คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตัวแทนจากความมืด : Part III (จบตอน)
Vampire's Slave
Part III.
Author : Silver-lake-lanturn
Status : วนเวียนวนเวียน
pairing : ???
...ฮิเมะวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
ตลอดทาง เมกามิก็พยายามใช้พลังของเธอเบี่ยงกระแสน้ำออกไปจากทาง นั่นทำให้ร่างเล็กเสียพลังงานไปเยอะทีเดียว แต่ฮิเมะก็ยังคงวิ่งต่อไป เพราะนั่นเป็นเป็นโอกาสรอดเพียงอย่างเดียวที่เธอมี
เส้นทางเริ่มเปลี่ยนแปลง ...เพราะทางออกถูกน้ำบังเอาไว้ บีบให้ฮิเมะวิ่งวนอยู่ภายในโกดังร้าง สุดทางที่กล่องกระดาษกองสูง
‘นานาโอะ ปีนขึ้นไปบนกล่องนั่น...!!’ เมกามิสั่ง ฮิเมะอยากจะแย้งว่ามันรับน้ำหนักได้ไม่มากขนาดนั้นหรอก...แต่เธอไม่อยากตาย เพราะคำพูดของเมกามิเคยช่วยชีวิตเธอมาหลายครั้งแล้ว
ฮิเมะปีนขึ้นไปอย่างลังเลจนถึงกล่องเกือบจะบนสุด แต่แล้ว...น้ำก็พัดกล่องที่อยู่ด้านล่างลงไปกองระเนระนาด ร่างเล็กเอื้อมมือขึ้นไปคว้าขอบหน้าต่างได้ทันเวลาพอดีแบบเฉียดฉิว
ฮิเมะถอนหายใจ... ก่อนจะบังคับตัวเองให้ขึ้นไปยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง...และมันมันก็สูงเสียจนร่างเล็กรู้สึกคลื่นไส้ เธอไม่กล้าที่จะมองลงไปข้างล่างนั่นตรงๆ แน่
‘นานาโอะ ให้ฉันยืมร่างของเธอสิ...!!’ เมกามิตะโกนสั่ง...วิญญาณสาวลอยอยู่เหนือพื้น 40 ฟุตได้อย่างสบายๆ ใบหน้าของเธอดูเป็นกังวลและมีเหงื่อออกเล็กน้อย
“แต่ว่า...” ฮิเมะแย้ง เธอไม่อยากเห็นเมกามิต้องเหน็ดเหนื่อย เพราะถึงเธอจะเหนื่อยอย่างไร เธอก็ทนได้อยู่แล้ว...แต่เมกามิน่ะ...
เซริน เมกามิยิ้มบางๆ ‘เธอคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ...’ แล้วเธอก็ลอยเข้ามาหาฮิเมะ...ไม่สิ ลอยเข้ามาข้างในตัวฮิเมะเลยมากกว่า
พลังของเมกามิบังคับให้ฮิเมะต้องกระโดลงมาจากหน้าต่างสูงๆ นั่น
เมกามิบังคับให้ฮิเมะแบมือออกมาข้างหน้า ผงสีฟ้าอ่อนๆ ลอยมาปกคลุมมือทั้งสองของฮิเมะ และทันใดนั้นเอง...เวลาก็เหมือนจะหยุดลง ร่างของฮิเมะร่อนลงมาอยู่บนพื้นได้อย่างนุ่มนวล
ฮิเมะถึงกับเซในตอนที่เมกามิออกจากร่างของเธอ วิญญาณสาวหอบมากขึ้น และดูเหนื่อยล้าพอๆ กับร่างเล็กในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนว่าเมกามิจะไม่ยอมแพ้ เธอก็ยังคงสั่งให้ฮิเมะวิ่งต่อไป
‘นานาโอะ เลี้ยวหน้านี่แหล่ะ’ เมกามิสั่ง ‘...ไปหลบในซอกตึกสูงนั่นซะ’
ฮิเมะเลี้ยวตามที่เมกามิสั่ง และเข้าไปหลบในซอกตึก...น้ำพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทำอันตรายใดๆ ...แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างเล็กหันไปหวังจะขอบคุณ ...แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นเมกามินอนตัวสั่นอยู่ ใบหน้าหวานเป็นสีระเรื่อคล้ายเป็นกับจะไข้ จิตวิญญาณของเธอนั้นเริ่มโปร่งใสมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเซริน...” ฮิเมะหวังจะคว้าร่างวิญญาณสาวเข้ามากอดเพื่อบรรเทาความหนาว แต่กลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า
ไม่มีแม้แต่เงาของร่างวิญญาณสาว ฮิเมะมองไปรอบๆ ...เธอกำลังอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ เสียแล้ว...
