ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: มรดกแห่งสวรรค์ (Chronicle of Ziene: Celestial Legacy) (ตีพิมพ์ สนพ อาเธน่า)

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 3: ราชันย์ไร้พ่ายแห่งมาดารัส (7/9)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 97
      8
      19 ต.ค. 60

    ตามใจเจ้า อยากจะปกป้องจนตัวตายเลยก็ได้ แต่...เด็กคนนี้ต้องเป็นของข้า” มาร์กัสเข้าไปแย่งทารกน้อยออกมาจากอ้อมกอดผู้เป็นภรรยาอย่างแรงจนเด็กน้อยร้องไห้จ้า วารีสไม่อาจยื้อแย่งกลับมาได้เนื่องจากกลัวว่าลูกจะได้รับบาดเจ็บ

    นี่ก็ลูกของข้านะ ท่านไม่มีสิทธิ์เอาไป” วารีสตะโกนไล่หลังพร้อมกับทรุดตัวนั่งอย่างหมดแรงขณะมองดูมาร์กัสอุ้มลูกน้อยของเธอจากไป

    วารีสเม้มริมฝีปากแน่นอย่างชั่งใจ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะอยู่ปกป้องของล้ำค่าที่นี่ต่อ ในเมื่อลูกน้อยของเธออยู่กับมาร์กัสซึ่งรักชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใดอย่างน้อยก็คงปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่กับเธอ

    ความร้อนแผดเผาโดยรอบอย่างรวดเร็ว ไฟจากภายนอกได้โหมมาจนถึงพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ทั้งหมดจึงต้องเร่งมือกันขนย้ายของสำคัญให้เร็วที่สุด ของโบราณส่วนมากถูกขนขึ้นรถม้าหนีไปได้พร้อมคนรับใช้ ที่นี่จึงเหลือคนอีกไม่มาก

    หนีกันเถิดเพคะนายหญิง” หญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาอย่างว้าวุ่นใจ เสียงโหวกเหวกโวยวายของข้าศึกดังมาจากด้านนอก

    เจ้าหนีไปก่อนเถอะ ข้าจะไปเอาโล่เฟนเดอร์เป็นสิ่งสุดท้ายแล้วจะรีบตามไป” ว่าแล้ววารีสก็วิ่งหายเข้าไปด้านในเปลวเพลิงท่ามกลางความตื่นตกใจของคนรับใช้ที่เหลือ

    โครม!!

    เสียงกระแทกประตูดังเข้ามาอย่างแรงปรากฏร่างศัตรูนับสิบไล่ฟันคนรับใช้ที่เหลือทั้งหมดในบริเวณจนล้มตายหมด

    หญิงรับใช้หวีดร้องสุดเสียงเมื่อคมดาบพุ่งเข้าเฉือนร่างกาย เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลงไป ทหารอลูซิดเมื่อเห็นว่าคนที่นี่ตายหมดแล้วจึงพากันถอยออกไปแต่เมื่อก้าวถึงหน้าประตูไม่ทันไรก็ร้องโวยวายก่อนจะถูกดาบยักษ์สับเป็นชิ้น ๆ

    เจ้าของดาบยักษ์วิ่งเข้ามาพร้อมผู้ติดตามหลายคน เขาสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความว้าวุ่นใจกระทั่งสังเกตเห็นหญิงรับใช้คนหนึ่งในสภาพปางตายที่ยังมีลมหายใจจึงรีบปรี่เข้าไปหา

    ข้ารู้ว่าวารีสต้องอยู่ที่นี่ เจ้าเห็นไหม วารีสอยู่ที่ใดบอกข้ามาเร็วเข้า” ชายคนนั้นถามอย่างร้อนรน

    หญิงรับใช้คนนั้นกระอักลิ่มเลือดออกมา พยายามจะพูดแต่สำลักเลือดเต็มลำคอได้แต่ชี้มืออันสั่นเทาไปยังทางหนึ่ง… ทางลงชั้นใต้ดิน

