ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic TS9 อ้นดิวเชอรีนบูรณ์ (harem) feat.ดี,ตั้ม,แบมบี้

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เชลย

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 56


    ณ เรือส่วนบุคคลแมดิสัน

     

    เชลยทั้งสามถูกนำตัวไปบนเรือโจรสลัด สีหน้าของทั้งเชอรีนและบูรณ์ต่างก็ยังคงดูตกตะลึง เหมือนกับว่าไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นพ่ายแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอุกอาจเสียจนพวกเขามึนงงไปหมด กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็เรือทั้งลำก็ถูกทำลายเสียจนยับเยิน และพวกเขาก็ถูกลายล้อมไปด้วยพวกมหาโจร ที่บีบบังคับให้พวกเขาต้องจำยอมศิโรราบ

    ตั้งแต่ครึ่งชั่วยามที่ผ่านมา หัวใจขององค์หญิงเชอรีนนั้นเต้นรัวแทบที่จะไม่ได้หยุดได้หย่อน รู้สึกเครียดเสียจนปากสั่น เมื่อเหลียวมองไปทางไหนก็ถูกลายล้อมไปด้วยคนร้ายที่พกอาวุธติดตัวอย่างครบครัน ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของพวกเขาจะไม่ได้ดูเลวร้ายถึงขนาดที่เธอเคยจินตนาการพวกเหล่าโจรสลัดเอาไว้ก็ตามที แต่เมื่อเธอพยายามเตือนสติตนเองอีกครั้งว่าตนเองถูกเจ้าโจรสลัดจับเป็นเชลยนั้น หล่อนก็อดที่จะรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

    ชะตาของหล่อนอยู่ในกำมือพวกมันแล้ว...

    หล่อนรู้สึกคับแค้นใจเสียจนอยากจะร้องไห้ แต่พยายามกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาสักหยด... อย่างน้อยๆก็ในตอนนี้ ในยามที่หล่อนอยู่ตรงหน้าศัตรู หล่อนรู้สึกเสียใจในสิ่งที่กระทำลงไป รู้สึกดั่งตนเองสิ้นศักดิ์ศรีกับการที่องค์หญิงอย่างหล่อนจะต้องถูกจับมาเป็นเชลยเยี่ยงนี้...

    แล้วถ้าหากนางหนีออกไปได้ นางจะมีหน้าบากหน้ากลับไปพบกับเสด็จพ่อได้อย่างไร...?

    'เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกเสียใจเหลือเกิน...'นางคิดก่อนที่จะกระพิบตาถี่ๆกล้ำกลืนความเจ็บช้ำในทรวงให้ไหลย้อนกลับเข้าไป...

    ในยามนี้เองที่เกิดความรู้สึกหลายๆอย่างระคนในอกของนาง ทั้งความรู้สึกที่หวาดระแวงตลอดเวลา ความเครียด ทั้งรู้สึกผิดและสำนึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนเสียใจจริงๆที่เลือกที่จะไม่เชื่อฟังคำเตือนขององครักษ์หนุ่มเสียตั้งแต่ตอนแรก คราวนี้เชอรีนเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว...

    ไม่รู้ว่าจากนี้ต่อไปชีวิตหล่อนจะกลายเป็นอย่างไร เชอรีนเหลือบมองบูรณ์ที่อยู่ในโซ่ตรวนคล้องแขนเช่นเดียวกับหล่อน.. ภาพนั้นยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิด เพราะหล่อนแท้ๆ เพราะความดื้อด้านของหล่อน จนทำให้เขาต้องมาตกตระกรรมลำบากเช่นนี้

    ขอโทษนะบูรณ์...

