ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 3: ภารกิจระดับ S (4/6)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      5
      19 ต.ค. 60

     “เอาล่ะ ข้าจะแวะเข้าเฝ้ากษัตริย์มัลการ์ พวกเจ้าล่วงหน้าไปก่อนเลย” ซิกมาส่งแผนที่ให้กับเรย์พร้อมกับกำชับว่าหากเจออะไรผิดปกติก็อย่าเพิ่งรีบร้อนทำอะไรเสี่ยง ๆ ลงไป

    “เสร็จแล้วก็รีบ ๆ ตามมาล่ะลุง อย่ามัวแต่ไปแวะกินเหล้าที่ไหน” ลาโตรแกล้งแขวะพลางยิ้มยียวน

    “เออ ไม่ต้องให้พวกเจ้ามาบอกหรอก รีบ ๆ ไปกันได้แล้ว” แม้จะโบกไม้โบกมือไล่พวกเรย์ แต่พวกเขาก็สามารถสังเกตเห็นรอยยิ้มใต้หนวดเคราสีขาวนั่นได้ ดูท่าหลังจากที่เมามายกันไปเมื่อคืนแล้ว พวกเรย์กับซิกมาดูท่าจะสนิทกันมากขึ้น

    ซิกมาแยกตัวออกไปเมื่อเรือเทียบท่าเพื่อไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และรายงานผลการฝึกของพวกเขา พวกเรย์จึงต้องเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านออสซัมด้วยตนเองโดยมีผู้นำทางคือกระดาษแผ่นบาง ๆ ที่เรียกว่าแผนที่ ทั้งสามออกจากเมืองหลวงโดยใช้ถนนเส้นเดิมกับเส้นที่เรย์ที่พวกเขาเคยใช้ตอนมาที่นี่


    ถนนที่ใช้สัญจรไปมาไม่ค่อยมีคนเท่าใดนักเมื่อเริ่มเดินลึกเข้ามาในป่า ทางที่ถูกเกวียนลากซ้ำไปมาเริ่มมีหญ้าปกคลุมขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณว่าพวกเขาได้เริ่มเข้าสู่ป่าเพื่อมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านแล้ว เมื่อไกรามองกลับไปด้านหลังก็เห็นปราสาทของโซดาเรียตั้งตระหง่านอยู่เหนือเหล่าต้นไม้ที่แน่นขนัด อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามแดดยามสายเริ่มทุเลาลงเมื่อพวกเขาเข้าสู่ดงไม้ที่กิ่งก้านแผ่สยาย ไกราละสายตาจากปราสาทที่ดูท่าจะไกลลิบออกไปทุกที

    เรย์เดินนำหน้าใช้ดาบเขี้ยวหมาป่าฟันไม้เลื้อยที่ขวางทางออกไปเป็นระยะ ลาโตรเดินตาม ชายหนุ่มผมดำคอยมองข้ามไหล่เรย์เพื่อดูเส้นทางบนแผนที่อยู่เสมอ ๆ ท่ามกลางความเงียบกลางธรรมชาติจะมีแต่เสียงพ่นลมหายใจของเรย์และเสียงดาบฟันหญ้ารอบทางอย่างไม่ลดละเท่านั้น ไกราเองได้แต่ชะเง้อมองเรย์ที่เริ่มชะล้อฝีเท้าจนในที่สุดทั้งกลุ่มก็หยุดเดินเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย


    “บ้าจริง นี่ขนาดดูแผนที่แล้วนะ” เรย์สบถ “ป่าแถวนี้มันยังไงกันเนี่ย” ชายหนุ่มผมทองเก็บดาบเข้าฝักและหมุนแผนที่ไปมาทุกทิศทางก่อนจะสำรวจไปรอบกายก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่บริเวณที่ปรากฎอยู่ในแผนที่

    “ทำใจเถอะ อัจฉริยะน่ะบางทีก็ต้องแลกพรสวรรค์ที่มีกับทักษะพื้่น ๆ อย่างเช่นการดูแผนที่นี่แหละ” ลาโตรยักไหล่พูดแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อย่างจนปัญญา หนุ่มผมดำปาดเหงื่อที่ใต้คางแม้จะเหนื่อยเพียงใดแต่ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาก็คงเป็นรอยยิ้มยียวนเช่นเดิม

    “ไกราดูแผนที่ไม่เป็น งั้นไกราก็เก่งด้วยสิ” ไกราชูมือขึ้นแสดงท่าทางดีใจเหมือนเด็ก ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของลาโตร ชายหนุ่มได้แต่ขยิบตาให้ หันไปหัวเราะสองคนคิกคักอย่างไม่สะทกสะท้าน

    “พวกนายทำไมถึงได้ยังสบายใจกันอยู่ได้นะ พวกเราหลงป่าอยู่นะเฟ้ย” เรย์กุมขมับเมื่อต้องทนฟังบทสนทนาไร้สาระของเพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทั้งสองจึงเงียบและหันมามองเรย์

