ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 3: ภารกิจระดับ S (2/6)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      7
      17 ต.ค. 60

    เรย์เองก็อยากจะสำรวจเมืองโดยรอบอยู่หรอกแต่ดูท่าซิกมาจะรีบร้อนมาก ชายชราเดินนำหน้าปล่อยให้ลาโตร ไกราและเรย์เดินอยู่ด้านหลัง ลาโตรเดินตามซิกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูท่าว่าเขาจะเปรมปรีดิ์อย่างมากที่จะได้เข้ากิลด์ดังและจะเริ่มทำการฝึกต่อแม้จะมีสภาพสะบักสะบอมอยู่ก็ตาม ไกรายังคงระแวงกับสิ่งแวดล้อมภายนอก เด็กหนุ่มเดินอยู่ข้าง ๆ เรย์ด้วยความระวังภัยกับสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบพาน


    เมืองท่าลีโอตาร์เป็นเมืองที่รุ่งเรืองและโอ่อ่า เรย์เดินผ่านถนนหลักของเมืองซึ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตาสัญจรอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นช่างซ่อมเรือและนักรบซึ่งสวมชุดเกราะราคาแพงและนักเดินทางปะปนกันไป เขาจึงพบว่าที่นี่มีพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่เป็นศูนย์กลางการเดินทางแห่งท้องทะเลอย่างแท้จริง

    อาคารบ้านเรือนจะเป็นตึกสูงเพราะพื้นที่มีใช้สอยอย่างจำกัด ร้านค้าบางร้านจะต่อพื้นไม้ยื่นออกไปที่ทะเลเพื่อเป็นจุดรับประทานอาหารด้วย ที่นี่จะไม่ค่อยมีเพิงที่สร้างขึ้นอย่างง่ายเท่าใดนัก ร้านค้าเล็ก ๆ จะถูกจัดไปอยู่บริเวณตลาดที่แยกตัวออกไป ส่วนร้านค้าขนาดใหญ่จะตั้งขนาบข้างถนนเส้นหลักเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาวุธและร้านซ่อมเรือ

    เมืองท่าที่มากด้วยผู้คนนี้เป็นที่ตั้งของกิลด์ใหญ่หลายกิลด์ เรย์สามารถสังเกตเห็นอาคารที่ก่อสร้างอย่างสวยงามเหนืออาคารบ้านเรือนได้อย่างดี เหนือหลังคาขึ้นไปจะพบกับตึกที่ทำด้วยวัสดุชั้นเยี่ยม รอบ ๆ อาคารจะมีธงตราสัญลักษณ์อะไรบางอย่างแขวนอยู่ มันโบกสะบัดเหนือสิ่งก่อสร้างทั้งปวงและโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม เรย์มองอาคารที่ว่านั้นด้วยความตกตะลึง แต่ด้วยความที่ซิกมาเริ่มเร่งฝีเท้าเขาก็ต้องละสายตาจากมันอย่างน่าเสียดาย


    ขณะที่เพลิดเพลินกับการมองไปรอบเมืองอย่างสำรวจนั้น ชั่วอึดใจหลังจากฝ่าฝูงชนนักเดินทางมาได้ในที่สุดซิกมาก็หยุดฝีเท้าลงที่อาคารขนาดใหญ่ พวกเรย์เงยหน้ามองตามอาคารที่สูงกว่าตึกแถวนั้นและก็ต้องหยีตาจากแสงสะท้อนของกระจกที่ต้องกับแสงอาทิตย์ มันเป็นอาคารที่เรย์มองเห็นเมื่อครู่นั่นเอง ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างในเมืองท่าลีโอตาร์ดูท่าตึกนี้จะใหญ่ที่สุดแล้ว

    อาคารนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง รูปทรงตึกห้าเหลี่ยมดูจะแปลกตาและดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างดี อาคารนี้จะมีประตูทางเข้าอยู่สี่ทิศซึ่งทางเข้าทุกทางจะเชื่อมต่อกับถนนสายหลักของเมือง ทุกประตูจะมีนักรบเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ด้วยสภาพโทรม ๆ ของเรย์ที่เพิ่งออกมาจากเกาะตอนนี้ทำให้เรย์ดูเหมือนมาร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่ปาน

    อาคารอันหรูหราก่อสร้างอย่างวิจิตรนี้เป็นที่ทำการกิลด์อุสทรินา ซึ่งรอบ ๆ จะเป็นกระจกทั้งหมดและกระจกพิเศษนี้จะไม่สามารถทะลุได้จากภายนอกแต่เมื่อเดินผ่านธรณีประตูเข้าไปเมื่อมองย้อนกลับมากลับสามารถเห็นทิวทัศน์รอบนอกได้เป็นอย่างดี ที่ทำการของกิลด์อุสทรินานั้นหรูหราและค่อนข้างใหญ่โตมากหากเทียบกับอาคารอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง แต่ซิกมาแอบกระซิบว่ากิลด์ขนาดใหญ่อื่น ๆ ก็มีขนาดไม่แตกต่างกันนักหรอก


