ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1: ออกเดินทาง (2/7)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 199
      36
      22 ส.ค. 62

    เรย์เห็นชายในชุดทหารขี่ม้ามาทางเขาอย่างทุลักทุเล เขาจำเครื่องแบบที่มีสัญลักษณ์ประจำอาณาจักรนี้ได้ดี ทหารนายนี้เป็นทหารของอาณาจักรโซดาเรีย แผ่นดินเกิดของเขานั่นเอง เสื้อเกราะสีเงินตอนนี้เปรอะไปด้วยเลือดสีแดงสด ตามใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ที่เกราะไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้มีแต่บาดแผลจากการโดนแทงด้วยของแหลมเต็มไปหมด


    ความเจ็บปวดสาหัสจากแผลทั่วร่างทำให้เขาไม่สามารถประคองตัวบนหลังม้าได้อีกต่อไป ในวินาทีต่อมาร่างของเขาก็ร่วงลงมา เกราะเหล็กกระแทกกับพื้นเสียงดังลั่น เมื่อเรย์เห็นคนสภาพใกล้ตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่ทันได้ยั้งคิดใด ๆ เขาพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนแล้วตรงเข้าไปประคองร่างทหารนายนั้นทันที


    “เฮ้! คุณเป็นอะไรมากไหม” เรย์กำลังจะหยิบผ้าหรืออะไรก็ตามในกระเป๋าของตนเพื่อห้ามเลือดชายทหารผู้โชคร้าย แต่คนในอ้อมแขนของเขาก็ดึงมือของเรย์เอาไว้ ทหารผู้บาดเจ็บรู้อาการของตนดีกว่าใคร ความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลทั่วร่างกายและยังอยู่ในป่าลึกห่างไกลความช่วยเหลือแบบนี้ โอกาสรอดของเขาริบหรี่เต็มทน


    “พ่อหนุ่ม... เธอ... เป็นคนโซดาเรียใช่ไหม” เขาคว้าคอเสื้อเรย์พร้อมกับพูดเสียงแผ่ว มือที่โชกไปด้วยเลือดนั้นพยายามกำคอเสื้อของเรย์ให้แน่นเท่าที่เขาจะทำได้ เรย์สามารถสะบัดมือของทหารโซดาเรียผู้นี้ได้อย่างง่ายดายแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ

    “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย คุณบาดเจ็บหนักอยู่นะ” ชายหนุ่มปราม

    “ข้าคงไม่รอดแล้ว... เอาสิ่งนี้ไป มอบให้กับราชา... อย่าให้พวกโจรป่าได้มันไป...” ทหารกระอักเลือดออกมาและใช้แรงเฮือกสุดท้ายส่งกล่องไม้ที่ถืออยู่ให้กับเรย์ ทหารสิ้นใจหลังจากฝากฝังสิ่งสำคัญให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเรย์ไม่เฉลียวใจรับของสิ่งนั้นมา เรย์เพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาถูกดึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายเข้าเสียแล้ว


    โจรป่า?!

    ชายหนุ่มคิดได้ก็รีบมองหาที่ซ่อนทันทีแต่เคราะห์ร้ายก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไร กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ตามรอยทหารที่ถูกทำร้ายมาจนเจอกับเรย์จนได้ เรย์ยังอยู่ในท่าเดิม ในขณะที่พวกเขาเริ่มสาวเท้าเข้ามาล้อม ชายหนุ่มสังเกตเห็นอาวุธที่ครบมือ เสื้อผ้าที่สวมใส่จนปกปิดร่างกายและใบหน้าทำให้รู้ได้เลยว่าต้องเป็นพวกโจรป่าอย่างแน่นอน

    สายตาทุกคู่จดจ้องมาที่กล่องไม้ในมือของเรย์ เรย์รู้สึกว่าโจรป่ากลุ่มนี้ดูต่างจากกลุ่มโจรทั่ว ๆ ไป อันที่จริงตัวเขาก็ไม่เคยเจอกับโจรป่ามาก่อน แต่โจรที่กล้าเล่นงานทหารของอาณาจักรก่อน หากไม่สิ้นคิดก็ต้องเป็นกลุ่มโจรที่ร้ายกาจและไม่เกรงกลัวอำนาจ


    เรย์พยายามรวบรวมสติ เวลาแบบนี้เขามักเผลอนึกเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอยู่เสมอ เขาพยายามเตือนตัวเองว่าตอนนี้เขาควรจะคิดแต่เรื่องการเอาตัวรอดก่อน

    ...จะสู้หรือหนี...

