ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ 3: ภารกิจระดับ S (5/6)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 49
      4
      20 ต.ค. 60

     “การ์กอยล์” ลาโตรอุทานขึ้น ทุกคนจดจ้องปีศาจร้ายอย่างไม่วางตาและชักอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อม

    “เอาข้าไปรวมกับพวกการ์กอยล์ชั้นต่ำทั่วไปแบบนี้ก็แย่น่ะสิ ข้าชื่อมอร์โด การ์กอยล์นักสู้” เจ้าเดวัลกล่าวอย่างภาคภูมิใจก่อนจะกระทืบเท้ากระโดดพร้อมกระพือปีกขึ้นไปบินบนฟ้าอย่างว่องไว เพียงพริบตาเดียวเจ้าเดวัลพุ่งหายไปบนฟ้า เสี้ยววินาทีมันก็พุ่งตัวลงมาด้วยความเร็วสูง

    ตูม!!!

    ลาโตรคือผู้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้ ปีศาจร้ายพุ่งโฉบลงมาจากฟ้าหวังจะบดลาโตรลงกับพื้น เขาทำได้เพียงแค่ยกดาบโครงกระดูกขึ้นมาปัดป้องตามมีตามเกิด เท้าที่เป็นหินของมันเสียดสีกับใบดาบสีเงินของเขาจนเป็นประกาย ลาโตรกำด้ามจับดาบซึ่งเป็นรูปหัวกะโหลกไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มพยายามจะผลักเจ้าการ์กอยล์ออกไปให้พ้นตัว มอร์โดมีเรี่ยวแรงมหาศาลกว่าการ์กอยล์ที่เขาเคยได้ยินมากนัก เขารู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับมังกรป่าอีกครั้งไม่มีผิด

    เจ้าปีศาจหินประหลาดบินถอยห่างก่อนจะพุ่งเข้ามากระแทกกับดาบลาโตรแรงกว่าเมื่อครู่ ดาบของเขาหักสะบั้นลงเมื่อต้องรับการโจมตีครั้งที่สองที่หนักหน่วง เรย์และไกราที่อยู่ห่างออกไปรีบวิ่งปรี่เข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ ทั้งสองกำลังจะถึงตัวลาโตรอยู่แล้วแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะถูกปีกที่ทำจากหินของมันกระแทกออกไปคนละทิศทาง

    มอร์โดหัวเราะเมื่อเห็นเหยื่อของมันกำลังสิ้นท่า มันเงื้อมือกวาดไปที่ลาโตรที่บัดนี้ไร้ซึ่งอาวุธป้องกันตัว ชายหนุ่มหลับตาและยกมือขึ้นมาป้องที่ใบหน้าโดยสัญชาตญาณเมื่อรู้ว่าจะต้องได้รับแรงกระแทกจากมอร์โด

    เคร้ง!!!

    เสียงหินที่กระทบกับโลหะดังสนั่นไปทั่วหลุมขนาดใหญ่ ลาโตรลืมตาขึ้นมาและพบว่าที่มาของเสียงดังกล่าวมาจากดาบในมือของชายชราผู้สวมชุดเกราะสีน้ำเงินแวววาวนั่นเอง! นักดาบผู้มาใหม่ใช้ดาบปัดมือของการ์กอยล์ออกไปและใช้ดาบอีกเล่มสะบัดเข้าที่ท้องของมันจนเซถลาถอยไป


    ซิกมา!” เรย์และลาโตรตะโกนแทบจะพร้อมกันด้วยความยินดี เรย์รีบเข้ามาพยุ่งลาโตรและให้เขาถอยไปอยู่ด้านหลัง

    ทำไมมาช้าจังลุง ข้าเกือบจะจัดการมันเองอยู่แล้ว” ลาโตรพูดพลางหัวเราะลืมภาพที่ตัวเองกำลังจะถูกซัดกระเด็นไปทันที เขายันกายลุกขึ้นมายืนเต็มสองเท้าถึงแม้จะไร้อาวุธในมือแต่ก็ยังไม่คิดจะล่าถอยแม้แต่ก้าวเดียว

    ยังจะปากดีอีก พวกเจ้าลืมทำเครื่องหมายทิ้งไว้ ดีนะที่ข้าเอะใจจึงตามรอยเท้าประหลาดนี่มา” ซิกมาว่า เหลือบตามามองพวกเรย์โดยไม่ยอมละสายตาจากเจ้าเดวัลหินตัวร้ายที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา

    มอร์โดรู้ได้ถึงระดับความอันตรายของชายชราผู้นี้ มันพุ่งเข้าใส่ซิกมาอย่างประสงค์ร้ายแต่นักดาบปัดป้องการโจมตีนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย ซ้ำยังโต้กลับไปด้วยเพลงดาบคู่ที่เขาถนัด เสียงดาบปะทะกับหินยังคงดังก้อง คนที่ต้องกลายเป็นผู้เสียเปรียบคือมอร์โด มันได้แต่ใช้ปีกของมันป้องกันการโจมตีที่หนักหน่วงของซิกมา

    ...แข็งแกร่งสุด ๆ...