    ด้านในถูกตกแต่งอย่างสวยงามและเป็นระเบียบด้วยเครื่องไม้ซึ่งขัดกับอาคารกระจกแต่กลับดูลงตัว อาคารนี้มีพื้นที่กว้างมาก เรย์พบว่ารอบ ๆ มีโต๊ะไม้และเก้าอี้อย่างดีวางไว้รับรองนักรบและนักเดินทางมากหน้าหลายตา ตรงกลางของที่ทำการจะมีเคาน์เตอร์ไม้สีเข้มตั้งอยู่ซึ่งโต๊ะดังกล่าวกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เคาน์เตอร์ทรงกลมตั้งล้อมเสาซึ่งด้านในจะเป็นช่องว่างไว้สำหรับใส่เอกสารต่าง ๆ ด้านฝั่งตรงข้ามจะเป็นป้ายไม้ซึ่งมีกระดาษติดอยู่เต็มไปหมด ด้วยความที่ไกลจากระยะสายตาเกินไปเรย์จึงไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนเท่าที่ควร

    ทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปพวกเขาก็พบว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาทันที ผู้คนรอบ ๆ เคาน์เตอร์เริ่มซุบซิบกับคู่สนทนาและมองพวกซิกมาเป็นตาเดียว ลาโตรได้ยินชื่อซิกมาแว่ว ๆ แต่ก็จับใจความไม่ได้ว่าคุยอะไรกัน ซิกมาไม่ได้สนใจ ชายชราเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ซึ่งมีหญิงสาวในชุดทางการกำลังยุ่งกับเอกสารตรงหน้า

    “มาสเตอร์คาฟโตไม่อยู่รึ ข้าจะพาเด็กใหม่มาลงทะเบียนเข้ากิลด์” ซิกมาตรงดิ่งเข้าไปทักเจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนที่มองเขาตาไม่กระพริบ เจ้าหน้าที่คนนั้นจำเขาได้จึงขอจับไม้จับมือ เมื่อคนอื่นในกิลด์เห็นเช่นนั้นก็แห่กันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังซิกมาจนวุ่นวายไปทั่ว บ้างก็เข้ามาพูดคุย บ้างก็มาขอประลองดาบ หรือแม้แต่คนที่มาขอร้องให้รับเป็นศิษย์ก็มี


    “ตาลุงนี่ดังจริงแฮะ” เรย์รู้ว่าซิกมาเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงแต่เขาไม่คิดว่าเขาจะเป็นที่นับถือของคนอื่นขนาดนี้ ด้วยความที่ฝูงนักรบในกิลด์ต่างมารุมผู้เป็นอาจารย์ทำให้พวกเรย์โดนดันไปอยู่ข้างหลัง พวกเขาจึงปล่อยให้ซิกมาทักทายและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่และคนอื่น ๆ อย่างสบายใจ

    “ก็ยุคนี้มันถูกเรียกว่ายุคของจอมดาบนี่นา แถมคนที่ถูกเรียกว่าจอมดาบก็มีแค่ห้าคนในโลก” ลาโตรว่า เรย์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าจอมดาบเป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตาจากเหล่านักรบจำนวนมาก

    “แต่ไกราก็ไม่อยากได้ดาบอยู่ดีแหละ” ไกราตัดพ้อเพราะทุกคนลืมสัญญาที่จะหาอาวุธใหม่ให้เขาและหันไปสนใจหัวข้อสนทนาอื่นแทน เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่เข้ามาล้อมซิกมาแต่กลับเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความน้อยใจราวกับเด็กน้อย

    พวกเขาคุยกันได้อีกไม่นานนักซิกมาก็เรียกเข้าไปลงทะเบียนสมัครเข้ากิลด์หลังจากฝูงชนสลายตัวกันไปหมดแล้ว ส่วนตัวเขาจะไปเลือกภารกิจมาให้ที่ป้ายประกาศฝั่งตรงข้าม ครูและลูกศิษย์จึงแยกตัวจากกัน พวกเรย์มากรอกข้อมูลที่เคาน์เตอร์ไม้ซึ่งซิกมาได้ติดต่อเรื่องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนซิกมาก็ไปยืนอ่านภารกิจที่ติดเรียงรายกันอยู่บนป้ายไม้อย่างพิจารณา

