ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic TS9 อ้นดิวเชอรีนบูรณ์ (harem) feat.ดี,ตั้ม,แบมบี้

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 หน้าที่เชลย

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 56


    ณ เรือแมดิสัน

    เป็นเวลาตีสี่ ผืนนภาในยามนี้ถูกความมืดมิดกลืนกินไปทั่ว ลมทะเลพัดเบาๆเป็นระยะๆอย่างสงบ สายลมอ่อนๆพัดพาเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆในห้องพักเชลย ละเลียดใบหน้านวลของหญิงสาวเบาๆ พัดพาเอาผมสีน้ำตาลอ่อนให้ปลิวไสวราวกับเต้นระบำ ถึงแม้ว่าเตียงฟางนั้นจะเทียบอะไรไม่ได้เลยกับที่นอนขนห่านชั้นดีในพระราชวังบานัต แต่นางก็ยังคงจมดิ่งลึกในห้วงนิทราเพราะความเหนื่อยล้า

    ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ในห้องเดียวกันนั้นแทบมิอาจที่จะข่มตาให้หลับได้ตลอดคืนเลย...

    ธันยบูรณ์นั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ไม้ แผ่นหลังของเขาพิงอยู่บนเสาต้นบางที่อยู่ใจกลางห้อง หัวของเขาด๊อกแด๊กไปซ้ายทีขวาที ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นเป็นพักๆ ถึงแม้ว่าร่างกายจะเย็นเฉียบ เหงื่อเย็นๆก็ไหลโทรมแผ่นหลังของชายหนุ่ม

    ราชครูหนุ่มยังคงดูระสับระส่ายแม้ในยามนอนหลับ...

    เมื่อนึกหวนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น หัวใจของเขาก็พองโตอีกครา หญิงสาวช่างดูอ่อนหวานน่ารักนัก... ทุกถ้อยคำจากเสียงหวานๆนั่น เขายังจำได้ดี นางรับปาก... ว่าจะเชื่อฟังเขาทุกอย่าง...

    แถมยังเรียกเขาว่าพี่บูรณ์อีกด้วย! ยิงปืนนัดเดียวได้นกอีกตัวเป็นของแถม!

    แต่ก็ยังคงมีอีกสาเหตุที่เขายังไม่อาจที่จะข่มตาให้หลับลงได้

    เพราะว่าบูรณ์รับรู้ถึงตัวตนที่มีอยู่ขององค์หญิงตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกกังวลใจเสียเกินกว่าที่จะนอนหลับได้ เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองยิ่งนัก ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านตลอดเวลาทำให้เขารู้สึกกระดากอายยิ่งนักเมื่อตระหนักได้ว่าเขาและองค์หญิงนั้นกำลังอยู่ลำพังสองต่อสอง

    ให้ตายเถอะ! เขาไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เขาไม่ได้อยู่ในวัยสิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆที่จะเกิดความรู้สึกอะไรแบบนี้

    บูรณ์ได้แต่ลูบหน้าผากตัวเองพยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่าน

    ทว่าทันใดนั้นเอง...

    "ปัง!ปัง!ปัง! ได้เวลาตื่นแล้ว ไอ้พวกสันหลังยาว!"เสียงประตูถูกรัวกระหน่ำ พร้อมกับเสียงแหบห้าวต่ำลึกของใครบางคนกู่ร้องดังมาจากภายนอกห้อง

    ชายหนุ่มสะดุ้งตัวทันที เขารีบหันไปหาองค์หญิงที่อยู่ในอาการที่ไม่ต่างกันมากนัก นางค่อยๆลืมตาสะลึมสะลือด้วยความงัวเงีย เชอรีนขยี้ตาพลางพยักหน้า บุ้ยใบ้ให้เขาไปเปิดประตู

    บูรณ์มองไปรอบๆห้อง หาอาวุธที่เหมาะมือ พบท่อนไม้บางๆท่อนหนึ่ง ชายหนุ่มซ่อนเอาไว้ด้านหลังก่อนที่จะค่อยๆย่องไปทางประตู

    "ท่านมีอะไร"ชายหนุ่มถามในขณะที่เปิดประตูออก เขาเลิกคิ้วเล็กๆ เมื่อพบลูกเรือร่างยักษ์หนวดเคราเฟิ้มคนหนึ่ง

    ท่าทางชายผู้นี้จะดูโหดเหี้ยมน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเจ้าของเรือเสียอีก