    แต่กระนั้นเอง...เชอรีนกลับรู้สึกอิจฉาตั้มที่ยังคงนอนสลบเหมือดอย่างสบายใจเฉิบ... ราวกับว่าฟ้าจะถล่มโลกจะทลายเขาก็จะยังคงนอนต่อไปโดยไม่สนใจใคร... ด้วยเหตุประการฉะนี้นั่นเองเขาจึงเป็นผู้เดียวที่ไม่ถูกล่ามโซ่ตรวน โดยมีลูกเรือวัยหนุ่มฉกรรจ์สองคนหามเขาใส่เปล

    หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวเล็กๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกำลังถูกรายล้อมไปด้วยคนร้ายแถมซ้ำร้ายเธอยังไร้ซึ่งมีองครักษ์ข้างกาย เชอรีนเหลียวหลังมองตั้มที่ถูกหามใส่เปลพาไปอีกฟากหนึ่งของเรือจนลับสายตา ด้านเธอและบูรณ์ที่ถูกล่ามเอาไว้ในโซ่ตรวน ต้อนให้เดินเข้าไปในเคบินกัปตัน

    หึ! ไอ้ผู้ชายประหลาดพิลึกคนนั้น แถมยังสติสตังยังไม่ค่อยน่าจะดี อันที่จริงหากจะดูแต่รูปลักษณ์ภายนอกแล้วนั้นไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเกรงขามเขาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความที่ว่าเขาเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก เชอรีนคิดว่ากัปตันโจรสลัดควรที่จะต้องไว้หนวดเครา และตัวใหญ่บึกบึน แต่ชายผู้นี้กลับดูไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย เขาดูจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจินตนาการของเธอทุกอย่าง..

    ทั้งการกระทำที่แปลกพิลึก จู่ๆเขาก็มาสำรวจฟันของเธอก่อนที่จะสั่งให้บุก... เอ... หรือว่าอีตาหมอนี่ต้องการจะหาฟันทองจากเธอกัน?

    อาจจะเป็นไปได้...แต่ถึงอย่างไรก็ตามที หากเขาจ้องจะปล้นนางจริง เหตุใดเขาจึงทำลายเรือของหล่อนโดยที่ไม่ใส่ใจในสมบัติที่ติดตัวมาแม้แต่น้อย...

    เชอรีนเห็นพฤติกรรมของพวกลูกเรือก่อนที่เรือจะล่ม...พวกเขาแค่ทำเหมือนสนใจในของที่ติดตัวของพวกหล่อนมา แต่ไม่ได้เอาอะไรไปเลยแม้แต่น้อย กลับปล่อยให้เรือของนางจมดิ่งสู่ท้องทะเล...

    และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นางเกิดรู้สึกแค้นไอ้กัปตันเพี้ยนๆนี่ ถ้าหากนางไม่ได้หวาดกลัวไอ้กองทัพลูกเรือที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขาล่ะก็.. นางจะไม่รีรอที่จะกระโจนออกไปบีบคอเขาเสียให้ตายคามือเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยทีเดียว

    เขากล้าดียังไง... มาจมเรือของนาง มาทำลายชีวิตของนางให้พังป่นปี้..

    "ครืน"

    ลูกเรือหนุ่มยกเก้าอี้ไม้สองตัวมาวางไว้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของกัปตันที่ในเวลานี้ยังคงไม่มีวี่แววของเจ้าของโต๊ะ..

    "นั่งลง คอยกัปตันตรงนี้ อย่ากระดุกกระดิกล่ะ อย่าคิดหนีด้วย"เขากล่าวก่อนที่จะเดินจากไป

    เชอรีนรู้สึกตลกพิลึก ถูกล่ามทั้งมือทั้งเท้าเสียขนาดนี้จะไปไหนให้ไกลได้ แต่ยังไงก็เถอะ ไม่รู้อีตากัปตันนี่อบรมลูกน้องอีท่าไหนถึงได้ปล่อยให้เชลยอยู่กันตามลำพังอย่างนี้... ถ้าหากเป็นนางนะ จะให้คนคอยคุมตัวจับตาถูกฝีก้าวเลยทีเดียวเชียว...

    แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสที่ดี...สำหรับการสำรวจและมองหาจุดอ่อนของศัตรูเพื่อฉวยโอกาส ดวงตาหวานกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อสำรวจสถานที่ ภายในเคบินกัปตันนั้นถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยฝีมืองานไม้ที่ปราณีตดูอย่างกับว่าไม่ใช่เรือของมหาโจร มีทั้งชั้นที่เรียงรายไปด้วยหนังสือ เชอรีนไม่อยากจะเชื่อว่าพวกโจรสลัดจะมีนิสัยที่รักการอ่าน ถัดจากชั้นหนังสือนั้นมีประตูอีกประตูหนึ่งดูแล้วน่าจะเป็นประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องนอนของเขาอีกห้องหนึ่ง เพราะเชอรีนมองไม่เห็นเตียงในห้องนี้แม้แต่น้อย บริเวณหน้าต่างเป็นโต๊ะทำงานของเขาที่ทำจากไม้สักจากแดนตะวันออกแกะสลักด้วยลวดลายงดงาม ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่รกระเกะระกะ แถมยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ดูแล้วผิดวิสัยมหาโจรยิ่งนัก...

    ไม่ได้ๆ...

    เชอรีนคิดก่อนสั่นศีรษะ

    เพียงแค่นี้จะตัดสินว่าเขาเป็นคนอย่างไรได้ยังไงกัน กัปตันหนุ่มผู้นี้อาจจะเป็นพวกมีรสนิยมหรูหรา แต่บางทีเขาอาจจะเป็นพวกชอบตัดหัวเชลยที่ปราชัยต่อเขา หรือใช้เครื่องทรมานสังหาร หรือตัดหัวเป็นชิ้นๆ หรือแย่กว่านั้น...

    จินตนาการของเชอรีนเริ่มที่จะฟุ้งซ่านไปไกลก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆตามชะตากรรมที่นางนึกอนุมานในหัว นางมัวจมอยู่ในห้วงภวังค์ของตนอยู่นานเสียจนมิได้ระแคะระคายในสายตาของชายหนุ่มข้างๆที่เฝ้าคอยสังเกตสีหน้าของตนอยู่ตลอดเวลา

    "องค์หญิงพะยะค่ะ"บูรณ์กระซิบ

    "อะไรหรือบูรณ์?"นางสะดุ้งเล็กๆ

    "ช่วยขยับพระหัตถ์ซ้ายมาใกล้ๆกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ"เขากล่าว สีหน้าที่จริงจังของเขาทำให้เชอรีนรู้สึกสะดุ้งตกใจ

    "ทะ...ทำไมหรือบูรณ์?"

    "โปรดทำตามคำขอของกระหม่อมด้วยเถิดพะยะค่ะ..."เขาเร่งกระซิบ ทั้งน้ำเสียงและดวงตานั้นฉายแววร้อนรน หญิงสาวไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมทำตามคำขอของเขา...

    ไม่ทันไรนั้นเองหล่อนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง โลหะเย็นๆที่ลอดผ่านเข้านิ้วนางข้างซ้ายของนาง เมื่อเชอรีนก้มลงมองดูก็พบว่ามันคือแหวนประจำตัวของตนเองที่นึกว่าจมหายลงไปกับเรือ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจในการกระทำของเขา...

    "นี่เจ้า..-"

    "ได้โปรดอย่าเพิ่งถามกระ-"

    ไม่ทันไรนั้นเองประตูเคบินก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆของชายสองคนที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะทำให้อดีตราชครูนั้นมิอาจที่จะต่อประโยคของเขาให้ได้จนจบ กัปตันหนุ่มเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับน้องชายรองกัปตันของเขา เสียงฝีเท้าของเขาชวนให้คนที่นั่งรอคอยอยู่นึกถึงการสวนสนามอะไรบางอย่าง มันดังเป็นจังหวะจะโคนราวกับว่าถูกฝึกมาดี แต่ถึงกระนั้นเองทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ในสภาวะตื่นเต้นเกินกว่าที่จะสังเกตถึงอะไรเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น

    กัปตันหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานเอามือเท้าคางก่อนที่จะหันมาประจันหน้าแป้นแล้นกับหญิงสาว ก่อนที่จะยิ้มแยกเขี้ยวออกมา

    "ไงล่ะ วางแผนจะหลบหนีกันอยู่หรอ?"กัปตันหนุ่มถามพลางจ้องดวงตาที่สุกใสของเขาลึกเข้าไปในดวงตาของเชอรีน ราวกับว่าการกระทำของเขามีจุดประสงค์ที่จะมุ่งค้นหาอะไรบางอย่างจากดวงตาหวานสีช็อคโกแล็ต ด้วยความที่หล่อนเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง และไม่มีชายหนุ่มคนใดที่กล้าที่จะกระทำเยี่ยงนี้กับนาง ด้วยความไม่เคยถูกชายใดจ้องหน้ามาก่อน นางจึงรีบหลบตาทันที..

