ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wonder ปริศนาแห่งซินเรียนา

    ลำดับตอนที่ #11 : คั่นเจ้าค่ะ!!! Project 'Parallel' ตอนที่ 1 : อามาอิ...เด็กสาวต้องสาป Part I

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 56


    Project 'Parallel' Ep. 1
    Part I.

     

    Author : Silver-lake-lanturn
    Status : ปั่นคั่นเวลาเจ้าค่ะ (เนื่องจากตันอย่างแรง)
    pairing : ???

    เอ...ทำไมชีวิตถึงได้เป็นแบบนี้น่ะหรือ ฉันไม่รู้หรอกนะ คำตอบของคำถามที่ว่าน่ะ
     จะว่าไปแล้ว ทำไมตัวฉันถึงได้มีชีวิตอยู่ต่อไปกันน่ะหรือ หึ...นั่นสินะ
     หืม...เหตุผลน่ะหรือ ก็นิดหน่...ไม่มีหรอกของพรรค์นั้นน่ะ
     อะไรนะ...ไม่มีทางหรอก ฉันไม่คิดที่จะอยู่หรือตายทั้งนั้นล่ะ
     
     By.
    ギギト アマイ
     
     
    ชีวิตมันมีกฎง่ายๆ อยู่ 2 ข้อค่ะ
    อ้าว...นี่คุณไม่รู้หรือคะ คำตอบนั้นคุณก็รู้ดีนี่คะ
     คงเพราะฉันได้ทิ้งอีกตัวเลือกหนึ่งไปแล้วมั้งคะ
     คุณคงจะรู้สินะคะว่า... 'ตาย' กับ 'รอด' มันอยู่ใกล้กันแต่เอื้อมเองนะคะ
     
     By.
    アサキリ アキ&アブナイ
     
     
    แล้วทำไมฉันต้องตอบคุณด้วย
    ฉันยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่น่ะสิ
     เหตุผลของการมีชีวิตน่ะมี แต่ไม่ต้องรู้จะดีเสียกว่า
     ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอเสียหน่อย
     
     By.
    ジンレアナ
     
     
    เฮอะ ถามอะไรโง่ๆ กันน่ะ นี่เธอไม่พอใจกับมันหรือไง...โลกใบนี้น่ะ
     งี่เง่าที่สุด ก่อนจะมาถามคนอื่นก็หัดถามตัวเองบ้างสิ
     นี่หล่อน ฉันเบื่อที่จะต้องมาตอบคำถามไร้สาระของหล่อนเต็มที่แล้วนะ
     เธอกำลังจะทำให้เวลาอันแสนมีค่าของฉันเสียเปล่านะ พอทีๆ ไม่ตอบมันแล้วล่ะ
      
    By.
    ベル テンダー
     
     
    เอ๋ ถามฉันงั้นเหรอ ก็ทำเองทั้งนั้นนี่นา
     เพื่อเปลี่ยนมันอย่างไรล่ะ...ชะตากรรมอันแสนโสมมนั่นน่ะ
     ตอนนี้มีนะ แต่ฉันไม่บอกหรอก
     ก็ต้องเลือก 'รอด' อยู่แล้วสิ ยังมีอะไรที่อยากทำอยู่ตั้งเยอะแน่ะ
     
    By.
    イキサワ マイニチ
     
     
     
     
    Parallel 1 : ~Amai's describe~
     
     
     
     

    อ้างอิงบันทึกหน้าที่ 38 ย่อหน้าที่ 4 วันที่ 18 เดือน 6 ปี ****
     
     
         
    ...บทเพลงสวดส่งวิญญาณลอยมากระทบใบหูแผ่วเบา ใครกันนะที่กำลังร้องเพลงนี้อยู่...
     
         
    อยากรู้คำตอบนั้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งฟังอยู่ต่อไป...เพราะตัวฉันไม่อาจลุกไปไหนได้
     
          ...
    เพลงนี้อีกแล้ว...เธอคนนั้นมาที่นี่แล้วสินะ...
     
         
    ตัวฉันเพลิดเพลินไปกับเสียงขับกล่อมที่ชวนหลงใหลของเธอคนนั้น...เธอคนนั้นที่เป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดา
     
          ...
    ผู้ใหญ่สองคนพาเธอคนนั้นจากไป...ฉันไม่อยากให้เธอจากไปเลย...
     
