คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 คำตักเตือนของบิดา
ณ โรงครัวภายในเรือแมดิสัน
ดีลิเลียนกระโดดกระหยองกระแหยงเข้ามาในครัว พลางฮัมเพลงเบาๆด้วยความอารมณ์ดี วันนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษ เพราะได้คุยกับพี่ดิว รองกัปตันหนุ่มแห่งเรือลำนี้... ถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อปากต่อคำเล็กๆน้อยๆในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อกลางวันก็ตามที แต่เธอก็รู้สึกสนุกที่ได้หยอกล้อชายหนุ่ม...
ตั้งแต่ระยะเวลาที่ผ่านมากว่าสิบเดือนบนเรือลำนี้ สาวน้อยสนิทกับรองกัปตันหนุ่มเป็นพิเศษ... อาจจะเนื่องด้วยเพราะที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่วัยใกล้เคียงกับนางที่สุด แรกเริ่มเดิมที นางก็เรียกเขาเสียเต็มยศว่ารองกัปตันเช่นเดียวกับคนอื่นนั่นแล... ทว่าดิวกลับเป็นคนเอ่ยปากให้หล่อนเรียกเขาว่า'พี่ดิว'เฉยๆ เพื่อเป็นการลดช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์...
แรกเริ่มเดิมทีนั้นนางเป็นคนที่เป็นฝ่ายที่พูดกับเขาก่อน ทั้งๆที่บุคลิกและรูปลักษณ์ภายนอกของเขานั้นดูน่ากลัว... ทั้งบุคลิกที่ดูเงียบขรึม และ ใบหน้าที่มีหนวดเคราบางๆที่ทำให้หน้าหล่อเหลาดูค่อนข้างเถื่อน
ไม่รู้รองกัปตันประสาอะไร... หน้าโหดเสียยิ่งกว่าตัวกัปตันเองเสียอีก
ว่าแล้วเด็กสาวก็คลี่ยิ้มขบขันออกมา..
นางหาได้รู้สึกเกรงขามในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันกลับหาเรื่องมากลั่นแกล้งคอยทำให้เขาปวดหัวอยู่เรื่อย
เด็กน้อยรู้สึกสุขใจนักที่ได้หาเรื่องคนตัวโต...
เขาเองก็ชอบหยอกนาง หาว่านางเป็นลิงบ้าง หาว่านางกินจุบ้างแหละ เขาชอบแขวะนาง...แล้วก็เฉพาะกับนางคนเดียวด้วย... โดยปกติแล้วดิวเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยช่างพูด แต่มักจะชอบหยอกล้อ ต่อปากต่อคำกับนาง
ถึงแม้บางทีเขาจะปากร้ายไปหน่อย..แต่ดีก็สัมผัสได้ถึงความใจดีของเขา หล่อนเห็นความอ่อนโยนจากนัยน์ตาสีนิลนั่นทุกๆครั้งที่เจ้าตัวยิ้ม... มันช่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
"ลิเลียน..."เป็นเสียงทุ้มลึกของชายคนหนึ่งเรียกชื่อเธอขึ้น ปลุกให้เธอตื่นจากห้วงอารมณ์ที่แสนหวาน เขาคนนั้นก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบิดาของนาง เซบาสเตียน อัลฟอร์ด เป็นเพียงคนเดียวที่เรียกนางด้วยชื่อลิเลียน
"ท่านพ่อ..."
"ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า...ลิเลียน"สีหน้าที่ดูตึงเครียดเล็กๆของบิดาทำให้ดีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กๆ แต่นางก็พยายามคิดในแง่ดีว่าคงไม่มีอะไร บิดาของนางก็เป็นคนมักจะทำหน้าเอาจริงเอาจังอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
"ค่ะ ท่านพ่อ"เด็กสาวส่งยิ้มหวานละมุน...เสียจนผู้เป็นบิดาใจอ่อน..
เซบาสเตียน กระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง สูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะกล่าวว่า
"ข้าไม่อยากให้เจ้าไปสนิทกับรองกัปตันมากเกินไป"เขากล่าวเสียงเข้ม สีหน้าบ่งบอกว่าเอาจริงเอาจัง
"ทะ...ทำไมล่ะ?"ใบหน้าน้อยๆดูผิดหวังขึ้นมาทันใด
"เราไม่คู่ควรกับเขา"
"ไม่คู่ควรตรงไหนกัน? ข้าไม่เห็นเข้าใจ"เด็กสาวอ้าปากค้าง สั่นศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมหยิกสีน้ำตาลสะบัดไปมา
ไม่คู่ควร! ไม่คู่ควรยังไงกัน!?
