คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 บุกยึดเรือ
องค์ชายรองแห่งนครเมซิสยืนอยู่บริเวณกราบเรือ หากแต่ในเวลานี้เขาไม่ใช่องค์ชายแต่คือรองกัปตันแห่งเรือส่วนบุคคลมาดิสัน... ดิวยืนทอดหุ่ยมองปุยเมฆบนท้องฟ้า ดวงตาที่เลื่อนลอยบ่งบอกว่าจิตใจของเขากำลังเหม่อลอยไปไกล.. บางทีอาจจะกลับไปถึงดินแดนมาตุภูมิ..นครเมซิส
ชายหนุ่มยิ้ม...
เขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสวน กำลังเชยชมพืชพรรณไม้ต่างๆนาๆ ก่อนจะโบกมือหยอกล้อพระมารดาที่กำลังทอดพระเนตรออกมาทางหน้าต่าง
และในระหว่างที่เขากำลังฝันกลางวันอยู่นั้นเอง...
'แผละ....'
มือหนาค่อยๆสำรวจศีรษะทุยของตัวเองเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแหยะๆที่ร่วงลงมาใส่หัว และแล้วรองกัปตันสุดหล่อก็คลำเจออะไรบางอย่างที่มีผิวนิ่มๆเละๆ
มันคือเปลือกกล้วยหอมที่กินหมดแล้ว...
ให้ตายเถอะ! ไอ้บ้าที่ไหนมันเอาของแบบนี้มาโยนใส่หัวชาวบ้านกัน ถ้าคว้าตัวการได้นะ เขาจะเตะให้กระเด็นเลยคอยดูสิ..
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบแหงนหน้าขึ้นไม่สำรวจมองหาต้นตอทันที ไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ชัดเลย...
และภาพเบื้องบนก็เป็นดั่งที่เขาคาดคิดเอาไว้ไม่มีผิด เด็กสาวกำลังอมยิ้ม กำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างแก้มตุ่ย
"สไตรค์! เป็นไงล่ะรองกัปตัน ฝีมือของข้าพอใช้ได้ไหมล่า? คิกๆ"เด็กสาวกล่าวในขณะที่หัวเราะคิกคัก หล่อนนั่งอยู่บนขื่อที่เป็นคานของเสากระโทง เป็นที่ยึดมั่นของเชือกและผ้าใบที่ถูกตรึง หล่อนเอามือกุมท้องด้วยความท้องคัดท้องแข็ง เตะเท้าไปกลางอากาศอย่างชอบอกชอบใจ
"ลงมาเดี๋ยวนี้นะยายลูกลิง! ใครเขาเอาของแบบนี้โยนใส่หัวชาวบ้านกันฮะ!?"ชายหนุ่มโวยวาย... หงุดหงิดนักที่โดนขัดจังหวะการฝันกลางวัน...
"ขึ้นมาเองเดะ! แต่อย่างว่าแหละ ตัวใหญ่ขนาดนั้นจ้างให้ก็คงปีนขึ้นมาไม่ไหว แบร่ๆ"นางล้อเลียนรูปพรรณสันฐานที่เขาภูมิใจนักหนาก่อนที่จะแล่บลิ้นปลิ้นตาใส่ ยั่วโมโหให้รองกัปตันหนุ่มอารมณ์เสีย
"เดี๋ยวข้าจะบอกพ่อเจ้าให้ตีเจ้าให้ก้นลายเลยทีเดียว"เขาขู่นาง
และมันก็ได้ผล... นางหน้าเสียเลยทันที
"เอ๊ะ อย่ามายุ่งกับก้นของข้านะ ท่านพูดแบบนี้กับข้าได้ยังไง ข้าเป็นผู้หญิงนะ"นางร้องเสียงแหลม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย หนอย...กล้าดียังไงมาพูดถึงส่วนที่ล่อแหลมขนาดนั้นน่ะ!
รองกัปตันยักคิ้วอย่างยียวนก่อนที่จะเสริมต่อ
"สุภาพสตรีที่ไหนจะปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนคานบนขื่อเยี่ยงเจ้า? มีแต่ลิงมีแต่ค่างเท่านั้นที่ทำกัน.."
"เฮอะ ท่านทำไม่ได้ล่ะสิเลยมาว่าข้าเป็นลิง อิจฉาล่ะสิ โฮะๆ"เด็กสาวส่งเสียงฮึดฮัด แต่แล้วก็ทำหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะกลัวคนที่อยู่ข้างล่างจะได้ใจ
"เจ้านี่มันไม่รู้จักโตจริงๆ"เขาทำทีส่ายหน้าอย่างระอา แต่ก็แอบอมยิ้ม เด็กสาวช่างน่าเอ็นดู...