         
    ตัวฉันอยากจะรั้งเธอเอาไว้นานๆ แต่ก็เปล่งเสียงออกไปไม่ได้...แม้อยากเข้าไปห้าม แต่ตัวฉันก็ขยับไปไหนไม่ได้อยู่ดี
     
          ...
    วันหนึ่งมีเด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามา...เธอมองมาที่ฉันและเพื่อนๆ ด้วยแววตาเย็นชา...ช่างเป็นคนที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย...
     
         
    ตัวฉันได้แต่คิดอยู่แค่ในใจ
     
          ...
    เด็ก ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นมาอีกแล้ว...เพียงแต่คราวนี้เธอมาผู้ชายคนหนึ่งมา ด้วย...เขาคนนั้นแค่นหัวเราะเมื่อมองดูพวกเรา...แล้วเขาก็ฉุดร่างของฉันลงมา จากเก้าอี้ที่ใช้นั่ง...
     
         
    ช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทที่สุด!! ฉันคิดในใจ
     
          ...
    เด็กผู้หญิงคนนั้นหยิบเข็มปลายแหลมที่น่าจะบรรจุของเหลวสีสวยเอาไว้ แต่ตัวฉันมองเห็นได้เพียงสีเทา แล้วจ่อมันเข้าที่ต้นคอของฉัน...
     
          ...
    ผู้ชายที่จับร่างของฉันเอาไว้สั่งอะไรสักอย่างกับเด็กสาวคนนั้น เธอกดเข็มนั้นลงที่คอของตัวฉันจนสุด...
     
          ...
    ในตอนแรกตัวฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกสิ่งค่อยๆ เอ่อล้นขึ้นจนในที่สุดก็แทบจะทะลักออกมา...นั่นคือความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ...
     
         
    ฉัน เริ่มขยับตัวเองได้...เป็นราวกับปาฏิหารย์...ฉันมองเด็กผู้หญิงแปลกหน้าคน นั้น...แม้สีสันจะเริ่มกลับมาหาฉันเพียงแค่เล็กน้อย...แต่ฉันก็เริ่มที่จะ มองเห็นทุกสิ่งได้ดีขึ้น
     
          ...
    เด็กสาวคนนั้นยื่นมือมาให้...
     
         
    ตัวฉันมองอย่างไม่เชื่อสายตา เผยอริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะมีเสียงบางอบ่างเล็ดลอดออกมา
     
          ...
    อืม...
     
     
     

    อ้างอิงบันทึกหน้าที่ 114 ย่อหน้าที่ 2 วันที่ 28 เดือน 11 ปี ****
     
     
          ...
    ตอนนี้ขาของฉันสามารถเดินแบบมนุษย์ปกติได้แล้วล่ะ แต่ต้องคอยฉีดยาบำรุงทุกๆ เดือน...
     
         
    มันปฏิเสธไม่ได้ว่าน่าเบื่อ...แต่เพื่อที่จะไปให้ถึงเธอคนนั้น...ฉันเองก็ตามพยามยามให้มากกว่านี้อีก...
     
          ...
    สีสัน ของโลกใบนี้แท้จริงมันงดงามมากสินะ...ที่จริงฉันก็เพิ่งจะมองเห็นมันได้ครบ เมื่อไม่นานมานี้เอง...ก็คงจะต้องขอบคุณเธอคนนั้นด้วยสินะ...
     
         
    เด็กคนนั้นชื่อว่า...ลูเซลีย์ แอสทรัล...
     
         
    วัน หนึ่งเธอหยิบเสื้อผ้าสีสวยมาให้ฉันตั้งหลายตัว แม้เธอจะบอกว่า...ไม่ใช้แล้ว...ก็ตาม แต่ฉันว่าเธอคงจะเอาเสื้อผ้าของเธอเองที่ยังใส่ได้อยู่มาให้...แล้วทำไมเธอ ต้องโกหกด้วยล่ะ...?
     
          ...
    ตอน เช้ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินคู่กับลูเซลีย์...ดูทั้งสองคนจะทำหน้าเคร่งเครียด กันมากล่ะ...แต่พอเห็นผู้ชายคนนั้นเห็นฉันเท่านั้นล่ะ...เขาก็รีบร้อนมาแนะ นำตัวกับฉันเลยล่ะ...เป็นอะไรของเขากันนะ...?
     
         
    วัน นี้ลูเซลีย์บอกให้ฉันเรียกเธอว่า ลูซี ดีกว่าด้วยล่ะ หลังจากที่ฉันเผลอเรียกเธอด้วยชื่อจริง...ก็ฉันยังไม่รู้จักชื่อเล่นของเธอ เลยนี่นา...!!
     