    แต่ถึงอย่างไรเชอรีนก็พยายามไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น นางจึงร้องถามว่า

    "ข้าควรจะถามพวกเจ้าเสียมากกว่า ว่าพวกเจ้าจับพวกเรามาทำไมกัน?"

    "แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใครกัน?"เขายอกย้อน ใบหน้ายิ้มๆดูเหมือนกำลังสนุก...

    "เอ๊ะ! ข้าถามพวกเจ้าก่อนนะ"นางแหว เริ่มรู้สึกโมโห

    ถึงแม้จะอยู่ในวงล้อมของศัตรูก็ตามที มันก็ไม่ได้ทำให้นางมีความพยศน้อยลงเลย..

    "เจ้านี่ช่างกล้าต่อปากต่อคำนี่น้องสาว ถ้าข้าอยู่ในสถานะเดียวกับเจ้า อาจจะไม่กล้าทำอย่างเดียวกับเจ้า..."กัปตันหนุ่มพูดพลางเชยคางเธอขึ้นมาเล็กๆ พยายามจะดื่มด่ำความหวานจากนัยน์ตาสีช็อคโกแล็ตอีกครั้ง ท่าทีที่เธอหลบสายตาของเขาเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกขบขันและคะนอง ดูเหมือนว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นสาวบริสุทธิ์ ที่ไม่เคยผ่านต้องมือชายใดมาก่อน มิเช่นนั้นคงจึงไม่เกิดกิริยาเช่นนี้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รีรอที่จะหยอกล้อนางอีกครั้ง

    และก็เป็นดังเช่นที่เขาคิด

     

    "อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ!"เชอรีนสะดุ้งเล็กๆก่อนจะรีบขัดขืน นางสะบัดหน้าหนีทันที รู้สึกว่าใบหน้าของนั้นร้อนผ่าวขึ้นมา

    "อย่าแตะต้องตัวนาง!"บูรณ์เสริมเสียงแข็งหลังจากที่นิ่งอยู่นาน เขายืดตัวขึ้นมาเหมือนจะเตือนสติให้กัปตันรับรู้ว่ายังคงมีเขาอีกคนที่อยู่ในห้อง

    "ข้าลืมเจ้าไปเลย ตกลงเจ้าจะยอมพูดหรือยัง เจ้าก็ได้คนใดคนหนึ่ง ฮ้าววว"เขาพูดก่อนที่จะหาวอย่างไม่เก็บอาการ

    "ข้าชื่อบูรณ์ เดินทางมาจากทางเหนือของคลัจ ข้ากับน้องชายของข้าเราเป็นเพียงพ่อค้าวานิชก็เท่านั้น...แต่ดูท่าทางพระเจ้าคงจะชังน้ำหน้าพวกเรา จึงส่งพวกเจ้าให้มาโจมตีเรือเราให้พังยับเยิน"บัณฑิตหนุ่มกล่าว ประโยคนั้นชวนให้รู้สึกถึงเจตนาของความประชดประชัน

    อ้นยิ้ม เขาไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย...

    "งั้นหรือ...เจ้ากับน้องชายของเจ้าที่นอนป่วยอยู่ตรงโน้น.. แล้วนางล่ะ"กัปตันหนุ่มพูดถึงตั้ม ก่อนจะหันมาสบตาเชอรีนอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาจะสนใจนางเป็นพิเศษ สายตาของเขาทำให้บูรณ์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงหวง มันดูกรุ่มกริ่มพิลึก ราวกับว่าหมาป่ากำลังจับจ้องมองลูกแกะน้อยซึ่งเป็นเหยื่อ

    เขารู้จักสายตานั้นดี สายตาที่แฝงไปด้วยความสเน่หา...

