คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ผู้พิทักษ์เงา : Part I
The Forth Guardian
Part I.
Author : Silver-lake-lanturn
Status : ขี้เกียจตัวเป็นขน
pairing : ???
...ความลับของโลกจะกลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดหากถูกนำไปขู่รีดเอาความจริง...
...การต่อสู้เพื่ออิสระของตนเองกำลังจะเริ่ม และเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของอนาคตใหม่เท่านั้น...
...แต่ยังหรอก...มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘The Forth Guardian’
“ยังหรอก...ยังไม่พอ” หญิงสาวกรีดร้อง เธอมีใบหน้าซูบตอบและใต้ตาก็คล้ำเหมือนอดนอนมาเป็นสัปดาห์ สายตาของเธอจดจ้องอยู่ที่กระจกใสตรงหน้า มันมีก้อนเนื้อที่กำลังลอยอยู่บนน้ำสีเข้ม และก็ดูจะเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ แต่มันก็กำลังขึ้นรูปร่างคร่าวๆ คล้ายคลึงกับการขึ้นรูปร่างของเด็กทารก แต่เป็นการขึ้นรูปร่างของผู้ใหญ่แทน “แค่นี้...ยังไม่พอหรอก...!!”
ร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวคนนั้น แต่เพราะผ้าคลุมเลื่อนปิดหน้าจนเกือบมิด ทำให้สามารถมองเห็นได้แค่จมูกลงมาเท่านั้น ร่างนั้นคุกเข่าลงแล้วพูดขึ้นว่า “ขอคำสั่งด้วยขอรับ...”
หญิงสาวเบือนหน้าหนีออกมาจากตู้กระจกใสแต่เธอก็ไม่ได้มองสบตาร่างนั้นเพราะสายตาของเธอมองท้องฟ้าเบื้องบน “แน่นอน...ดวงวิญญาณแค่นี้ ยังไม่แม้แต่จะขึ้นโครงร่างด้วยซ้ำ”
“ขอรับ...” ร่างนั้นค้อมหัวลงเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้น
“ขอคำตอบด้วย โดยด่วนเลยนะ” เมดสาวเปิดประเด็น หรี่ตามองร่างบางอย่างไม่ไว้วางใจ “ฉันจำเป็นจะต้องตัดสินว่าเธอเป็น...พวกหรือศัตรู”
“นั่นสิคะ เพราะฉันเองก็เคยไปอยู่อีกที่หนึ่ง...เหมือนเป็นโกดังอะไรสักอย่าง...จริงๆ นะคะ” นานาโอะ ฮิเมะพูดเสริม
ร่างบางส่ายหน้า “พูดความจริงเลยนะคะ ฉันเองก็ไม่ค่อยจะแน่ในเหมือนกัน ...แต่เท่าที่ฉันได้ยินมา ก็เลยคิดว่ามันคงจะเกี่ยวข้องกับซินเรียนาสินะคะ”
ทั้งสองคนนิ่งเงียบรอคำตอบ
“ถือว่าใช่ก็แล้วกันนะคะ เพราะฉันเองก็รู้สึก...แปลกๆ... ที่เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เคยฝันเห็นอะไรบางอย่างร่วมกับซินเรียนามาเหมือนกัน คือฉันจำรายระเอียดไม่ค่อยจะได้นักหรอกนะคะ”
ร่างบางเล่าเรื่องที่ได้ยินจากในฝันของเธอให้พวกนั้นฟัง เมื่อเล่าจบ เมดสาวก็นั่งนิ่งไป สายตาดูจริงจัง “เธอคงจะรู้สินะว่านั่นมันสำคัญมาก”
“ก็...ใช่ค่ะ” ร่างบางตอบ นึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับเธอคนนี้ตรงๆ ขึ้นมา
“ฉันมองเห็นความจริงใจในสายตาของเธอ ...เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อเธอก็แล้วกัน” สายตาของเมดสาวดูอ่อนลง แล้วเธอก็ฉีกยิ้มออกมา “แต่ก็ยังไม่เสมอไปหรอกนะ”
นานาโอะ ฮิเมะยังดูกังวลอยู่ดี “หมายความว่าคุณเซรินก็คงจะยังอยู่ที่นั่นสินะคะ”
ร่างบางขมวดคิ้ว “เซรินเหรอคะ เธอเป็นใครกันคะ คุณนานาโอะ”
นานาโอะ ฮิเมะดูจะไม่อย่างเล่านัก แต่เธอก็เล่า...ด้วยความระมัดระวังราวกับว่าเธอกำลังเก็บบางอย่างที่เธอรู้มากกว่านั้นเอาไว้ข้างใน
ดูเหมือนว่าเมดสาวจะรู้สึกเหมือนกัน “แล้ว...ซินเรียนา ไม่สิ เธอชื่ออะไรล่ะ”
“ฮารุกะ... มิมาโกะ ฮารุกะค่ะ” ร่างบางแนะนำตัวเอง เมดสาวมองเธออย่างพิจารณา
“ชื่อจริงสินะคะ แต่ฉันยังไม่ไว้ใจคุณนัก สักวันฉันจะบอกชื่อจริงๆ ของฉันก็แล้วกันนะคะ แต่ตอนนี้... ขอให้คุณเรียกฉันว่า มิวนิท ไปก่อนนะคะ”
ฮารุกะยิ้ม ...บางครั้งก็คงจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ...
