ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: มรดกแห่งสวรรค์ (Chronicle of Ziene: Celestial Legacy) (ตีพิมพ์ สนพ อาเธน่า)

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 2: เทพปีศาจอัลกีโรอา (1/4)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 157
      16
      9 ต.ค. 60

         เนื่องจากโดนาเมสถูกลูกหลงจากพลังของเทพปีศาจจนหายไปทั้งอาณาจักร อย่าว่าแต่ผู้รอดชีวิตเลย แค่สภาพภายนอกก็ไม่เหลือเค้าเดิมว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาก่อนเสียด้วยซ้ำ เห็นดังนั้นจีดัสจึงจำต้องตัดสินใจเดินทางไปกับรีสเลย์จนกว่าจะหาที่ไปต่อได้ พวกเขารอนแรมในป่าหลายวันหลายคืนจนมาถึงเมืองหลวงเชสนา ชาวเมืองที่เคยโศกเศร้าเพราะรู้ข่าวญาติพี่น้องที่ต้องเสียชีวิตไปในสงครามด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างก็รู้สึกยินดีที่อย่างน้อยกษัตริย์ผู้เป็นที่รักเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย

         เมื่อมาถึงเชสนาสิ่งแรกที่จีดัสทำโดยไม่ยอมพักฟื้นร่างกายให้หายบาดเจ็บเสียก่อนคือการมุ่งหน้าไปยังหอสมุดเก่าแก่ที่สุดของราชวงศ์ หลังจากขอร้องให้รีสเลย์จัดคนรับใช้เพื่อมาเตรียมอาหารและของเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เขาก็หมกตัวอยู่ในนั้นแทบจะเรียกได้ว่าทั้งวันทั้งคืน โดยทิ้งประโยคสั้น ๆ ได้ใจความว่า

         มีเรื่องต้องค้นคว้า”


         รีสเลย์เองก็ไม่มีอารมณ์มากพอสนใจพฤติกรรมประหลาดของคนผมเงินมากนัก เพราะนอกจากอาการบาดเจ็บของเขาจะต้องได้รับการพักฟื้นโดยด่วนแล้ว ในใจเขาก็ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น กษัตริย์หนุ่มใช้เวลาขณะพักรักษาตัวอยู่นึกถึงความตายของภรรยาและลูกสาว ความรู้สึกผิดย้อนกลับมาเล่นงานจิตใจเขาอีกครั้งเนื่องจากเกิดความรู้สึกโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องชีวิตของทั้งสองไว้ได้ อีกทั้งยังขาดสติยั้งคิดพาไพร่พลของตนรวมทั้งมังกรออกไปทำสงครามเข่นฆ่าทหารโดนาเมส กระทั่งสุดท้ายทุกคนก็ตายจากไปหมด ไม่ได้ประโยชน์อันใดจากการรบในครั้งนี้เลย

         แม้แต่น้องภรรยาอย่างอลิเวีย ก็ยังต้องมาสังเวยชีวิตเพราะความเขลาของเขา แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปขอโทษเธอที่ปรโลกกัน

         แต่ที่เลวร้ายที่สุดของเหตุการณ์ในครั้งนี้คือช่วงท้ายของสงคราม เขาไปทำให้มันตื่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ และถ้ามันคือเทพปีศาจตามตำนานจริง ๆ ล่ะก็ ไม่ใช่เพียงแค่เมืองสักเมืองหรือประเทศสักประเทศที่จะหายไป แต่เป็นโลกทั้งใบที่คงต้องถึงกาลอวสานในอนาคตอันใกล้นี้เป็นแน่แท้

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก

         สียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีเสียงสาวรับใช้หนึ่งดังลอดเข้ามา

         ท่านจีดัสขอเข้าพบฝ่าบาทเพคะ”

         รีสเลย์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะตนมัวแต่นั่งเหม่อ แล้วคิดอย่างสงสัย

         ...เจ้านั่นยอมออกมาจากหอสมุดแล้วหรือ...

         เข้ามาได้เลย”

         เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ รอให้ประตูห้องเปิดกว้างออกเผยให้เห็นมนุษย์หนังสือเดินเข้ามา

         เรียกแบบนี้ไม่ผิดหรอก ร่างสูงที่เดินเข้ามาถือหนังสือความหนาไม่ต่ำกว่าห้าร้อยหน้าหลายสิบเล่มจนความสูงของกองหนังสือบังหัวไปเสียมิด คล้ายกองหนังสือมีขาเดินได้อย่างไรอย่างนั้น

         อะไรของเจ้าน่ะ” รีสเลย์ถาม

         ดูไม่ออกรึว่าคือหนังสือ?” จีดัสย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจอย่างที่สุด ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงวางกองหนังสือไว้บนโต๊ะข้างรีสเลย์

         คนหัวแดงขมวดคิ้วหงุดหงิด ทำท่าอยากยื่นขาออกไปขัดให้มนุษย์หนังสือล้มหัวทิ่มหัวตำเสียหมดมาด