    การลงทะเบียนยุ่งยากเล็กน้อยเพราะข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่ยังคลุมเครือ เรย์ไม่แน่ใจว่าควรจะใส่อาชีพของเขาว่าเป็น พ่อครัวฝึกหัดหรืออัศวินมังกรที่เขาโดนยัดเยียดให้เป็นดี แต่นั่นก็ยังดูไม่ยุ่งยากเท่ากับของไกราที่นอกจากเขียนหนังสือไม่ได้แล้วประวัติส่วนตัวอะไรทั้งหลายของเขาไม่แน่ชัดจนลาโตรที่เป็นคนเขียนให้ต้องเขียนส่ง ๆ ลงไปตามมีตามเกิด

    ซิกมาเดินกลับมาจากกระดานรับภารกิจและมีบางอย่างติดมือมาด้วย พวกเรย์ที่ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วจึงมายืนล้อมซิกมา และพวกเขาก็พบว่ามันเป็นกระดาษภารกิจซึ่งมีข้อมูลของภารกิจเขียนไว้ แต่ที่จะสะดุดตาที่สุดคงจะเป็นตราสีแดงรูปตัว “S” ซึ่งเด่นหราอยู่บนกระดาษ

    “เฮ้ย! ภารกิจระดับเอส” เรย์โวยวายทันทีเมื่อเห็นกระดาษแผ่นนั้น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับกิลด์มากนักแต่ก็ทราบว่าภารกิจระดับสูงสุดก็ต้องหมายถึงรางวัลที่มากขึ้นและความอันตรายที่มากขึ้นเช่นกัน ยิ่งเห็นสัญลักษณ์สีแดงนั่นก็ยิ่งทำให้เรย์มั่นใจว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

    “ก็น่าจะเหมาะกับระดับพวกเรานะ” ลาโตรหัวเราะเบา ๆ และพยักหน้ากับตนเอง เขาคิดว่านี่แหละคือโอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือที่แท้จริงแล้วหลังจากที่มีสภาพไม่น่าดูตอนอยู่บนเกาะนั่น

    “ที่เขาไม่ให้มือใหม่ทำภารกิจระดับสูงก็เพราะมันอันตรายนาลุง” เรย์พยายามพูดชักจูงให้เขาเปลี่ยนใจแต่คนอย่างซิกมาหากตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็ยากที่จะโน้มน้าวเขาได้อีก เมื่อเห็นสายตามาดมั่นของซิกมาชายหนุ่มก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมอย่างจำนน

    “ภารกิจคืออะไรเหรอ” ไกราถามอย่างไร้เดียงสาแต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะสนใจตอบ

    “ข้าถูกวานให้ฝึกฝนพวกเจ้าให้พร้อมสำหรับมหันตภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น เราไม่มีเวลาฝึกกันแบบตามขั้นตามตอนหรอกนะ” ซิกมาพูดเสียงดุ สายตาของชายชรานั้นเฉียบขาดมากพอที่จะหยุดคำต่อต้านจากเรย์ เรย์ที่ได้ยินดังนั้นก็อึ้งเถียงไม่ออก ลาโตรเข้ามาตบไหล่ปลอบใจเรย์

    อย่าคิดมากน่า พวกเราเองก็ลุยกันมาไม่น้อยแล้วใช่มือใหม่ซะที่ไหนล่ะ” เรย์เงยหน้าจากพื้นและก็ระบายยิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นลาโตรว่าพลางฉีกยิ้มกว้างและชูนิ้วโป้งให้

    “โชคดีที่เจอเข้ากับคนรู้จักข้าเลยขอภารกิจระดับนี้มาให้มือใหม่อย่างพวกเจ้าได้” ซิกมาว่าพลางอ่านรายละเอียดของงานไปพลาง ทุกคนสลัดความคิดท้อแท้ไปจนหมดสิ้นและสนใจกับภารกิจแทน ทั้งสามจ้องมองซิกมาที่อ่านกระดาษในมือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

    “อืม... มีคนขอให้ช่วยหมู่บ้านออสซัมที่ชาวเมืองถูกสาปเป็นหิน” ชายชรากวาดสายตาและยกมือมาลูบคางไปพลาง ๆ ทุกคนมีทีท่าปกติยกเว้นแต่เรย์ที่ได้ยินชื่อหมู่บ้านดังกล่าวก็พูดทบทวนกับตนเองไปมาก่อนจะเบิกตากว้าง

    “ออสซัม!? ออสซัมของโซดาเรียรึ?” เรย์หวั่นใจเมื่อนึกได้ว่าหมู่บ้านออสซัมที่ซิกมาพูดถึงนั้นอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านสตาร์โรว์บ้านเกิดของเขานัก ซิกมาพยักหน้ากับเรย์ ชายหนุ่มเม้มปากและภาวนาอยู่ในใจให้หมู่บ้านของตนปลอดภัย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×