นางชื่อดีลิเลี่ยน หรือใครต่อใครมักจะเรียกด้วยคำสั้นๆว่าดี หล่อนเป็นเด็กสาวร่างเล็กผอมบาง มีผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าที่กลมสั้นเหมือนหัวตุ๊กตา และดวงตาที่สุกใสเน้นให้ใบหน้ายิ่งดูอ่อนเยาว์ขึ้นไปอีก ผมสีน้ำตาลจางๆหยักโศกเป็นลอน ดีเป็นลูกสาวของหัวหน้าคนครัว... (อย่างน้อยฐานะของบิดาของหล่อนในตอนนี้ก็คือหัวหน้าคนครัว)
หากจะนับดูแล้วนางน่าจะเป็นลูกเรือที่เด็กที่สุดในเรือลำนี้ด้วยวัยเพียงสิบห้าปีเศษๆ นางติดตามบิดาขึ้นมาบนเรือ อันที่จริงดีคือหนึ่งในคนที่มิได้ล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาและพี่ชาย... อย่างที่กล่าวกัน ลูกเรือบางส่วนในเรือลำนี้ไม่ได้รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายทั้งสอง บางส่วนถูกเกณฑ์มาจากร้านเหล้า มาจากหลายๆที่คละๆกันไป.. แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับดิวแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมานี่ นางเพื่อนคลายเหงาได้ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยปกติแล้วเขาเป็นคนค่อนข้างที่จะเงียบขรึมไม่ค่อยพูด แต่ก็มีนางนี่แหละที่คอยมาต่อปากต่อคำ สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับเขา
"พี่ดิว!"เสียงใสๆปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากภวังค์
"หือ?"
"ท่านดูนั่น ท่านเห็นไหม เรือลำนั้นสีขาวทั้งลำ!"หล่อนตะโกนด้วยความตื่นเต้นรีบชี้ไปทางทิศตะวันออก เขารีบหันขวับมองตาม จึงเห็นภาพเรือสำเภาสีขาวโพลนขนาดเล็กลอยอยู่ไกลๆบนผืนน้ำสีคราม
เมื่อได้ยินดังนั้นรองกัปตันจึงไม่รอช้ารีบคว้ากล้องส่องทางไกลประจำตัวที่ทำด้วยทองเหลือง เพ่งดวงตามองผ่านเลนส์ในขณะที่ปรับย่นระยะให้เข้าไปใกล้ในระยะประชิดติดเรือ แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจในเมื่อพยายามสอดส่ายไปรอบๆเรือแล้วแต่กลับไม่เห็นลูกเรือแม้แต่คนเดียว อย่าว่าแต่ลูกเรือเลย... เขาไม่เห็นแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตบนเรือลำนั้น
ดิวขมวดคิ้ว...
เป็นไปได้ยังไงกัน!? กลางวันแสกๆขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครคอยควบคุมเรือหรือกำหนดทิศทาง เรือลำใหญ่ขนาดไม่ต่ำกว่าสามร้อยตันขนาดนั้นจะต้องมีลูกเรืออย่างต่ำไม่น้อยกว่าหกสิบคน แต่เขากลับมองไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว เปรียบดั่งประหนึ่งมันคือเรือร้าง
เรือผีหรือ เรือร้างเรือผีที่ไหนหลอกกันกลางวันแสกๆ? บ้าไปแล้วแน่ๆ...
รองกัปตันไม่รอช้า เขารีบวิ่งไปหากัปตันผู้เป็นพี่ชายเพื่อปรึกษาหารือทันที...
"พี่อ้น! พี่อ้น!"น้ำเสียงต่ำลึกของชายหนุ่มปลุกชายร่างเล็กผู้เป็นพี่ชายให้สะดุ้ง เขากำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดีในขณะที่กำลังคุมพังงาของเรือ ดูท่าทางแล้วจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาสักเท่าไหร่...
