คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ณ ราชอาณาจักรบานัต ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปคลัจซึ่งตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรบนเปลือกโลกที่แกนเอียง23.5องศากว่าสามพันกิโลเมตร พระราชวังฤดูร้อนตั้งตระหง่านอยู่บริเวณชายป่าใหญ่ที่ รายล้อมลอบด้วยทิวสน พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายชื่นชมพรรณไม้ต่างๆนาๆและฝึกซ้อมความแม่นยำในการยิงปืนในฤดูแห่งการล่าสัตว์เช่นนี้
แสงอาทิตย์ส่องกระทบกับผนังสีขาวโพลนของพระราชวัง ถ้าหากไม่สังเกตให้ดีจะไม่เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเดินออกมาจากในวังเพราะผิวกายของเขาเป็นสีขาวเนียนละเอียดแทบจะกลืนเข้ากับสีของผนังวัง
เขาเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก ใบหน้าดูอ่อนหวานพิลึกขัดกับเพศบุรุษ ดวงตาสีน้ำตาลซุกซนฉายแววฉลาดและดูอ่อนโยน เขามีบุคลิกบางอย่างที่ดูค่อนข้างเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่ขัดกับใบหน้าที่อ่อนเยาว์ หนังสือเล่มหนาที่อยู่ในมือซ้ายนั้นทำให้แน่ใจได้ว่าชายผู้นี้นั้นเป็นคนรักการอ่าน ประกอบกับรูปร่างที่บอบบางและการแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินตัวยาวทำให้แน่ใจได้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีแววจะเป็นบัณฑิตมากกว่าทหารองครักษ์เป็นแน่
ธันยบูรณ์ ราชครูหนุ่มวัยยี่สิบสามปีชะโงกคอมองซ้ายมองขวาบริเวณสวนวงกตนอกวัง ดวงตาสีน้ำตาลกลอกไปมาพยายามสำรวจไปรอบๆ ตอนนี้เขาเริ่มชักหัวเสียนึกอยากจะโค่นพวกไม้ประดับที่รายล้อมอยู่รอบๆถูกตัดแต่งให้เป็นรูปสัตว์ต่างๆเสียเหลือเกิน แต่มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะนั่นคือปฏิมากรรมชิ้นเอกที่ฝ่าบาทหลงใหลหวงแหนนักหนา...
เพราะเหตุใดราชครูหนุ่มจึงหัวเสียนักน่ะหรือ?...เพราะตอนนี้ได้เวลาที่เขาจะต้องถวายการทรงอักษร
บูรณ์ยิ้มมุมปาก...หลับตาแล้วถอนใจเบาๆเมื่อนึกถึงนักเรียนของเขา... อดไม่ได้ที่จะสายหัว ไม่ใช่นักเรียนธรรมดา นักเรียนตัวแสบเสียด้วย...
องค์หญิงเชอรีนแห่งราชวงศ์หรเวชคุณ ธิดาองค์สุดท้องขององค์กษัตริย์แห่งบานัต ดำรงค์ตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่สี่รองจากพระเชษฐาทั้งสองและพระเชษภคินี
ในปีที่จะมีพระชันษาครบสิบเก้า ธันยบูรณ์อดลงความเห็นไม่ได้ว่าองค์หญิงนั้นกำลังอยู่ในวัยที่แตกเนื้อสาวเปรี๊ยะๆ ทำให้พระสิริโฉมงดงามยิ่งหาใครยากที่จะเทียมได้ในอาณาจักรนี้ เป็นที่หมายปองของบรรดากษัตริย์และองค์ชายทั่วทุกสารทิศ
แต่ถึงอย่างไร พระองค์ก็ยังคงไม่ทรงมีวุฒิภาวะมากพอที่จะอภิเษกเป็นชายาของกษัตริย์หรือเจ้าชายองค์ใดหรอก..
