรกที่ได้สติและชักดาบยักษ์ที่สะพายไว้ออกมากวัดแกว่งอวดแสนยานุภาพต่อหน้าพวกโจรหลายสิบคน หวังจะให้พวกมันวิ่งหนีกระเจิงไปเหมือนคราวก่อนที่อยู่ในป่า

    แต่คราวนี้มันไม่ได้ผล!

    ดาบขนาดใหญ่ของลาโตรไม่ได้ทำให้หัวหน้าโจรหวั่นเกรงใด ๆ หัวหน้าโจรพุ่งเข้าโจมตีลาโตรด้วยมีดสั้น ลาโตรรีบยกดาบขึ้นปัดป้อง แม้จะไม่ได้รับบาดแผล แต่ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกลับเสียหลักเซถลาไป

    “ดาบนั่นของปลอมนี่นา เบาหวิวซะขนาดนั้น” หัวหน้าโจรหัวเราะอย่างลำพองและลูบมีดสั้นของตนอย่างโอ้อวด พวกลูกน้องได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยตาม ชายร่างกำยำตั้งท่าเตรียมพร้อมจะปะทะอีกครั้ง “ชิชะ... หลอกให้นึกว่าเก่ง ที่แท้ก็ราคาคุย วันนี้พวกแกโดนดีแน่"

    ขณะเดียวกันที่ลาโตรพยายามต่อสู้ เรย์ก็ค้นสัมภาระของเขาและหาสิ่งที่พอจะเป็นอาวุธได้ แต่อนิจจาสิ่งเขาพบแต่เพียงมีดหั่นเนื้อบิ่น ๆ ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงเท่านั้น ทันทีที่เขาหยิบมันออกมาถือไว้พวกโจรก็หัวเราะครืนอีกรอบ


    โครม!!!

    มันคือเสียงของโจรคนนึงที่พุ่งพรวดออกมาหมายจะปลิดชีพลาโตร แต่ก็ถูกสันดาบของเขาสวนกลับเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนกระเด็นกระแทกเพิงร้านค้าและสลบเหมือดคาที่ เหล่ากองโจรหันไปมองพรรคพวกที่ถูกจัดการเป็นสายตาเดียว

    “ดาบนี่ข้างในมันกลวงก็จริง แต่ความคมกับน้ำหนักมันก็ยังมีนะ” ลาโตรพูดข่ม เหมือนกับราดน้ำมันลงบนกองเพลิงพวกโจรที่โดนหยามถึงกับโกรธจัด กระชับอาวุธในมือและพุ่งตรงมาหาเขา

    ลาโตรถูกโจมตีจากทุกสารทิศ ที่เขาทำได้มีเพียงปัดป้องไม่ให้ทั้งเรย์และตนบาดเจ็บ ลาโตรเริ่มโดนบีบ เขาถอยหลังหลบมีดสั้นจากหัวหน้าโจรจนในที่สุดหลังก็ชนกับเรย์ ที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงป้องกันสุดกำลังโดยไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย


    เรย์คิดในใจว่า หากเป็นเช่นนี้พวกเขาทั้งสองจะถูกฆ่าเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เขาได้เพียงยืนข้างลาโตร ด้วยความที่ไร้ทั้งทักษะและอาวุธเพียงมีดทำครัวก็มีแต่จะเป็นภาระให้กับชายนักเดินทางเท่านั้น

    “บ้าเอ๊ย เมืองนี้ไม่มีทหารหรืออะไรบ้างเลยรึไง!!!” เรย์ตะโกนขอความช่วยเหลือในขณะที่กำมีดไว้แน่น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×