คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ผู้พิทักษ์เงา : Part III (จบตอน)
The Forth Guardian
Part III.
Author : Silver-lake-lanturn
Status : เตรียมปิดบทความ
pairing : ???
‘โครม!’ กำแพงที่ทำจากหินเนื้อดีที่มีทั้งความแข็งแรงและมั่นคงหายไปเป็นรู ทิ้งเป็นเศษซากหินร่วนๆ เอาไว้กับพื้นกองหนึ่งสองกองเท่านั้น ซินเรียนาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง แต่ก็ไม่มีเวลาให้เธอคิดได้มากนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผู้พิทักษ์นั่นก็ได้ยินเสียงจากที่นี่แล้ว และคงจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้
มิวนิท...ไม่สิ ซินฮอล์โร จับมือของซินเรียนาและฉุดเธอขึ้นมา ทั้งคู่วิ่งหนีไปในความมืดอย่างดูไร้ทิศทาง ถึงซินเรียนาจะยังไม่ค่อยไว้ใจนัก แต่บางอย่างบอกเธอได้ว่า คนๆ นี้ไม่ได้หลอกลวง และเปิดใจให้เธออย่างเต็มที่
‘ช่วยเราด้วย!! คนพวกนี้มันปีศาจชัดๆ’ ซินฮอล์โรและซินเรียนาต่างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแว่วๆ ในหัว...เป็นเสียงกรีดร้องจากก้นบึ้งของจิตใจที่ต้องการเป็นอิสระ
ทั้งคู่ชะงักไป ซินฮอล์โรผลักซินเรียนาเข้าไปหลบด้านหลังเสาแบบโบราณลวดลายวิจิตรงดงามต้นหนึ่ง ...แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากโวยวาย เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบเป็นจังหวะนั่นก็ทำให้ซินเรียนาสงบลงบ้าง ซินเรียนาก้มแอบมองจากรูโหว่ของเสา เด็กสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ เธอสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ทำให้มองได้ไม่เห็น
ซินเรียนาส่งเสียงในลำคออย่างขัดใจ แต่นั่นก็เท่ากับว่าเธอทำพลาดโดยสมบูรณ์
เด็กสาวคนนั้นชะงักการเดิน ร่างบางหันกลับมาทางด้านเสาลวดลายวิจิตรที่ซินเรียนาอยู่ ก่อนจะสะดุ้งและรีบวิ่งหนี
ซินเรียนาหันไปมองซินฮอล์โรด้วยสายตาไม่เข้าใจ อีกฝ่ายส่งสัญญาณให้เธอเงียบเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกไปดูลาดเลา ซินเรียนาก้าวตามไป...
เด็กสาวอีกคนยืนหันหลังให้ ซินเรียนาส่งเสียงเรียก “เธอ...”
ร่างนั้นหันกลับมา...ผ้าคลุมหน้าของเธอร่นลงเผยให้เห็นใบหน้าหวานใสจอมปลอม เพราะนอกจากริมฝีปากบางที่ขยับเป็นรอยยิ้มที่มุมปากแสดงการถากถางแล้ว นัยน์ตาสีฟ้าขุ่นนั่นก็ดูพราวเล่ห์เหลี่ยมอีกด้วย เด็กสาวคนนั้นขยับตัวหลบ เผยให้เห็นเด็กสาวสวมผ้าคลุมอีกคนที่โดนจับมัดเอาไว้กับเสาลวดลายวิจิตรอีกต้นทางด้านหลัง
“อื้อ...” เด็กสาวที่โดนจับมัดไว้ดิ้นอย่างอ่อนแรง เด็กสาว... ไม่สิ ผู้พิทักษ์คนที่ 4 เดินเข้าไปใกล้ และกระตุกผ้าคลุมหน้าของเด็กสาวลง...เผยให้เห็นใบหน้าหวานใสของมิมาโกะ ฮารุกะ ที่กำลังจะหมดสติ!!
