คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 : เหนือมังกรเพลิง ใต้ปีกสีเงิน (4/11)
“เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่รึว่าเรามีเวลาเหลืออยู่ไม่มาก" พระเจ้าซาร์ทตวาดกร้าว "ตอนนี้ทัพเชสนามาจ่ออยู่ที่นาเลียแล้ว แบบนี้เท่ากับว่าพวกมันเอามีดมาจ่อคอหอยโดนาเมสของข้า เจ้าจะให้รอจนนาเลียแตกให้มันมาเชือดคอง่าย ๆ โดยไม่ดิ้นรนขัดขืนเลยรึ!” กำปั้นทุบที่วางแขนอย่างโมโหราวกับว่านั่นคือร่างจีดัสเองก็มิปาน
“ข้าพระองค์รู้พะยะค่ะ ข้าเข้าใจถึงความกังวลของฝ่าบาทดี แต่เรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอยู่มาก สิ่งที่ข้าพระองค์ทำอาจจะช่วยยุติสงครามนี้ได้โดนสันติ ได้โปรดเห็นแก่ประชาชนด้วยเถิดพะยะค่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์ของพระองค์เป็นเชิงขอร้อง
“เจ้า! เจ้าไม่ต้องเอาประชาชนมาอ้าง!!” กษัตริย์โดนาเมสผุดลุกขึ้นชี้หน้าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา มือสั่นอย่างระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “เจ้าสัญญาได้หรือไม่ล่ะ ว่าถ้าหากข้าอนุญาตไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา เจ้าจะต้องนำหัวรีสเลย์มาเป็นการไถ่โทษ”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าพระองค์จะพยายามอย่างสุดความสามารถพะยะค่ะ” เขาแสร้งเลี่ยงไม่รับปากให้เป็นมั่นเหมาะ แต่พระเจ้าซาร์ททรงไม่ได้เอ่ยปากทักท้วงแล้วออกปากไล่เขาโดยเก็บความคับแค้นไว้ในใจ
“สักวันข้าจะกุดหัวของเจ้าให้ได้ จีดัส คอร์นีลัส” เขากัดฟันพึมพำเสียงเบาขณะมองแผ่นหลังที่มีผมสีเงินปลิวไสวเดินจากไป
“จีดัส” เสียงอันคุ้นเคยเรียกไล่หลังมาพร้อมกับวิ่งมาเดินเคียงข้าง “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินจึงชะลอฝีเท้าลง
“อา...เรื่องนี้ข้าคงต้องรบกวนเจ้าช่วยติดต่อผู้มีฝีมือให้ข้าด้วยล่ะมาดาฟ อยู่ในหอสมุดเสียนาน ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย”
“ตอบไม่ตรงคำถามของข้าเลยนะ” อัศวินหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะถอนหายใจ “เฮ้อ เจ้าไม่เคยอธิบายอะไรให้ข้าเข้าใจเสียทุกที”
“หืม? ทำไมจะไม่เคย” จีดัสครุ่นคิด “ตอนเด็ก ๆ ที่เจ้าพลัดตกบ่อน้ำเพราะฝีมือข้า ข้าก็ยังอธิบายเลยนี่ว่าทำไม”
“ใช่ ข้าจำได้ เพราะอากาศมันร้อน เจ้าอยากให้ข้าสบายตัวก็เลยผลักข้าลงบ่อน้ำ” มาดาฟทำหน้าห่อเหี่ยว “ไม่ใช่ว่าเจ้าทดลองเขียนวงเวทไว้ที่พื้นแล้วข้ากำลังจะเหยียบ เจ้าก็เลยพุ่งมาผลักข้าให้พ้นทางหรอกรึ”
จีดัสเลิกคิ้วพลางยิ้มตีหน้าซื่อก่อนจะสาวเท้าเดินหนี เจ้าเพื่อนสนิทก็เดินตามมาติด ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่ ข้าขอไปกับเจ้า..”
“ไม่” ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่มาดาฟจะได้เอ่ยจบประโยคด้วยซ้ำ
“ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้า...”
“ไม่” เขายังคงยืนยันคำเดิมและหนักแน่นกว่าเก่า
“ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วนะ ตอนนี้ข้าเป็นถึงอัศวินแห่งโดนาเมส ข้ามีฝีมือ ข้าปกป้องเจ้าได้!”
“ปกป้องข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มทวนเสียงสูงพลางหยุดเดินเอาเสียดื้อ ๆ ทำให้ผู้ที่เดินตามมาด้านหลังเกือบเดินชนคนข้างหน้า บรรยากาศไม่สู้ดีแผ่ออกมาจากแผ่นหลังของชายผมเงินกดดันมาดาฟจนรู้สึกแย่ แต่พลันความรู้สึกทั้งหมดหายไปในวินาทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากร่างสูง
“เจ้านี่ยังไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ” จีดัสเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ข้าปกป้องเจ้าอย่างนั้นหรือ ประโยคน่าขนลุกแบบนั้นเขาเอาไว้พูดกับผู้หญิงที่ชอบนะ ไม่ใช่เอาไว้พูดกับสหายสนิท ยิ่งกับผู้ชายด้วยแล้ว..”
