ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: มรดกแห่งสวรรค์ (Chronicle of Ziene: Celestial Legacy) (ตีพิมพ์ สนพ อาเธน่า)

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 1 : เหนือมังกรเพลิง ใต้ปีกสีเงิน (11/11)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      17
      9 ต.ค. 60

         พระเจ้าซาร์ททรงเห็นว่าการปะทะกันในครั้งหลัง ๆ กองทัพฝ่ายศัตรูถูกกดดันให้ต้องถอยตลอด นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้กวาดล้างโดยการส่งทัพหลวงมาร่วมกำจัดเชสนาให้สิ้นซาก พระองค์ทรงสั่งเคลื่อนทัพหลวงเข้าปะทะกองทัพเชสนาร่วมกับทัพหน้าของจีดัส

         ศัตรูสู้พลางถอยพลางอย่างมีพิรุธจีดัสจึงสั่งทัพให้หยุดรีรอดูสถานการณ์ แต่พระเจ้าซาร์ทไม่คิดเช่นนั้นยังคงส่งทัพหลวงโจมตีกดดันไปต่อไปกระทั่งทัพของรีสเลย์ส่วนหนึ่งต้องถอยเข้าไปตั้งรับในนาเลีย


         ...กับดักชัด ๆ...


         จีดัสมองสถานการณ์ก็เข้าใจแผนการอีกฝ่ายทันที เขารับสั่งหยุดทัพ แต่มันสายไปเสียแล้วสำหรับทัพหลวงที่ไล่ตามเข้าไปในปากทางเข้าแคบ ๆ ของนาเลีย

         ฉับพลันกำลังพลที่แอบซุ่มอยู่ก็ปรากฏขึ้น มันเป็นทัพปืนใหญ่ที่รีสเลย์เก็บซ่อนไว้ใช้เป็นไพ่ตาย รีสเลย์สั่งให้ทหารยิงปืนใหญ่ทันที หากแต่เป้าหมายที่พวกเขาเล็งนั้นไม่ใช่กองทัพโดนาเมสโดยตรง ปืนใหญ่เหล่านั้นกลับระดมยิงแนวหินผาแทนทั้งสองด้านแทน

         ชั้นหินและดินมากเกินประมาณพังทลายลงมาทับทหารโดนาเมสตายอย่างอเนจอนาถ ทั้งก้อนหินยักษ์ ทั้งกองดินทรายถล่มตามลงมา ทำเอาบรรดาทหารแตกตื่นด้วยความหวาดกลัว ต่างคนต่างก็ทิ้งอาวุธที่ถืออยู่วิ่งหนีตายจากช่องทางแคบ ๆ จนเหยียบกันเอง

         สิ่งที่ทัพของจีดัสรวมทั้งทัพรีสเลย์เองตกตะลึงกลับเป็นสิ่งอื่น มันคือบางอย่างที่ถูกฝังอยู่ในแนวผาและปรากฏขึ้นมาหลังจากที่แนวหินถล่มลงมา ไม่ว่าจะมองอย่างไรสิ่งนั้นก็ดูราวกับหางของอสรพิษขนาดยักษ์ ทั้งรูปร่าง ทั้งเกล็ด และสีที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเทาของหินกลายเป็นลายสีดำสลับแดง


         นี่มันคืออะไรกันแน่?

         นั่นมัน..

         ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้

         ตำนานเทพโบราณมีอยู่จริงหรือนี่

         หรือว่าจะเป็น

         เทพปีศาจ?!

         คำถามต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาไม่จบสิ้น เหล่าทหารที่เคยห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่ต่างตะลึงงันเหม่อมองตาค้าง พวกเขายืนตัวแข็งทื่อไม่อาจขยับได้เมื่อเห็นสิ่งนั้นเคลื่อนไหวช้า ๆ ไปพร้อมกับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาขนาดใหญ่ทั้งลูกปริแตกทีละเล็กทีละน้อย

         ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศใด ทั้งเชสนา ทั้งโดนาเมส ประเทศใด ๆ ก็ตามในโลกนี้ ต่างเติบโตมากับเทพปกรณัมนี้ ตำนานของเหล่าเทพปีศาจที่แต่ละตนสามารถทำลายโลกนี้ให้เป็นจุณภายในพริบตา

         มันปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

         และมันกำลัง...

         คลื่อนไหว!!!