    "เจ้าทั้งสอง! ตามข้ามา อ-กัปตันใช้ให้ไปหาบน้ำ เร็ว!"ชายหนุ่มร่างยักษ์แสร้งทำเสียงขึงขังออกคำสั่ง

    "อะไรกัน!? นี่ยังมืดอยู่เลยนะ!"บูรณ์แย้ง พลางหันไปทางเชอรีนที่ยังคงไม่อยากจะพรากจากเตียงฟางนั่นสักเท่าไหร่นัก

    "ตอนนี้ตีสี่ครึ่ง! ลูกเรือทุกคนตื่นกันหมดตั้งแต่ตีสี่แล้ว เชลยอย่างพวกเจ้า ควรจะตระหนักรู้ในข้อนี้ไว้ซะ กัปตันไม่ได้เอาพวกเจ้ามากินๆนอนๆเลี้ยงดูปูเสื่อเฉยๆหรอกนะ ถ้าไม่ทำงานก็ห้ามกิน เข้าใจป่าว!"หนุ่มร่างอ้วนตะโกนน้ำลายแทบกระเซ็นเสียจนชายหนุ่มร่างเล็กสะดุ้ง ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มค่อยๆหันศีรษะไปทางคนที่กำลังตั้งความหวังเอาไว้กับเขาอย่างช้าๆ

    และสีหน้าที่บ่งบอกถึงความพ่ายแพ้ของเขาทำให้เชอรีนนั้นต้องจำยอมตามมา...

    หญิงสาวหน้างอ รู้ดีว่าถ้าหากจะรู้สึกผิดหวังในตัวบูรณ์จะเป็นการที่ไร้ซึ่งเหตุผลจนเกินไป เขาเองก็อยู่ในสถานะเดียวกับหล่อน และได้พยายามปกป้องหล่อนอย่างสุดความสามารถที่ชายหนุ่มตัวเล็กๆคนหนึ่งพึงจะมี...

    ในยามนี้เชอรีนรู้สึกสิ้นหวัง สิ้นหวังเสียจริง... หล่อนมองไปยังท้องฟ้าที่ยังคงมืดมิดก่อนจะไล่ลงมาบริเวณดาดฟ้าของเรือ..

    ไอ้อ้วนจอมโหดนั่นพูดไม่ผิด บรรดาชายฉกรรจ์กำลังถูพื้นดาดฟ้าเรืออย่างขมักขเม้น... ดูท่าทางไอ้กัปตันเรือคนนี้จะเป็นคนรักสะอาดอย่างที่นางคาดเอาไว้ไม่มีผิดจริงๆ...

    เชอรีนไม่อยากจะนึกถึงชะตากรรมของตัวเอง.. ทำไมนางถึงต้องมาตกอยู่ในสถานะอะไรแบบนี้ด้วย.. พระเจ้าช่างชิงชังหล่อนเสียจริง อย่าว่าแต่ตื่นสักหกเจ็ดโมงหน่อยเลย บางครั้งตะวันแทบจะส่องก้นอยู่แล้วนางยังไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลย!

    ตั้งแต่นางเกิดมายังไม่เคยที่จะแม้แต่ทำอะไรด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ เสด็จพ่อและเสด็จแม่เลี้ยงดูฟูมฟักหล่อนอย่างรินไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม

    ไม่อยากจะเชื่อว่างานแรกที่หล่อนจะต้องทำก็คือหาบน้ำ!

    ชายหนุ่มร่างยักษ์คนนั้นนำเธอมายังที่สูบน้ำทะเล ซึ่งมีรอกอันหนึ่งที่มีถังผูกติดกับเชือก เมื่อใช้มือจับหมุนไปเรื่อยๆก็จะทำให้ถังที่ผูกติดอยู่หย่อนลงไปเบื้่องล่าง ก่อนที่จะหมุนกลับเพื่อยกถังที่เต็มไปด้วยน้ำขึ้นมา

    เธอมองแผ่นหลังกว้างของบูรณ์ก่อนที่จะกลืนน้ำลายเบาๆ กำลังลุ้นใจตุ้มๆต่อมๆรอดูปฏิกิริยาของเขาที่อยู่ข้างหน้าเธอที่จะฝ่ายรับรู้ชะตากรรมก่อน

    เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของมันนั้นมากเกินจะทานทน ด้วยความที่เขาไม่เคยใช้แรงงานมาก่อน เชอรีนรู้สึกอดเห็นใจเขาไม่ได้ นางเห็นร่างสูงโปร่งนั่นเซเล็กๆ ทว่าชายหนุ่มนั้นมิได้ปริปากบ่นสักคำ

    ทันใดนั้นเองนางก็เริ่มตระหนักได้ว่าชะตากรรมที่โหดร้ายนั้นรอคอยอยู่ตรงหน้า

    ในยามนี้เชอรีนอยากจะนึกโดดน้ำตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสีย บางทีตายแล้วเกิดใหม่ยังอาจจะลำบากน้อยกว่า...

    เชอรีนสั่นศีรษะ รีบสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปทันที

    ไม่ได้ๆ ทำอย่างนั้นก็ยิ่งสาแก่ใจศัตรูนางสิ มีหวังไอ้กัปตันหน้าอ่อนคนนั้น มันคงหัวเราะเยาะจนฟันร่วงแน่ๆ เจตนาของมันคงหวังจะทรมานทรกรรมนางตั้งแต่แรก

    แค่นี้หล่อนจะยอมแพ้ง่ายๆเสียได้อย่างไร

    ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความลำบากเป็นการตายอย่างไร้ศักดิ์ศรี! ใช่แล้ว ไร้ศักดิ์ศรีที่สุด!

    หึ! หล่อนจะต้องแสดงให้เห็นถึงสปิริตของราชวงศ์บานัต

    เชอรีนคิดก่อนกัดฟันแน่น แล้วยกคานไม้ไผ่ที่มีถังน้ำสองใบสอดอยู่ขึ้นมา

    "...ฮึบ!"

    "เชอรีน!"บูรณ์อุทานด้วยความตกใจ รีบเหลียวหลังกลับมาทันที

    เขาลืมหล่อนไปเสียสนิท และไม่นานนักเขาก็ได้ยินนางโวยวายเสียงแหลม

    "ให้ตายเถอะ! พวกเจ้าแบกโลกทั้งใบเอาไว้หรือไงกัน"

    "นางเป็นผู้หญิง พวกเจ้าใจคอจะโหดเหี้ยมเกินไปหน่อยแล้ว มาใช้นางหาบน้ำ ยังงี้ก็เกินไปนะสิ!"บูรณ์รีบประท้วงบ้าง บรรดาลูกเรือนั้นต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก แต่แล้วก็มีใครสักคนกล่าวว่า

    "หุบปาก! พวกเจ้าอย่ามาพูดจาสามหาว! นี่เป็นคำสั่งของกัปตัน ห้ามขัดขืน!
     

    "เฮอะ! ไหนกัปตันของเจ้าว่าตัวเองมีศีลธรรม ที่แท้ก็ดีแต่พูด กล้าแม้กระทั่งใช้แรงงานผู้หญิง"บูรณ์ชักสีหน้าด้วยความเหยียดหยามเมื่อกล่าวถึงเจ้าของเรือ

    "เจ้าชักจะมากเกินไปแล้วนะ! กัปตันอุตส่าห์ไว้ชีวิตเจ้า กล้าดียังไงมาลบหลู่กัปตันของเรา"ลูกเรือร่างยักษ์เดือด อดที่จะของขึ้นไม่ได้ เขาถลกแขนเสื้อขึ้นมา บูรณ์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เหตุผลที่จะยกขึ้นมาเถียงเมื่อครู่จมหายลงไปในท้องทันดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงปั้นหน้านิ่งสู้เสือ

    "ใจเย็นก่อนลูกพี่"ลูกเรือคนหนึ่งพูด

    "ใช่ใจเย็นๆนะเทรวิน"

    ลูกเรือคนอื่นๆกลับพยายามรั้งตัวลูกเรือร่างอ้วนเอาไว้ไม่ให้ใช้อารมณ์ ดูแปลกพิลึกยิ่งนัก

    บูรณ์รู้สึกแปลกๆ

    เขาชักเอะใจอะไรบางอย่าง

    นักเลงมืออาชีพมีแต่จะทำให้เชลยของตัวเองกลัว... แต่เมื่อกี๊นี่มัน...

    เขาได้แต่กลอกตาไปมาด้วยความหวาดหวั่น... คนพวกนี้เป็นใครกันแน่!?