ที่นี่...ที่ไหนกัน
ซินลิเฟียร์ลืมตา ความปวดระบมจากแขนซ้ายที่ถูกแทงเข้าจนมิดด้ามมีดยังคงเหลือบาดแผลขนาดใหญ่ และความเจ็บจากสายลมเมื่อครู่เอาไว้ทำให้เธอเจ็บจนขยับไปไหนไม่ได้... ทำได้เพียงแต่ตะเกียดตะกายไปจนสุดกำแพงแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากเท่านั้น
“อึก...แฮก แฮก” ซินลิเฟียร์หอบ ดวงตาสีน้ำผึ้งเป็นประกายด้วยความแค้น เฝ้ามองความมืดมิดที่คืบคลานเข้ามาอย่างใจลอย
‘กำลังลำบากสินะ’ เสียงหนึ่งพูดขึ้นในหัวของเธอ
ซินลิเฟียร์ถลึงตาใส่ความมืด “ผู้พิทักษ์คนที่สามสินะ นอกจากนั้นแล้วก็คงไม่มีใครที่สามารถควบคุมความมืดและสายลมได้หรอก”
‘หามิได้ ...แต่ข้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์คนที่สามหรอก’
“แกว่าไงนะ” ซินลิเฟียร์พูดอย่างตกใจ เหลือบมองความมืดตรงหน้าที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาอย่างหา “ถ้าอย่างนั้นแล้ว...แกเป็นใคร มาหาฉันทำไมกัน”
‘ข้าได้ยิน...เสียงกู่ร้องในจิตใจของเจ้า’ ความมืดพูด ‘ความแค้นที่ถูกแทงและเกือบจะเอาชนะเจ้าได้ ...และมันเรียกร้องขอพลังพาข้ามา’
ซินลิเฟียร์ร้องลั่นด้วยความกลัว เมื่อชายกระโปรงยาวของเธอถูกความมืดดูดกลืนไป “ไม่นะ!” เธอกรีดร้อง
‘ความกลัวและความเกลียดชังของเจ้า ฝากข้าเอาไว้เถิด...’ ความมืดบอก ‘จงเป็นบรรณาการให้แก่ชัยชนะของเราทั้งคู่’
ซินลิเฟียร์กรีดร้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...ทั้งความกลัวและความเศร้า ความเงาและเดียวดาย...ความทุกข์ระทม และความหวังที่ก่อเกิดเล็กน้อย
ซินลิเฟียร์เบิกตากว้าง...ความหวัง...เธอคิด
และทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
“คุณนานาโอะ เป็นอะไรไปคะ!?” ฮารุกะถาม เธอลองเขย่าตัวนานาโอะที่กำลังกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะนานาโอะดูไม่ตอบรับเลย
‘ด้านมืดของจิตใจ คงจะโดนอะไรบ้างอย่างดูดกลืนอยู่’ เสียงของซินเรียนาพูดขึ้นในหัว ‘ด้านปกติคงจะได้รับผลกระทบไปด้วย...ดังนั้นไม่ได้ผลหรอกนะ’
“ซินเรียนาเหรอ” ฮารุกะถามขึ้น “แล้วเราจะช่วยอะไรเธอได้บ้างล่ะ”
‘หลบไป เดี๋ยวฉันจัดการเอง’ ซินเรียนาตอบ
ฮารุกะลองเบี่ยงตัวหลบ แต่เธอก็ไม่เห็นร่างของซินเรียนา “...หลบ? แล้วมันต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ ฉันยังไม่รู้วิธีการทำหรอกนะ”
‘หลับตาลง’ ซินเรียนาสั่ง
ฮารุกะหลับตาลง เธอคงจะล้มไปแล้วหากมิวนิทไม่เข้ามารับเอาไว้ ร่างบางลืมตา...มันกลายเป็นดวงตาสีเลือดของซินเรียนาแทน
ซินเรียนาปัดมือของมิวนิทที่ประคองร่างของเธอเอาไว้ออกไป ร่างบางเดินตรงไปหา นานาโอะ ฮิเมะ ที่ยังกรีดร้องอย่างทรมานอยู่
“อ๊ากกกก! กรี๊ดดด!” นานาโอะกรีดร้อง นัยน์ตาเบิกโพล่งและไร้แวว ซินเรียนาลืมตาจ้องเธอ...พลังสะกดมาจากดวงตาของซินเรียนาเป็นวงคลื่นอ่อนๆ แล้วร่างเล็กของนานาโอะ ฮิเมะก็ล้มลงราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
มิวนิทวิ่งเข้าประคอง แต่นานาโอะ ฮิเมะก็ดูเลื่อนลอยเหลือเกิน...