"เจ้ามีอะไรหรือดิว?"ชายเสียงเล็กถาม เลิกคิ้วด้วยความสงสัยเพราะสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูกังวลของน้องชาย.. วันนี้เขากำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆเชียว
ชายหนุ่มร่างหนาไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาส่งกล้องส่องทางไกลให้กับพี่ชายของตนเป็นคำตอบ.. เมื่อกัปตันเรือแมดิสันลงมือส่องลำกล้องด้วยตัวเองแล้วก็ทำให้เขาเข้าใจถึงสาเหตุที่น้องชายของเขามีสีหน้าที่ดูกังวล... อย่าว่าแต่ดิวเลย เขาเองยังแอบจะขนลุกเลยด้วยซ้ำ
เพราะลึกๆแล้วกัปตันอ้นเชื่อเรื่องผีสางเทวดา และอะไรที่เหนือธรรมชาติ.. และนั่นก็คือความลับของเขา.. ของแบบนี้จะให้ใครรู้กันได้เล่า!? ว่าชายชาตรีอายุขนาดยี่สิบสองขวบอย่างเขา อดีตรัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งแคว้นเมซิส จะกลัวผีซะจนขึ้นสมองขนาดนี้
"ท่านว่าเรือคนหรือเรือผี"
"ผี...เจ๊ย! คนสิ เจ้าจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ผีสางเทวดาที่ไหนกันไม่มีทั้งนั้นแหละ!"อ้นทำเป็นดุน้องชาย ทำเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อน
"ลักษณะดูคล้ายเรือของราชสำนัก แต่หากเป็นเรือของราชสำนัก เหตุใดจึงไม่มีทหารประจำการแม้แต่คนเดียว..."รองกัปตันวิเคราะห์ก่อนที่จะนิ่งไป
สักพักจึงกล่าวต่อว่า...
"และข้าคิดว่ามันเหมือน...มันเหมือน มันขับเคลื่อนได้ด้วยตัวมันเอง ท่านดูสิความเร็วของมันเร็วผิดปกติ... แลดูจะมากกว่าเรือของเราถึงสองเท่า ทั้งๆใบเรือก็ชักเพียงแค่ครึ่ง..."หน้าของดิวดูซีดลงด้วยความหวาดวิตก
แต่อันที่จริงแล้วมีใครบางคนรู้สึกหวาดหวั่นยิ่งกว่าเขาอีก ดิวคงไม่รู้หรอกว่าหัวใจของผู้ที่เป็นพี่ชายนั้นเต้นรัวเสียยิ่งกว่ากลองรบซะอีก
จินตนาการของกัปตันหนุ่มเตลิดไปไกล... บางทีเรือลำนั้นอาจจะเป็นเรือของแวมไพร์.. ครึ่งผีครึ่งคนที่ดูดเลือดคนกินเป็นอาหาร ที่มีชีวิตเป็นอมตะราวสหัสวรรษ
ใช่...เขาได้ยินว่าแวมไพร์มักจะนอนพักในโลงศพในเวลากลางวันก่อนที่จะออกหากินในยามกลางคืน เพราะแสงแดดจะทำให้ผิวของพวกมันไหม้เกรียม
อ้นขนลุกซู่ มือหนาของเขาเย็นเฉียบ
แต่แล้วเขาก็กลับกล่าวว่า
"ผีเผอที่ไหนกัน เหลวไหล! ข้าว่าอาจจะเป็นกับดักก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ยึดเรือลำนั้นให้มันรู้แล้วรู้แร่ดไปซะเลย..."อ้นพูดอย่างกล้าหาญชาญชัย ทั้งๆที่ใจหนึ่งเขาก็กลัว เขาคิดไปคิดมา หึ! แต่ถึงยังไง ตอนนี้ก็ยังกลางวันแสกๆ จะผีปอบหรือแวมไพร์หรือตัวอะไรก็ตามแต่ มันเจอแสงยังไงมันก็ตายทั้งนั้น!
เขาคิดก่อนที่จะทำทีจัดแจงแต่งปกเสื้อ แต่อันที่จริงแล้วมือหนากำลังแอบคลำหาไม้กางเขนที่อยู่ใต้เสื้อต่างหาก...
อ้นแอบอมยิ้ม ถอนหายใจเบาๆ เอาล่ะคราวนี้ไม่ว่าผีที่ไหนถ้าเจอไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ที่เขาอุตส่าห์ไปรับมาจากศาสนจักร ยังไงก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้ วะฮ่ะฮ่า!
เห็นทีคนดังเช่นกัปตันอ้น คงหนีไม่พ้นคนที่เข้าข่ายตำรา พวกที่กลัวแต่ดันอยากรู้อยากเห็น..
"เฮ้ยเสด็จพี่จะเอาอย่างนั้นหรือ!?"ดิวทำตาโต ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าพี่ชายนั้นเป็นคนที่ชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่น แต่ครั้งนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก...
ดิวรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
"เอ๊ะ เจ้านี่ก็เป็นไปอีกคนซะแล้ว ปัดโธ่!"อ้นบ่นอย่างหงุดหงิด
"โทษที โทษที ข้าลืมไป"
"ดิว เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่ง ให้พี่น้องพวกเราบุกยึดเรือลำนั้นซะ! คอยดูสิ ข้าไม่กลัวหรอกจะผีหรือจะคน ต้องไปสืบให้เห็นให้ได้ด้วยตาของตัวเอง กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"อ้นกล่าวปกาศิตก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังก้องสะท้านไปทั่วทั้งเรือ
ดิวได้แต่จ้องหน้าพี่ชายของเขาราวกับว่าชายหนุ่มได้เสียสติไปแล้ว...
'
'
'
บนเรือประจำพระองค์ขององค์หญิงเชอรีน
ขาข้างหนึ่งในรองเท้าบูทหนังเหยียบบนพื้นไม้บนเรือสีขาว กัปตันแห่งเรือแมดิสันเป็นผู้นำกองทัพมหาโจรสลัด... อ้นอยู่บริเวณหน้าสุด หลังจากที่เขาก้าวขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนเรือลำนี้อย่างยักแย่ยักยัน ชายหนุ่มก็หันมองซ้ายมองขวากวาดสายตาอีกครั้งด้วยความเลิ่กลั่ก มองหากับดักที่อาจจะซ่อนอยู่ด้วยความหวาดระแวง แต่มองไม่เห็นวี่แววใดๆ
หัวใจของอ้นเต้นโครมคราม อ้นรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนเองเปียกชื้นเพราะนอกจากชุดบ้าๆที่เขาตัดขึ้นมาใส่ทำเท่เพื่อให้ดูน่าเกรงขามเหมือนโจรสลัดทั่วไปแล้ว ก็เป็นเพราะหัวใจของเขาที่เต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น...
ชายหนุ่มร่างเล็กค่อยๆย่างกรายเข้าไปขึ้นไปบนเรือที่ขนาดเล็กกว่าพร้อมกับลูกเรือราวๆห้าสิบคน ในมือของแต่ละคนนั้นพร้อมสรรพด้วยอาวุธครบมือ พร้อมสรรพ์ด้วยทั้งดาบ ปืน และ ธนู
อ้นกวาดสายตาไปรอบๆอีกครั้ง เขาเห็นประตูที่เคบินรองกัปตันเปิดแง้มอยู่ จึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปบริเวณดังกล่าว ค่อยๆย่องด้วยปลายเท้าเบาๆราวกับหัวขโมยตีนแมว... หัวใจของเขายิ่งเต้นรัวเมื่อใกล้เป้าหมาย ในหัวมีภาพโลงแก้วสองสามโลงเรียงรายเป็นตับ แอบยกมือหนาขึ้นมาปาดเหงื่อเบาๆ
เอาน่า...ยังไงซะตอนนี้ก็เป็นเวลากลางวัน ผีทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว ใช่ผีแพ้แสงอาทิตย์ ท่องไว้กรกฏ
อ้นเหลือบมองปลายเท้าของน้องชายที่อยู่ข้างๆ พลางล็อคเป้าหมาย
เอาวะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเขาจะผลักมันให้ไปรับเคราะห์รับชะตากรรมแทนเขาก่อนนี่แหละ...หึหึหึ
คิดแล้วอ้นก็ยิ้มคนเดียวอย่างชั่วร้าย
"ท่านพี่ดูมีลับลมคมในนะ"
เสียงของดิวทำเอาเขาสะดุ้ง อ้นตื่นจากภวังค์ ส่งยิ้มแหะๆให้น้องชาย สั่นศีรษะไล่ความคิดอกุศลเมื่อครู่ออกไป
ให้ตายเถอะ...เขาเป็นพี่ชายจะให้น้องตายแทนได้ยังไง คิดบ้าๆ เขาจะต้องเข้มแข็งเอาให้สมชายชาตรี...
ถึงแม้ในยามนี้ขาจะสั่นจนแทบฉี่ราดก็ตามที...
อ้นสูดหายใจเข้าลึก แม้ไม่ได้มีตาอยู่ข้างหลังแต่ก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้สายตาของลูกเรือห้าสิบชีวิตกำลังฝากความหวังเอาไว้กับเขา รอคอยให้เขาลงมือสักที...
เอาวะ... เป็นไงเป็นกัน
ตายเป็นตาย!
"พลัก!"เขาผลักประตูเคบินออกอย่างแรงเสียจนลูกบิดประตูกระแทกเอาเข้ากับผนัง อ้นหลับตาปี๋ เตรียมใจรอรับเขี้ยวแหลมคมของผีดิบที่จะกระโจนเข้ามาใส่ลำคอ
"..."
ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เขาแทบไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงทุกคนหายใจ...
กัปตันหนุ่มค่อยๆลืมตา นี่เขายังมีชีวิตอยู่ดีใช่ไหม?