    “งั้นเราลองถามทางดูไหม” ไกราลองเสนอความเห็น

    “จะไปถามใครกลางป่าแบบนี้เล่า” เรย์พูดแผ่วเบา เขาทรุดกายไปนั่งที่พื้นหญ้าอย่างหมดแรง

    ไกราชี้ไปที่นกที่เกาะอยู่บนต้นไม้เป็นคำตอบ เรย์ถอนหายใจและไปจ้องแผนที่ที่อยู่ในมือ ไกราเห็นดังนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าปอดมองไปยังนกตัวเล็กที่เกาะบนขอนไม้เหนือศีรษะพวกเขา เด็กหนุ่มเป่าปากเลียนเสียงนก วิหคตัวจ้อยหันมามองไกราด้วยตาสีดำเล็ก ๆ ของมันก่อนจะอ้าปากร้องเจื้อยแจ้ว เขาทำเช่นนี้อยู่หลายครั้งท่ามกลางสายตาอันเบิกกว้างของเรย์และลาโตรเมื่อพบว่า ไกรากำลังคุยกับนก!!!

    “เค้าบอกว่าตรงไปตามทางนี้เรื่อย ๆ ก็จะเจอหมู่บ้าน” ไกราวิ่งนำหน้าไปทันทีหลังจากสื่อสารกับนกเสร็จ ส่วนพวกเรย์ก็รีบวิ่งตามไปติด ๆ ไกราพาพวกเขาวิ่งข้ามลำธารใสสะอาดที่ทอดยาวกั้นพื้นที่ป่าและภูเขาเนินเตี้ย ๆ เอาไว้ เด็กหนุ่มผมแดงเร่งความเร็ว เขาวิ่งด้วยมือและเท้าคล้ายกับสัตว์ป่า ดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นประกายยามที่พุ่งทะยานข้ามเนินเขาลูกสุดท้ายไป



    ป่าทึบที่ขึ้นหนาแน่นเป็นดั่งปราการชั้นสุดท้ายที่กั้นหมู่บ้านแห่งนี้เอาไว้ เรย์และลาโตรเริ่มชะลอฝีเท้าลงเมื่อเห็นไกรากลับมายืนเต็มสองเท้า เด็กหนุ่มยืนลูบลำต้นของต้นไม้ใหญ่แผ่วเบาทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างของเนินเตี้ย ๆ ด้วยความเงียบงัน ชายหนุ่มทั้งสองเดินมาหยุดที่เดียวกันกับไกรา อกของทั้งสามยังคงกระเพื่อมขึ้นลงรวดเร็วด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งผ่านป่าเมื่อครู่

    ...หมู่บ้านออสซัม...

    ในที่สุดเป้าหมายภารกิจระดับ "S" ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ต่างจากหมู่บ้านของเรย์มากนัก สิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายจากสิ่งของที่หาได้ในป่า แต่ก็มีบางบ้านที่ทำจากวัสดุที่มาจากเมืองหลวงคาดว่าน่าจะเป็นบ้านของคนที่ค่อนข้างมีฐานะ หมู่บ้านที่พวกเขาไปถึงนั้นเงียบสงบกว่าที่คิดไว้และไม่มีวี่แววของเสียงผู้คนหรือสัตว์ต่างเลย ๆ ถึงจะมีก็มีแต่เสียงลมพัดเบา ๆ เป็นจังหวะนั่นทำให้รู้สึกวังเวงขึ้นไปอีก

    พวกเขามองเห็นทางลาดที่ตรงไปยังหมู่บ้านออสซัม มันถูกปกคลุมด้วยหญ้าราวกับว่าไม่มีใครเดินทางมาที่นี่นานแล้ว หลังคากระเบื้องมัว ๆ เริ่มมีไม้เลื้อยปกคลุมเพราะขาดการดูแล ตามผนังเริ่มมีรอยแตกร้าวให้เห็น บ่อน้ำของหมู่บ้านยังคงมีน้ำอุดมสมบูรณ์หากแต่ไร้ร่องรอยของการนำน้ำในบ่อไปใช้เลย

    “น่าจะที่นี่แหละ แต่ทำไมไม่เห็นผู้คนที่ถูกสาปกลายเป็นหินอย่างที่เขาล่ำลือเลย” ลาโตรมองสภาพหมู่บ้านโดยรอบอย่างไม่ไว้ใจ พวกเขาทั้งหมดต่างเดินวนสำรวจหมู่บ้านไปหลายรอบแต่ก็ไม่พบมนุษย์หรือร่องรอยน่าสงสัยใด ๆ

