ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งซีน: ลำนำผู้กล้ามังกร (Chronicle of Ziene: Dragon Knight)

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 2: บทเรียนของซิกมา (5/11)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      15
      9 ต.ค. 60

     “อันนี้บำรุงสายตา ช่วยให้กระดูก ฟัน เหงือกแข็งแรง และยังช่วยให้ผิวพรรณดีอีกนะ คนผิวดำกินแล้วจะขาวขึ้น คนผิวขาวกินแล้วจะผิวแทนสวยงาม ตัวนี้สาว ๆ นิยมมากพ่อค้าเห็นลาโตรสนใจจึงคิดว่าวันนี้โชคดีจริง ๆ จะได้เชือดหมูอีกรายแล้ว

    “...ยาอะไร คนขาวกินแล้วดำขึ้นแต่คนดำกินแล้วดันขาว…” ลาโตรรำพึง มองขวดในมือพ่อค้าอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก

    มันเป็นยาเวทมนตร์น่ะ ไม่เชื่อเจ้าก็อย่าลบหลู่พ่อค้ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง รีบดักคอไม่ยอมปล่อยให้ลาโตรเดินหนีไป


    ในขณะที่ลาโตรยังคงยืนชั่งใจว่าจะซื้อดีหรือไม่นั้น ทหารของอัลกราดก็เดินสาวเท้าเข้ามาหาร้านค้าของพ่อหนุ่มจอมลวงโลกอย่างรวดเร็ว

    เฮ้ย จะทำอะไรน่ะพ่อค้ายาเวทมนตร์ร้องโวยวายขณะที่ถูกทหารสองนายเข้ามาหิ้วปีกจากข้างหลัง ยังไม่ทันที่จะได้ล่อลวงลาโตรสำเร็จ ทหารอัลกราดทั้งสองก็จัดการรวบตัวพ่อค้าเอาไว้ ทหารนายที่เหลือก็กวาดยาเวทมนตร์จอมปลอมนั่นลงกล่องไม้จนหมดแผง

    มีคนแจ้งว่าแกขายของหลอกลวง ไปคุยกันหน่อยสิว่าแล้วทหารสองคนนั้นก็ลากพ่อค้าไป ปล่อยให้ลาโตรยืนงงเป็นไก่ตาแตกพลางเกาหัวแกรก ๆ หลังจากทหารจัดการเก็บข้าวของทั้งหมดไปตรวจสอบร้านค้าเวทมนตร์แสนวิเศษเมื่อครู่หายวับไปกับตาทันที

    ซี้ซั้วกินยามั่ว ๆ เดี๋ยวก็ตายหรอกซิกมาที่ยืนอยู่ข้างหลังลาโตรโพล่งขึ้นมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นเอาเขาถึงกับสะดุ้งตัวโยนและหันมาตอบแก้เก้อด้วยเสียงแผ่วเบา

    อา... ข้าก็ว่ามันแปลก ๆ อยู่...”


    วันก่อนวันจบงาน ทั้งสองจึงพาตระเวนดูรอบงานเสียจนหนำใจพร้อมกับถลุงเงินไปกับของมากมายที่แปลกตา เรย์ได้ตำราทำอาหารมาเพิ่มอีกหลายเล่ม นอกจากนั้นเขายังได้รางวัลชมเชยจากงานแข่งขันทำอาหารที่เขาเข้าร่วมในวันสุดท้ายอีก ส่วนลาโตรเองหลังจากจิตตกกับพ่อค้าต้มตุ๋น เขาจึงหมดเงินไปกับอาวุธหรืออะไรก็ตามที่น่าเชื่อถือกว่า

    ลาโตรและซิกมายังคงฉลองงานเทศกาลจนวันสุดท้าย ซึ่งในช่วงบ่ายของเมืองอัลกราดจะมีการดื่มและร้องรำทำเพลงเพื่อส่งท้ายงานฉลองที่ยิ่งใหญ่นี้กันอย่างสำราญ เรย์ที่ได้ตำราสมใจอยากแล้วจึงล่วงหน้าเดินทางไปรอที่ท่าเรือก่อน ส่วนทั้งสองให้คำมั่นว่า หลังจากจบงานเลี้ยงและตรวจตราจุดที่เกิดเหตุเมื่อคราวก่อนเรียบร้อยแล้วจะรีบตามไปสมทบ