     

    ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนั้นเอง มีใครบางคนได้เฝ้าดูพฤติกรรมของสองหนุ่มสาวอยู่นาน เขาบิดศีรษะเล็กๆในระหว่างที่เชยชมผลงานของตนอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่จะยิ้มออกมาให้เห็นฟันขาว

    กัปตันอ้นดูชอบใจยิ่งนัก เขารู้สึกขบขันในท่าทีของหญิงสาว ดูท่าทางนางจะไม่เคยลำบากจริงๆ... อย่างว่าแหละ เขาก็ดูออกตั้งแต่เห็นรูปพรรณสันฐานนางแล้ว รูปร่างอ้อนแอ้นเยี่ยงนั้นคงไม่มีวันที่จะเคยใช้แรงงาน เขาสังเกตแม้กระทั่งมือขาวสะอาดที่บอบบาง ไม่มีรอยแตกหรือแห้งกร้าน คงไม่เคยผ่านการตรากตำทำงานหนักหรือแม้กระทั่งงานบ้านเป็นแน่...

    "ท่านพี่... ข้าว่าท่านทำเกินไปนะ หมอนั่นพูดถูก นางเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเองนะ"ดิวพยายามเตือนสติ เขาชักจะงงงงวยไปหมดแล้วว่าปีศาจจากนรกขุมไหนเข้าสิงพี่ชายของเขากันแน่!? ถึงแม้ว่าอ้นจะบ้าๆบอๆไปบ้างก็ตามที แต่ทว่าในครั้งนี้มัน...

    มันออกจะเกินไปหน่อยแล้ว ชายหนุ่มหน้าเข้มรู้สึกขัดใจยิ่งนักกับการกระทำของพี่ชาย รู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าจับใจ ถ้าหากเขายังไม่ได้มีความเกรงใจต่อกัปตันหนุ่ม ป่านนี้เขาคงตรงรี่เข้าไปถอนคำสั่งเจ้าพวกนั้นเป็นแน่

    อ้นหุบยิ้มทันที มุมปากเขาตกเล็กๆ หน้าหยกของกัปตันหนุ่มดูราวกับเด็กโดนยึดของเล่น

    "ปัดโถ่ ข้าก็แค่อยากจะทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายของนางก็เท่านั้น เห็นได้ชัดว่านางแบกไม่ขึ้น ฮ่าๆๆ"กัปตันหนุ่มพูดพลางระเบิดหัวเราะอีกสักที ทว่าดิวนั้นดูไม่ค่อยจะมีอารมณ์ขำขันร่วมกับพี่ชายเขาสักเท่าไหร่... เขาจ้องหน้าพี่ชายประดุจเขาเป็นพี่ชายของหนุ่มน้อยวัยห้าขวบที่กำลังหัวเราะชอบใจ สีหน้าของน้องชายทำให้อ้นรู้สึกว่าตนเองปัญญาอ่อนพิลึก...

    เพราะดิวเริ่มรู้สึกเสียศรัทธาในพี่ชายของตนเองเล็กๆ เขาหรี่ตามองอ้นอย่างไม่พอใจ

    ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นอ้นเป็นแบบนี้มาก่อน... ให้ตายเถอะ! ทำไมอ้นถึงได้กล้าแม้กระทั่งรังแกคนไม่มีทางสู้ ผู้หญิงที่อ่อนแอบอบอย่างแม่นางเชอรีน... ไม่สมควรเลยที่จะต้องมาใช้แรงงานเยี่ยงจับกังเช่นนี้...

    ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในหัวของอ้นกัน? รู้ทั้งรู้ว่ายกแทบตายก็คงไม่ไหว ไอ้ถังสองใบนั่นอาจจะหนักกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวนางด้วยซ้ำ... เขาคิดด้วยความเห็นใจหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง

    ให้ตายเถอะ!

    ดิวได้แต่คิดอย่างเคืองพี่ชายสุดๆ

    และด้วยอารมณ์ความใคร่ชอบพอในตัวหญิงสาวส่วนตัว ยิ่งทวีคูณอารมณ์โมโหยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว...

     

    "ข้าจะไปบอกให้เจ้าพวกนั้นหยุดเสียที!"ดิวกล่าวอย่างแน่วแน่ ทำท่าเตรียมตัวจะตรงรี่เข้าไป

    กัปตันกรกฎเห็นว่าน้องชายจะทำเสียแผน จึงไม่รอช้ารีบคว้าแขนดิวเอาไว้ ก่อนจะกล่าวว่า

    "เดี๋ยวข้าจัดการเอง"กัปตันหนุ่มว่าก่อนที่จะเดินเข้าบริเวณเครื่องสูบน้ำ

    "เปาะ! แปะ! เปาะ! แปะ!"