“ขะ..ข้าแค่พูดผิดนิดเดียวเอง!” มาดาฟโกรธหน้าแดง “ข้ากำลังจะพูดว่าคุ้มกันเจ้าต่างหาก คุ้มกันน่ะคุ้มกัน”
แม้จะย้ำสักกี่ร้อยกี่พันเที่ยวก็มิอาจหยุดเสียงหัวเราะจากเพื่อนสนิทผู้นี้ได้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่นี้แกล้งทำให้เขารู้สึกกลัวแท้ ๆ มันน่าโกรธนัก
“ครับ ๆ รู้แล้ว ๆ ถ้าเจ้าอยากคุ้มกันข้าก็ย่อมได้” จีดัสยอมตกลงเมื่อเห็นว่าอัศวินหนุ่มยังคงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง และด้วยคำพูดนี้เองทำให้มาดาฟสะดุดกึกพลิกจากความโกรธเป็นดีใจแทนทันทีอย่างรวดเร็ว
“พูดแล้วอย่าคืนคำ” มาดาฟชี้หน้าเขม็ง แต่เสนาธิการผู้ปราดเปรื่องกลับยักไหล่เดินหนีเสียง่าย ๆ
“ข้าไม่ใช่กษัตริย์ที่ตรัสแล้วคืนคำไม่ได้เสียหน่อย”
“เฮ้ย! เจ้าจะไปไหน มาพูดกันให้รู้เรื่อง”
มาดาฟวิ่งตามไป เขาไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่านี้มาก่อน เขาเชื่อว่าหากมีจีดัสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากมากเพียงใด ก็สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ทางด้านเชสนา ภายในกระโจมที่พักส่วนตัวของกษัตริย์ ชายผู้เป็นเจ้าของห้องนั่งหอบหายใจกระชั้นถี่ อีกทั้งเหงื่อกาฬท่วมตัว มือสองข้างยังสั่นน้อย ๆ ด้วยความหวาดกลัว
นี่เป็นอีกวันที่เขา รีสเลย์ ลีออน สะดุ้งตื่นกลางดึกจากฝันร้ายซ้ำซาก ถึงแม้จะเป็นความฝันแบบเดิม ๆ แต่เขาก็มิอาจทำใจให้เลิกหวาดกลัวได้ ภาพคนรักและลูกน้อยในอ้อมกอดกำลังลอยห่างออกไปเป็นสิ่งที่เขาอยากจะลบมันทิ้งไปเสีย ถึงแม้ว่าเขาอยากจดจำใบภาพใบหน้าของผู้เป็นที่รักทั้งสองไว้ก็ตามแต่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เขาพยายามใช้มืออีกข้างบีบแขนตัวเองให้หายสั่น ก่อนจะลุกออกจากกระโจมที่พักไปสูดอากาศเพื่อให้ลืมฝันร้ายนี้
ถ้าเพียงวันนั้นเขาอยู่กับเธอด้วย ถ้าเพียงวันนั้นเขาไม่สนราชการงานแผ่นดิน เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
ใช่แล้ว วันนั้นเป็นวันที่เขาผิดใจกับอลิเซีย มันเป็นวันครบรอบวันตายของพ่อเธอ ซึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะเดินทางไปต่างเมืองเพื่อไปเคารพศพด้วยกันกับเธอ แต่แล้วเพราะงานบ้านเมืองอันแสนวุ่นวายทำให้เขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ต้องผิดสัญญาดังเช่นหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา แม้ว่าเธอจะน้อยใจแต่ก็ไม่ปริปากตัดพ้อต่อว่าเนื่องจากเข้าใจในตัวเขาเช่นกัน
เขาตั้งใจว่าหลังจากที่เธอกลับมาจะง้อด้วยภาพที่เขาแอบวาดเองอยู่นาน มันคือภาพของเธอกับลูกสาวตัวน้อยท่ามกลางสวนดอกไม้นั่นเอง แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสที่จะมอบมันให้เธออีกแล้ว
เขาพยายามลงโทษตัวเองด้วยการยืนตากน้ำค้างอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความผิดจะบรรเทาลดลงเลยแม้แต่น้อย
แม้จะทำหน้าที่ในการเป็นกษัตริย์ที่ดีต่อประชาชนได้ แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า หากเขาเป็นสามี เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง เพียงแค่ครอบครัวตนเองยังปกป้องไม่ได้เลย
ในขณะที่เขากำลังยืนเหม่อคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ เขาจำเสียงฝีเท้านี้ได้ เมื่อไม่นานมานี้เสียงฝีเท้าเช่นนี้เคยมีเจ้าของร่วมกันสองคนที่เคยทำให้เขาเข้าใจผิดอยู่เสมอ แต่บัดนี้เหลือเพียงคนเดียวที่มีจังหวะการย่ำเท้าเช่นนี้
“อลิเวีย... เป็นเจ้านั่นเอง” น้ำเสียงเศร้าแสดงความผิดหวังนั้นปิดไว้ไม่มิด ประกอบกับสีหน้าราวกับโลกทั้งโลกล่มสลายยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที
“เป็นเจ้านั่นเองอะไรกัน ท่านคาดหวังอะไรกับข้างั้นรึ แล้วทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ต้องบุกนาเลียแล้วยังจะมีอารมณ์เดินชมน้ำค้างอีกนะเจ้าคะ” ท้ายประโยคลงเสียงหนักอย่างประชดประชัน กระทืบเท้าโครม ๆ เดินเข้ามาหา
ความคิดเห็น