“เจอกันจนได้สินะคะ” ใบหน้าที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาตอนนี้ดูจะไม่ทำให้ซินเรียนาสะทกสะท้านแม้แต่น้อย ผู้พิทักษ์คนที่ 4 ยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานให้
“ปล่อยยัยนั่นเดี๋ยวนี้...” ซินเรียนาสั่ง ผู้พิทักษ์สาวแสร้งทำเป็นสะดุ้งก่อนที่จะเข้าประชิดตัวของซินเรียนา
“ต้องขอปฏิเสธค่ะ” เธอกระซิบตอบด้วยรอยยิ้ม เธอเดินกลับไปหาฮารุกะที่กำลังหายใจหอบเนื่องจากแยกออกมาจากซินเรียนาโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม “เด็กคนนี้เป็นคนสำคัญของคุณสินะคะ”
“เปล่า” ซินเรียนาตอบกลับ ดวงตาสีแดงฉานจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าออกเทาของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว
ผู้พิทักษ์สาวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ... แต่เธอกลับชักมีดเปื้อนเลือดออกมาจ่อที่คอขาวๆ ของฮารุกะทันที ก่อนจะเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ารัก “แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
ซินเรียนาชะงักท่าทีไป...ผู้พิทักษ์สาวมองดูใบหน้าตึงเครียดของซินเรียนาที่ดูจะกลายเป็นตัวหมากของเธอโดยสมบูรณ์ด้วยท่าทีดูเข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดีแล้ว ก่อนจะยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้น... เด็กคนนี้ก็คือ ‘คิง’ และฉันก็คงจะเป็น...บิชอป ผู้ที่จะตัดสินปลิดชีวิตขององค์ราชาที่แสนจะอ่อนโยนผู้นี้สินะคะ” เธอหันกลับมา “ใช่ไหมล่ะคะ คุณผู้เล่น”
น้ำหนักของใบมีดถูกทำให้กดลงบนต้นคอขาว โลหิตสีชาตไหลออกมาตามบาดแผลที่ถูกกรีดอย่างช้าๆ ฮารุกะกรีดร้อง และนั่นก็ทำให้ซินเรียนาเป็นเดือดเป็นแค้น “หยุดนะ! ถ้าฉันเป็นผู้เล่นจริงๆ ฉันก็ย่อมต้องมีสิทธิ์ออกคำสั่งสิ...ยัยนั่นน่ะ หนีไป!!”
เด็กสาวหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าอมเทาดูไร้แวว “เสียใจด้วยนะคะ แต่นี่คือตาของทางฉันค่ะ”
“ตาของทางเธอ!? แล้วผู้เล่นที่ออกคำสั่งให้กับเธอคือใครกัน!?” ซินเรียนาถาม แต่ผู้พิทักษ์สาวกลับส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้แทน
“เรื่องนั้นคงจะบอกไม่ดะ...” เสียงหวานขาดห้วงไป พร้อมกับร่างของผู้พิทักษ์สาวที่ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นลายวิจิตรของเหลวสีชาตไหลออกมาจากบาดแผลขาดใหญ่ที่กลางหลังทะลุมาถึงด้านหน้า...เป็นบาดแผลจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาชั่วพริบตาพร้อมกับหอกเล่มใหญ่ที่ปักอยู่กลางบาดแผลพอดี...เฉียดร่างของฮารุกะไปเพียงนิ้วกว่าๆ เท่านั้น
ซินเรียนาหันกลับไปหาต้นทางของสายฟ้า เป็นเด็กสาว 3 คนยืนอยู่ ซึ่งมันก็พุ่งออกมาจากนิ้วชี้ของมือข้างขวาของเด็กสาวทางซ้ายมือ พวกเธอทุกคนสวมผ้าคลุมหน้าบังเอาไว้ แต่คนที่อยู่ทางขวามือ...ซินเรียนาจำเธอคนนั้นได้ เธอคือผู้พิทักษ์คนที่สามนั่นเอง!!