ราชครูหนุ่มส่ายหน้าอีกครั้ง
ครั้งที่สามแล้วสำหรับอาทิตย์นี่ที่องค์หญิงทรง'โดด'เรียน... พระนางก็ช่างเหลือเกินเสียจริงๆ
บางทีวิชารัฐศาสตร์อาจจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับพระนาง...
หรือว่าเขาอาจจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับพระนาง...
คงน่าจะเป็นข้อหลังเอาเสียมากกว่า เพราะด้วยบุคลิกที่มักจะเอาจริงเอาจังของเขา อาจจะทำให้พระองค์ทรงเบื่อหน่ายเป็นแน่ ถึงแม้ว่าบูรณ์จะรู้ดีว่าอายุของเขาจะห่างจากองค์หญิงเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น แต่ทว่าด้วยหน้าที่การงานในราชการและฐานะที่เป็นอยู่นั้น หล่อหลอมและบังคับให้เขามีบุคลิกดังว่า...
ถึงแม้บางครั้งบูรณ์จะอดไม่ได้ที่จะอยากจะสนทนากับองค์หญิงดั่งพระสหาย หรือ ผ่อนคลายมากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่อาจที่จะประพฤติตัวเช่นนั้นได้ ด้วยเพราะตำแหน่งและศักดิ์ศรีของความเป็นพระอาจารย์มันคอยค้ำคอเขาอยู่
เพราะเขาคือราชครูธันยบูรณ์ ผู้ที่สอบไล่เป็นบัณฑิตได้ที่หนึ่งในราชอาณาจักรเมื่อปีกลาย เพิ่งจะเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำพระองค์อย่างสดๆร้อนๆด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ไม่นานที่เขาได้พบกับพระนาง แต่อันที่จริงเขาเองก็พอจะรู้ดี ว่าสาเหตุที่พระนางประพฤติตัวโดดเรียนบ้าง เกเรบ้างก็เพียงเพราะแค่นางเหงาก็เท่านั้น...
เขาอดที่จะเห็นใจองค์หญิงเสียไม่ได้...
เขารู้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างเขียนเอาไว้บนใบหน้า สีหน้าและแววตาที่ดูว้าเหว่เลื่อนลอย และดูเบื่อหน่าย ถึงแม้องค์หญิงจะมีบุคลิกร่าเริงก็ตามที แต่ถึงอย่างไรพระนางก็ขาดพระสหายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน... นางพอจะมีอยู่
"ป๊อก!"อะไรบางอย่างลอยคว้างมากระทบเข้ากับศีรษะของเขา ราชครูหนุ่มยกมือบอบบางของเขาลูบที่ศีรษะเบาๆ พลางก้มลงมองพื้นที่ลูกแอปเปิ้ลเน่าๆสีแดงคล้ำนอนแน่นิ่งอยู่บริเวณเงาของเขา
เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด... องค์หญิงคงไม่เอาของธรรมดาๆที่ไหนมาปาใส่หัวเขาเป็นแน่.. ให้ตายเถอะ! เขาเพิ่งจะสระผมไปเสียเมื่อเช้าเองนะ...
องค์หญิงนะองค์หญิง
"โน่น นายเห็นไหมตั้ม เข้าเป้าพอดีเลย!"หญิงสาวพูดอย่างร่าเริงพลางหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจพลางเอามือกุมท้องดูน่าหมั่นไส้นัก...
"องค์หญิงทรงแม่นยำเสมอเลยพะยะฮ่ะ"น้ำเสียงแหบพร่าของใครบางคนเสริมขึ้น ยิ่งส่งเสริมอีโก้ขององค์หญิงจอมซน ใครคนนั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก 'วราวุทธ' องครักษ์หนุ่มวัยยี่สิบปีผู้มีสีหน้าอันกวนบาทา เขาเป็นคนสนุกสนานและทะเล้น ช่างฉอเลาะและเจรจาเป็นที่โปรดปราของใครหลายๆคนในวัง เสียจนบางครั้งบูรณ์รู้สึกว่าเขาดูไม่เหมาะกับบทบาทในฐานะองครักษ์น่าจะเป็นนักการทูตหรืออุปรากรอะไรทำนองนั้นเห็นที่จะได้ผลเอาเสียมากกว่า...