มุมปากของหล่อนตกเล็กๆด้วยความขัดใจในสิ่งที่ได้ยินจากบิดา... นางเริ่มพอที่จะเข้าใจในเจตนารมณ์ของเขา... เขากำลังบอกให้นางเลิกยุ่งกับดิว
แล้วทำไมล่ะ...?
ทำไมกัน? ทำไมท่านพ่อจึงกีดกันความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาง...?
คำพูดของบิดา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเหมือนดั่งเขาเป็นเจ้าชาย ที่นางมิอาจจะเอื้อมถึง ทั้งๆที่บิดาของนางก็เป็นถึงหัวหน้าคนครัวในเรือลำนี้... ซึ่งน่าจะเป็นตำแหน่งงานที่ใหญ่โตพอดู แล้วทำไมท่านพ่อจึงพูดราวกับว่านางเป็นดอกหญ้าส่วนเขาเป็นหมาฝรั่งยังไงอย่างงั้น...
"แล้วสักวันเจ้าจะเข้าใจเอง... เมื่อถึงเวลา"คำพูดของเขาชวนให้นางรู้สึกฉงนไปตามๆกัน สีหน้าของเขานอกจากจะดูเต็มไปด้วยความเข้มงวดแล้ว ยังดูมีลับลมคมในประหลาด...
ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วดีจะเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย แต่ครั้งนี้นางกลับรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผล ไม่มีเลยจริงๆ..
นางมิอาจจะยอมเชื่อฟังบิดาได้... นางไม่อาจที่จะทำได้จริงๆ เขาคงไม่รู้ ว่าการที่นางได้พบปะสนทนากับเขาในทุกๆวันนั้นเปรียบดั่งน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยๆของนาง ทำให้นางรู้สึกมีความสุขขนาดไหน...
แต่เขาเองก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ ว่านางเองก็ขาดมิตรสหายที่วัยใกล้เคียงกัน ด้วยความที่นางเด็กที่สุดในเรือ ก็มีแต่ดิวเพียงคนเดียวที่พอจะเป็นคนที่วัยไม่ห่างกันมาก พอที่จะเล่นหัวหยอกล้อคุยกันได้
ถ้าหากท่านพ่อไม่ให้นางพูดคุยกับเขา แล้วนางจะคุยกับใครกันเล่า!?
"แต่ข้า...-"
เด็กสาวผิวคล้ำอ้าปากจะเถียง ทว่าถูกบิดาตัดบท
"ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าเอายกถาดอาหารนี่ไปให้ชายหนุ่มที่น่าสงสารที่นอนป่วยอยู่ท้ายเรือที..."เขากล่าวก่อนที่จะใช้ทัพพีคนๆอะไรบางอย่างในหม้อ ก่อนที่จะตักซุปฟักทองควันฉุยลงในชาม พลางบุ้ยใบ้ไปทางถาดที่อยู่บนเค้าท์เตอร์ครัว ที่นอกจากซุปฟักทองหอมกรุ่นที่เพิ่งถูกปรุงเสร็จใหม่ๆแล้ว ยังมียาน้ำสูตรโบราณฝีมือของพ่อเธออีกด้วย
ดีไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของผู้ป่วยที่นอนซมคนนั้นถ้าหากเขาได้จิบไอ้เจ้ายาน้ำนี่เข้าไป... แม้ว่ามันจะได้ผลชะงักจริงแต่ทว่ากลิ่นและรสชาติของมันนั้นร้ายกาจรุนแรงมาก...
ขนาดตัวนางเองที่เคยได้เป็นหนูทดลองมันตั้งแต่เด็กยังไม่เคยชินและรังเกียจมันทุกที..
แล้วเชลยคนนั้นล่ะ!? เขาจะเป็นยังไง? เป็นตายร้ายดียังไง นิสัยใจคอยังไงก็ไม่รู้ จะป่าเถื่อน จะเป็นบุคคลอันตราย ขนาดไหนกัน? แล้วถ้าหากเขาเกิดโมโหนางเอามีดเชือดคอนางขึ้นมาเล่า ใครจะว่ายังไง!?