    พวกเรย์มองตาค้าง พวกเขาคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากโขจากการฝึกฝนแล้ว แต่ก็ยังมิอาจเทียบกับซิกมาที่สู้กับสัตว์ประหลาดอย่างมอร์โดได้อย่างสบาย ทำให้รับรู้ได้เลยว่าพวกเขานั้นยังคงอ่อนด้อยประสบการณ์นัก ด้านมอร์โด

    เมื่อไม่สามารถต้านทานการโจมตีของจอมดาบแห่งอัลกราดได้ มันก็หันไปใช้วิธีง่าย ๆ แต่ได้ผลอย่างการจับตัวประกัน มันใช้เท้าถีบดาบที่หมายจะฟันคอของมันให้ออกห่างตัวและบินโฉบไปคว้าร่างที่ถูกสาปให้กลายเป็นหินของชาวบ้านคนหนึ่ง จากนั้นจึงใช้เท้ากับปีกที่แข็งแกร่งของมันทำลายรูปปั้นที่อยู่ใกล้ ๆ จนแหลกกลายเป็นเศษหิน


    ทิ้งดาบซะ ไม่อย่างงั้นข้าจะทำลายรูปปั้นหินที่เหลืออยู่ทั้งหมด” มอร์โดตะโกนออกด้วยท่าทีเอาจริง มันยกร่างของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นเหนือพื้นดิน หากเพียงมันปล่อยรูปปั้นมนุษย์ลงกับพื้นก็คงจะถูกทำลายอย่างง่ายดาย ทั้งกลุ่มจึงลังเลลอบมองหน้ากันอย่างหวาดหวั่นว่าจะทิ้งอาวุธหรือไม่ ซิกมากำดาบทั้งสองแน่นและจ้องไปที่ร่างตัวประกัน เขากัดฟันกรอด ครั้นจะพุ่งเข้าไปโจมตีปลิดชีพ เจ้าการ์กอยล์คงจะทำลายรูปปั้นก่อนเป็นแน่

    เรย์สังเกตไม้เท้าของมอร์โดที่มีหน้าตาประหลาดแต่เจ้ามอร์โดไม่เคยใช้ให้ไม้เม้านั่นในการโจมตีใด ๆ มันเป็นไม้เท้าสีดำสนิทที่ไม่มีลวดลาย ด้านบนเป็นลูกแก้วสีใสที่มีกรงเล็บสีดำกอบกุมอยู่ เรย์คิดว่าสิ่งนั้นอาจจะเป็นตัวการที่สาปชาวบ้านให้กลายเป็นหิน ทั้งที่น่าจะมานุภาพมากกว่าการมาโจมตีบินโฉบไปมา เหตุใดเจ้าการ์กอยล์จึงไม่ใช้มันกัน

    หยุดนะ!!!” ซิกมาประกาศกร้าวและทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้

    การ์กอยล์เจ้าเล่ห์ทำท่าจะปล่อยรูปปั้นหินลงกับพื้นและพูดเฉียบขาด “ข้าจะไม่เตือนพวกเจ้าอีก ทิ้งดาบซะ” เพื่อรักษาชีวิตของพวกชาวบ้านที่เหลือไว้ซิกมาจึงตัดสินใจทิ้งดาบทั้งคู่นั้นลงพื้น มอร์โดที่มัวแต่ยินดีที่ตนได้กลับมาได้เปรียบอยู่นั้นไม่ได้รู้เลยว่าใครบางคนแอบไปอยู่ในมุมอับสายตาของมันแล้ว ทั้งสามแอบไปอยู่หลังรูปปั้นหินที่ไกลออกไป เรย์พยักหน้าส่งสัญญาณให้เข้าโจมตี ทั้งสามพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนด้วยความรวดเร็ว ไกราที่มีพลังคล้ายสัตว์ป่านั้นไวกว่า เด็กหนุ่มเข้าถึงตัวการ์กอยล์เร็วกว่าใคร ไกรากระโดดดีดตัวขึ้นสูงเงื้อมือขึ้นสุดแขนหวังจะฟันคอเจ้าเดวัลให้ขาดสะบั้นลง

    วาบ!!!

    มอร์โดยกไม้เท้าขึ้นเหนือหัวของมัน แสงสว่างสีขาวเปล่งออกมาจากลูกแก้ว เรย์และลาโตรถึงกับหยุดชะงักและหลบสายตาจากแสงเจิดจ้านั่น พวกเขามองเห็นไกราถูกแสงนั่นกลืนไปชั่วพริบตา เมื่อทั้งสองลืมตาขึ้นก็พบว่าร่างของเด็กหนุ่มแข็งทื่อกลายเป็นหินค้างอยู่ในท่านั้น

    เรย์และลาโตรที่เสียจังหวะไปถูกปีกของมันกระแทกจนกระเด็นกระดอนไปคนละทาง ซิกมารีบคว้าดาบคู่ใจที่วางแน่นิ่งอยู่บนพื้นดินขึ้นมาอย่างว่องไวและวิ่งเข้ามาสมทบลูกศิษย์ของตน ชายชราตั้งท่าโจมตีไปที่มอร์โดในขณะที่พวกเรย์รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น

    มอร์โดไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใดแต่กลับหันไปทำท่าเล่นงานไกราแทน เสี้ยววินาทีก่อนที่กรงเล็บของมันจะป่นรูปปั้นหินไกรา ซิกมาก็กระโจนไปถึงตัวของมันพอดิบพอดี มอร์โดใช้จังหวะนั้นเอี้ยวตัวหันมาทางซิกมาพร้อมกับชี้ไม้เท้าไปทางเขา แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง

    วาบ!!!