และเขาก็คือหนึ่งในพระสหายไม่กี่คนขององค์หญิง... เป็นพระสหายของพระนางเสียตั้งแต่ครั้นยังทรงพระเยาว์...สาเหตุที่ตั้มมีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์หญิงแต่เด็กเพราะบิดาของเขานั้นเองก็เป็นองครักษ์ฝ่ายในประจำพระองค์ของฝ่าบาท และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าที่การงานของรุดก้าวหน้าแซงเพื่อนในวัยเดียวกันชนิดอย่างที่ไม่เห็นฝุ่น... แต่เป็นเช่นนั้นจริงหรือเปล่า? บูรณ์มิอาจจะแน่ใจได้ เพราะเขาก็ได้ยินว่าฝีมือการรบและวิทยายุทธของวราวุทธเองก็ไม่เป็นรองใครในใต้หล้า
แต่ถึงอย่างไร บูรณ์ไม่ค่อยชอบขี้หน้าตั้มสักเท่าไหร่นัก เขามีความรู้สึกตะหงิดๆว่านายตั้มนี่แหละที่เป็นตัวการชักชวนให้องค์หญิงเกิดเกเรและมักจะหาเรื่องมาคอยกลั่นแกล้งเขาเสมอมา
และลึกๆในใจแล้วธันยบูรณ์เองก็มีจิตใจที่ริษยาองครักษ์หนุ่มอย่างตั้ม ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดองค์หญิงตลอดเวลา แถมยังสนิทสนมกับพระนางได้อย่างสนิทใจอีกด้วย...
ช่างแตกต่างกับคนอย่างเขาเสียเหลือเกิน...หากจะให้สนิทใจ.. คงไม่ไหว
"อะแฮ่ม..."เขากระแอมเบาๆ ไม่ลืมที่จะวางมาดเคร่งขรึม
"องค์หญิงคงทรงทราบดีว่าขณะนี้เป็นเวลาทรงพระอักษร"
"ขณะเนี้ยะเป็นเวลาทรงพระอักษร"เชอรีนพูดล้อเลียนสำเนียงแปร่งๆพระอาจารย์ทันทีทันใด ทำให้องค์รักษ์หนุ่มผิวคล้ำที่อยู่ข้างกายอดที่จะระเบิดขำไม่ได้
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กร๊ากกกกกกก"
สีหน้าของบูรณ์ยังคงเคร่งขรึมเรียบเฉย เขาพยายามที่จะควบคุมอารมณ์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีวุฒิภาวะ... ไม่นานนักที่องค์หญิงและตั้มเองก็รับรู้สึกได้ถึงความซีเรียสของบูรณ์ จึงพากันหยุดขำ
"นายนี่มันไม่สนุกเลยจริงๆ"หล่อนบ่นกระปอดกระแปดด้วยความหงุดหงิดพลางกอดอก ไม่เข้าใจซะจริง ทำไมอีตาหมอนี่ถึงต้องทำท่าซีเรียสเคร่งเครียดเอาเสียตลอดเวลาด้วย...
บูรณ์ขมวดคิ้ว
ดูทำเข้าเถิด พระนางเห็นเขาเป็นของเล่นหรือยังไงกัน!?