         ข้าแค่หยอกเล่นหน่อยเดียวเอง ทำเครียดไปได้ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนายเลยนะที่ช่วยดูแลเรื่องอาหารการกิน แล้วยังส่งหมอไปดูอาการฉันอีก” จีดัสพูดไปเรื่อยไม่รู้ว่ารู้สึกขอบคุณจริงตามที่พูดรึเปล่า เพราะสมาธิของเขากำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือที่ถูกจัดแยกไว้หลายกอง

         แพทย์ที่ข้าส่งไปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เจ้าน่ะเป็นคนไข้ที่แย่ที่สุด ไม่ยอมพักตามที่สั่งบ้างล่ะ ลืมกินยาที่สั่งไว้บ้างล่ะ”

         นั่นเพราะว่าฉันมีเรื่องสำคัญกว่าต้องสะสาง อีกอย่างฉันบาดเจ็บนะ ไม่ใช่ป่วยเป็นโรค ทิ้งไว้สองสามวันมันก็หายเอง”

         “พูดอย่างกับตัวเองไม่ใช่คน

         ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง นี่แหละที่ฉันกำลังจะบอก” จีดัสกางหน้าหนังสือเล่มหนึ่งให้รีสเลย์ดู มันเก่าขนาดกระดาษกลายเป็นสีเหลืองกรอบแม้ว่าจะถูกดูแลเป็นอย่างดีในหอสมุด กระทั่งคนจับหน้ากระดาษยังต้องค่อย ๆ กรีดนิ้วผ่านอย่างประณีต

         สิ่งที่มังกรหนุ่มเห็นคือภาษายึกยืออ่านไม่รู้เรื่องเรียงพรืดเต็มหน้ากระดาษ มันคงเป็นอักษรโบราณที่ปัจจุบันเลิกใช้ไปนานแล้ว แต่ก็เคยเห็นบ้างตามตำราเวทมนตร์ซึ่งเขาเองไม่ได้เรียน จึงไม่มีทางแปลเข้าใจ ไม่สิแม้แต่สะกดคำอ่านยังไม่ออกเสียด้วยซ้ำ

         อะไร อ่านไม่ออก” รีสเลย์บอกเสียงห้วนไปตามตรง เห็นดังนั้นจีดัสจึงตั้งท่าร่ายยาว ใช้นิ้วดุนแว่นให้เข้าที่อย่างวางมาด แลดูน่าหมั่นไส้ในความคิดของรีสเลย์อย่างมาก

         ...ไอ้เจ้านี่มันกวนนัก...

         เขาคิดอย่างหงุดหงิด

         ฉันตรวจสอบเรื่องเทพปีศาจและเอลเลนนอสมาหมดแล้ว” คนแสร้งท่ามากเกริ่นขึ้น

         อะไร เรื่องเอลเลนนอสเองรึ ข้าก็รู้น่า” กษัตริย์หนุ่มโบกมือเอ่ยขัดทั้ง ๆ ที่ตัวเองเริ่มจะสนใจ “เอลเลนนอสที่หมายถึงเผ่าเทพที่หายไปในสงครามเมื่อร้อยหรือสองร้อยปีก่อนล่ะสิ”

         ถูกต้องแล้ว อย่างที่รู้กัน มนุษย์นับวันยิ่งเหิมเกริมจนกล้าต่อกรกับเทพเจ้า เพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์นี้ให้หมดไป พวกเอลเลนนอสจึงเปิดฉากทำสงครามกับมนุษย์ทั้งโลก"


         ปี 3863 หรือหนึ่งร้อยสี่สิบแปดปีก่อนได้เกิดมหาสงครามที่ถูกเรียกในภายหลังว่า "สงครามซีน* ครั้งที่ 2” สงครามที่เริ่มจากความขัดแย้งระหว่างเผ่าเทพเอลเลนนอสและมนุษย์กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งจนเรื่องราวลุกลามขยายใหญ่โตจนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์

         ในครั้งนั้นเอลเลนนอสที่พ่ายแพ้สิ้นเชิงด้านจำนวนตัดสินใจทำเรื่องเลวร้ายที่ไม่มีใครกล้าจินตนาการถึง พวกเขานำเอาเทพปีศาจทั้งแปดจากโลกอื่นมาสู่ดินแดนแห่งนี้


    • ซีน (Ziene) ชื่อของโลกนี้ ดาวเคราะห์ที่มีขนาด มวล รอบวงโคจร และอื่น ๆ ใกล้เคียงกับโลกมนุษย์จนเกือบจะเรียกได้ว่าราวกับดาวฝาแฝดหากแต่ดาวทั้งสองดวงอยู่ไกลกันคนละฟากของจักรวาล


         ในครั้งนั้นเอลเลนนอสส่วนหนึ่งได้หันหลังให้กับเผ่าพันธุ์โดยหันมาเข้ากับฝ่ายมนุษย์ พวกเขาไม่เพียงแค่ทำให้เอลเลนนอสที่เหลือพ่ายแพ้สงครามจนถูกขับไล่ไปจากโลกนี้ เอลเลนนอสกลุ่มนั้นยังหาวิธีผนึกเทพปีศาจทั้งแปดทำให้มนุษย์ยังเหลือรอดมาจนทุกวันนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×