    และนั่นก็ไม่ทำให้บูรณ์รู้สึกเสียใจเลยที่เขาจะพูดประโยคต่อไป

    "นางคือภรรยาของข้า..เชอรีน.."เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สัมผัสได้ถึงความหยิ่งผยองและการประกาศศักดา ของความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ...

    บูรณ์แอบยิ้มมุมปากเล็กๆเมื่อเห็นสีหน้าที่ผงะของกัปตันหนุ่ม ดูเหมือนว่าเขาจะผิดหวังเล็กๆ

    ตึง!

    ...ภรรยา อ้นรู้สึกว่าโลกสีชมพูของเขานั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ดวงใจของเขาห่อเหี่ยวทันที แต่ทว่าเขายังไม่ยอมแพ้หรอก บางทีไอ้หน้าจืดนี่มันอาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาอำเขาเล่นก็ได้...

    "ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก อย่ามาหลอกกันดีกว่า..."กัปตันหนุ่มกล่าวพลางหรี่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจ เฮอะ ผู้หญิงสวยขนาดนี้น่ะหรือจะรีบแต่งงานมีสามี แถมไอ้ผู้ชายคนนั้นยังขี้เหร่กว่าเขาซะตั้งร้อยเท่า ฮึ!

    "หากเจ้าเมื่อเชื่อ ก็จงดูแหวนที่นิ้วมือข้างซ้ายของนางเสีย!"บูรณ์กล่าวเสียงดังด้วยความมั่นใจ กัปตันหนุ่มไม่รอช้า เขารีบกระชากแขนที่ถูกโซ่ตรวนล่ามขึ้นมาดู ด้านรองกัปตันเองก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูอย่างให้ความสนใจด้วย แล้วเขาทั้งสองก็เห็นเครื่องยืนยันเป็นที่ประจักษ์ เขาก็ค่อยๆวางมือนางลงบนโต๊ะเบาๆด้วยก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่จ๋อยลงไปสนิทอย่างเห็นได้ชัด...

    ธันยบูรณ์เชิดหน้าขึ้นเล็กๆ เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่ถอดสีของกัปตันหนุ่ม ยิ้มที่มุมปากอย่างผู้มีชัย

    เชอรีนรู้สึกราวกับว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อได้ยินประโยคนั้น ภ..ภรรยา... เขากำลังหมายถึงนางใช่ไหม!? เชอรีนอ้าปากหวอ...

    นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!?

    สิ่งที่เขาพูดทำเอานางมึนงงไปหมดแล้ว...

    ในยามนี้เองที่ใบหน้าของนางดูตกใจไปไม่น้อยกว่ากัปตันหนุ่มเลย อดีตราชครูหนุ่มเหลือบมองใบหน้าด้านข้างขององค์หญิงของเขา รู้ดีว่าจะต้องเกิดสีหน้าที่ส่อพิรุธ

    แต่ถึงอย่างไร เขาก็ได้คิดวิธีการแก้สถานคับขันนี้เอาไว้แล้ว

    'ขอโทษนะองค์หญิง...'บูรณ์คิดก่อนที่จะไม่รอช้าบรรจงเหยียบเท้าซ้ายของเชอรีนอย่างเต็มกำลัง

    "โอ๊ยยยยยยยยยยยยย!"นางร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดใบหน้าดูเหยเกพิลึก

    "เจ้าเป็นอะไรไปหรือเชอรีน หรือว่าเจ้าปวดท้องหิวข้าวกัน"บูรณ์แสร้งทำเป็นตกอกตกใจ ปั้นสีหน้าห่วงใยได้อย่างแนบเนียนเหลือเชื่อ

    และวินาทีนั้นเองที่เชอรีนอยากจะฆ่าพระอาจารย์ของนางให้ตายเสียตรงนั้น...