ซินเรียนาไม่ได้กรีดร้อง... เธอรู้ตัวแน่นอนว่ากำลังตกลงไป แต่เพราะว่านั่นเป็นทางเลือกเดียวที่จะสามารถใช้มันหลอกซินลิเฟียร์ได้
ร่างบางปล่อยตัวเองตกลงไปในแม่น้ำ บังคับให้ตัวเองจมดิ่งลงไปให้ลึกที่สุด แล้วพลิกตัวให้กลับมาเป็นท่าเดิม ก่อนจะว่ายหนีไปไกลๆ
ซินเรียนาหลบอยู่หลังพืชน้ำที่กอสูงเรียงรายกันอยู่ รอจนเธอแน่ใจแล้วว่าปลอดคนจึงขึ้นจากน้ำเงียบๆ ร่างบางยอมรับว่ามันหนาว แต่นั่นเป็นทางเลือกเดียวที่เธอค่อนข้างจะแน่ใจว่ามันปลอดภัย
ร่างบางถอดผ้าคลุมตัวโปรดและปล่อยให้มันลอยไปตามกระแสน้ำ ถึงจะเสียดายอย่างไร...แต่ถ้าไม่เล่นตามน้ำ เธอคงจะต้องลำบากแน่
ซินเรียนารู้สึกถึงเสียงฝีเท้าหนักๆ หลายคนกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ เธอพยายามตั้งสติก่อนจะปีนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นไป
ร่างบางมองการกระทำของพวกชายในชุดลายพรางเหมือนทหารอยู่บนต้นไม้อย่างเงียบๆ ...และดูเหมือนว่าพวกมันจะมาเพื่อตรวจสอบว่าเธอจมน้ำไปจริงๆ หรือเปล่า เธอจึงลองคำนวณในใจดูอย่างคร่าวๆ พวกมันมีกันอยู่ 3-4 คน จำนวนแค่นั้นเราจัดการได้อยู่แล้ว...
ซินเรียนาจึงกระโดดลงไป...โดยที่ไม่ได้คิดคะเนเผื่อฉุกเฉินเอาไว้เลย
จากนั้น...การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น
ร่างบางกระโดดทับผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ เขาดิ้นพราดๆ อย่างโกรธแค้น พวกที่เหลือดูจะอึ้งไปตามๆ กัน แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่พรางหน้าด้วยแว่นตาสีดำก็คำรามพร้อมกับชักปืนออกมาแล้วลั่นไกในทันที แต่มันก็ยังตามความเร็วของซินเรียนาที่เบี่ยงตัวหลบด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อไม่ทันอยู่ดี ร่างบางวิ่งอ้อมมาอยู่ด้านหลังของชายคนนั้นแล้วศอกเข้าที่ท้องพอดิบพอดีจนชายคนนั้นลงไปนอนกุมท้องอยู่ที่พื้น ซินเรียนาคว้าปืนที่ตกอยู่ขึ้นมา ก่อนจะฟาดมันเข้าไปที่ท้ายทอยของผู้ชายอีกคนที่อยู่ตรงนั้นด้วยจนเขาสลบไป และกำลังจะใช้มันยิงชายคนที่เหลือ แต่ว่า...