แค่คิดก็สยองแล้ว...
เด็กสาวแลบลิ้นแล้วกอดอก
"แล้วทำไมข้าต้องเป็นคนเอาไปให้เขาด้วยล่ะ?"
"ก็เจ้าเป็นลูกสาวคนครัวไง ลืมไปแล้วหรือไง หน้าที่เจ้าน่ะ..."เขาเตือน
"โถ่! ท่านพ่อ! นั่นเชลยนะ ข้าไม่เป็นห่วงท่านเลยหรือไง? ข้าลูกสาวท่านนะ"ดีแย้ง
"ชายหนุ่มที่น่าสงสารคนนั้นน่าห่วงมากกว่าเจ้าเสียอีก.."ชายกลางคนยิ้มมุมปากหยอกลูกสาว
ใจร้ายที่สุด! ใครว่านางไม่สวยก็คงไม่เจ็บปวดเท่ากับคนเป็นพ่อว่านางอีกแล้ว ให้ตายสิ!
เด็กสาวได้แต่ยืนอ้าปากค้าง...
"อยากจะตามข้ามาก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไปๆๆ ไปได้แล้ว"เซบาสเตียน อัลฟอร์ดไล่ตะเพิดลูกสาวอย่างไม่ใยดี ดุนดันหลังให้นางออกไปจากโรงครัวโดยเร็ว...
ปัดโธ่! ท่านพ่อจะเข้มงวดกับนางไปถึงไหนกัน! ให้ตายเถอะ
นางคิดคนเดียวด้วยความหงุดหงิด
ใช่แล้ว นางเป็นคนเซ้าซี้ขอติดตามเขามาขึ้นเรือลำนี้เอง... แรกเริ่มเดิมทีดีนั้นเป็นเด็กบ้านนอก รู้เพียงแต่ว่า บิดาของนางนั้นเปิดกิจการร้านอาหารอยู่ในเมืองเมซิส ซึ่งกิจการดูท่าทางคงจะไปได้สวยเพราะลำพังเพียงบิดาของนางแค่คนเดียว ก็ทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวเข้าขั้นเศรษฐีย่อมๆในละแวกนั้น...
ทว่า...ครั้งสุดท้ายที่เขากลับมาเยี่ยมนางและมารดานั้น เขากล่าวว่ากำลังจะไปลงเรือส่วนบุคคล เพื่อรับหน้าที่หัวหน้าพ่อครัว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะได้กลับมา... นางจึงขอร้องเซ้าซี้ที่จะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย ด้วยเนื่องจากความรักใคร่ห่วงใยที่มีต่อบิดาที่เริ่มจะสูงอายุ แล้วนอกจากนี้ นางยังอยากที่จะผจญภัยและเผชิญโลกกว้าง... อยากจะรู้จริงๆว่าการมีชีวิตบนเรือนั้นเป็นอย่างไร...
จนถึงตอนนี้นางก็พอจะได้คำตอบแล้ว...
ดีลิเลียนจำใจ... จำใจเดินกระแทกเท้าจากโรงครัวไปยังอีกฟากหนึ่งของเรือ บริเวณท้ายเรือนั่นเองที่เป็นที่ตั้งสำหรับห้องพยาบาลคนป่วยไข้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้องของหมอประจำเรือ เด็กสาวเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินที่มีแสงตะเกียงจุดสลัว ประคองถาดอย่างเบามือเพราะกลัวว่าน้ำซุปที่ถือมานั้นจะกระฉอกหรือเย็นไปเสียก่อน เมื่อถึงที่หมายแล้วนางจึงเคาะประตูไม้นั่นเบาๆสองสามที ก่อนเอาหูเงี่ยฟัง... ตั้งใจรอเสียงตอบรับ
แต่ทว่าไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึก พยักหน้ากับตนเองหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไป ภายในพักผู้ป่วยนั้น..แสงตะเกียงยังคงส่องสว่าง เห็นได้ชัดว่าหมอคงจะออกไปไม่นานและเขาลืมที่จะดับตะเกียง ดีลิเลียนวางถาดอาหารและยาลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆชายหนุ่มที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงฟางด้วยความสนใจ..