    ที่ชั้นใต้ดินถึงแม้เปลวไฟจะลามลงมาไม่ถึงแต่ควันและความร้อนระอุต่างตลบอบอวนอยู่เหนือทางออกทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก วารีสอ่อนแรงลงทุกทีแต่ก็ฝืนเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ สองมือคลำหากลไกที่ผนังก่อนจะเดินไปสู่เส้นทางลับซึ่งเก็บของโบราณล้ำค่าในตำนานเอาไว้

    สุดทางเดินนั้นพบห้องขนาดไม่กว้างนัก มีแท่นสีทองตั้งอยู่กลางห้องและเหนือแท่นมีโล่ขนาดใหญ่วางตั้งอยู่ โล่สีเงินสะท้อนแสงเป็นมันวาวและมีลักษณะต่างจากโล่ทั่วไป มันมีรูปร่างรอยหยักคล้ายปีกมังกรซึ่งเหยียดกางอย่างเต็มที่ รอยนูนสีทองเดินเส้นอย่างสวยงามหุ้มตามขอบเอาไว้

    โล่แห่งความวิบัติ... โล่เฟนเดอร์” วารีสพึมพำก่อนจะเข่าอ่อนทรุดหมดแรงล้มลงกับพื้น เธอไอค่อกแค่กหายใจไม่สะดวก ความร้อนและควันทำให้เธอหายใจลำบากขึ้นเรื่อย ๆ แรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่มี นัยน์ตาพร่าเลือนอีกทั้งรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

    ...นี่สินะอาการคนใกล้ตาย...

    เธอคิดอย่างสมเพชก่อนจะฟุบหมอบกับพื้นอย่างอ่อนแรง ภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นในสมองภาพแล้วภาพเล่า ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ วิสลาร์ ลูกน้อยของเธอที่กำลังจะกลายเป็นเด็กกำพร้าทั้ง ๆ ที่อายุเพิ่งจะไม่กี่เดือน และภาพของชายผู้หนึ่ง กาดิออส

    เธอพยายามทบทวนความทรงจำดี ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตและพบว่าเวลาที่อยู่กับเขาเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด เธอเห็นภาพของเขาตะลุยฝ่ากองเพลิงเข้ามาเขาใช้แขนที่กำยำข้างหนึ่งแบกเธอขึ้น อีกมือก็ใช้ดาบกวัดแกว่งดับไฟเป็นทางยาว

    อดทนเอาไว้นะ”

    เธอได้ยินเสียงเขาพูดอย่างชัดเจน มันช่างเป็นภาพลวงตาที่เหมือนจริงเสียเหลือเกิน

    นี่ข้าคิดถึงเขาจนถึงกับเห็นภาพหลอนเลยเหรอ กาดิออสจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วารีสพึมพำเสียงอ่อน กาดิออสได้ยินดังนั้นจึงทิ้งดาบลงแล้วจับมือวารีสมากุมไว้แน่น

    ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ข้างเจ้า” กาดิออสพูดย้ำหลายครั้งเพื่อยืนยัน วารีสยิ้มให้ในขณะที่ดวงตาหรี่ปิดลง

    จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าต้องหูฝาดไปแน่ ๆ แต่ถ้าท่านอยู่ตรงนี้ ข้าจะได้ขอ… ขออะไรพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย” วารีสพึมพำราวกับคนไม่ได้สติ

    ฝ่าบาท เรารีบออกไปกันเถอะ ที่นี่กำลังจะกลายเป็นเตาเผาเราทั้งเป็น” บีชมาเร่งอย่างร้อนใจ เขาคว้าโล่บนแท่นก่อนจะวิ่งนำฝ่าเปลวเพลิงออกไปก่อน