“...นายท่าน...มัน อยู่...อึก...ที่นี่ ที่แม่...น้ำ” ผู้ชายคนที่เธอกระโดดทับยังไม่สลบเพราะเขาแค่หัวแตกเท่านั้น และตอนนี้เขากำลังรายงานผลไปที่ซินลิเฟียร์อยู่ ซินเรียนาก่นด่าอย่างเดือดดาล แต่เธอก็ทำพลาดเองกับมือ...
โดยไม่ทันระวังตัว...ซินเรียนาก็พบว่าตนเองถูกของแข็งตีหัวอย่างแรงจากด้านหลัง...และนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้ก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบไป...
ซินเรียนาฝันร้าย...ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้เพราะเธอไม่มีความฝัน... แต่เธอฝันเห็นอดีตของตนเอง
ท่ามกลางวงล้อมของพวกชาวบ้านและผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน มีเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังใช้แขนทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บเป็นกำบัง พวกเขารุมขว้างปาหินใส่เธอ พลางด่าทอเธอต่างๆ นานา
“ออกไปซะ...ออกไปซะ...ออกไปซะ...!!” แม้แต่เพื่อนสนิท...ที่ตอนนี้คงจะกลายเป็นเพียงอดีตเพื่อนสนิทก็ยังมายืนร่วมวงขับไล่เธออีกด้วย
“ออกไปซะ เธอมันเด็กผิดปกติ...เป็นภาระของหมู่บ้าน และยังจะกลายมาเป็นคนที่ทำลายหมู่บ้านของพวกเรา...!” เธอคนนั้นตะโกนลั่นพลางผลักเธอลงไปนอนกองกับพื้น ผู้ชายที่เคยทั้งใจดีและอ่อนโยนกับเธอ ผู้ชายที่เธอเรียกเขาว่า พ่อ คว้าแส้ออกมา
ซินเรียนาหันไปมองก่อนจะกรีดร้องลั่นเมื่อรู้ว่าถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ ...เพื่อนสาวเดินเข้ามาก่อนจะเชิดคางของเธอขึ้นและตบหน้าเธอเต็มแรง
“รู้แล้วสินะ...ทีนี้ก็ออกไปซะ!!” เสียงหวานตวาดลั่น ซินเรียนาพยักหน้าอย่างหวาดๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไป...
‘ซ่า...’
น้ำเย็นๆ ปลุกเธอขึ้นมาจากฝันร้ายนั้น... แต่ซินเรียนาไม่ได้รู้สึกขอบคุณเลย แขนขาของเธอถูกล่ามโซ่ติดเอาไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง ยากที่จะบอกว่ามันเป็นห้องอะไรเพราะมันมืดมาก
ก่อนที่ไฟจะสว่างจ้าขึ้นมาจนซินเรียนารู้สึกแสบตา
แสงกลับมาเป็นแสงเรืองๆ ตามปรกติ และปรากฏร่างของซินลิเฟียร์ขึ้นข้างๆ เธอ ร่างบางระหงเหยียดรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะถาม “หลับสบายดีไหมล่ะ...”
“ไม่เลยสักนิด...” ร่างบางหลับตาลง ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่ข้างแก้ม และก็ใช่...เพราะซินลิเฟียร์กำลังตบหน้าของเธออยู่ แต่ใบหน้าหวานเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกสับสน “...เธอ”
‘ช่วย...ฉันด้วย’ ...และด้วยบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้เธอมั่นใจได้ว่า นั่นไม่ใช่เสียงของซินลิเฟียร์หรอก... แต่มันเป็นเสียงของเจ้าของร่างจริงๆ ต่างหากที่พูดอยู่กับเธอ
ซินลิเฟียร์ดูอึ้งเล็กน้อย เธอเผลอก้าวถอยหลังไป ก่อนจะกลับเป็นตัวเองตามปรกติ “แก...”