เมื่อเข้าไปใกล้ก็พอที่จะเห็นใบหน้าของชายหนุ่มถนัดตา เขาเป็นชายหนุ่มร่างหนา โครงสร้างใหญ่ อาจจะพอๆกับพี่ดิวของนางแต่ทว่าดูบอบบางกว่าหน่อย... ดูจากรูปร่างของเขาแล้วท่าทางจะเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแรงเพราะนางเห็นกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ผิวของชายหนุ่มค่อนข้างคล้ำ ขาวกว่านางเล็กน้อย มีคิ้วเข้มหนาและจมูกที่ค่อนข้างใหญ่แต่โด่งเป็นสัน โดยรวมแล้วเขาจัดว่าเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยทีเดียว ใบหน้าที่คมคายของเขาดูอายุราวๆไม่น่าเกินยี่สิบ
ดีรู้สึกแอบเสียดายเล็กๆที่ชายผู้นี้นั้นเป็นเชลย มิเช่นนั้นแล้วเขาอาจจะพอเป็นเพื่อนคุยกับนางเพื่อให้คลายเหงาได้บ้าง... แต่ถึงอย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่กัปตันอ้นนั้นจับเชลยขึ้นมายังบนเรือแมดิสันสุดที่รักของเขา นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มจะจัดการอย่างไรกับสามคนนี้..
โดยปกติแล้วนั้น กัปตันหนุ่มนิยมที่จะปล่อยตัวเชลย... ทว่าในครานี้นั้นกลับผิดแผกไป ทำให้ดีลิเลียนอดสงสัยไม่ได้ ว่าสาเหตุที่แท้จริงคือเพราะอะไรกันแน่? เขาจึงเลือกที่จะไม่ปล่อยให้เชลยทั้งสามคนนี้...
เด็กสาวมองดูใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับสนิทอีกครั้ง... ขมวดคิ้วบางของหล่อนเล็กๆ ลังเลว่าจะปลุกเขาดีหรือไม่ เหลือบมองถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ ควันที่คุกกรุ่นอยู่เมื่อครู่ได้เบาบางลงไปมากแล้ว... ซึ่งคนป่วยควรที่จะรับประทานของร้อนๆ ถึงจะหายไข้โดยไว
ดีค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปใกล้ๆร่างของเขา สีหน้าของเด็กสาวดูประหลาดพิลึก ดูราวกับว่ารังเกียจว่าคนตรงหน้านั้นจะเป็นโรคร้ายแต่ไม่ใช่ นางกำลังก้ำกึ่งสองจิตสองใจลังเลระหว่างจะปลุกเขาหรือไม่ดีต่างหาก...
แต่ฉับพลันนั้นเองเมื่อนิ้วเรียวเล็กสัมผัสโดนใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงขึ้นมาทันที เมื่อดีลิเลียนสังเกตเห็นดวงตาที่เบิกกว้างจ้องมาทางเธอด้วยสีหน้าที่โหดดูน่าสะพรึงกลัว นางก็สะดุ้งเฮือกตกใจ ถอยหลังกรูด ทว่าเชลยหนุ่มกลับคว้าข้อมือนางเอาไว้
"เอ๊ะ! ปล่อยข้านะ..."นางร้องเสียงหลง พยายามที่จะขัดขืน แต่ไม่เป็นผล พละกำลังของชายผู้นี้มีมหาศาล เขาบีบข้อมือนางแน่น ก่อนที่จะใช้กำลังดันตัวนางให้แนบชิดติดกำแพง ข้อมือน้อยๆทั้งสองถูกมือหนาพันธนาการเอาไว้เสียทั้งสองข้าง ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้ร่างหนาๆเบียดเข้ามาใกล้ๆเหมือนดั่งกำแพงขนาดใหญ่ ล็อคไม่ให้คนตัวเล็กมีหนทางเล็ดลอดลอยนวล...
"เจ้าเป็นใคร!?"เขาถามเสียงแข็ง ดูสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดวงตากลมโตคมเข้มในยามนี้จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของสาวน้อย
ดีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั่น หล่อนพยายามกลืนน้ำลายลองคอเบาๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทำไมต้องโหดกับนางเสียถึงขนาดนี้ด้วย! นางยังไม่ได้ทำอะไรเขาเสียหน่อย ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับจะกินเลือดกันขนาดนี้เสียด้วย!?