“การเป็นผู้พิทักษ์ไม่ใช่แค่การตั้งโดย ‘ศาลเตี้ย’ ภายในจิตใจหรอกนะ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจสินะคะ คุณ ‘ผู้พิทักษ์คนที่สี่’” ผู้พิทักษ์คนที่สามกล่าวตักเตือนร่างไร้วิญญาณราวกับเป็นครูสั่งสอนซากตุ๊กตาคนพังๆ สักตัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะชูมือขึ้น
ร่างไร้วิญญาณของผู้พิทักษ์คนที่สี่ลอยขึ้นไปจากพื้น ทิ้งเลือดกองใหญ่เอาไว้... ผู้พิทักษ์คนที่สามโบกมือ...สายลมโหมกระพือพัดพาเงามืดทาบผ่านร่างของพวกเธอทุกคนก่อนจะจางหายไป
ซินเรียนามองเห็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง เพราะผ้าคลุมหน้าของเธอร่นลงจึงเผยให้เห็นดวงตาสีนิลที่มีน้ำตาคลอ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงเด็กสาว ซินเรียนา ฮารุกะ และซินฮอล์โรเพียงแค่สี่คนเท่านั้น
ขนนกเส้นหนึ่งร่วงลงมาจากบนฟากฟ้า...มันเป็นสีดำสนิท
ผู้พิทักษ์สาวเอื้อมมือไปรับมันเอาไว้อย่างทะนุถนอม ท่าทีหยิ่งจองหองและเย็นชาเหมือนจะแตกสลายไปแล้วในความมืดก่อนหน้านี้ เธอปล่อยให้น้ำตารดลงที่ขนนกเส้นนั้น...แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีขาว
“ชำระล้าง...เรียบร้อย” ผู้พิทักษ์สาวพูดอย่างใจลอย แล้วขนนกสีขาวบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลก็เข้าโอบล้อมร่างของเธอเอาไว้อย่างรักใคร่ จากนั้นก็ลอยออกไปตามสายลม...
“ซินเรียนา...” ผู้พิทักษ์สาวแสนอ่อนโยนเอ่ย “คงต้องขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการปลดปล่อยเหล่าดวงวิญญาณที่เจ็บแค้น ตอนนี้พวกเขาก็ได้รับอิสระแล้ว ทุกคนจะกลับไปเป็นปกติในอีกไม่ช้า”
“ทำไมคุณถึงช่วยเรา” ซินเรียนาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อผู้พิทักษ์สาวตอบกลับมาทันทีด้วยความตั้งใจจริงอย่างเปิดเผย
“เพื่อสันติภาพและสมดุลของทั้งสองฝ่าย โลกมนุษย์และโลกแห่งซิน” แววตาของผู้พิทักษ์หมองลงและดูเจ็บปวด “พวกเราถูกแบ่งแยกมานานแล้ว ผนึกนี้ก็ควรจะอยู่ต่อไปโดยธรรมชาติ เราไม่ควรจะเข้าไปปลดปล่อยมัน ไม่อย่างนั้นแล้วจลาจลจะต้องเกิดอย่างแน่นอน”
“แต่ทำไม...”
“เธอไม่มีวันเข้าใจอะไรได้หรอก! พี่ธอร์นและพี่เอเทอรัลก็พยายามมาตลอด 8 ปีเหมือนกัน...โลกแห่งซินไม่มีทางจะเกิดความสงบสุขได้หรอกนะ!!” ผู้พิทักษ์สาวเถียง... ก่อนที่เธอจะชะงักไปเมื่อหลุดปากเอ่ยชื่อของคนสองคนที่เธอเป็นห่วงที่สุดออกมา ผู้พิทักษ์สาวส่ายหน้าก่อนจะโบกมือ “ฉันจะส่งพวกเธอกลับไปโลกมนุษย์ ถือว่าเป็นการตอบแทนความร่วมมือของพวกเธอก็แล้วกัน”
ซินเรียนารู้สึกเบลอราวกับว่าถูกใครเอายาสลบมาโปะเอาไว้ แล้วเธอก็ล้มลงสู้พื้น...และนั่นก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอรับรู้ได้ก่อนที่สติจะดับวูบลงไป...
...นี่ฉันทำอะไรอยู่กันนะ ไอวี เธอคือผู้พิทักษ์ไม่ใช่หรืออย่างไร...
...แล้วทำไม...