    ถึงคิดสู้ พ่อครัวฝึกหัดธรรมดา ๆ อย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับคนเถื่อนพวกนี้ได้ล่ะ

    โจรร้ายพยายามล้อมหน้าล้อมหลังเขาเอาไว้ พวกมันแสดงออกชัดเจนว่าไม่คิดจะเจรจาอะไรแม้แต่น้อยด้วยการตั่งท่าพร้อมโจมตี นั่นยิ่งทำให้เรย์มั่นใจว่าต่อให้เขามอบกล่องไม้นี้ให้ พวกโจรก็คงไม่ปล่อยให้เขารอดไปอย่างแน่นอน ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรอง ในขณะที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังนั่นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


    “มีกันตั้งหลายคนรุมคน ๆ เดียว ไม่คิดว่ามันทุเรศไปหน่อยรึ” เสียงปริศนาดังขึ้น

    เจ้าของเสียงนั้นปรากฏตัวขึ้นจากป่าทึบด้านหลังกลุ่มโจร ผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มในชุดนักเดินทาง เสื้อคอกว้างสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลอีกชั้นหนึ่ง กางเกงขายาวถูกรัดไม่ให้หลวมเกินไปด้วยเข็มขัดหนังสีน้ำตาลซึ่งคล้องกระเป๋าใบเล็กใบน้อยให้ห้อยติดเอวไว้หลายใบ ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเรย์ชักดาบใหญ่สะดุดตาขึ้นพาดบ่าด้วยท่าทีสบาย ๆ


    “ลาโตร ผู้ที่สักวันจะเป็นจอมดาบคนที่หก” เขาแนะนำตัวโดยที่ไม่มีใครถามและเขาอ้างถึงตำแหน่งจอมดาบของนักดาบที่ว่ากันว่ายอดเยี่ยมที่สุดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม และความมั่นใจนั้นเองก็ทำให้กลุ่มโจรเริ่มหวั่นเกรงอย่างไม่ค่อยจะมีเหตุผลนัก

    “ลาโตร อะไร ข้า... ไม่เห็นจะเคยได้ยิน” โจรคนหนึ่งตะโกนกลับอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ท่าทางหวาดหวั่นของพวกมันทำให้ลาโตรยิ่งได้ใจ เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาสีดำสนิทจ้องพวกโจรอย่างไม่เกรงกลัว

    “หึหึ ก็เพราะว่าคนที่เคยเจอกับข้าไม่เคยมีโอกาสไปเล่าให้ใครฟังน่ะสิ” พวกโจรพอได้ยินแบบนั้นก็เริ่มหน้าซีด ลอบมองพรรคพวกด้วยหน้าตาเลิ่กลั่ก ลาโตรกวัดแกว่งดาบขนาดใหญ่ไปมาอย่างง่ายดายและคล่องแคล่ว

    “เฮ้ย! พวกเรามีตั้งหลายคน อย่าไปกลัวมัน” โจรอีกคนพยายามตะโกนเรียกกำลังใจทั้ง ๆ ที่ตัวของเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถต่อกรกับลาโตรผู้นี้ได้หรือไม่

    “หึหึ เอาสิ เข้ามาพร้อมกันหมดนั่นแหละ” นักเดินทางไม่แสดงออกถึงความกลัวเลยแม้แต่น้อยกลับกันเขายิ่งทำท่าเหมือนดีอกดีใจที่จะได้ต่อสู้เสียด้วยซ้ำ พวกโจรที่เห็นท่าทางนั้นก็ต่างสบตากันไปมาราวกับจะบอกให้พรรคพวกตนสักคนหนึ่งเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าชักดาบไปฟาดฟันกับเขาแม้แต่คนเดียว