          
    ลู ซีบอกกับฉันว่า ฉันจำเป็นต้องเรียนรู้ความรู้สึกของพวกมนุษย์ เพื่อที่จะเข้าใจโลกใบนี้ได้ดียิ่งขึ้น...แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม เถอะ...แต่ก็ต้องลองกันบ้างล่ะนะ...!!
     
         
    เธอ ยังพาฉันไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยล่ะ...ฉันตื่นเต้นมากเลยเพราะตั้งแต่มาอยู่ กับเธอฉันก็ได้แต่ทำท่าทางยุ่งยากๆ ที่ลูซีบอกว่าเป็นการบำบัดอยู่ตลอดเลย...ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม แดง แล้วก็...เอ่อ ฟ้าเข้ม...ล่ะมั้งนะ...
     
         
    เรา อยู่ต่ออีกหน่อยจนท้องฟ้าเริ่มมืดจนมองเห็นจุดสว่างๆ บนฟ้า...ลูซีบอกว่ามันคือ ดวงดาว เธอเริ่มชี้ไปตามจุดต่างๆ บนฟ้าและพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับชื่อดาวนี่ล่ะ...ฉันเองก็ไม่เข้าใจนะ แต่ดวงดาวนี่ช่างเป็นสิ่งที่งดงามจริงๆ...
     
         
    คืน นี้อากาศหนาวจนฉันเริ่มขดตัวเข้าหากัน ลูซีเองก็บอกว่าคืนนี้อาจจะมีพายุหิมะก็ได้ เธอจึงรีบพาฉันเดินกลับห้องพักทันที ฉันแอบได้ยินเธอบ่นเบาๆ ด้วยล่ะ...ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย...ลูซีเคยพูดเอาไว้
     
          ...
    เป็นห่วง...คำๆ นี้ช่างคุ้นหูจนน่าประหลาดใจ แต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นเล็กๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามล่ะนะ...
     
     
     

    อ้างอิงบันทึกหน้าที่ 158 ย่อหน้าที่ 7 วันที่ 7 เดือน 12 ปี ****
     
     
          ...
    ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วสำหรับตัวฉันน่ะ...
     
         
    เมื่อ ก่อนตอนที่เข้ามาแรกๆ มีแต่คนมองมาที่ฉันราวกับสัตว์ประหลาด...แม้แต่ลูซีก็ด้วย...ตอนนั้นเธอเย็น ชามากเลยล่ะ ฉันรู้สึกแปลกๆ เสมอตอนที่เราพูดกัน เธอดูห่างเหินและเว้นระยะห่างกับฉันมาก
     
         
    ฉัน ทั้งร้องไห้หนักทั้งหวาดกลัวเลยล่ะ...เหมือนจู่ๆ ก็มีความอึดอัดมากดทับ...ฉันเอาแต่เก็บตัวและอาละวาดไปทั่ว จนลูซีต้องเฝ้ากะหน้าห้องฉันประจำทุกคืนเลยล่ะ...
     
         
    จนถึงตอนนี้เธอก็ยังสวมชุดสีดำสนิทสลับชมพูเข้มตลอดเวลา ฉันเองก็สงสัยนะ...แต่ไม่ได้ถาม
     
         
    คืนนี้ท้องฟ้ามืดมากจนมองไม่เห็นดวงจันทร์...ลูซีเลยยอมตกลงมานอนกับฉันง่ายๆ คงเพราะไม่อยากให้ฉันไปปลุกตอนกลางคืนอีกแน่ๆ
     
         
    ลูซีอ่านแต่หนังสือที่เข้าใจยากทั้งนั้น...ฉันเคยถามนะว่าทำไมต้องจริงจังตลอดเวลาด้วย แต่เธอแค่ตอบปัดๆ ว่ามันน่าสนใจดี
     
         
    ลูซีเงียบไปสักพักแล้วบอกกับฉันเรื่องที่ฉันต้องมีชื่อ ฉันถามกลับว่าทำไมเธอถึงไม่ตั้งให้...เธอตอบว่ากลัวฉันจะไม่ชอบ
     
         
    ฉัน แบ่งครึ่งเตียงขนาดยักษ์โดยใช้หมอนหลายๆ ใบพาดกั้นเอาไว้...คืนนี้ค่อนข้างอบอ้าวแต่ก็มีลมพัดเรื่อยๆ เราจึงตกลงกันว่าจะเปิดหน้าต่างแทน
     
          
    ขณะ ที่ล้มตัวลงนอน...ฉันก็คิดทบทวนเรื่องในงันนี้ไปพลางๆ สองวันก่อน...ลูซีให้เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งมาสอนเรื่องความรู้สึกกับฉัน... มันก็ค่อนข้างจะน่าสับสนนะ...แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นดี...
     