ร่างบางเพิ่งสังเกตเห็นว่า ในห้องนี้ยังมีแวมไพร์หนุ่มสองคนกับร่างบางในชุดเมดถูกทำให้สลบแล้วมัดไว้กับพื้นอยู่ด้วยอีกคน
ซินลิเฟียร์สาวเท้าเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ใช้เล็บยาวๆ ของเธอจับเชิดคางของซินเรียนาขึ้นมาและบิดไปบิดมาช้าๆ เหมือนจะพิจารณาร่างบางอยู่ “เธอคิดจะปฏิเสธน้ำใจของฉันงั้นเหรอ...ใจร้ายจังเลยนะ”
ร่างบางสะบัดมือของเธอออก ก่อนจะหลับตาลง “ฉันเปล่า...”
ซินลิเฟียร์ตบหน้าของเธออีกครั้งอย่างแรงจนซินเรียนารู้สึกถึงรสคาวของเลือดที่อยู่ในปาก ร่างบางเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ที่ตบหน้าของเธอด้วยนัยน์ตาสีแดงที่นิ่งเฉยจนหน้าตกใจ
“เธอจะมาเข้าใจอะไรฉันเล่า...” เสียงของซินลิเฟียร์คงจะชวนเคลิ้มจริงๆ ...ถ้าเธอไม่ได้ใส่อารมณ์ในการพูดเสียขนาดนี้
ซินเรียนาพยายามถ่วงเวลาซินลิเฟียร์เอาไว้เรื่อยๆ ส่วนมือทั้งสองก็กำลังยุ่งกับการปลดกุญแจมือออก...โชคดีที่ร่างบางระหงไม่ได้สังเกตการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั่น เพราะมัวแต่จมอยู่กับอดีต
ร่างบางระหงวิ่งอย่างรีบร้อน เพราะกำลังจะไปพบคุณหมอสาย และโดยที่ไม่ได้ระวัง เธอก็ชนเข้ากับเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังถือของเด็มมือ
‘ตายแล้ว...!! ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ’ ซินลิเฟียร์ลนลานเมื่อเห็นเด็กสาวทำหน้าเจ็บปวด เธอก้มลงหมายจะช่วยเก็บของที่ตกให้...แต่ว่า
‘นี่เธอทำอะไรของเธอน่ะ’ เด็กสาวโวยวายและตีมือของร่างบางอย่างแรง ก่อนจะเก็บหนังสือขึ้นมาถือเอาไว้อย่างทะนุถนอม ‘อย่ามาแตะต้องนะ’
มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เขาถามเด็กสาวคนนั้นว่า ‘เด็กคนนี้ทำอะไรให้เธองั้นเหรอ...’
‘อาจารย์คะ...!! เด็กคนนี้วื่งมาชนหนูค่ะ แถมเธอยังจะมาขโมยหนังสือของหนูไปอีกด้วยค่ะ’ เด็กสาวหันไปฟ้องชายที่เธอเรียกว่าอาจารย์ ซินลิเฟียร์ลนลาน
‘พูดอะไรน่ะ...!? เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้จะขโมยหนังสือของเธอเสียหน่อย ฉันก็แค่อยากจะช่วยเพื่อไถ่โทษที่วิ่งชนเธอเมื่อกี้เองนะ’ ร่างบางพยายามอธิบาย
‘ข้อแก้ตัว!!’ เด็กสาวขัด ‘ฉันไม่สนหรอกว่าจะเป็นอะไรทั้งนั้น ...จริงไหมคะอาจารย์...?’