    ฝากไว้ก่อนเถอะ...หนอย... มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

    แต่เขาก็ยังคงบดขยี้เท้าอันหนักอึ้งของเขาลงมาจนทำให้นางเจ็บเสียจนพูดไม่ออก

    "จริงสิ ตั้งแต่พวกเจ้าโดนจับมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยสินะ"กัปตันหนุ่มกล่าวสีหน้าดูหวาดวิตกเล็กๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อเหตุการณ์ตรงหน้าเสียจนสนิทใจ

    มันช่างประหลาดพิลึกผิดวิสัยโจรสลัด! บูรณ์รู้สึกประหลาดใจเสียจริงว่าเหตุใดเขาจึงได้แสดงความห่วงใยสวัสดิภาพของเชลยเสียจนออกนอกหน้าเสียขนาดนี้...

    แต่อย่างไรก็ตามทีเถอะนั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหมั่นไส้ที่บูรณ์มีให้กับคนตรงหน้าน้อยลงไปเลย

    "ข้าไม่นึกว่าพวกเจ้าจะมีจิตสำนึก"เขาแค่นเสียงก่อนยิ้มเยาะ

    "แหม ท่านจะชมข้าเกินไปแล้วพี่ชาย... ถึงพวกข้าจะเป็นโจรสลัด แต่ข้าก็ยังมีมนุษยธรรมนะจะบอกให้..."กัปตันหนุ่มกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านแถมยังยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

    "เอาล่ะ... ยังไงก็ตามทีพวกเจ้าเป็นเชลยของข้า เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป..พวกเจ้าทั้งสอง รวมทั้งน้องชายของเจ้า คือลูกเรือของข้า.."อ้นกล่าวปกาศิต

    "หึ.."บูรณ์ไม่ได้ส่งเสียงอะไรนอกจากพ่นลมออกมาจากทางจมูกด้วยความดูแคลน

    "นี่...ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าก็นับว่าบุญมากโขแล้ว ช่วยทำหน้าให้มันสำนึกบุญคุณหน่อยเซ่"กัปตันหนุ่มทวงเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจของคนทั้งสอง

    "พวกเจ้าเป็นโจรยังไงก็เป็นโจรอยู่วันยังค่ำ เหตุใดจึงต้องสำนึกบุญคุณเจ้า ข้ายอมตายเสียยังจะดีกว่า"เชอรีนที่นั่งนิ่งไปอยู่นานกล่าวอย่างยโส

    "ปากดีนักนะน้องสาว เฮอะ! แต่ข้าเป็นคนใจดี จะไม่ถือโทษโกรธเจ้าก็แล้วกันนะ"กัปตันหนุ่มยังคงยิ้ม รู้สึกคึกนักที่ได้ต่อปากต่อคำกับสาวสวยจอมพยศตรงหน้า มันทำให้เขารู้สึกคะนองปากเสียจริง

    "เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าข้าให้เวลาพวกเจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน พรุ่งนี้เช้าพวกเจ้าทั้งสองคือลูกเรือของข้า ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้า.. ตามนี้นะ!"

    "รองกัปตัน เจ้าช่วยหาห้องพักให้กับเชลยของเราด้วย เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะทหาร"อ้นสั่งพลางยักคิ้วเล็กด้วยสีหน้าของผู้ที่มีชัยชนะ พะยัดพะเยิดไปทางน้องชายสุดที่รักของเขา ดิวพยักหน้ารับคำก่อนที่จะนำตัวเชลยไป

    นานมาแล้วที่อ้นไม่ได้รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น อันที่จริงเขาไม่ใช่คนแบบนี้... แต่ทว่าตอนนี้เขาเกิดความรู้สึกสาแก่ใจพิลึกอย่างบอกไม่ถูก กัปตันมองตามหลังน้องชายของเขาที่นำตัวเชลยทั้งสองเดินไปจากห้องพักของเขา ดวงตาสีนิลจ้องมองเส้นผมสีน้ำตาลแดงที่สะท้อนเป็นประกายระยับกับแสงดวงอาทิตย์สีทองที่ใกล้จะลับขอบฟ้า จับจ้องมันเสียจนกระทั่งลับสายตา
    ...

    ____________________________________________________________________________________________________

    เป็นยังไงบ้างคะ ถ้าชอบก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยน้อ ^_^

    ขอบคุณคุณ บ่องตงและ Iku*มากเลยนะ มาทุกวันเลย น่ารักจัง

    บ่องตง รักจุงเบยยย :p

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×