    “เกิดอะไรขึ้นที่นี่ มันต่างจากที่ได้ยินมานี่” ลาโตรพึมพำพูดกับตัวเอง ทุกคนนั้นถึงไม่ได้พูดออกมาก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเขายังคงเดินต่อไปจนถึงท้ายหมู่บ้านซึ่งสิ่งก่อสร้างทั้งหมดยุติลงที่นี่

    “เฮ้ นี่มัน...” เรย์พบรอยเท้าของมนุษย์มากมายเดินสะเปะสะปะทับถมกันจนแยกจำนวนไม่ออก แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจคือรอยเท้าจำนวนมากมายที่ฝากรอยลึกลงบนผืนดินและสิ่งที่ทำให้เรย์ประหลาดใจไปกว่านั้นคือรอยเท้าทั้งหมดนั้นกำลังมุ่งไปทางเดียวกัน

    พวกเขาตัดสินใจเดินตามรอยเท้าประหลาดพวกนั้นไป รอยเท้าประหลาดเหล่านั้นพาพวกเขามุ่งเข้าป่าไปในอีกด้านหนึ่ง เรย์รู้สึกใจคอไม่ดีตรงกันข้ามกับลาโตรและไกราที่เริ่มคึกคักเต็มที่เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอกับการผจญภัยที่

    แสนอันตราย

    รอยเท้าเหล่านั้นพาพวกเขาทั้งหมดมายังบริเวณกว้างแห่งหนึ่งในป่าของหมู่บ้านออสซัม ภาพที่เห็นทำเอาพวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขาเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ต้องเปลี่ยนใจตนเองเพราะสิ่งที่พวกเขาเห็นคือ หลุมขนาดยักษ์ใหญ่หลุมหนึ่ง มันใหญ่ซะจนจะเรียกว่าเหวขนาดย่อมเลยก็เป็นไปได้ สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้ว่าหลุมขนาดยักษ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ก็เพราะพวกเขาเห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังขุดหลุมยักษ์นี้อย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เบื้องล่าง ไม่สิจะเรียกว่า “คน” ก็ออกจะแปลกไปซักหน่อย เพราะนั่นไม่ใช่มนุษย์ หรืออย่างน้อยก็แค่เคยเป็น

    ...รูปปั้นมนุษย์กำลังขุดหินอยู่...


    “อะไรกัน นี่ข้าควรจะกลัวหรือควรจะขำดีเนี่ย” เรย์พูดพลางมองลงไปยังเบื้องล่างและทำสีหน้าแบบบอกไม่ถูก

    “อย่างน้อยเราก็รู้กันแล้วว่าพวกชาวบ้านนั้นหายไปไหน” ลาโตรพูดเสร็จก็เดินไปข้าง ๆ หลุมยักษ์ก่อนที่จะกระโดดลงไปโดยไม่มีการหวั่นเกรงใด ๆ เรย์ผู้ไม่สามารถห้ามอะไรได้ทันจึงได้แต่กระโดดตามลงไป

    ชาวบ้านที่ถูกสาปกลายเป็นหินไม่มีทีท่าที่จะสนใจต่อการปรากฏตัวของพวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขาเหล่านั้นยังคงก้มหน้าก้มตาขุดดินเพื่อหาอะไรบางอย่างต่อไปอย่างไม่ลดละ รูปปั้นดังกล่าวดูท่าจะเคลื่อนไหวช้ากว่าตอนเป็นมนุษย์อยู่เล็กน้อยเพราะทั้งร่างเป็นหินสีเทา ดวงตาของพวกเขาไม่กระพริบ แม้จะหายใจแต่ก็ไม่คล้ายคนปกติทั่วไป ทั้งอาณาบริเวณหลุมไร้ซึ่งบทสนทนา มีแต่เสียงจอบกระทบดินเป็นจังหวะเท่านั้นที่ดังก้องอยู่

    “พวกแกเป็นใคร” เสียงปริศนาซึ่งไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหนดังสะท้อนอยู่ในหลุม พวกเรย์มองหาที่มาของต้นเสียงและพบว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินมันมาจากรูปปั้นปีศาจขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงมุมของหลุมยักษ์ แต่ก็น่าแปลกที่พวกเขาไม่เห็นรูปปั้นประหลาดนี่ในครั้งแรกที่มาถึง รูปปั้นประหลาดเริ่มขยับปีกและลุกขึ้นยืน มันหยิบไม้เท้าของมันที่วางแน่นิ่งอยู่บนพื้นขึ้นและชี้ไม้เท้าของมันไปที่พวกเขาทั้งหมด

    “คิดจะมาขัดขวางแผนการของข้ารึ” รูปปั้นที่มีรูปร่างเหมือนปีศาจน่าเกลียดเอ่ยขึ้น มันเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้ายค้างคาว แต่กลับมีแขนขาเป็นมนุษย์ เจ้าปีศาจดังกล่าวกระพือปีกกว้างของมันมาทางพวกเรย์ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×