ให้ตายเถอะ! เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ไม่มีผิด ท่านพ่อส่งนางมาให้ตายเอาแท้ๆ...
ท่านพ่อนะท่านพ่อ ลูกสาวคนเดียวแท้ๆ ไม่รักกันแล้วหรือไง!?
เด็กสาวคิดพลางกัดริมฝีปากล่าง...ได้แต่ตัดพ้อบิดาในใจด้วยความน้อยใจ..
หัวใจดวงน้อยเต้นรัว ไม่รู้เพราะด้วยความระทึกขวัญด้วยความหวาดกลัวศัตรู หรือว่าเป็นเพราะความที่ไม่เคยใกล้ชิดกับชายหนุ่มคนใดมากขนาดนี้มาก่อน... เมื่อระแคะระคายว่ามือเย็นๆกำลังบีบรัดข้อมือน้อยๆอยู่ก็อดที่จะขนลุกไม่ได้
นางพยายามไม่สบตาเขา ไม่อาจทานทนดวงตาที่คมเข้มนั่นได้ เด็กสาวกลอกดวงตากลมโตของตนเองเลี่ยงไปเลี่ยงมา ทว่าเขาก็ตามไล่หล่อนได้พบทุกครั้ง... เสมือนประหนึ่งกำลังเล่นเกมแมวไล่จับหนู... โดยที่นางเป็นหนูตัวอ้วนพี..คอยหนีแมวตัวใหญ่อย่างเขา..
"ข้าชื่อดีลิเลียน...ข้าเป็นลูกสาวคนครัว"นางตอบในที่สุด หลังจากที่รู้สึกเหนื่อย ก่อนที่จะอ้อมแอ้มถามต่อว่า
"แล้วท่านจะปล่อยข้าได้หรือยัง?"
สีหน้าขององครักษ์หนุ่มดูหวาดวิตกพิลึก... คนครัวหรือ!? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อตอนแรกที่เขาหนีออกจากวังมาพร้อมกับองค์หญิงก็มีแค่เขา องค์หญิง แล้วก็บูรณ์เพียงสามคนเท่านั้น...
องค์หญิง เขา แล้วก็บูรณ์...
แล้วไอ้คนครัวกับลูกสาวมันโผล่มาจากส่วนไหนกัน!?
"ไม่! ข้ายังมีเรื่องที่จะต้องถามเจ้า"เขากล่าวเสียงแข็งยืนกรานที่จะไม่ปล่อยให้สาวเจ้าตรงหน้าหนีไปไหนได้ง่ายๆ ตั้มมองไปรอบๆตัวเขา ในห้องที่เขาถูกปฐมพยาบาลอยู่นั้น เป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เขาพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆหาคนที่เขาคุ้นเคย แต่ทว่าเขากลับอยู่ในห้องคนเดียวกับเด็กสาวแปลกหน้าผู้นี้...
องครักษ์หนุ่มรู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆ ไม่มีแม้แต่เงาขององค์หญิง... หรือแม้กระทั่งบูรณ์
"ข้าอยู่ที่ไหน?"
ดี ยิ้มเยาะที่มุมปาก คลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้ที่นางกล้าที่จะทำเช่นนั้นเพราะสังเกตเห็นร่องรอยความรู้สึกหวาดหวั่น บนใบหน้าของชายหนุ่มนั่นเอง...
"ท่านคงไม่รู้สึกตัว แต่ว่าตอนนี้ท่านคือหนึ่งในเชลยของเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก...ยินดีต้อนรับสู่เรือแมดิสัน"นางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
ตั้มดูหวาดวิตก...
เรือแมดิสัน? เรือโจรสลัดงั้นหรือ?