    เรือที่พวกเขาขึ้นมีเป้าหมายอยู่ที่ลีโอตาร์ประเทศบนเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลจากเมืองอัลกราดแต่เป็นศูนย์กลางการเดินทางบนคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุด ทั้งสามใช้เวลาเดินทางอยู่บนเรือหลายวันกว่าจะเทียบท่าที่ลีโอตาร์

    ประเทศแห่งนี้เป็นเมืองท่าที่ทันสมัยและใหญ่โตที่สุดในซีนก็ว่าได้ และนั่นทำให้อู่ต่อเรือของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นอู่ต่อเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก ว่ากันว่าหากใครต้องการหาเรือดี ๆ สักลำล่ะก็ ที่แห่งนี้มักจะเป็นตัวเลือกแรกเสมอ

    สาเหตุที่ซิกมาพาเรย์และลาโตรมาในครั้งนี้เป็นเพราะว่าเขาจำเป็นต้องมาเปลี่ยนเรือที่นี่เท่านั้น เพราะเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ยังอยู่อีกไกล ทำให้เรย์และลาโตรไม่ได้เดินสำรวจลีโอตาร์เลยแม้แต่น้อย จะเห็นก็แต่เรือมากมายที่จอดอยู่ในท่าและช่างต่อเรือมากหน้าหลายตาที่กำลังช่วยกันซ่อมแซมเรือเท่านั้น ทั้งสองจึงถอนสมอเรือเล็กลำใหม่ออกจากท่าโดยไม่ได้แม้แต่หยุดชื่นชมเมืองท่าอันตระการตาแห่งนี้


    เกาะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปคือ เกาะนีมอสซึ่งในภาษาเก่านั้นแปลว่า เกาะไร้นาม สาเหตุที่ถูกขนานนามว่า เกาะไร้นามนั้นเพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่เลย แม้จะมีนามให้เรียกขานแต่ผู้ใดจะเอื้อนเอ่ยเล่า ในเมื่อสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพืชมีพิษและสัตว์ร้าย แค่จะพูดถึงชื่อก็หวาดกลัวแล้ว

    แต่... ที่แห่งนี้ก็กำลังจะกลายเป็นสถานที่ฝึกของเรย์และลาโตรในหลายเดือนหลังจากนี้


    เรือของพวกเขาแล่นออกมาไกลจากอู่ต่อเรือหลายวันเพื่อนจะเดินทางไปที่นั่น หลังจากล่องเรืออยู่นานทั้งสามที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือก็เห็นแผ่นดินสีดำทะมึนอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่เรือเข้าใกล้เกาะนี้มากขึ้น แผ่นดินใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองและสะดวกสบายก็ไกลออกไปเรื่อย ๆ

    เมื่อเรือเข้าจอดที่หาดทรายสีขาวสะอาดตา แม้น้ำทะเลจะเป็นสีครามชวนให้รู้สึกดีเพียงใด แต่เมื่อหันไปมองเกาะเบื้องหน้า ชายหนุ่มทั้งสองถึงกับรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก

    ทั่วทั้งเกาะถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แข่งกันรับแสงอาทิตย์จนสูงท่วมหัว เถาวัลย์หนามน้อยใหญ่เกี่ยวกันกับต้นไม้จนระโยงระยาง ป่าที่ขึ้นกันจนหนาทำให้เมื่อมองลึกเข้าไปก็จะเห็นแต่ความมืดและพุ่มไม้ที่เป็นเงาตะคุ่ม ๆ เท่านั้น เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังไปพร้อมกับเสียงของสัตว์ป่าดุร้ายที่คำรามอยู่ไกล ๆ จากดงหญ้า


    เรย์และลาโตรมองซ้ายขวาอย่างระวังภัยจากนั้นจึงกระโดดลงจากเรือตามซิกมาที่เดินนำไปที่หาดทรายก่อนแล้ว ซิกมาดูท่าทางจะเป็นคนที่ผ่อนคลายมากที่สุด เขามองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจ เรย์จึงมองตามบ้างพลางนึกหวาดหวั่นกับสัตว์ร้ายที่อาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้


    พืชของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นพืชที่ลาโตรไม่รู้จัก เขาใช้ดาบจิ้มต้นเฟิร์นสีแดงที่งอกอยู่บริเวณใกล้กับป่า เมื่อเฟิร์นถูกใบดาบสัมผัสมันก็พากันงอตัวทั้งกอพร้อมทั้งพ่นควันสีแดงกลิ่นฉุนกึกออกมา ลาโตรสะบัดควันออกจากใบหน้าและสาวเท้ามารวมกับเรย์ที่ยังยื่นนิ่งอยู่ตรงหาดทราย