ซินเรียนายังคงเบลอๆ อยู่ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่ากำลังนอนอยู่บนโซฟาแข็งๆ ตัวหนึ่ง ผ้าห่มสีเขียวหม่นถูกคลุมจนเกือบถึงคอ แม้แต่เสื้อคลุมที่เธอทิ้งลงน้ำไปก็ยังถูกวางพาดเอาไว้กับเก้าอี้ใกล้ๆ กันกับเตียงเลยด้วยซ้ำ
ที่เตียงของผู้ป่วยมีร่างที่ยังหลับไม่ได้สติของฮารุกะนอนอยู่ บาดแผลที่คอของเธอได้รับการรักษาเรียบร้อย เจ้าตัวเองก็ดูจะดีขึ้นมากแล้วด้วย
บาดแผลถลอกฟกช้ำต่างๆ บนตัวของซินเรียนาก็ได้รับการพยาบาลแล้วด้วย และยังรวมไปถึงบาดแผลที่ได้มาตอนถูกฟาดที่ศีรษะก่อนถูกจับตัวด้วย เมื่อร่างบางขยับตัว เธอจึงยังคงรู้สึกมึนๆ อยู่
ฮารุกะเริ่มขยับตัว แพขนตาขยับขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ดูงัวเงียจ้องมาที่ซินเรียนา ก่อนที่เจ้าตัวจะขยับรอยยิ้มอย่างโล่งอก ราวกับดีใจที่ได้เห็นซินเรียนายังสบายดีอยู่แต่ก็ต้องเบ้หน้าเมื่อความเจ็บปวดแล่นเข้ามา ซินเรียนา รีบถลาเข้าไปประคองใบหน้าหวานเอาไว้ทันที และปรามฮารุกะด้วยน้ำเสียงตำหนิแต่แฝงด้วยความเป็นห่วง
“ยังขยับตัวไม่ได้ เดี๋ยวจะเจ็บหนักกว่าเดิม ช่วงนี้ฉันจะช่วยไปก่อนก็แล้วกัน”
ฮารุกะรู้สึกแปลกใจ ร่างกายกลับมาเป็นของเธอแล้ว แต่ซินเรียนา... ทำไมถึงต้องออกมาจากร่างของเธอแทนล่ะ? แล้วซินเรียนาจะมีตัวตนในโลกนี้ได้อย่างไรกัน?
ฮารุกะขดตัวเข้าหากันเมื่ออุณหภูมิลดลง ซินเรียนาคว้ามือของเธอไปกุมเอาไว้
“ไม่เป็นไร...” ซินเรียนากระซิบเบาๆ ราวกับอีกคนหนึ่งไม่มีความหยิ่งและความเย็นชาอยู่เลยแม้แต่น้อย...
...ถึงจะไม่เคยรู้สึกตัวเลยก็ตาม...
...ว่าความอ่อนโยนที่ซินเรียนาซ่อนเอาไว้...จะมากแค่ไหน...
...อุ่นจัง...
“คุณยายคะ...หนูเอาของมาส่งแล้วค่ะ” เด็กสาวเคาะประตูหน้าบ้านอย่างร่าเริง...ในอ้อมแขนมีตะกร้าบรรจุส้ม 5-6 ผล ผูกริบบิ้นเอาไว้น่ารัก เธอเป็นเด็กสาวที่มาจากในเมือง และเข้าป่ามาหาคุณยายที่อาศัยอยู่เพียงลำพังเพื่อรักษาอาการป่วย เธอจึงต้องร่าเริงเอาไว้เพื่อให้คุณยายสบายใจ
...แต่ไร้เสียงตอบรับจากคุณยายผู้ใจดี
เด็กสาวรู้สึกแปลกใจ “หลับอยู่หรือคะคุณยาย ขอหนูเข้าไปนะคะ” มือบางเอื้อมไปจับลูกบิดประตูและเปิดมันออกช้าๆ ...น่าแปลกใจที่คนชอบแสงสว่างอย่างคุณยายจะปิดไฟจนภายในบ้านมืดแบบนี้ เด็กสาวจึงวางตะกร้าผลไม้ลงกับโต๊ะที่อยู่ใกล้กับประตูก่อนแล้วเธอจึงจะเปิดไฟ
คุณยายไม่อยู่ในบ้าน...
เด็กสาวเริ่มรู้สึกเป็นกังวล ...คุณยายของเธอเป็นคนชอบนอนอยู่กับเตียงเพื่ออ่านหนังสือ แต่เธอกลับไม่เห็นท่านอยู่ในห้องนอนเลยด้วยซ้ำไป!