“มันเป็นผลกระทบจากการถูกทำลายของจิตใจ” ซินเรียนาเอ่ยเสียงเครียด เธอชำเลืองมองมิวนิท “เธอเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด...”
มิวนิทพยักหน้า ก่อนจะตัดสินใจเล่า “ความจริงแล้ว...ช่วงนี้มีข่าวลือเรื่องผู้พิทักษ์คนที่ 4 ที่ออกตามวิญญาณของพวกเหล่าจิตใจด้านมืด แล้วสูบความโกรธแค้นรวมถึงพลังของวิญญาณพวกนั้น”
ซินเรียนาเลิกคิ้ว “ทำไมเธอถึงได้เก็บเงียบไว้คนเดียวล่ะ”
“คือว่า...” มิวนิทพยายามแก้ตัว
“เล่ารายละเอียดต่อไปสิ...” ซินเรียนาเอ่ยราวกับรู้ทันความคิดของมิวนิท “ถ้าเธอไม่อยากจะเล่าขนาดนั้น...ก็เชิญตามสบายเถอะ”
มิวนิทลอบถอนหายใจ ก่อนจะเล่าตามที่ร่างบางขอ “...ตามข่าวลือที่ได้ยิน ตอนนี้ผู้พิทักษ์ที่เหลือก็กำลังร้อนใจสืบหากันอยู่เหมือนเธอ เพราะผู้พิทักษ์คนที่ 4 ที่ว่าก็ทำให้จำนวนของจิตใจด้านมืดลดลงจนไม่ค่อยจะคงสภาพความเสถียรแล้ว ถึงจะดีที่เรื่องบางอย่างจะสงบลงบ้าง แต่ถึงขนาดทำให้สมดุลเสียนี่...เรื่องใหญ่แล้วล่ะ”
ซินเรียนาครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจล่ะ...ขอฉันไปหาข้อมูลหน่อยก็แล้วกัน”
@ Magnet news
‘...น่าสลด! ผู้คนเป็นโรคประสาททะลุหลักแสน!’
‘โรงพยาบาลที่แห่งร้องทุกข์...มีเหตุผู้คนแห่กันเป็นโรคประสาท และทีมแพทย์ทุกสถานที่ต่างก็ต้องทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อหยุดอาการของผู้ป่วย ทุกรายมีอาการชักกระตุก กรีดร้องไม่หยุดและดูเลื่อนลอยเหมือนคนไร้สติ...ทีมแพทย์เองก็ยังทำวิจัยเกี่ยวกับโรคใหม่นี้ไม่เสร็จเพราะติดงานรักษาผู้ป่วยที่นับวันก็เริ่มล้นทะลักเข้ามาทุกวัน...’
‘คุณหมอท่านหนึ่งจากโรงพยาบาล ‘IOt Ss’ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ออกันเต็มหน้าโรงพยาบาลว่า ‘ผมทำงานนี้มากว่า 10 ปี แต่เหตุการณ์แบบนี้เพิ่งจะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก น่าสงสัยจริงๆ นะครับทุกท่าน...แต่ทางเราเองก็ยังไม่สามารถค้นคว้าและทำการผลิตวัคซีนหรือยาแก้ใดๆ ได้เลยครับ’’
‘อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายก็พ้นขีดอันตรายไปแล้ว เราจึง...’