อ้นกวาดสายตาไปทั่วเคบินที่มืดมิดที่มีเพียงแสงแดดส่องผ่านทางประตูที่เพิ่งถูกเขาเปิดออกเพียงเท่านั้น และในห้องนั้นเองที่เขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเห็นมา
'ตุ้บๆ ตุ้บๆ ฉึก!'และนั่นก็เป็นการพรรณาถึงเสียงหัวใจของอ้นก่อนที่จะโดนกามเทพยิงลูกศรมาปักอก
หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มวัยราวๆย่างเข้ายี่สิบ ผิวขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากสีเชอรี่ นางกำลังจ้องหน้าเขาด้วยความสะพรึงกลัว ดวงตาหวานหยาดเยิ้มนั่นเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง นางอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง
ทว่ากัปตันหนุ่มรีบชิงพูดก่อน
"หยุด! อย่าขยับ!"เขาตะโกนก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ ชักดาบออกมา
ดิวมองตามแผ่นหลังของชายร่างเล็กด้วยความไม่เข้าใจ ปากของเขายังคงเผยอออกน้อยๆด้วยความตกตะลึง ไม่ใช่เพราะการกระทำของพี่ชายแต่เป็นเพราะ ยังคงตกตะลึงในความงามของแม่หญิงตรงหน้า
ข้างกายของนางมีชายหนุ่มผิวคล้ำคนหนึ่งนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น มือเรียวบางยังคงกำผ้าเช็ดหน้า ดูเหมือนว่ากำลังพยายามที่จะพยาบาลชายหนุ่มคนนั้น
ทว่าไม่มีใครสนใจมันนัก...
ดิวแน่ใจว่าลูกเรือหนุ่มเกินกว่าครึ่งน่าจะตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเขา... หูตาพร่ามัวไปหมด.. ทุกสิ่งทุกอย่างดูเลือนลางมีเพียงแม่นางผู้นี้ที่ดูโดดเด่น
เว้นเสียแต่พี่ชายของเขา รองกัปตันได้แต่ขมวดคิ้วเข้มของเขาเป็นปมด้วยความข้องใจ...
อ้นกำลังจะทำอะไรกันแน่
ดิวมองพี่ชายของเขา เริ่มชักรู้สึกว่าหนุ่มร่างเล็กตรงหน้าจะบ้าเลือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้จริงๆว่าวิญญานตัวอะไรเข้าสิงเขา อ้นถึงกับชักดาบมาจ่อบริเวณลำคอของแม่หญิงคนนั้นก่อนที่จะขู่เสียงดังว่า...
"อ้าปาก!"
นางสะดุ้งเล็กๆด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะยอมเผยอปากออกเล็กๆ
"อ้ากว้างๆกว่านี้"
หล่อนอ้าปากกว้าง ในขณะเดียวกันดวงตาก็จับจ้องเฝ้าดูท่าทีประหลาดพิลึกของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในเจตนา กัปตันหนุ่มโน้มตัวลงก่อนสำรวจฟันงามของหล่อนจนแน่ใจว่าครบทั้งสามสิบสองซี่
อ้นยิ้มแล้วได้แต่พยักหน้าอยู่คนเดียวอย่างพึงพอใจ
"เรือลำนี้ถูกยึดแล้ว พวกเจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!"
"เฮ!"บรรดาลูกเรือต่างพากันช่วยกู่ร้องด้วยสปิริตแรงกล้าหลังจากที่กัปตันออกปกาศิต
"อะไรนะ?"นางร้องด้วยความไม่เข้าใจ
"ตูม! โครม!"เสียงอึกทึกที่ดังตามมาดูเหมือนจะเป็นเครื่องยืนยันในคำตอบ ดวงตาของเชอรีนเบิกโพลงเมื่อเรือของนางสั่นสะเทือนในขณะที่เกิดเสียงอึกทึก
ดูเหมือนว่าการส่งเสียงโห่ร้องของลูกเรือจะเป็นการส่งสัญญานในการยิงปืนใหญ่โจมตีเรือของนาง...
"ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!"
เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นเป็นระยะ เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเรือ ข้าวของต่างๆแตกกระจายพากันล้มครืนระเนระนาด...
ปากของเชอรีนสั่นระริก รู้สึกว่าความหวาดกลัวเริ่มเข้ากร่อนจิตใจ รู้สึกถึงความเสียวสันหลัง ขนลุกสะท้านไปทั่วร่าง
โจรสลัด...โจรสลัดจริงๆใช่ไหม?
_______________________________________________________________________________________________________________
:) ช่วยกันเม้นต์หน่อยน้า ขอบคุณมากๆ
ความคิดเห็น