เด็กสาวเพิ่งจะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน จานชามที่มักจะถูกล้างจนสะอาดกลับถูกวางกองไว้ในอ่างโดยที่ไม่มีร่องรอยของการล้าง หนังสือที่คุณยายรักกลับวางเกลื่อนอยู่บนพื้น บางเล่มก็มีรอยครูดอยู่บนปกด้วย และบนเตียง... ผ้าห่มดูยับยู่ยี่ และยังมีเศษไม้จากหลังคาหล่นอยู่อีกด้วย
เพดานเหนือเตียงมีรอยขวานจามลงหลายๆ ครั้ง และยังมีบันไดลิงที่พาดขึ้นไปบนรูรั่วบนเพดาน... ขึ้นไปสู่หลังคาที่ลื่นเพราะฝนตกเมื่อเช้า
เด็กสาวหัวใจตกวูบ เธอไม่รอช้ารีบปีนบันไดนั้นออกไปทันที
“คุณยาย อย่าไปเลยนะคะ” เด็กสาวกรีดร้อง เมื่อเห็นคุณยายยืนโซเซอยู่ขอบหลังคา
“ยายกลับไปไม่ได้อีกแล้ว...ตลอดกาล” เด็กสาวปล่อยน้ำตาที่เอ่อคลอรอบดวงตาให้ไหลลงมาอย่างไม่อายใคร “หลานอย่าห้ามยายเลย ยาย...ยายทำไม่ได้หรอก”
“อย่านะคะ คุณยาย!” เมื่อหญิงสาวชรายังคงก้าวต่อไปอีก เด็กสาวกรีดร้องเรียก...เธอรีบวิ่งตามไปโดยไม่สนใจหลังคาที่ลื่นเพราะฝนตก หญิงสาวชราชะงัก เมื่อเธอหันกลับมาก็ก้าวพลาดจนลื่นตกจากหลังคาไป
เด็กสาวเบิกตาโพล่ง ยื่นมือออกไปหวังจะคว้า...ทั้งที่รู้ตัวว่าสายไปแล้ว!!
ร่างบางทรุดลงกับหลังคาอันเปียกชุ่ม นัยน์ตาคู่สวยฉายแววสั่นระริกอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง คุณยายของเธอ... ตายแล้วอย่างนั้นหรือ!? เธอเฝ้าปลอบตัวเอง
ไม่นาน...ริมฝีปากคู่สวยก็เผยอรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แสย่ะออกเป็นดั่งการเยาะเย้ยการเสียคุณยายคนสำคัญไป
มือบางจับสร้อยไม้กางเขนที่ตนสวมเอาไว้...ก่อนจะออกแรงกระชากมันออกจากลำคอขาวเรียวงาม สายสร้อยเส้นงามหลุดไปตามแรงกระชากจากเจ้าของ...ไม้กางเขนสีดำสนิทที่เปียกชุ่มไปด้วยสายฝนและหยาดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยตกลงกระทบหลังคา มือบางกำแน่นด้วยอารมณ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นช้าๆ
...คนสำคัญของเธอ...ทุกคนเลย...จำเป็นจะต้องจากไปก่อนเวลากันทั้งหมด...
...ฉันไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก!!!...
...เกิดขึ้นอีก...
นัยน์ตาคู่สวยดูเลื่อนลอย ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเดินไปตามเส้นทางของเธอ...เส้นทางที่จะพาเธอไปเจอกับทุกคนอีกครั้ง...
เด็กสาวก้าวออกไปกลางอากาศ และร่วงหล่นลง...
...พระเจ้า...
...โปรดอภัยให้แก่คนบาปหนาคนนี้ด้วยเถิด...
...ขอให้...ฉันได้มีโอกาส...อีกแค่สักครั้ง...
...ขอเพียงให้ฉันได้ลบล้างบาปที่ฉันได้เคยก่อด้วยเถิด...
...อีกแค่...ครั้งเดียว...
...ร่างบางตกลงกระทบกับพื้นดินที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนและโลหิตสีเข้มของทั้งสองที่ไหลออกมาจากศีรษะที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต...
...ปล่อยให้น้ำฝนที่ใสสะอาดได้ชำระล้างเจือจางสีแดงของโลหิตให้เจือจางลงและหลอมรวมเป็นน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ทีละน้อย...
...ราวกับไว้อาลัยให้กับการจากไปของเด็กสาวผู้อ้างตนว่าเป็นผู้พิทักษ์...
...หายไป...กับสายลม...
...เหลือเอาไว้เพียงเสียงกระซิบปลอบใจ...ดังก้องอยู่ภายในร่างไร้วิญญาณท้องสอง...
...ก่อนที่จะดับสิ้นไป...อย่างสายลมที่ไม่ยั่งยืนนัก...