‘เสียใจด้วยนะ แต่ฉันคงจะต้องพูดว่าเธอไม่มีหลักฐาน... ดังนั้นคำพูดของนักเรียนของฉันจึงน่าเชื่อถือกว่าสำหรับการตัดสิน’ อาจารย์คนนั้นบอกอย่างเห็นใจ
ซินลิเฟียร์ยืนนิ่งอึ้ง... เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย...แล้วทำไม...?
“อึก...” ซินเรียนาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าภาพความทรงจำของซินลิเฟียร์ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของเธอ ร่างบางเกร็งกระตุกก่อนจะเริ่มรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา
ซินลิเฟียร์ที่ตอนนี้กลับมายิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าซินเรียนาดูอ่อนแรงลง ร่างบางระหงสังเกตว่า เมดสาวกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ จึงรู้สึกตัวว่าเมดสาวคิดจะหลบหนี เธอเดินเข้าไปก่อนจะเตะร่างบางของเมดสาวอย่างแรง ร่างบางร้องลั่นอย่างทรมานก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อซินลิเฟียร์ผลักเธอกลิ้งไปจนเกือบตกจากขอบระเบียง เมดสาวนั้นก็พยายามกลิ้งตัวกลับมาอย่างยากลำบากเพราะทั้งมือและเท้าถูกมัดไว้ทำให้ไม่อำนวย ซินลิเฟียร์เหยียดรอยยิ้ม
“อื้อ! อื้อ!” เมดสาวดิ้นเบาๆ ในขณะที่พยายามจะกำจัดพันธนาการ แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะมันแน่นหนามาก
ซินเรียนาฝืนลืมตาขึ้นมาใส่พลังทั้งหมดเข้าไปในนั้น แล้วซินลิเฟียร์ก็นิ่งไป...ซินเรียนาจ้องเธอเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อการสะกดซินลิเฟียร์เอาไว้ง่ายขึ้น และแกะพันธนาการออกอย่างยากลำบาก
ซินลิเฟียร์กลอกตาไปมาแล้วก็หลับตา เธอดิ้นเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวแรงๆ ครั้งหนึ่ง ตอนที่ซินเรียนาวิ่งไปแก้มัดให้เมดสาว แต่ก็ทำเอาเธอถึงกับเซ
ซินเรียนาแก้มัดให้อย่างรีบร้อน เธอไม่เหลือพลังพอที่จะสะกดซินลิเฟียร์อีกต่อไปแล้ว และก็อาจจะหมดสติไปเองด้วยก็ได้
ซินลิเฟียร์สาวเท้าเข้ามาใกล้ เธอถอดกำไลข้อมือออกมาอีกครั้ง... จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นมีดสั้นเล่มหนึ่ง ร่างบางระหงปามันออกไป แต่ซินเรียนาหลบทัน และในที่สุด พันธนาการของเมดสาวก็คลายออก
เมดสาวยืนขึ้นมา เธอดูเหนื่อยอ่อน แต่ดวงตาของเธอก็ทอประกายความโกรธแค้น
ร่างบางชักมีดปอกผลไม้ออกมาจากใต้ผ้ากันเปื้อนแบบมีระบายฟูๆ เธอพุ่งเข้าใส่ซินลิเฟียร์ แต่คงเพราะคราวนี้ร่างบางระหงไม่ได้ระวังตัว มีดเลยถากๆ แก้มเนียนไปเป็นรอยทางยาว ซินลิเฟียร์ถลาไปข้างหลังแล้วล้มลง ใช้มือกุมข้างแก้มเอาไว้ เมดสาวพุ่งตัวเข้าไปและแทงมีด ร่างบางระหงเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่พ้น มีดปักเข้าไปที่ต้นแขนซ้ายจนมิดด้าม เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ถ้าเป็นเวลาปกติซินเรียนาคงจะอึ้งไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่
เธอวิ่งอ้อมไปด้านหลังและคว้าตัวซินลิเฟียร์เอาไว้ ร่างบางเปิดหนังสือในมืออย่างรวดเร็วและกำลังจะท่องคำพูดในการเปลี่ยนสภาพของด้านมืดในจิตใจให้กลับเป็นปกติ แต่แล้ว...
