คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 : เหนือมังกรเพลิง ใต้ปีกสีเงิน (3/11)
“เพราะแบบนี้ข้าถึงไม่อยากพาผู้หญิงมาออกรบด้วยยังไงล่ะ”
เขาบ่นพึมพำ ซึ่งเหล่าขุนพลที่ได้ยินต่างพยายามจะซ่อนรอยยิ้มเมื่อเห็นกษัตริย์ของตนตีสีหน้าลำบากใจ หนึ่งในสองบุรุษผู้ถูกยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในทวีปกิงคารอนกลับกลายเป็นหนุ่มไร้เดียงสาที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อต้องรับมือกับสตรีเพศ
“แต่ข้าว่าครั้งนี้ฝ่าบาทผิดนะ” เลปัส ขุนพลเฒ่าผู้เป็นทั้งอัศวินคู่ใจและอาจารย์ของเขาเอ่ยหยอกขึ้น ซึ่งรีสเลย์ก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่เรื่องที่ข้าสั่งไว้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว พรุ่งนี้เช้ารับรองว่าทัพของเราจะได้ไปเลี้ยงฉลองกันที่ด้านหลังป้อมปราการของโดนาเมสแน่นอน” เลปัสกล่าวอย่างมั่นใจ
และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ขุนพลเฒ่าทำตามที่พูดไว้ได้จริง ๆ ในวันต่อมาทัพโดนาเมสที่ไม่ได้ตั้งตัวถูกโจมตีอย่างกะทันหันได้รับความเสียหายหนัก เพียงคืนเดียวทัพของรีสเลย์ก็ยึดเมืองหน้าด่านนั้นไว้ได้อย่างง่ายดายและด้วยการบุกอย่างต่อเนื่อง กว่าข่าวจะไปถึงหูพระเจ้าซาร์ทที่สี่กษัตริย์ของโดนาเมส เมืองหน้าด่านหลายเมืองก็ถูกยึดครองโดยทัพเชสนาเสียแล้ว
ฝ่ายกษัตริย์แห่งโดนาเมสเอง เมื่อได้รับข่าวก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า พระองค์ออกคำสั่งให้เตรียมทัพพร้อมรบทันที รวมทั้งเรียกตัวเสนาธิการ จีดัส คอร์นีลัส กลับเข้ามารับใช้ในราชสำนักอีกด้วย
“จีดัส? จีดัสปีกสีเงินคนนั้นรึฝ่าบาท” ขุนนางคนสนิทถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู เขารู้ว่ากษัตริย์ของตนเกลียดจีดัสผู้นี้มากเพียงใด ใครเล่าจะทนได้หากต้องเกิดเป็นกษัตริย์ในยุคที่บ้านเมืองมีผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะทัดเทียมมังกรแห่งเชสนา
...เหนือมีมังกรเพลิง ใต้มีวิหกเงิน...
ประโยคที่กล่าวขวัญถึงสองวีรบุรุษแห่งยุคของทวีปนี้ ทุกคนในทวีปกิงคารอนไม่เว้นแม้แต่เด็กอย่างน้อยย่อมเคยได้ยินมาบ้าง ไม่เพียงเท่านั้น ชื่อเสียงของทั้งสองต่างก็เลื่องลือไปนอกทวีปผ่านประโยคนี้ และเป็นประโยคเดียวกันที่เมื่อพระเจ้าซาร์ทได้ยินคราใดก็รู้สึกขัดเคืองใจครานั้น
ทั้ง ๆ ที่พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถเชี่ยวชาญทั้งศาสตร์และศิลป์ แม้แต่ศาสตร์อย่างเวทมนตร์ พระองค์พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าทรงไม่ด้อยกว่าผู้ใด แต่กระนั้นก็ยังมิอาจเทียบกับสองมหาบุรุษแห่งยุคได้ รีสเลย์นั้นอีกเรื่องหนึ่งเพราะทั้งศักดิ์และสิทธิ์ที่ทัดเทียมกัน การที่จะมีกษัตริย์ที่ถูกยกย่องให้เหนือกว่ายังพอเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่กับอีกหนึ่งบุรุษผู้ถูกเทียบเคียงนั้นเล่า เป็นเพียงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น และด้วยความรู้สึกนี้เองที่ทำให้พระองค์รู้สึกเสียหน้าและกดดันตัวเองกระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเองไป
บ่อยครั้งพระองค์ขอลองปัญญากับจีดัสแต่ก็พบกับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปยิ่งเพิ่มพูนความโกรธแค้นมากขึ้น สุดท้ายพระองค์ทรงออกคำสั่งให้จีดัสเฝ้าหอสมุดตามลำพังโดยห้ามออกมาจากที่นั่นจนกว่าจะได้รับการอนุญาต ถึงแม้ว่าคำสั่งนั้นราวกับสั่งจองจำในคุกก็ตามแต่จีดัสกลับน้อมรับคำสั่งนั้นโดยไม่ปริปากโต้แย้งใด ๆ
แต่วันนี้ เสี้ยนหนามที่ทิ่มตำใจของพระองค์อีกคนอย่างรีสเลย์ ลีออน เจ้าหนุ่มอวดดีกำลังท้าทายด้วยการยกทัพมาย่ำยีกันซึ่ง ๆ หน้า พระองค์ก็จะส่งตัวจีดัสออกไป นี่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะสามารถกำจัดเสี้ยนหนามทั้งสองได้พร้อมกันโดยการให้ทั้งสองห้ำหั่นกันเอง
...ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่าข้าเหนือกว่าพวกเจ้าเพียงใด...