         ภาพสุดท้ายที่ทุกคนในที่แห่งนั้นเห็นก็คือแสงสีแดงดำสว่างวาบ ตามด้วยเสียงระเบิดก้องกัมปนาทสั่นสะเทือนถึงแก้วหูราวกับสัญญาณบอกว่าโลกถึงกาลอวสานแล้ว...



         อุ่ก...” จีดัสรู้สึกเจ็บปวดทุกอณูในร่าง ความรุนแรงนั้นทำเอาสมองด้านชาไปครู่ใหญ่จนไม่สามารถควบคุมร่างกายให้ขยับได้

         ...เกิดอะไรขึ้น...

         เมื่อสติกลับคืนมา เขาจึงนึกย้อนเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น

         ...สงครามกับเชสนา ภูเขาถล่ม อะไรบางอย่าง แสงสีแดง… เทพปีศาจ!...

         เสนาธิการหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหันด้วยความตกใจแต่ก็ต้องล้มลงไปเพราะบาดแผลและความเจ็บปวดอันมากล้นนั่น เข้าหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะร่ายเวทรักษาให้ตนเอง

         ด้วยพรแห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์

         เขากัดฟันร่ายเวทอย่างยากลำบาก แสงสีขาวอันอบอุ่นแผ่วาบทั่วร่างพลันความเจ็บปวดเมื่อครู่ทุเลาลงจนสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ

         เขากวาดตามองรอบข้างพบว่าเขายืนอยู่ท่ามกลางซากศพดำเกรียมที่ส่งกลิ่นไหม้ชวนคลื่นเหียนออกมา เศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วรัศมีจนสุดสายตา บางส่วนยังคงลุกไหม้ และบางส่วนไม่อาจรู้ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

         จีดัสค่อย ๆ ลากเท้าฝืนเดินต่อไป ถึงแม้แผลภายนอกจะหายไปหมดแล้วแต่อาการบาดเจ็บภายในยังคงกระทบกระเทือนอยู่ สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วขาดวิ่น ทั้งผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ทั้งเสื้อผ้าไหม้ขาดและเปรอะเลือด หากใครมาเห็นเข้าในตอนนี้คงไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับวิหกเงินแน่แท้

         เหอะ ๆ” เขาแค่นหัวเราะให้กับตัวเองที่ในสถานการณ์แบบนี้ยังคงคิดเรื่อยเปื่อยไร้สาระได้

         ชายหนุ่มผมเงินเงางามที่บัดนี้กลายเป็นสีเทาเดินต่อไปเรื่อย ๆ ในใจยังคงภาวนาขอให้พบผู้รอดชีวิตอย่างน้อยสักคนก็ยังดี ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู เขาพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือแน่นอน และหลังจากเดินหาอยู่หลายชั่วโมงจนจิตใจแทบดำดิ่งสู่สภาวะสิ้นหวัง สายตาพลันไปพบร่างศัตรูคู่อาฆาตอันคุ้นเคยนอนคว่ำหน้าอยู่

         รีสเลย์ ลีออน”

         ร่างนั้นนิ่งสนิท บาดแผลเหวอะหวะทั้งตัวอีกทั้งมีหลายจุดที่ไหม้เกรียม ชุดเกราะยังหลอมละลายเหลือเพียงเกราะอ่อนขาด ๆ ด้านใน

         ตายรึยังน่ะ” เขาเดินเข้าไปใกล้ และพลิกร่างนั้นหงายเผยให้เห็นสภาพของคนตรงหน้าซึ่งยังดีกว่าก้อนเนื้อเละ ๆ แถวนี้มากนัก แต่ภายในนี่สิ

         จีดัสเอื้อมมือไปสัมผัสชีพจรตรวจอย่างมีความหวังและทำให้รู้ว่าร่างตรงหน้ายังคงมีลมหายใจอยู่ ราวกับความโกรธเคียดแค้นทั้งหลายมลายสิ้น ความปลื้มปีติที่พบว่ายังเหลือคนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความตายนับหมื่นนับแสนในสถานที่แห่งนี้ เขาร่ายมนตรารักษาให้ศัตรูตรงหน้าทันที

         ด้วยพรแห่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์

         เปลือกตากระพริบถี่หลายครั้งเพื่อปรับภาพให้ชัดเจนและเมื่อเห็นใครบางคนในระยะประชิดก็เผลอร้องโวยวายและออกหมัดไปตามสัญชาตญาณทันที