"อะไรนะ เชลยงั้นหรอ!? เป็นไปไม่ได้!"เขาร้อง สีหน้าดูตื่นตระหนก
"เป็นไปแล้วแหละ ไม่เชื่อท่านสำรวจดูที่ข้อเท้าตัวเองสิ..."นางยิ้ม
ทันใดนั้นเองจู่ๆตั้มก็ระแคะระคายขึ้นมาว่ามีโลหะเย็นๆคล้องข้อเท้าคนเองอยู่ เมื่อลองขยับดูก็ได้ยินเสียงกระทบกันกรุ๋งกริ๋งของโซ่เงิน
"นี่เจ้า...-"
"นี่! ข้าก็ไม่รู้อะไรกับเขาเท่าไหร่หรอกนะ รู้แต่ว่ากัปตันรบชนะพวกเจ้า แล้วก็จับตัวพวกเจ้ามาก็เท่านั้น"
"ถ้าเจ้าเป็นห่วงพี่น้องเจ้าอีกสองคนนะ ข้ารับประกันได้เลยว่าเขาปลอดภัยดี เพราะข้าเห็นพี่ดิวพาพวกเขาทั้งสองคนไปยังที่พักของเขาแล้ว"ดีอธิบายอย่างละเอียด เด็กสาวรู้ดีว่าชายหนุ่มคงจะต้องคิดถึงพวกพ้องของตนเป็นแน่... ถ้าเป็นนางโดนจับตัวมาเป็นเชลย ก็คงจะรู้สึกหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แถมยังเอาโซ่เอากุญแจมาล็อคมาล่ามราวกับว่าไม่ใช่คนอย่างนี้อีก
เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจชายหนุ่มเช่นเดียวกัน
"..."ชายหนุ่มยังคงนิ่ง สีหน้าดูพิกลราวกับนางพูดภาษาต่างดาวใส่
"นี่! ข้ามาดีนะ เอาอาหารกับยามาให้ท่านก็เท่านั้น ท่านอย่าทำตัวเนรคุณไปหน่อยเลยน่า ปล่อยข้าไปได้แล้ว!"ดีโวยวายเมื่อเห็นคนตรงหน้าได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นรูปปั้น...
ตั้มขมวดคิ้ว หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ ยังคงไม่ยอมปล่อยเด็กสาวไปง่ายๆ
"จริงร้ออออ?"เขาถามเสียงสูง
"เออน่ะเซ่!"
องครักษ์หนุ่มกวาดสายตามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาไล่มองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูท่าทางนางยังเด็กนัก คงไม่เลยพ้นวัยสิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ..
ร่างอ้อนแอ้นพยายามดีดดิ้น พยายามสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
ให้ตายเถอะ ยังงี้สินะที่เรียกว่ามือตุ๊กแก
นางคิดก่อนมองค้อนคนตรงหน้าอย่างดุเดือด ฉับพลันนั้นเองที่ดวงตาหวานส่งสายตาเจ้าชู้กรุ่มกริ่มมาทางนาง
ดีรีบหลบตาอีกครั้ง
ตั้มยิ้มขำ มองเด็กสาวผิวคล้ำแก้มป่องตรงหน้า นางช่างดูใสซื่อไร้พิษภัยจริงๆ
ช่างน่าเอ็นดู...
"เจ้าน่ารักดีนะ..."เขาพูดหลังจากที่ปล่อยตัวนางในที่สุด
หัวใจของหล่อนกระตุกวูบ ใบหน้าคล้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเชียว
"ฮะอะไรนะ?"ดีทวนถามอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ... ไม่รู้เมื่อครู่หูฝาดไปรึเปล่า ตั้งแต่นางเกิดมาแทบจะไม่มีใครชมนางว่าน่ารักน่าเอ็นดูสักครั้ง...
มีแต่โดนด่าว่า คนส่วนใหญ่ชอบว่านางไม่สวย ปากห้อยบ้าง เหมือนลิงเหมือนค่างบ้าง..
เด็กสาวดีใจจนเนื้อเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายเชียวเมื่อได้ยินคำชม..
"ไม่พูดแล้ว ของดีมีครั้งเดียว ครึๆ"ตั้มพูดแล้วเบือนหน้าหนี ความจริงเขาก็อายเหมือนกัน
บ้าชะมัด ไม่รู้เมื่อครู่นี้อะไรกำลังสิงเขาอยู่ พูดออกไปอย่างนั้นได้ยังไงกัน!? บ้าไปแล้วแท้ๆ!
"เฮอะ ข้าไม่เห็นอยากรู้เลย.. เอ้านี่ อาหารของท่าน รีบๆกินซะ ข้าไปล่ะ"ดีตัดบทก่อนที่จะไม่รอช้า รีบชิ่งหนีไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มผิวคล้ำได้แต่นั่งบิดตัวไปมาอายม้วนอยู่คนเดียวราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กสาวๆแรกรุ่น..
'บ้าๆ บ้าชะมัดเลยตั้ม! เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรออกไปกัน!?'
ความคิดเห็น