พระเจ้าซาร์ทนึกกระหยิ่มในใจ ก่อนที่จะออกคำสั่งให้มาดาฟ อัศวินผู้เป็นสหายสนิทของจีดัสไปตามตัวเขามา
“มาดาฟ เจ้าจงไปเรียกตัวจีดัสมา” พระเจ้าซาร์ทชี้นิ้วสั่ง
“ขอรับ” อัศวินหนุ่มโค้งกายรับคำสั่งอย่างหนักใจ
สองเท้าอันหนักอึ้งก้าวบนทางเดินสู่หอสมุดที่อยู่เกือบส่วนที่ลึกที่สุดของเขตพระราชวัง จีดัสเป็นเพื่อนสนิทของเขา และเขาคือสาเหตุที่ทำให้เพื่อนรักต้องยอมถูกจองจำที่นั่น คนอย่างจีดัสหากไม่ต้องการที่จะอยู่ก็ไม่มีใครสามารถเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้ หากจีดัสต้องการหนี เขาย่อมคิดวิธีหาทางเอาตัวรอดได้แน่ ไม่มีใครหยุดปีกสีเงินไม่ให้โผบินได้ แต่เพราะรู้ว่าหากทำเช่นนั้นองค์กษัตริย์จะต้องเอาผิดกับมาดาฟแทนเป็นแน่ และทั้งที่เป็นเช่นนี้เขายังต้องเป็นผู้ไปเรียกตัวจีดัสกลับมารับใช้ราชสำนักอีก
เบื้องหน้ามาดาฟคือประตูบานคู่ซึ่งสลักรูปขนนกและหนังสือเอาไว้ เขาเปิดมันเข้าไปก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชายผู้ที่เขามาตามตัวนั้นยืนรออยู่แล้ว
“เจ้ามาช้าจากที่ข้าคำนวณไว้นะมาดาฟ” ชายหนุ่มผมเงินยาวสลวยทักเขาด้วยรอยยิ้ม เขาใช้มือดุนแว่นกรอบบางให้เข้าที่ก่อนจะเดินเข้ามาหา
จีดัสเป็นชายรูปงามรูปร่างผอมสูง ผิวขาวเนื่องจากไม่ได้ออกไปต้องแดดด้านนอกเลย แต่กลับดูปราดเปรียวแข็งแรงราวกับฝึกฝนร่างกายอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ท่าทางเหมือนผู้คงแก่เรียนที่วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือไม่ได้ออกแรง
“เจ้ารู้ว่าข้าจะมางั้นรึ?” มาดาฟถามด้วยความสงสัย
...ก็ฝ่าบาทเพิ่งจะรับสั่งเมื่อครู่นี้เองนี่ และไม่ได้ส่งคนมาบอกเพื่อนของเขาล่วงหน้าก่อนอีกด้วย...
“พระเจ้าซาร์ทที่สี่ แม้พระทัยจะคับแคบแต่ก็ไม่ใช่คนเขลา ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะกำจัดเสี้ยนหนามอย่างมังกรเพลิงและปีกสีเงิน เจ้าคงเข้าใจว่าข้าหมายถึงอะไร”
“ข้าพอจะเข้าใจ คราวนี้ถ้าเจ้าคิดอยากปฏิเสธ...”
“ข้าไม่ปฏิเสธ” จีดัสแทรกขึ้น “จริงอยู่ว่าข้ายอมอยู่ที่นี่เพื่อเจ้า แต่สาเหตุที่ข้าจะไปในครั้งนี้เพราะเหตุผลของตัวข้าเอง”
“แต่...” มาดาฟพยายามแย้งแต่ไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกขัดเสียก่อน
“ไม่ใช่ว่าหากปฏิเสธไปแล้วเจ้าจะเดือดร้อนรึ อย่ามัวโทษตัวเองอีกเลย อยู่ที่นี่ข้าก็ไม่ได้ลำบากอะไร หนังสือมากมายทำให้ข้าได้รู้อะไรมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเสียอีก ถ้าจะให้อยู่อีกปีสองปีข้าก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ”
“เจ้านี่เป็นหนอนหนังสือไม่เปลี่ยนเลยนะ” มาดาฟเอ่ยกลั้วหัวเราะ “อ่านมาก ๆ จนสายตาสั้นหมดแล้วนั่น ระวังตาจะบอดเอา”
“ฮะ ๆ ๆ สายตาข้าดีอยู่แล้ว เจ้าก็รู้นี่”
“ก็รู้อยู่ ว่าแต่..เจ้ามีแผนอะไรไว้ในใจแล้วสินะ ถึงได้เตรียมตัวพร้อมเสียขนาดนี้” มาดาฟถามอย่างรู้ทัน
“สมกับเป็นเพื่อนสนิทของข้าจริง ๆ” จีดัสยิ้มแฝงความนัยและไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
ทั้งสองสนทนากันเล็กน้อยระหว่างเร่งเดินทางกลับไปเข้าเฝ้าองค์กษัตริย์ เพราะในขณะที่พวกเขากำลังเสียเวลา อยู่นี้ กองทัพของเชสนาก็รุกคืบเข้ามาประชิดเรื่อย ๆ
ที่ท้องพระโรง หลังจากมาดาฟนำตัวจีดัสเข้าเฝ้าองค์พระเจ้าซาร์ทที่สี่ อดีตเสนาธิการอย่างปีกสีเงินไม่รีรอที่จะอธิบายสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไป
“ทรงโปรดอนุญาตด้วยเถิดพะยะค่ะ” จีดัสคุกเข่าลงข้างหนึ่งพลางค้อมหลังก้มหัวลงต่ำ
ความคิดเห็น