         เฮ้ย!” จีดัสเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน ดีที่คนตรงหน้ายังไม่มีเรี่ยวแรงมากพอเหวี่ยงหมัดให้เร็วกว่านี้ได้ เขาจึงรอดพ้นจากหน้าบวมในครั้งนี้

         แก ไอ้จีดัส ตายซะเถอะ” รีสเลย์ตะโกนพลางผุดลุกขึ้นเข้ามาคลุกวงในด้วยหมัดและเท้า แต่อาการบาดเจ็บจากความบอบช้ำในร่างกายทำให้เขาต้องร้องครางออกมาแล้วลงไปนอนแผ่หลากับพื้นตามเดิม

         จีดัสปัดฝุ่นตามตัวและลุกขึ้นยืนค้ำหัวอย่างไม่เกรงใจในบรรดาศักดิ์ที่สูงกว่าของอีกฝ่ายเลย ซ้ำยังเอ่ยปากว่า

         มีใครเคยบอกให้นายใจเย็น ๆ บ้างไหมนี่ กษัตริย์อะไรกัน”


         ...ออกจะบ่อย...

         รีสเลย์คิดแต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวเสียหน้า ก่อนจะพยายามยันกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

         อะไร” มังกรหนุ่มถามเสียงห้วนหาเรื่อง เมื่อเห็นผู้ที่ยืนคำหัวอยู่นั้นยื่นมือมาให้

         เฮ้อ...” อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือฉุดเขาให้ลุกขึ้นยืน

         ทันทีที่รีสเลย์เห็นภาพรอบข้างได้ชัดเจน เขาถึงกับนิ่งค้างครู่หนึ่ง ใบหน้าตกตะลึงราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะหันไปมองคนข้างตัว

         ...นี่มีแค่พวกเราสองคนที่รอดชีวิตงั้นรึ...

         ศัตรูที่เป็นเพียงอดีต สงครามจะดำเนินต่อไปได้เช่นไรหากไม่มีทหาร และแม้เขาทั้งคู่จะมีความแค้นต่อกันมากเพียงไร แต่ความเป็นจริงเบื้องหน้าอันแสนอเนจอนาถนั้นทำให้ทั้งสองหมดเรี่ยวแรงที่จะขับเคี่ยวกันอีกต่อไป

         รู้สึกว่าเจ้าจะดวงแข็งจริงนะ” รีสเลย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเย้ยหยัน ก่อนจะหันหลังให้แล้วถาม “ทำไมเมื่อกี้เจ้าต้องช่วยข้าด้วย ข้าเป็นศัตรูที่ฆ่าเพื่อนสนิทของเจ้าไม่ใช่รึ”

         ถ้านายเป็นอย่างฉันที่ต้องเดินฝ่าซากศพพวกนี้มาตลอดหลายชั่วโมงแล้วล่ะก็ คงจะเข้าใจ”

         ...”

         ทั้งคู่เงียบกันไปสักพัก รีสเลย์จึงชวนคุยต่อเพื่อขจัดบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี่ทิ้งเสีย

         คิดว่าเจ้านั่นมันคืออะไร”

         แม้ไม่ต้องอธิบายขยายความว่าเจ้านั่นของรีสเลย์นั้นคืออะไร แต่จีดัสก็เข้าใจได้ทันที

         เคยได้ยินเรื่องสงครามปิดผนึกเทพปีศาจเมื่อร้อยกว่าปีก่อนใช่ไหม บางทีอาจเป็นสิ่งนั้นก็ได้”

         นั่นมันก็แค่ตำนาน” รีสเลย์แย้ง

         หากมันเป็นแค่ตำนานก็ดีสิ แล้วนายจะอธิบายไอ้ตัวแบบนั้นว่าอะไร”

         ...” รีสเลย์เงียบไปเนื่องจากพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

         ถ้าตำนานเทพปีศาจเป็นจริง สัตว์ประหลาดตัวมหึมาราวขุนเขาเหล่านี้ก็จะยังมีอีกเจ็ดตัว ไม่อยากจะคิดเลยถ้าสิ่งเหล่านี้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งโลกในยุคนี้จะลงเอยเช่นไร หรือนี่จะเป็นจุดจบของมนุษยชาติจริง ๆ