    ชายหนุ่มตบมือในขณะที่เดินเฉิดฉายไปปรากฎตัวต่อหน้าเชลย ชักรู้สึกรออยากจะเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่ท่าทางรอจะเอาเลือดออกจากหัวเขาไม่ไหว

    และแล้วก็เป็นดังคาด..

    "เจ้า!/เจ้า!"ทั้งเชอรีนและบูรณ์ชี้หน้าด่าอ้นพร้อมๆกัน

    "อรุณสวัสดิ์ เหล่าเชลยสุดที่รักของข้า"กัปตันหนุ่มยิ้มเสียจนตาหยี ทว่าดวงตาสีนิลกวาดไปมองนิ้วนางที่ว่างเปล่าบนมือข้างซ้ายของชายหนุ่ม

    เยส! สไตรค์! ผ่านด่านไปหนึ่งเปาะ!

    อ้นคิดอย่างลิงโลดอยู่คนเดียว

    "หวังว่าเมื่อคืนพวกท่านจะหลับสบายกันดี"

    "สบายกับผีน่ะเซ่! นอนกับเตียงฟางมันจะไปสบายอะไรเล่าฮะ!?"เชอรีนรีบสวนทันที นางไม่รีรอที่จะต่อปากต่อคำเพราะรู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้ายิ่งนัก

    ทำไมชายคนนี้ต้องทำหน้ายิ้มกวนบาทาใส่นางได้ตลอดเวลาด้วย
    !?

    ดูท่าทางเขาจะมีความสุขเหลือเกิน ชักจะสุขเกินไปเสียแล้ว ไอ้ความสุขบนความทุกข์ของชาวบ้านน่ะ...

     

    "หากเตียงฟางมันไม่สบายแล้ว เห็นทีข้าคงไม่มีทางเลือกอื่นให้พวกท่านนอกจาก เปลยวน"กัปตันหนุ่มฉีกยิ้ม

    "เจ้า! เจ้า!"หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเขาได้เลยจริงๆ

    เห็นทียกนี้นางจะแพ้ราบคาบอีกครา...

    "เจ้ามาก็ดีแล้ว ไหนว่าตัวเจ้าเป็นคนมีศีลธรรม เห็นทีจะเชื่อใจพวกโจรอย่างเจ้าไม่ได้ ปากอย่างทำอย่าง ผิดนิสัยลูกผู้ชายจริงๆ มีอย่างที่ไหนให้เมียข้ามาใช้แรงงานตรากตรำแบกน้ำเยี่ยงนี้"บูรณ์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

    เมียข้า...

    ...เมียข้า!

    แหม มันช่างกล้าซะจริง ให้ตายเถอะ พูดมาได้อย่างเต็มปาก

    อ้นคิดอย่างหมั่นไส้ ความริษยาเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครา...

    ฮึ่ย! เขาอยากจะเสยใบหน้าเชิ่ดๆของมันสักสองสามหมัด คอยดูเถอะ! ถ้าเกิดว่าน้องดีกลับมารายงานเขาว่าไม่เจอแหวนอีกวงจริงๆแล้วล่ะก็... พ่อจะไม่ไว้หน้าแน่ คอยดู๊!

    หึ! เขารอวันที่จะหัวเราะให้เสียงดังกว่าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว! อุวะฮ่ะฮ่า

     

    แต่พูดก็พูดเถอะ ไอ้หมอนี่มันช่างกล้าเสียจริง แม้กระทั่งอยู่ในสถานะแบบนี้แล้วยังจะมาปากเก่งปากกล้าอีก ถ้าหากเจอโจรขึ้นมาจริงๆไม่ใช่องค์ชายหล่อเลิศเลอและแสนอารีอย่างเขา... ฟันธงได้เลยว่าจะต้องโดนจับโยนทะเลภายในสามชม.แน่ๆ ฮึๆ