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่ยังยืนนัก... แต่ฮารุกะก็อยากจะให้ซินเรียนาเป็นแบบนี้ตลอดไป...เป็นซินเรียนาที่อ่อนโยน คอยดูแลเธอต่อไป...แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความหวัง...
ไม่สิ...สิ่งที่คู่ควรกับความคิดนั้นควรจะเรียกว่า ‘ความละโมบ’ มากกว่า...
ซินเรียนาไม่ควรจะมาคอยดูแลเธอ...ซินเรียนาควรจะอยู่ในโลกแห่งซิน...คอยร่วมมือกับเหล่าผู้พิทักษ์อย่างเงียบๆ เพื่อจัดการกับด้านมืดในจิตใจที่ใช้พลังในทางที่ผิดมากกว่า...มากกว่าที่จะมานั่งปลอบใจฮารุกะอยู่ในโรงพยาบาลที่โลกมนุษย์
...ซินเรียนาช่างสูงส่งเกินกว่าจะเอื้อมถึงจริงๆ...
“เป็นอะไรไปน่ะ...เธอดูเหม่อๆ นะ” มือของฮารุกะถูกซินเรียนากุมเอาไว้หลวมๆ ใบหน้าของร่างบางมีรอยยิ้มให้กำลังใจประดับเอาไว้บางๆ “เธอคงจะคิดโทษตัวเองที่ทำให้ฉันเดือดร้อนอยู่ใช่ไหม...เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะอย่างไรก็ตามมนุษย์ก็ไม่ได้มีพลังแบบพวกเรา ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งเพื่อจะไม่เป็นตัวถ่วงของกลุ่มก็ได้...”
เสียงปลอบของซินเรียนาที่ร่างบางเอ่ยออกมาราวกับกำลังร้องเพลงกล่อมเด็กอยู่ล่องลอยไปเรื่อยๆ ฮารุกะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
“ซินเรียนา...เธอมีพลังเพียงพอที่จะสร้างร่างกายของเธอแล้วสินะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง...ผู้พิทักษ์สาวลดผ้าคลุมใบหน้าลงเล็กน้อย “เธอจะกลายเป็น ’นาลิน’ แล้วสินะ”
“นาลิน...” ซินเรียนายืนขึ้น เธอจ้องมองฝ่ามือของตนเองอย่างใจลอย ริมฝีปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา “งั้นหรือ...นี่ฉันมีพลังเพียงพอแล้วสินะ”
“นาลิน?” ฮารุกะทวนคำ
ผู้พิทักษ์สาวหันมาอธิบายแทน “นาลิน คือ จิตใจด้านมืดขั้นกลาง สามารถสร้างร่างกายขึ้นมาเป็นของตัวเองได้...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังบาดเจ็บได้และยังเสี่ยงต่อการสูญเสียพลังทั้งหมดรวมถึงประสาทสัมผัสไปอีกด้วย”
ฮารุกะหันไปมองซินเรียนา นัยน์ตาคู่สวยสั่นระริก ...เธอไม่อยากให้ซินเรียนาที่อ่อนโยนคนเดิมหายไป... หากซินเรียนาเป็นอะไรไปล่ะก็...ฉันคง...
นัยน์ตาสีแดงฉานของซินเรียนาสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ... นัยน์ตาคู่นั้นทอประกายอ่อนโยนครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวตามเดิม
ซินเรียนาชี้ไปที่ผู้พิทักษ์สาว “เธอคงจะไม่ได้มาหาฉันเพราะเรื่องแค่นี้หรอกใช้ไหม”
ริมฝีปากบางของผู้พิทักษ์สาวปรากฏรอยยิ้มบางๆ เธอปลดผ้าคลุมลง “สมแล้วที่เป็นเธอ... ชื่อของฉันคือซินไอวี ตอนนี้โลกแห่งซินกำลังเกิดความวุ่นวายครั้งใหม่...”