         ขณะที่พวกเขายืนเหม่ออย่างสิ้นหวังกันอยู่นั้น รีสเลย์ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง สิ่งที่เขาเคยเห็นมาแล้วที่นาเลีย แสงที่ลอยขึ้นไปราวกับหิ่งห้อย ลอยออกจากซากศพในสนามรบมุ่งตรงไปยังจุด ๆ หนึ่งอย่างพร้อมเพรียงคล้ายกับถูกหลุมดำที่มองไม่เห็นดูดไป

         เห็นอย่างที่ข้าเห็นรึเปล่า” รีสเลย์สะกิดถามคนข้างๆ

         เห็นอะไร”

         แสงที่เหมือนหิ่งห้อยน่ะ มีเต็มไปหมดเลย”

         ได้ยินดังนั้นจีดัสจึงลองเพ่งมองดูบ้าง ในที่สุดเขาก็เห็นสิ่งที่คล้ายพลังงานบางอย่างลอยขึ้นเต็มท้องฟ้าตามที่รีสเลย์ชี้บอก

         วิญญาณ? แต่ทำไมเราเพิ่งจะมองเห็นเอาป่านนี้ล่ะ”

         ข้าว่ามันแปลก ๆ ตามไปดูไหม” รีสเลย์สังหรณ์ใจ เอ่ยถามไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่ว่าจีดัสจะตอบเช่นไรเขาก็จะวิ่งตามไปดูอยู่แล้ว

         ก็เหมือนว่านายจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วนี่” หนุ่มผมยาวตอบกลับอย่างรู้ทัน แล้วทั้งสองก็พยักหน้าให้กันก่อนจะวิ่งมุ่งหน้าไปทิศที่แสงจำนวนมากพุ่งไปรวมตัวกันกระทั่งพบต้นตอ

         เนินเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไม่ไกลจากสนามรบ ชายหนุ่มผมดำหน้าตาดีคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุน้อยกว่าพวกเขาหลายปีชูแหวนขึ้นฟ้าดูดแสงพวกนั้นเข้าไปไม่หยุด ข้างกายมีคนสวมชุดตัวตลกสีดำน่าขันนั่งรออยู่ ทั้งคู่ดูแปลกใจที่เห็นพวกเขาเช่นกัน

         ยังไม่ตายเหรอครับเนี่ย น่าแปลกใจจริง ๆ” ชายหนุ่มตีสีหน้าเย็นชาขณะมือยังชูแหวนดูดวิญญาณต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน

         รีสเลย์จำได้ทันทีว่าสองคนนี้เขาเคยเห็นที่นาเลียมาก่อน ตอนนั้นเขาไม่ได้ตาฝาดไปจริง ๆ ด้วย ส่วนจีดัสเองก็เคยพบทั้งคู่ท่ามกลางสงครามเช่นกัน เรื่องราวทั้งหมดค่อย ๆ ปะติดปะต่อกันจนกระจ่าง

         เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะรู้ความจริงแล้วสินะ ฮิ ๆ ๆ” ตัวตลกประหลาดหัวเราะยียวน

         พวกแกเป็นใคร? ความจริงอะไรกัน” รีสเลย์ถามตะกุกตะกัก

         ความจริงที่พวกนี้คือตัวการของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไงล่ะ การลอบปลงพระชนม์พระราชินีอลิเซียคงเป็นฝีมือมันสองคน” จีดัสชิงเฉลย เขาพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วแม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชายปริศนาทั้งสอง

         รีสเลย์หันมามองอย่างไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายขยายความให้ฟัง

         ฉันเคยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วพบว่ามีเพียงคณะของราชินีกับบุคคลลึกลับอีกสองคนที่อยู่บริเวณนั้นเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นสองคนนี้ก็ได้”

         ใช่ ๆ ฮี่ ๆ ถูกต้องแล้ว ฝีมือพวกข้าสองคนเองแหละ” เจ้าตัวตลกกอดอกพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

         รีสเลย์ได้ยินถึงกับหน้าถอดสี

         ...มันอะไรกัน ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย นี่ข้าโดนหลอกให้ทำสงครามกับโดนาเมสอย่างนั้นรึ...