สายลมวูบใหญ่ผ่านมา ร่างบางไอ และเมดสาวก็ไอ ลมเป็นสิ่งที่ทำลายพิธีได้เป็นอย่างดี... และโดยไม่ทันระวังตัว พวกเธอก็ถูกทำให้สลบไป
ร่างบางสะดุ้งตื่น เธอกลับมาที่ร้าน ‘Magent’s Tea’ ได้อย่างไรไม่ทราบ ...และข้างๆ ก็ยังมีเมดสาวกับนานาโอะ ฮิเมะที่กำลังนอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะอยู่อีกด้วย ที่จำได้ก็มีแค่... เธอกำลังจะเริ่มทำการเปลี่ยนซินลิเฟียร์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก็มี...ลม! ใช่แล้ว! ลมได้พัดนำเธอกลับมาอย่างไรล่ะ!
ซินเรียนาฟุบหน้าลงกับโต๊ะบ้าง แล้วในนาทีต่อมา เด็กสาวผมยาว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็รีบวิ่งเข้าไปปลุกฮิเมะให้ตื่น
“คุณนานาโอะคะ คุณนานาโอะ” เธอเรียก แล้วฮิเมะสะดุ้งตื่น...และมันก็ปลุกเมดสาวที่นอนฟุบอยู่อีกด้วย พวกเธอลุกขึ้นมา นานาโอะ ฮิเมะ มีคราบน้ำตาติดอยู่ข้างแก้ม ดูเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะร้องไห้มา ส่วนผ้ากันเปื้อนของเมดสาวก็เลอะคราบของเหลวสีแดงที่ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นน้ำมะเขือเทศ แต่มันมีกลิ่นเหมือนเลือดแห้งๆ
“คุณเซริน...” ฮิเมะพึมพำเหมือนกำลังละเมออยู่...แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ส่วนเมดสาวนั้นก็กำลังหันซ้ายหันขวาเหมือนกับกำลังพิจารณาว่าที่นี่มันที่ไหน
“เธอเป็นใคร ซินเรียนาไปไหนแล้ว แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน” เมดสาวเริ่มถามบ้าง
“เอาเป็นว่า...เชิญที่บ้านของฉันก่อนก็แล้วกันนะคะ” ร่างบางตอบ เธอผายมืออกไปนอกร้าน และนานาโอะ ฮิเมะก็เป็นลมไป...
พอซินเรียนาลืมตาขึ้นมา ภาพของศูนย์กลางโลกก็ปรากฏต่อสายตา ...แต่คราวนี้มันไม่ได้มืดอีกต่อไป
เมฆสีขาวที่เรืองแสงสีเขียวอ่อนๆ ปนสีฟ้าเทากำลังหมุนวนกันอยู่บนพื้นห้องราวกับเป็นน้ำวนลูกใหญ่ และมันก็มีขนาดมโหฬารจริงๆ
ตรงจุดศูนย์กลางของน้ำวนมีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับซินเรียนายืนอยู่ แต่เพราะเธอสวมผ้าคลุมปิดบังหน้าตาทำให้มองไม่เห็นว่าเธอเป็นใคร ซินเรียนาเดิอนไปหาเธอ เมฆเริ่มหมุนวนเร็วขึ้นเมื่อซินเรียนาก้าวเข้าไปหาเธอ
เด็กสาวยกมือให้สัญญาณ แล้วเมฆก็เริ่มหมุนช้าลง
ซินเรียนาเดินเข้าไปหา แล้วก็หยุดยืนอยู่ข้างหน้าเด็กสาว เธอถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นักว่า “ที่เธอทำแบบนั้นไป...ต้องการอะไร”
เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย แต่เมฆที่หมุนวนอยู่ไม่ยิ้มด้วย เพราะมันเริ่มหมุนเร็วขึ้น “ซินเรียนา...เธอโกรธเคืองอย่างนั้นเหรอ”
ซินเรียนาพยักหน้าแบบไม่เต็มใจนัก แล้วเมฆก็หมุนช้าลงอีกครั้ง “เมฆพวกนั้นตอบสนองต่อคุณ” เธอเดา “...ผู้พิทักษ์คนที่สาม”
“ใช่แล้ว” ผู้พิทักษ์ว่า เธอโบกมือ ...และทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดนิ่งไป “มีเรื่องจะต้องคุยกับเธอเล็กน้อย...”