ซินเรียนาชะงักไป ริมฝีปากบางเผยอรอยยิ้ม “นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอมาตามตัวฉันสินะ”
ซินไอวีพยักหน้า “ใช่แล้ว...เธออาจจะเป็นผู้ที่จะหยุดมันได้ เพราะท่ามกลางความโกลาหลนั้น...พวกพี่...ไม่สิ ตอนนี้ฉันควรจะเรียกว่า เหล่าผู้พิทักษ์ มากกว่า...ก็ได้ถูกจับตัวไป”
“...” ซินเรียนานิ่งฟังอย่างเงียบๆ
“พวกนั้นละเว้นฉันเอาไว้เพราะคิดว่าแค่ฉันคนเดียวคงจะทำอะไรพวกมันไม่ได้ พี่เอเทอรัลช่วยให้ฉันหนีมาได้...พวกมันบอกว่า พิธีสังเวยจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานนี้ ถึงเธอจะรอดจากฉันได้ เธอก็จะต้องตายอยู่ดี!! และหายตัวไป”
ริมฝีปากของซินเรียนาขยับอีกครั้ง “แล้ว...?”
“ฉันอยากให้เธอช่วยฉัน... ได้ใช่ไหม? ฉันไม่อยากเสียพี่ๆ ไป” ซินไอวีดูกลัดกลุ้ม “...พวกนั้นจะสังเวยดวงวิญญาณและปลดปล่อยเจ้านายของตนออกมาอีกครั้ง สุดท้ายหากไม่ยับยั้ง สมดุลของโลกจะต้องเอียง...เหล่าจิตใจด้านมืดจะคลุ้มคลั่งและจะทำให้เกิดการทำลายล้างที่รุนแรง การปฏิวัติฆ่าล้างกันเองจนนองเลือด...”
ร่างบางรอฟัง
ซินไอวีสูดหายใจลึก “ศัตรูคือ ‘ซินเซรีน่า’ ฉันจะนัดแนะสถานที่และเวลาให้ถ้าหากเธอจะยอมตกลง ...เราจะมาปรึกษากันอีกทีหนึ่ง...”
ซินเรียนาขยับรอยยิ้ม “เรื่องสนุกๆ แบบนี้ใครจะพลาดกันเล่า? ฉันตกลง...”
แววตาของซินซินไอวีอ่อนลงเมื่อร่างบางรู้สึกสบายใจแล้ว เธอสะบัดผ้าคลุมเล็กน้อยก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับสายลมที่พัดมาแค่อ่อนๆ วูบหนึ่ง
ฮารุกะมองซินเรียนาด้วยสายตาเว้าวอน...เพราะเธอไม่อยากให้ซินเรียนาต้องบาดเจ็บอีกแล้ว...ไม่อยากจะเห็นการเกิดสงครามอีกแล้ว...แต่เมื่อสบนัยน์ตาสีอ่อนเข้ากับดวงตาสีเลือดที่แน่วแน่มันคงนั้น เธอกลับต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาออกมาเสียเอง พร้อมคำตอบที่เธอได้รับรู้จากสายตาคู่นั่น
...เธอคงจะตกลงสินะ...ฮารุกะคิด ก่อนจะล้มตัวลงนอน
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ ฉันไม่ทำให้เธอต้องอยู่คนเดียวหรอก...” ซินเรียนาก้มลงกระซิบปลอบที่ข้างหูของร่างบาง แต่พอฮารุกะหันไป ซินเรียนาก็กำลังสวมเสื้อคลุมด้านนอกอยู่เสียแล้ว
ร่างบางขยับรอยยิ้ม ...นั่นสินะ...
...โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า...มีบุคคลหนึ่งแอบฟังการสนทนาในห้องจากทางนอกประตูพร้อมกับรอยยิ้ม...
ตัวอย่างเรื่องต่อไป...
“พี่จ๋า จำหนูไม่ได้แล้วเหรอ...”
“พูดอะไรน่ะฮารุกะ!? นั่นก็น้องสาวของลูกไม่ใช่เหรอ”
“ที่เคยพูดไว้น่ะโกหกสินะ”
“ทะ...ทำอย่างไรดีล่ะคะ!? คุณเรียนา”
“จำเอาไว้เลยนะ ฮารุกะไม่มีทางมีน้องสาวแบบยัยนี่หรอก!!”
‘Status : Now Loading...’
‘World Of Sin’
-Coming Soon-
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เพราะเราจะปิดบทความนี้ (อย่างชั่วคราว)
ต้องขอโทษนักอ่านที่ติดตามกันด้วยนะคะ แต่เราขอปิดเพื่อทำงานที่เรายังทำค้างเอาไว้ให้เสร็จก่อนค่ะ แล้วจะอัพต่อแน่นอน
ขอโทษจริงๆ นะคะ T^T
Silver-Lake-Lanturn.
ความคิดเห็น