    "เอ้า พวกข้าไม่ได้พาพวกท่านมาเลี้ยงดูกินๆนอนๆให้เปลืองเสบียงพวกข้า นี่มันเรือโจรสลัดไม่ใช่เรือสำราญนะขอรับท่านเชลยทั้งหลาย อภิโถ่ววววววววว"กัปตันหนุ่มลากเสียงอย่างยียวน แสดงเจตนาของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าอย่างออกนอกหน้า แม้กระทั่งรองกัปตันหนุ่มยังแอบเหลือบมองหน้าพี่ชาย ด้วยอารมณ์ที่ชักอยากเขกกบาล

    เรือโจรสลัดไม่ใช่เรือสำราญ... เรือสำราญ เรือสำราญ! ให้ตายทีเถอะ แล้วมันเป็นเพราะฝีมือของไอ้บ้าที่ไหนล่ะ!? ที่อยู่ดีๆระดมยิง โจมตีเรือชาวบ้านซะจนยับเยินขนาดนี้ ถึงต้องกลายเป็นแบบนี้ คนอื่นเขาก็อยู่ส่วนเขาอยู่ดีๆอยู่แล้วแท้ๆ

    เชอรีนคิดอย่างเดือดดาล พลางก่นด่าสาปแช่งไอ้คนที่ยืนยิ้มร่าอยู่ในใจ...

    เจ้าประคู้ณ สาธุ ขอทีเถอะ ขอให้กรรมมันตามสนองมันสักวัน! อย่าให้ได้เจอเรือโจรสลัดที่เก่งกว่ามาโจมตีบ้างแล้วกัน แม่จะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากเลยคอยดู!

     

    เสียงสูงของชายหนุ่มยิ่งชวนให้คนฟังอยากกระตื้บยิ่งนัก ด้านบูรณ์ก็ตระหนักดีว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถจะมาโต้เถียงได้มากนัก ลำพังเขาคนเดียว ถ้าหากเจ้าพวกนี้บ้าเลือดขึ้นมา ใครจะไปรับมือไหว ต่อให้ตั้มก็เถอะ...

    พูดถึงไอ้บ้านั่น... เมื่อไหร่มันจะฟื้นขึ้นมาสักทีก็ไม่รู้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอดที่จะเป็นห่วงชายหนุ่มเพื่อนร่วมการผจญภัยครั้งนี้เสียไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง..

    แต่ถึงอย่างไรเมื่อเหลือเขาเพียงแค่คนเดียว ยังไงเขาก็คงที่จะต้องรับมือกับสถานการณ์ไปก่อน... หึ ในเมื่อไอ้พวกโจรเถื่อนพวกนี้มันยืนกรานจะใช้แรงงานเขาและองค์หญิง... เขาก็จะ..

    "เอาอย่างนี้ เจ้ากับข้ามาตกลงกัน... ข้ายินดีที่จะทำงานเป็นสองเท่า ข้าก็จะหาบน้ำในส่วนของนางด้วย!"ธันยบูรณ์กล่าวอย่างแน่วแน่

    ประโยคนั้นทำให้กัปตันหนุ่มถึงกับทำตาโตด้วยความประหลาดใจ...

    คุณพระ! นอกจากไอ้หมอนี่มันจะริบังอาจมาตั้งตนเป็นศัตรูเขา แต่นี่มันคงไม่ใช่ศัตรูธรรมดาๆซะแล้ว! น่ากลัวยิ่งนัก ถึงกับยอมเอาตัวเองเข้าลำบาก ยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อซื้อใจแม่นางเชอรีน

    แหม้!ๆๆ พ่อพระซะจริงพ่อคุณ...

    เอาเถอะ ถ้าอยากจะโชว์สปิริตลูกผู้ชายขนาดนี้ มีหรือตัวโกงอย่างเขาจะไม่สนองให้

    ....แต่ยังไงก็อย่ามาหาว่าหล่อใจร้ายก็แล้วกัน... ฮิฮิ

    อ้นฉีกยิ้มอย่างชอบใจ... พูดก็พูดเถอะ นานๆเขาจะได้สวมบทโหดสักทีนึง ขอเล่นให้มันสุดๆไปเลยแล้วกัน ครึๆๆ

    "เอา งั้นตกลงตามนี้ งั้นเจ้าก็แบกแทนนางแล้วกัน"

    _________________________________________________________________________________________________

    ขอบคุณมากๆค่ะ ขอบคุณทุกเสียงที่สนับสนุนกัน ทุกคนที่มาadd Fav.ด้วยค่ะ ^_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×