    ซิกมาทรุดตัวลงคุกเข่าลงกับพื้น ดาบทั้งสองหล่นลงสู่พื้นเช่นกัน ในขณะที่เวทดังกล่าวกำลังรุกรานร่างกายของเขา ซิกมาใช้แรงเฮือกสุดท้ายหันไปทางพวกเรย์ราวกับจะฝากข้อความสุดท้ายก่อนที่ร่างกายครึ่งซ้ายของเขากำลังเป็นหินอย่างช้า ๆ

    ...ความกลัว เงื่อนไขของพลังที่ทำให้กลายเป็นหินนี่คือความกลัว...

    ซิกมาอยากจะตะโกนบอกพวกเรย์ แต่ที่ทำได้คงจะเป็นการมองเรย์และลาโตรที่รีบวิ่งเข้ามาจนกระทั่งเขาแน่นิ่งไป แต่สายไปเสียแล้วร่างของเขากลายเป็นหินโดยสมบูรณ์ ความกลัวที่จะเห็นคนรู้จักตายต่อหน้าทำให้จอมดาบอย่างเขาพลาดท่าได้ถึงเพียงนี้ ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลง ลาโตรและเรย์ก็พุ่งเข้าขนาบมอร์โดจากทั้งสองข้าง

    มอร์โดใช้ไม้เท้าของมันอีกครั้งมันชี้ไม้เท้าของมันมาที่ลาโตรซึ่งปราศจากอาวุธ ลาโตรกระโดดม้วนตัวหลบจากรัศมีพลังเวทที่ทำให้กลายเป็นหินและตรงเข้าคว้าดาบของซิกมาที่ตกอยู่ เรย์ที่จะเข้ามาสมทบก็ต้องชะงักไปเมื่อรูปปั้นมนุษย์กำลังถือจอบเข้ามาหาเขารวมทั้งรูปปั้นไกราและซิกมาด้วย เรย์กำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อรูปปั้นมนุษย์หันมาเล่นงานเขา

    “ปลดอาวุธมัน เจ้านั่นควบคุมพวกนี้ได้เพราะไม้เท้านั่น” เรย์ตะโกนในขณะที่พยายายามล่อหลอกให้เหล่ารูปปั้นหันมาโจมตีที่เขาคนเดียว ชายหนุ่มกระโดดหลบอาวุธขุดดินที่เฉียดหน้าเขาไปและเดินล่อผู้คนให้ถอยห่างมาจากลาโตร

    “จะบอกให้เอาบุญก่อนพวกแกตายก็ได้ พลังที่ทำให้กลายเป็นหินเป็นของไม้เท้านี้ก็จริง แต่พลังที่ทำให้ควบคุมเหล่ารูปปั้นพวกนี้ได้คือพลังของข้าเอง ตราบใดที่ล้มข้าไม่ได้รูปปั้นพวกนี้ก็ไม่หยุดหรอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เจ้ามอร์โดหัวเราะร่ามันลูบลูกแก้วบนไม้เท้าของมันแผ่วเบาและปรายสายตามามองลาโตรที่สภาพสะบักสะบอม

    “ยังไงก็แค่ล้มแกให้ได้ก็พอใช่ไหมล่ะ” ลาโตรตะโกนใส่ มีหรือชายหนุ่มผู้นี้จะเกรงกลัวมิหนำซ้ำยังส่งรอยยิ้มยียวนให้กับปีศาจที่ลอยอยู่บนอากาศ

    “ลาโตรจู่โจม” เขาพุ่งเข้าโจมตีสุดตัวสไลด์ตัวเองลอดใต้ร่างของการ์กอยล์และกระโดดดีดตัวขึ้นโจมตีจากด้านหลัง มอร์โดที่รอจังหวะนี้อยู่แล้วชี้ไม้เท้าไปทางเขา ลูกแก้วประกายเจิดจ้าในขณะเดียวกับที่ลาโตรเงื้อมือฟันเข้าที่ไม้คทาอย่างสุดแรงเกิด

    วาบ! เคร้ง!

    แสงสว่างคราวนี้แปลกกว่าทุกครั้งเพราะมันถูกแทรกดัวยเสียงโลหะกระทบกันอย่างรุนแรง อะไรบางอย่างลอยหมุนคว้างอยู่กลางอากาศก่อนที่จะตกลงสู่พื้นด้านหน้าเรย์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×