คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : อารยธรรมเมโสโปเตเมีย /// ชาวอมอไรท์(บาบิโลเนีย)
ชาวอมอไรด์
ชาวอมอไรท์หรือชาวบาบิโลเนีย ประมาณปี 2000 ก่อนคริสตกาล อมอไรท์เป็นเซมิติค เร่ร่อนจากซีเรียเข้ารุกรานดินแดนตะวันตกของอัคคัต ภายใต้การนำของฮัมมูราบี (Hummurabi 1792-1750 B.C.) กษัตริย์องค์ที่ 6 ของอมอไรท์ ได้รวมดินแดนซูเมอร์-อัคคัต เข้าด้วยกัน ก่อตั้งจักรวรรดิบาลิโลเนียครั้งที่หนึ่งขึ้น (The First Babylonian Empire) ที่เมือง บาบิโลน (Badylon) บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส เป็นเมืองหลวงสมัยของกษัตริย์ฮัมมูราบี คือ ยุคทองของจักรวรรดิบาบิโลน
บาบิโลนเข้มแข็งขึ้นตามลำดับจนได้เป็นนครใหญ่ของอาณาจักรเมโสโปเตเมียทั้งหมด ต่อมาเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายว่าจักรวรรดิบาบิโลเนีย พวกบาบิโลนสามารถเอาชนะบรรดาเพื่อนบ้านคือพวกอัคคาเดียน และสุเมเรียนได้
พระเจ้าฮัมมูราบีทรงเป็นกษัตริย์ที่สามารถรวบรวมดินแดนแม่น้ำไทกริส - ยูเฟรตีส เข้าไว้ในอำนาจแต่เพียงผู้เดียว และสถาปนารัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้นปกครองบาบิโลนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีความหมายนักกลายเป็นศูนย์กลางของนักปราชญ์ราชบันฑิตเป็นจักรวรรดิบาบิโลเนียแรก (First Babylonian Empire) ทรงปกครองอยู่ 43 ปี (1792-1750 B.C.)
พระเจ้าฮัมมูราบี
ประมวลกฎหมายของฮัมมูราบี
การร่างประมวลกฎหมาย (Hammurabi Code) พระเจ้าฮัมมูราบีทรงเป็นที่รู้จักในฐานะเป็น ผู้สร้างประมวลกฎหมายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคม และจริยธรรมแห่งชีวิต ทรงกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำประมวลกฎหมายว่า “เพื่อผดุงความยุติธรรมให้คงอยู่ในแผ่นดิน ทำลายคนชั่วและคนร้าย ป้องกันคนแข็งแรงข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า...และเพื่อพัฒนาสวัสดิการสำหรับประชาชน”
ประมวลกฎหมายนี้จารึกอยู่บนแผ่นดินไดโดไรท์สีดำ ขนาดสูง 8 ฟุต จารึกด้วยอักษร Cuniform ประมวลกฎหมายนี้ประดิษฐ์ไว้ในวิหารของเทพมาร์คุด (marduk) ซึ่งเป็นเทพสูงสุดของบาบิโลน ต่อมาทีมนักโบราณคดีฝรั่งเศสขุดพบที่ ประเทศอิรัก ในช่วงฤดูหนาวปี 1901 ถึง 1902 หินสลักนี้แตกเป็น 3 ชิ้น และได้รับการบูรณะ ตอนบนของแผ่นหินมีรูปแกะสลักภาพเทพเจ้ากำลังประทาน ประมวลกฎหมายให้แก่ ฮัมมูราบี ปัจจุบัน ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส แผ่นหินนี้นับเป็นโบราณวัตถุที่มีค่ายิ่งในทางประวัติศาสตร์ เพราะข้อความในประมวลกฎหมายสะท้อนให้เห็นถึงสภาพของสังคม Babylonia ในสมัยนั้นเป็นอย่างดี ทำให้เราทราบว่า Babylonia ประกอบขึ้นด้วยคนชั้นต่างๆ คือ กรรมกรและทาส
กฎหมายฮัมมูราบี
กฎหมายของฮัมมูราบี
1. คล้ายกฎหมายของพวกสุเมเรียน คือ อาศัยหลัก Lex talionis คือ ใช้ลัทธิสนองตอบ คือ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” (An eye for an eye , a tooth for a tooth)
2. มีความเปลี่ยนแปลงไปจากกฎหมายของพวกสุเมเรียน คือ การให้ความยุติธรรมนั้นต้องเป็นหน้าที่ของรัฐ (การให้ความยุติธรรมในสมัยแรกเริ่มนั้นเป็นหน้าที่ของบุคคล)
3. ให้สิทธิแก่สตรี สตรีมีสิทธิฟ้องสามีได้
4. การค้าขายจะต้องได้พระบรมราชานุญาต จำกัดกำไรให้เพียง 20%
5. กำหนดเวลาการตกเป็นทาสหนี้สินเพียง 3 ปี
ทั้งนี้เป็นเพราะนอกจากจะทรงสามารถในการรบและการปกครองเป็นผลให้ จักรวรรดิขยายกว้างใหญ่ไพศาล ฮัมมูราบีปรับปรุงอารยธรรมสุเมเรียนให้ดีขึ้น และในที่สุดจักรวรรดิ บาบิโลนก็ได้เริ่มเสื่อมลงเป็นลำดับภายหลังการสิ้นพระชนม์ของฮัมมูราบีเพราะ
1.กษัตริย์ผู้สืบทอดต่อมาไร้ความสามารถในการปกครองและการรบ เป็นผลให้กลุ่มชนภายใต้ การปกครองของอะมอไรท์ดำเนินการแยกตนเป็นอิสระ
2.ประมาณปี 1590 ก่อนคริสตกาล ฮิตไตท์ชนชาตินักรบจากเอเซียไมเนอร์ เข้ารุกรานมุ่งยึด กรุงบาบิโลนแต่ไม่สำเร็จ
3. การก่อกวนของเฮอเรีย (Hurrians) แห่งอาณาจักรมิทานมิ (Mitanni) อาณาจักรนี้ตั้งอยู่ ทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีส
4. งบประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ก่อนคริตกาล คัสไซส์ (Kassites) อนารยชนจากเทือกเขา ใกล้ดินแดนเปอร์เซียตะวันตกเข้ารุกรานและโค่นอำนาจอะมอไรท์ได้สำเร็จ
ความคิดเห็น