"พี่บูรณ์ เครียดมากๆตีนกาขึ้นหน้าเหี่ยวพอดี..."วราวุทธลงความเห็นก่อนจะยิ้มขบขันออกมา... มันได้ผล สีหน้าของหนุ่มเจ้าสำอางค์อย่างธันยบูรณ์ดูตกอกตกใจขึ้นมาทันที พลางยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วที่มักจะขมวดเป็นนิสัยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ นายเก่งชะมัดเลยตั้ม ดูสีหน้าหมอนี่สิ ตลกชะมัด"
บูรณ์รู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธจนหน้าแดง อับอายเป็นอย่างยิ่งที่เสียรู้แก่ตั้ม กลายเป็นที่ล้อเลียนสนุกขององค์หญิง เขาทั้งโกรธทั้งอาย แต่ได้แต่พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆยุบหนอพองหนอเพื่อสงบสติอารมณ์ ทั้งๆที่มือกำหมัดแน่นใกล้ระเบิดเต็มทน
แต่ดูเหมือนว่าตั้มจะสังเกตอาการนั้นได้ เขาโค้งหนึ่งครั้งให้กับองค์หญิงก่อนที่จะกล่าวว่า
"อันที่จริงก็เลยการเริ่มต้นทรงพระอักษรมานานมากแล้ว เห็นทีกระหม่อมคงต้องขอตัวก่อนพะยะฮ่ะ"
"เอ๊ะ นายอย่าเพิ่งไปสิตั้ม นายกลัวหมอนี่หรือยังไงกัน?"เชอรีนเย้ยองค์รักษ์พลางยักคิ้ว จุดประสงค์ของพระนางคือพยายามจะรั้งตัวเขาไว้ เชอรีนรู้สึกอึดอัดกับธันยบูรณ์ ทุกเวลาที่หล่อนจะต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง เขามักจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆที่ทำให้หล่อนรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
เขาจะต้องไม่พอใจหล่อนลึกๆแน่ๆ เชอรีนมั่นใจ เขาจะต้องเกลียดขี้หน้าหล่อน เธอรู้ตัวดี เพราะที่ผ่านมาตัวเธอเองนั้นไม่เคยที่จะปฏิบัติตัว ประพฤติเป็นนักเรียนที่ดีเลยแม้แต่หนเดียว ฮึ! ก็ต้องโทษเขานั่นแหละ คงไม่ใช่เพราะอะไรนอกจากเพราะความซีเรียสไม่ยอมผ่อนคลายของเขานั่นแหละ
ฮึ่ย...คิดแล้วพระนางก็หงุดหงิดนัก
"เดี๋ยวเย็นๆกระหม่อมจะมาเยี่ยมองค์หญิงใหม่"เขาพูดก่อนที่จะยิ้มบางๆ
"...."ราชครูหนุ่มไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วเลิกคิ้วให้กับองครักษ์หนุ่ม ตั้มอ่านสีหน้านั้นออก มันดูแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเล็กๆ เขารู้ดีว่าในใจของบูรณ์คงนึกก่นด่าว่าเขามันคงเป็นคนว่างงานไร้แก่นสารไม่มีอะไรจะทำเป็นแน่น
ตั้มยิ้มหวานทำใจดีสู้เสือ พลางขยิบตา
'ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่...'เขาคิดในใจพลางส่งสายตาไปให้ราขครูหนุ่มมันได้ผลทันที บูรณ์ดูผงะไปเล็กๆ ก่อนที่จะมองเขาอย่างเคืองๆ ปากเบะออกเล็กๆดูน่าขันเพราะคล้ายสาวแรกรุ่นที่กำลังหัวเสีย...
สาแก่ใจเขานักที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นจากคนหยิ่งทรนงอย่างบูรณ์
เขายิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนที่จะหันหลังสาวเท้าออกไปทิ้งให้สองหนุ่มสาวอยู่กันเพียงลำพัง
"องค์หญิง...กระหม่อมใคร่ที่จะขออนุญาตเริ่มต้นบทเรียนเสียตั้งแต่ตรงนี้"
"ฮ้าวววววววววววววว"ไม่ทันจะจบประโยคดีนักเสียงหาววอดของเชอรีนก็ดังมาแต่ไกล
ความคิดเห็น