    เอาล่ะ จากนี้ไปพวกเราจะบุกป่ารวดเดียวเข้าไปจนถึงใจกลางเกาะซิกมากล่าวพลางชักดาบทั้งสองขึ้นมาจากฝักข้างเอว ท่าทางของชายชราดูคึกกว่าปกติ นั่นทำให้เรย์และลาโตรสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีนัก ทั้งสองลอบมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรในขณะที่ชายชราชี้ไปเข้าไปยังป่าที่มืดครึ้มและเต็มไปด้วยสัตว์ร้าย

    เห็นพวกทหารเล่าให้ฟังว่าเดวัลที่อาศัยในเกาะนี้ร้ายกาจมากลาโตรเปรยขึ้นพลางหันมาทางเรย์ ชายหนุ่มผมทองกลืนน้ำลายอย่างหนืดคอ

    เอ่อ ข้าสงสัยมานานแล้ว ตกลงเดวัลกับสัตว์ทั่วไปมันต่างกันยังไงเรย์ถามลอย ๆ แม้ว่าเขาจะเคยเจอสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเดวัลมาหลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่แยกมันออกจากสัตว์ธรรมดา

    นั่นสิ ข้าก็ไม่แน่ใจ มันก็คล้าย ๆ กันแหละมั้งลาโตรที่ปกติมักจะรู้ดีในเรื่องไร้ประโยชน์ยังส่ายหน้าอย่างยอมแพ้พลางยักไหล่

    คนหนุ่มสมัยนี้... ” ซิกมาถอนหายใจ ก่อนที่จะเริ่มวิชาความรู้รอบตัวของเขา “เอาง่าย ๆ คือเดวัลน่ะมีสติปัญญามากกว่าสัตว์ทั่วไป บางชนิดพูดภาษามนุษย์ได้ก็มี และก็มีจำนวนไม่น้อยที่ใช้เวทมนตร์ได้ด้วย


    ในขณะที่ยืนพูดคุยกันอยู่นั้น ลาโตรและเรย์ซึ่งยืนหันหน้าเข้าไปทางป่าก็เห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง ทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมกันเมื่อเห็นเงาของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เมื่อมันพ้นออกมาจากความมืดของป่าจึงเห็นประจักษ์ต่อสายตาว่า เดวัลที่พวกเขากำลังกล่าวถึงได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้ว มันคือหมีตัวใหญ่ที่น่าจะคุ้นตาคนทั่วไปแต่ที่แปลกกว่านั้นคือทั่วร่างกายของมันปกคลุมด้วยเกล็ดของงูสีเงิน เดวัลหมีเดินอุ้ยอ้ายออกจากป่าและคำรามดังก้อง


    หมีตัวอ้วนยกกรงเล็บของมันขึ้นสูงและตะปบลงอย่างแรงที่หลังของชายชราที่อยู่ใกล้กว่า เรย์และลาโตรมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง มิใช่ว่านักดาบชราจะลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้นแต่อย่างใด แต่ซิกมาเพียงเอี้ยวตัวเล็กน้อยก็สามารถหลบการลอบโจมตีนั้นได้อย่างง่ายดาย พวกเรย์เห็นดังนั้นจึงพากันรีบชักอาวุธออกมาป้องกันตัวทันที

    เดวัลผู้หวงถิ่นสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตมาจากซิกมา ด้วยความที่เดวัลนั้นมีสติปัญญามากกว่าสัตว์ทั่วไป มันจึงรู้ได้ว่าฝีมือของซิกมายากจะต่อกรนัก เดวัลหมีจึงเปลี่ยนเป้าหมายวิ่งเข้าไปหาลาโตรและเรย์ที่ยืนอยู่พร้อมส่งเสียงขู่คำราม


    ข้าเองลาโตรตะโกนพร้อมกับเหวี่ยงดาบมังกรในมือสุดแรงหวังจะซัดเจ้าหมีเกล็ดงูให้สลบเหมือดในดาบเดียว

    พลั่ก!!!

    เดวัลใช้อุ้งมือของมันฟาดไปที่ลาโตรอย่างแรงในขณะที่ลาโตรใช้ดาบฟาดเข้าไปที่สีข้างของมัน ใบดาบที่คมกริบไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเกล็ดหนาตามร่างกายของมันได้ จึงกลายเป็นลาโตรเองที่ถูกซัดจนปลิวหายไปในพุ่มไม้บริเวณนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×