    อย่าพูดอะไรเป็นลางแบบนั้นสิ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรแน่นอน” กาดิออสช้อนร่างบอบบางนั้นขึ้นก่อนจะรีบวิ่งฝ่าควันร้อนกลับขึ้นไปข้างบน ท่ามกลางไฟโหมกระหน่ำอันแผดเผาแต่ไฟวิญญาณของร่างในอ้อมกอดกลับใกล้มอดดับลง

    ขอฝากองค์หญิง... ฝากลูกของหม่อมฉันด้วย...แค่ก” วารีสไออีกครั้งเมื่อเธอสูดเอาควันดำไหม้เข้าไป กาดิออสเอาผ้ามาคลุมตัวเองและร่างในอ้อมแขนเอาไว้ก่อนจะกระโจนข้ามไฟรวดเดียวจนถึงชั้นบน

    ได้ ข้ารับปากเจ้าแน่นอน”

    เมื่อได้รับคำตอบวารีสก็ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย มือที่กุมไว้คลายออก

    เจ้าอย่าเพิ่งหลับไปนะ ใกล้ถึงทางออกแล้ว” เขย่าร่างในอ้อมกอดอย่างร้อนใจ

    ได้...” วารีสขยับปากพูดบางอย่างเป็นครั้งสุดท้ายแต่กาดิออสซึ่งกำลังสนใจภัยร้ายรอบตัวไม่ทันได้สังเกตเห็น และไม่มีวันได้รู้ตลอดกาลหากสัมผัสได้ด้วยใจ

    ...ข้ารักท่าน...

    วารีส นี่เราถึงทางออกแล้ว ลืมตาสิ..วารีส...วารีส วารีส!!”

    หญิงสาวสิ้นลมในอ้อมกอดของเขาพร้อมรอยยิ้มและหยาดน้ำตาสุดท้ายทิ้งให้กาดิออสยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยความตกตะลึง สมองพลันขาวโพลนว่างเปล่าไปชั่วขณะ นัยน์ตาสองข้างเบิกค้างจ้องร่างบางนิ่ง ไม่ทันรู้สึกถึงศัตรูผู้กำลังเงื้อขวานหมายบั่นคอตนเลย

    เคร้ง!

    บีชมากระโดดเข้ามายกโล่รับได้ทันการและใช้มันกระแทกกลับจนทหารนายนั้นกระเด็นออกไป

    ฝ่าบาทรีบหนีเถอะ ที่นี่เต็มไปด้วยพวกอลูซิดหากช้าไปกว่านี้จะหาทางหนีไม่ได้” พี่ชายเตือนสติ

    กาดิออสก้มหน้านิ่งก่อนจะพาดร่างบางขึ้นบ่าโดยไม่พูดอะไร สองมือที่ว่างเรียกดาบยักษ์ออกมาสองเล่ม และจากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งฝ่ากองเพลิงออกไป ไพร่ราบทหารเลวแต่เดิมทีก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขาอยู่ บัดนี้ยิ่งไม่อาจต่อกรกาดิออสในยามที่กำลังโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ได้ พวกเขาช่วยกันผ่าวงล้อมของทหารอลูซิดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าจนเกือบถึงประตูทางออก ที่นั่นเขาพบชายใส่เกราะยืนขวางทางอยู่ ความมืดและหมวกของเขาทำให้ทั้งคู่ไม่เห็นหน้าตาชายปริศนาได้ถนัดนัก

    ข้ากลับมาทวงสัญญาที่ฝากไว้แล้ว ครั้งนี้ไม่พลาดแน่เพราะข้าเตรียมตัวมาอย่างดี” ชายปริศนาพูดพร่ำ ซึ่งบีชมาจำได้ว่าลักษณะท่าทางเป็นคนเดียวกับทหารรับจ้างที่พวกเขาเคยพบเมื่อปีที่แล้ว “ไม่สมกับเป็นท่านเลยนะ พาคนแค่นี้บุกมาช่วยคนคนเดียวในเมืองที่ตกอยู่ในวงล้อมแห่งความล่มสลายน่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×