    “ถ้าไม่เข้ามา ข้าจะเริ่มก่อนก็แล้วกัน เตรียมรับมือ!!!” นักเดินทางตะโกน กระชับดาบใหญ่ในมือแน่นและกำลังจะพุ่งไปยังกลุ่มโจรหมายจะปลิดชีพพวกมันภายในดาบเดียว พวกโจรได้ยินดังนั้นก็ตกใจและวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางก่อนที่ลาโตรจะทันได้ลงมืออะไรเสียอีก


    “ฝากไว้ก่อนเถอะ” โจรที่ออกตัวช้าสุดพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะวิ่งหนีไปปล่อยให้เรย์ที่ยังตามสถานการณ์ไม่ทัน นั่งเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความมึนงง เขาแอบคิดในใจว่าเห็นพูดกันตั้งนาน ที่ไหนได้อยู่ ๆ ก็ถอยกันเสียอย่างนั้น แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ทุกอย่างจบลงโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ยังไงเขาก็ต้องขอบคุณลาโตรคนนี้ แต่ยังไม่ทันอ้าปาก ลาโตรก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน

    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ลาโตรเก็บดาบเข้าฝักและจ้องมองมาทางเรย์ก่อนจะเอ่ยถาม “ว่าแต่เจ้ารู้ทางแถวนี้ไหม”

    เรย์ชะงักความหวังที่จะให้ลาโตรนำทางไปยังเมืองหลวงหายวับไปกับตา “อย่าบอกนะว่าคุณก็หลงทาง...”

    “อ้าว... เจ้าก็หลงรึ... แย่จริงเพิ่งออกจากโซดาเรียได้แค่ชั่วโมงหลงเสียแล้ว ไม่น่าลืมซื้อแผนที่เลย” ลาโตรขยี้ผมสีดำของตนเองอย่างหงุดหงิด พลางเหม่อมองท้องฟ้าและถอนหายใจเบา ๆ

    “เดี๋ยวนะ แถวนี้ห่างจากโซดาเรียแค่เดินหนึ่งชั่วโมงรึ ?!” ลาโตรได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ ให้กับเรย์ที่สีหน้ามีความหวังขึ้น


    ป่าที่ทั้งคู่เดินวกวนอยู่เป็นป่าทึบ ต้นไม้นั้นจะสูงใหญ่ท่วมศีรษะและบดบังดวงอาทิตย์จนเห็นเป็นเพียงแสงที่ลอดผ่านกิ่งไม้ลงมาเท่านั้น แต่กระนั้นความร้อนในยามบ่ายก็ทะลุเข้ามาจนทำให้แทบหมดแรงเดินต่อ นอกจากหมู่บ้านสตาร์โรว์แล้วก็ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ให้เรย์เห็นอีกเลย รอบกายที่เต็มไปด้วยสีเขียวขจีเริ่มจะทำให้เรย์เบื่อหน่ายเสียแล้ว

    เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วมีให้ได้ยินอยู่ตลอดการเดินทาง แต่ทั้งสองก็ไม่เห็นสัตว์ป่าสักตัว อาจจะเป็นเพราะเริ่มเข้าใกล้เขตเมืองแล้วก็เป็นได้ พวกสัตว์จึงหลีกหนีนายพรานเข้าไปอยู่ในป่าลึก ทั้งสองยังคงเดินต่อไปโดยมีลาโตรเดินนำหน้า


    ในเมื่อมีจุดหมายร่วมกัน ลาโตรจึงกลายมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทางและนำทางให้กับเรย์อย่างเลือกไม่ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้ทำความรู้จักกันในขณะที่เดินไปตามป่าเขา แต่เรย์กลับคุ้นเคยกับลาโตรอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ จากความเงียบที่มีเพียงเสียงย่ำเท้าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบทสนทนาระหว่างทั้งสองหนุ่ม การเดินหลงป่าที่น่าเบื่อกลายเป็นการร่วมเดินทางที่ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป

    อาจเป็นเพราะเขากับลาโตรมีส่วนที่เหมือนกันอยู่ เช่น ทั้งคู่เป็นประเภทลงมือทำอะไรก่อนคิด พวกเขามักชอบเผลอยุ่งเรื่องชาวบ้านจนต้องเดือดร้อนอยู่ร่ำไป ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกันอย่างง่ายดาย และคาดว่าถ้าได้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางต่อไปก็คงสนิทกันได้มากกว่านี้ในไม่ช้า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×