         เพราะอะไรกัน ทำไมแกต้องฆ่าลูกเมียข้าด้วย ถ้าแค้นอะไรก็มาลงที่ข้านี่สิ” มังกรหนุ่มตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงทั้งโกรธแค้นและเจ็บช้ำ

         ตัวตลกได้ฟังก็หัวเราะไม่หยุด “จะเฉลยให้ฟังก็แล้วกันนะ ไหน ๆ พวกแกก็จะตายกันแล้ว พวกเราแค่ต้องการวิญญาณจำนวนมากเท่านั้นแหละ เป็นไง? เหตุผลง่าย ๆ แค่นี้เอง ฮะฮ่า ๆ ๆ”

         เมื่อได้ฟังคำพูดกวนประสาทของตัวตลกบวกเข้ากับเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของชายหนุ่ม รีสเรย์ก็เกิดบันดาลโทสะ แม้จะยังเจ็บหนักแต่เขาก็ฝืนพุ่งเข้าไปโดยหวังจะเล่นงานทั้งคู่ให้สมแค้น แต่ชายหนุ่มผมดำกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายในขณะที่มือขวายังคงชูแหวนดูดวิญญาณอยู่ จีดัสเห็นดังนั้นจึงเข้าร่วมวงโดยไม่รีรอ แต่ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้นองเลือดกันจริงจัง เสียงคำรามจากเทพปีศาจก็ดังสั่นสะเทือนไปทั่ว

         หนุ่มหน้าอ่อนส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแสดงความเสียดาย ไม่รู้ว่าเสียดายเรื่องการรวบรวมวิญญาณซึ่งยังไม่เสร็จสิ้น หรือเสียดายที่ไม่ได้จัดการพวกเขาสองคนกันแน่ เขาลดแขนลงก่อนจะปัดแสงหิ่งห้อยให้ฟุ้งกระจายไปด้วยความรำคาญ

         เจ้านั่นดันตื่นก่อนเวลาซะได้ ทวีปนี้คงจบสิ้นแล้วล่ะครับ”

         อยู่ที่นี่ต่อเราอาจโดนลูกหลงไปด้วยก็ได้ งั้นเราหนีกันเถอะ ฮี่ ๆ ๆ”

         เจ้าตัวตลกหัวเราะทิ้งท้ายอย่างน่าเกลียดก่อนที่ทั้งคู่จะหายวับไปต่อหน้าต่อตา รีสเลย์พยายามกระโดดคว้าตัวทั้งสองคนนั้นไว้แต่ก็คว้าโดนแค่อากาศ

         ว้าก!!!!” รีสเลย์แหกปากดังลั่น ฟาดฟันหอกและระเบิดพลังใส่ความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บใจพุ่งขึ้นสูงจากการที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลยจนอยากจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า

         จีดัสยืนเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมา ปล่อยให้คนตรงหน้าระบายอารมณ์ให้เสร็จ เขาเข้าใจดีว่าในเวลานี้คำพูดใด ๆ ก็ไม่อาจช่วยบรรเทาบาดแผลในใจที่รีสเลย์ได้รับได้เลย เมื่อเห็นรีสเลย์ในสภาพนี้กลับทำให้เขาสงบได้อย่างน่าประหลาดราวกับความแค้นของเขาถูกชำระไปพร้อม ๆ กับการอาละวาดของคนตรงหน้าด้วย

         ผ่านไปครู่หนึ่งกระทั่งรีสเลย์หมดแรงจึงทรุดคุกเข่าลงนั่งหอบหายใจ ความอึดอัดใจบัดนี้เบาบางลงแล้วซึ่งทำให้เขาใจเย็นพอที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเอง

         รู้สึกดีขึ้นแล้วสินะ จะเจ็บใจจะแค้นใจเอาไว้หลังจากจัดการเจ้านั่นได้ก่อนดีกว่า” จีดัสชี้ไปที่ร่างของเทพปีศาจที่อยู่ไกลลิบซึ่งตอนนี้หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว

         เจ้ามีแผนอย่างนั้นหรือ” รีสเลย์เงยหน้าขึ้นมามอง

         ไม่... แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าควรทำอะไรต่อ” หนุ่มผมเงินยิ้มก่อนจะหยิบแว่นในอกเสื้อออกมาสวม “อา... ดีนะที่แว่นสำรองยังไม่แตก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×