ซินเรียนาปิดหนังสือพิมพ์ฉบับที่อ่านอยู่แล้วหาฉบับใหม่ขึ้นมาเปิดหาข้อมูลบ้าง
‘ผู้ป่วยอาการแปลก! ข่าวใหม่ที่คุณไม่ควรพลาด!’
‘ทีมวิจัยแทบหัวปั่นเมื่อรับโปรเจ็คคิดค้นยาแก้โรคประสาทขั้นรุนแรงที่เชื่อกันว่าเป็นไวรัสตัวใหม่ ยาตัวใหม่ที่ว่านี้กำลังอยู่ในขั้นทดลองค่ะ’
‘อย่างไรก็ตาม...อาการของผู้ป่วยที่กำลังระบาดไปทั่วโลกก็ยังคงเป็นอาการเดียวกันค่ะ คือจะมีอาการชักกระตุก เป็นไข้เล็กน้อยถึงหนักมาก กรีดร้องและดิ้นแรงมากๆ ดูราวกับคนที่คุมสติไม่อยู่แล้วคลุ้มคลั้งขึ้นมา ดิฉันได้รับการแจ้งมาจากผู้สื่อข่าวที่กระจายกันอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ค่ะ’
...น่าสนใจ อาการที่เหมือนกันทั่วโลกงั้นหรือ...ซินเรียนาคิด เธอคว้าหนังสือพิมพ์ทั้งหมดที่ออกข่าวเรื่องนี้ไปจ่ายเงิน
...ไปดื่มกาแฟอีกแก้วแล้วกัน...
Magent’s Tea
“นี่จ้ะ” พนักงานสาวทัก วางมอคค่าที่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยสั่งจากซินเรียนาเลยแม้แต่น้อย “ของโปรดของเธออย่างไรล่ะ ชอบกินมันมากไม่ใช่เหรอ”
“เปล่า” ซินเรียนามองแก้วมอคค่าบนโต๊ะ “แค่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสั่งอะไรดีเท่านั้นแหล่ะ”
“อ๋อ!...นั่นน่ะเลี้ยงจ้ะ กระชับมิตรอย่างไรล่ะ” พนักงานสาวยิ้ม “...ลูกค้าประจำเป็นเด็กที่น่าสนใจ ชอบสั่งมอคค่า และมักจะมีหนังสือพิมพ์ติดมือมาด้วยสัก 2-3 ฉบับเสมอ...”
ซินเรียนาไม่สนใจ เธอคว้าหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน
พนักงานสาวอดที่จะหยิกแก้มซินเรียนาเบาๆ ไม่ได้ “นี่แน่ะ! หน้าแบบนี้มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นแหล่ะที่ทำกันน่ะ ยิ้มหน่อยสิ! เธอยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ”
ซินเรียนาเหล่มองมือของพนักงานสาวเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้อย่างขอไปที
“ดีมากจ้ะ แต่เธอต้อง...” พนักงานสาวยิ้มอย่างพอใจ...แต่รอยยิ้มของเธอก็ถูกขัดโดยพนักงานอีกคนหนึ่งที่ตะโกนเรียกหา
“เฮลน่า! มาช่วยงานหน่อยสิ”
“ค่ะ” พนักงานสาวดูขัดใจ แต่ก็ตอบกลับไป “น่าเสียดายจังเลย คิดว่าจะได้คุยกับเธอแล้วแท้ๆ ...แต่เอาไว้คราวหน้าเราค่อยมาคุยกันต่อแล้วกันนะ”
ซินเรียนาลอบถอนหายใจ มองมอคค่าที่น้ำแข็งเริ่มละลายแล้วบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด...
และในขณะเดียวกันนั้นเอง... ตรงที่นั่งด้านหลังของเธอก็มีร่างของ ‘บุคคลปริศนา’ ที่มาจ้องเล่นงานซินเรียนา นั่งแสย่ะยิ้มพลางดื่มกาแฟในมือย่างสบายใจ!!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เหนื่อยสุดยอด!!
การเฝ้าไข้คนมันเหนื่อยขนาดนี้เชียวหรือ!? <<<(เข้าบทโศกา)
ขอโทษด้วยที่หายไปนานนะคะ พอดีติดรับน้อง+เข้าค่าย ซึ่งช่วงสัปดาห์ก่อนงานล้นมากเลยค่ะ
ขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะ
Silver-Lake-Lanturn.
ความคิดเห็น