ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรู้ทั่วไปที่คุณ (อาจ) ไม่เคยรู้

    ลำดับตอนที่ #18 : เครื่องมือทรมานของไทยสมัยก่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      0
      13 มิ.ย. 55

    เครื่องมือทรมานเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เครื่องจารีตนครบาล" ปรากฎหลักฐานตามกฎหมายตราสามดวง สันนิษฐานว่ามีการใช้กันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น คำว่า "จารีตนครบาล" คือวิธีการไต่สวนจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาแผ่นดินให้รับสารภาพด้วยวิธีการทรมานร่างกายให้เกิดความทุกข์ ทรมานเจ็บปวด เช่น ตอกเล็บ บีบเล็บ บีบขมับ ขึ้นขาหยั่ง เป็นต้น

    จารีตนครบาลได้ถูกยกเลิกอย่างเด็ดขาดในปี พ.ศ. 2451 (ร.ศ. 127) โดยประกาศประมวลกฎหมาย ลักษณะอาญายกเลิกการไต่สวนโดยจารีตนครบาล

    1. ไม้บีบเล็บ



    ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง 2 อัน ปลาย 2 ข้างเป็นปุ่มและเรียวลงไป ตอนกลางโป่ง ยึดปลายข้างหนึ่งไว้ด้วยเชือกให้แน่น เมื่อเอาบีบลงตรงเล็บผู้ที่ถูกสอบสวนแล้วก็เอาเชือกรัดขันปลายอีกข้างหนึ่งให้แน่นแล้วใช้ค้อนไม้เนื้อแข็งทุบลงไปตรงกลางที่วางเล็บไว้ ตามหลักฐาน ใช้สำหรับทรมานผู้ร้ายเวลาไต่สวนเพื่อให้รับสารภาพ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มใช้สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยกฎหมาย "พระอัยการ ขบถศึก" จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 5) โดยประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451)

    2. ไม้บีบขมับ



    เป็นเครื่องมือทรมานทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มี 2 อัน ปลายข้างหนึ่งใช้เชือกผูกไว้ ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งมีเชือกขัน ตรงกลางมีปุ่ม 2 ปุ่ม สำหรับใส่ตรงขมับทั้ง 2 ข้าง ละขันเชือกอีกปลายด้านหนึ่งให้แน่น กดขมับให้เจ็บปวดจนกว่าจะให้ถ้อยคำเป็นที่เชื่อถือได้ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มใช้สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยกฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 5) โดยประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ.2451)

    3. ฆ้อนตอกเล็บ



    ทำด้วยไม้แก่นปลายไม้ข้างหนึ่งแหลมใช้สำหรับใส่เข้าไประหว่างเล็บและเนื้อ แล้วใช้ฆ้อนตอกไม้ปลายแหลมเข้าไปในเล็บ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มใช้สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยกฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่5) โดยประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451)

    4. หีบทรมาน



    ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะคล้ายหีบศพขนาดพอดีกับตัวคน ที่ฝาปิดมีรูเจาะไว้ 2 รู เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งนิ้ว สำหรับให้พอหายใจได้เท่านั้น เมื่อเอาผู้ร้ายเข้าไปนอนในหีบ ปิดฝาแล้วจะพลิกหรือตะแคงตัวไม่ได้ อาจวางนอนหรือวางยืนไว้กลางแดดก็ได้ ร้อนจนอึดอัดแทบขาดใจตาย เป็นการทรมานเพื่อให้รับสารภาพ ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มใช้สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยกฎหมาย "พระอัยการขบถศึก" จุลศึกราช 796 (พ.ศ.1978) เลิกใช้สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 5) โดยประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451

    5. ไม้ขาหย่าง



    เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ซึ่งมักใช้เป็นโทษประจานให้ได้อาย มีลักษณะเป็นไม้กลม 3 ท่อน ยาวท่อนละประมาณ 1.60 เมตร ปลายมีเหล็กแหลมหุ้มสำหรับเสียบลงในดินให้แน่น ปลายอีกข้างหนึ่งใช้เชือกมัดรวมแล้วมัดผู้กระทำผิดไว้บนไม้สามขา หรืออาจแขวนห้อยไว้ไม่ให้เท้าหยั่งพื้นถึง มีเจ้าหน้าที่ตีฆ้องร้องป่าวมิให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง

    6. เบ็ดเหล็ก



    ใช้เพื่อลงทัณฑ์ผู้ต้องโทษโดยเกี่ยวเบ็ดเหล็กเข้าใต้คาง ปลายแหลมของเบ็ดเหล็กเสียบทะลุคางถึงใต้ลิ้นแล้วชักรอกดึงรั้งคางของผู้ต้องโทษให้ตัวลอยขึ้นจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้นดิน โดยไม่ให้คางหลุดจากเบ็ดเหล็ก เบ็ดเหล็กนี้ทำด้วยเหล็กท่อนขนาด 4 หุน ปลายแหลมเหมือนเบ็ดตกปลา ยาวประมาณ 16 นิ้ว เริ่มใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับสมัยแผ่นดินของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 จุลศักราช 796 (พ.ศ. 1978) ซึ่งปรากฎในกฎหมายพระอัยการขบถศึกและเลิกใช้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายลักษณะอาญา

    7. ตะกร้อลงโทษ (ตะกร้อช้างเตะ)



    เป็นเครื่องมือลงทัณฑ์ มีลักษณะทรงกลมทำด้วยหวายเส้นสานกันห่างๆ หวายที่สานมีด้วยกันแผงละ 13 เส้น เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร มีช่องขัดเสียบเหล็กแหลมลงไปช่องละ 6-9 ตัว วิธีการลงทัณฑ์จับคนโทษ ยัดใส่ตะกร้อแล้วใช้ช้างเตะให้เลียดกลิ้งไปกับพื้น เหล็กแหลมจะทิ่มแทงตามร่างกายให้ได้รับความเจ็บปวด ตะกร้อที่จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ตามหลักฐานได้มาจากคุกเมืองโคราชหรือเรือนจำกลางนครราชสีมาปัจจุบัน

    8. หวาย



    เป็นเครื่องมือทรมานในการไต่สวนคนร้ายที่ถูกกล่าวหาให้รับสัตย์ (รับผิด) เริ่มใช้สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์และเลิกใช้สมัยรัชกาลที่ 5
    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ร.ศ. 115 (พ.ศ. 2439) หวายที่ใช้ลงโทษผู้ต้องขัง มี 3 ลักษณะ

    8.1 หวายแช่น้ำแสบ (น้ำเกลือ)


    ทำด้วยหวายขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1.10 เมตร ที่ด้านมือจับควั่นด้วยเปลือกหวายเส้น วิธีการทรมาน จับคนร้ายมัดหันหน้าติดพื้นหรือนอนคว่ำหน้ากับพื้น ราชทัณฑ์จะใช้หวายแช่น้ำแสบ (น้ำเกลือ) ที่เตรียมเอาไว้ หวดเฆี่ยนบนหลังคนร้ายตามกำหนดการเฆี่ยนใช้ นับเป็นยก "ยกหนึ่ง" หมายถึง 30 ขวับ จนกว่าคนร้ายจะรับสัตย์ (รับผิด)

    8.2 หวายกระชากหนังกำพร้า

    ทำด้วยหวาย 3 เส้นมัดรวมกัน แต่ละเส้นวันเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1.25 เมตร ครึ่งปลายของหวายหุ้มด้วยเปลือกหวายขัด เพราะเปลือกหวายขัดนี่เอง เวลาหวดลงหวายไปแต่ละที หนังกำพร้าจะหลุดติดออกมาเป็นริ้วๆ การนับก็เป็น "ยก" เช่นเดียวกับหวายแช่น้ำแสบ

    8.3 หวายสามแนว

    ทำด้วยหวาย 3 เส้น แต่ละเส้นวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ 1 เซนติเมตรยาวประมาณ 1.25 เมตร โดยเอาหวาย 3 เส้นมัดรวมกัน แค่ครึ่งหนึ่งของตัวหวายไว้เป็นที่จับ อีกครึ่งหนึ่งของส่วนปลายปล่อยเปลือย การเฆี่ยนตีหรือโบยด้วยหวายสามแนวเหมือนกับหวายแช่น้ำแสบและหวายกระชากหนังกำพร้า

    เครดิต : จิ้ม จิ้ม จิ้ม จิ้ม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×