         
    ในที่สุดเธอก็ยอมตั้งชื่อให้ฉัน...เธอบอกว่ามันน่าจะเข้ากับฉันดี...เป็นชื่อสั้นๆ ที่ดูแล้วน่ารักมากเลยล่ะ...
     
         
    ลูซีถามว่าฉันเบื่อไหม...ฉันแอบสงสัยว่าทำไมเธอถึงถามแบบนั้นแต่ก็ตอบว่าไม่ได้เบื่อ...
     
          ...
    อีกครั้งที่ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกของลูซี...
     
     
     

    อ้างอิงจากบันทึกหน้าสุดท้าย ย่อหน้าที่ 1 ของวันที่ 19 เดือน 10 ปี ****
     
     
          ...
    คำตอบที่ฉันค้นหามานาน...ในที่สุดก็ได้รู้แล้ว...
     
         
    วัน นั้นเป็นวันที่ร้อนอบอ้าวเช่นเดียวกันกับทุกๆ วัน...ฉันบอกลาลูซีที่หน้าห้องทำงานของเธอเพื่อไปฉีดยาบำรุง และลูซีก็หยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นมาเซ็นระหว่างที่รอ
     
         
    ด้วย ความบังเอิญอะไรสักอย่าง ฉันไปได้ยินสิ่งนักทดลองพูดกัน...ลูซีจะต้องทดสอบยาตัวใหม่ที่พวกเขาทำ ขึ้น...แต่พวกเขาไม่แน่ใจในฤทธิ์ของยาอันตรายตัวนี้...และทางการก็กำลังวาง แผนกำจัดลูซีออกไปอีกด้วย...!!
     
         
    ฉันรีบวิ่งหน้าตื่นไปหาลูซี...แต่เธอก็หายตัวไปแล้ว...!
     
          ...
    ฉันจึงไปที่ห้องทดลองแห่งนั้นทันที...ห้องทดลองที่ใช้ค้นคว้ายาพิษร้ายแรงขององค์กร...ห้องที่พวกนักทดลองนั่นใช้...
     
         
    พอ มองเข้าไปทางด้านใน...ฉันก็เห็นพวกนั้นกรอกยาเม็ดหนึ่งให้ลูซีที่ถูกมัดมือ และเท้าไว้กับเก้าอี้...แล้วลูซีก็ไอออกมา...เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากริม ฝีปาก...ฉันกรีดร้องทั้งน้ำตาได้แต่มองดูคนสำคัญถูกพรากไปต่อหน้า...ลูซีไอ อีกครั้ง คราวนี้เลือดทะลักออกมากองใหญ่...เปื้อนพื้นห้องเป็นรอยด่างดวง...
     
          ...
    ตอนนั้นเองที่ฉันคิดได้อย่างเดียว...
     
          ...
    จะต้องเอาเลือดของเจ้าคนชั่วช้าพวกนั้นไปล้างหลุมศพของลูซีให้ได้...!!
     
         
    วันต่อมา...หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวการเกิดไฟไหม้ตึกอาคารทั้งหมดบริเวณโรงงานขององค์กรและไม่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออีกด้วย...
     
          ...
    หลังจากนั้นเองที่ฉันตัดสินใจว่าจะออกเดินทาง...และได้พบกับแอลเจลที่กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางในที่สุด...

          ไว้อาลัยแด่คนสำคัญ
     
          กิกิโตะ อามาอิ


    [-25% (From all 100%) Complete-]

     
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    (ขุดตัวเองขึ้นจากหลุมพลางปัดฝุ่นนิยาย)
    ค่ะ สวัสดีค่ะ หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากๆ เลยไม่มีเวลาปั่นนิยาย...แถมพอว่างก็ดันตันอีก!!
    สรุปคืดเนื้อเรื่องปัจจุบันไม่คืบหน้า
    บวกกับข่าวร้าย! คอมที่บ้านไวรัสกิน...ข้อมูลที่เคยปั่นเอาไว้เป็นโครงหายเกลี้ยง!
    เอาไว้จะลองทำโครงเรื่องใหม่นะคะ ต้องขอโทษเป็นอย่างสูง

     

    Silver-Lake-Lanturn.


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×