“เรื่องอะไร...” ซินเรียนาถาม
ผู้พิทักษ์ยิ้ม “หลายเรื่องทีเดียว...” เธอว่า “ก่อนอื่นเลย... คงจะสงสัยใช่ไหมล่ะ... ว่าทำไมฉันถึงได้ส่งสายลมไปทำลายพิธีของเธอ”
ซินเรียนาจ้องเด็กสาวอย่างโกรธแค้น “งั้นก็เป็นเธอสินะ ที่ทำเรื่องแบบนั้น และทำแบบนั้นไป ทำไม”
ผู้พิทักษ์ดูแคลน “เธอคงจะสงสัยว่าฉันคอยสนับสนุนด้านมืดในจิตใจอันชั่วร้ายสินะ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการฆ่าล้างกันเองของพวกเขาเลยสักนิด...”
“งั้นแล้วทำไม...”
“โถ่ เธอก็ตัดสินฉันในด้านลบก่อนอีกแล้ว” ผู้พิทักษ์กล่าว “แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่สมควรจะเปลี่ยนสภาพของเธอคนนั้นให้กลับมาเป็นปกติ”
“เธอ!”
“ถ้าเธอคิดว่าฉันโกหกล่ะก็...ฉันก็จะปล่อยเธอไปเลยนะ” ผู้พิทักษ์ไม่สนใจ “...และฉันก็จะไม่ช่วยชีวิตเธอเป็นครั้งที่สองอีกแน่...”
ซินเรียนาย้อนถาม “หมายความว่าอย่างไร...”
“ฉัน...” เด็กสาวผู้พิทักษ์พูดค้างไว้ก็จะนิ่งไปสักพัก...แล้วเธอก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ด้วยสีหน้าที่ดูแปลกไปจากเดิม “...ฉันคงจะบอกอะไรเธอไม่ได้อีกแล้ว ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธออีก แล้วคราวนี้เธอก็ออกไปได้แล้ว”
เมฆหมุนวนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เป็นเหมือนน้ำวนที่ดูดเธอลงไปสู่ก้นแม้น้ำโดยไม่รู้ตัว...
ตัวอย่างเรื่องต่อไป...
“คุณยาย...อย่าไปนะ!!”
“ถึงเธอรอดจากฉันไปได้ เธอก็ต้องตายอยู่ดี”
“ยังเหลือดวงวิญญาณเครื่องสังเวยที่จำเป็นอยู่อีก 1,596 ดวง”
“ตายซะเถอะ...!!”
‘Status : Now Loading...’
‘The Fourth Guardian’
-Coming Soon-
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรียนพิเศษ...อีกแล้ว
จมกับเรื่องเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยนเลยแฮะ...
มาเนียไปเข้าค่าย มาโร่โดดงานเฝ้าร้านไปอยู่หอแล้ว ตอนนี้วัฏจักรที่บ้านก็กลับมาเวียนแบบ...เรียนพิเศษ กลับบ้าน เฝ้าร้าน...อีกแล้ว
ชีวิตน่าเบื่อจังเลยค่ะรีดเดอร์ (ประท้วง ก่อม็อบ ฯลฯ) <<<นอกเรื่อง
Silver-Lake-Lanturn.
ความคิดเห็น