คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : The Phonucorn ฟีนูคอน : อัสนีสาป - บทนำ
Title :
The Phonucorn อัสนีสาป – บทนำ
Author
: พระจันทร์สีทอง
Genre
: Fantasy Romantic Drama
Warnings
: Yaoi – PG 18
Pairing
:
Jongdae x Minseok
บทนำ
The Phonucorn ฟีนูคอน : อัสนีสาป
เกล็ดหิมะโปรยปรายหลากลวดลาย ปลิวไปตามสายลมแห่งห้วงอากาศ
เหนือม่านเมฆแห่งเมืองปาโกส ที่อยู่ของเหล่าผู้วิเศษที่หลงใหลความหนาวเย็น
ก้อนน้ำแข็งไม่ได้เป็นเพียงอาหารของชาวปาโกส แต่มันเป็นที่อยู่อาศัยสุดแสนวิเศษ
หิมะสีขาวปรกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ในเมืองน้ำแข็ง มีเพียงจุดๆเดียวในเขตปกครองที่มีหิมะบางตากว่าทุกส่วน
...เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงชาวปาโกสเท่านั้น...
เปรี้ยง!
แผ่นดินสั่นไหวตามแรงของสายฟ้าที่ฟาดลงกลางสุสาน
สัญลักษณ์ของผู้ล่าที่แข็งแกร่งแห่งโบโลนีได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
ในทุกๆเมืองต้องมีผู้ล่าอย่างน้อยสองถึงสามคน ทำหน้าที่ล่าวิญญาณร้ายที่ไม่ยอมอยู่ในที่ของตนเอง
โดยเฉพาะในเมืองเนโรดูเหมือนจะเป็นงานหนักที่สุดของผู้ล่า
วิญญาณร้ายใต้สายธารแห่งชีวิตเป็นเรื่องที่ยากเกินควบคุม
ผู้ล่าที่ทำงานในเมืองเนโรจึงทำงานแบบไม่เป็นสุขเท่าไร
ต่างจากผู้ล่าที่ทำงานในเขตอื่น
“อาทิตย์หน้านายก็จะเปิดเทอมแล้วนิ”
“อ่า~ จริงด้วย”
“ทำไมพูดงั้น ดูเหมือนนายไม่อยากเรียนเลยนะ
ใครๆก็อยากเรียนที่ฟีนูคอน”
“อาจไม่ใช่สำหรับฉัน”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น
เขาไม่ได้ยินดีอะไรกับการได้เป็นหนึ่งในรายชื่อนักศึกษาอันทรงเกียรตินั้น
การเข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยฟีนูคอนหมายความว่าเขาต้องย้ายที่ทำงาน
แถมกลายเป็นงานที่หนักจนสามารถทำให้หัวโตได้ไม่ยาก
...ที่มหาวิทยาลัยมีแต่วิญญาณอาจารย์รู้มาก...
“นายกลัวเหรอ ผู้สิ้นชีพที่นั่นฤทธิ์มากนิ”
“ทำไมต้องกลัว
ก็แค่พวกแก่ไม่รู้จักแก่เท่านั้น”
“จริงด้วย นายมันผู้ล่าระดับท็อปเลยนิ”
คำชื่นชมนั้นไม่อาจทำให้จิตใจที่แข็งแกร่งพองโตได้เลยสักนิด
ขายาวก้าวผ่านป้ายคริสตัลของผู้สิ้นชีพอย่างเชื่องช้า
ไม่อยากจะให้มีวิญญาณตนใดตื่นขึ้นมาอาละวาทในวันที่เงียบสงบนี้
เขาทำงานให้เมืองปาโกสมานาน ชาวปาโกสหลายคนเข้าใจว่าเขาคือเด็กปีกซ้ายของเมือง
ส่วนคนที่อยู่ทางฝั่งปีกซ้ายก็เข้าใจตรงข้ามกัน
...อยู่มานานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของปาโกส...
“แล้วถ้างั้นอะไรทำให้นายไม่อยากไปจากปาโกสล่ะ”
ตาคมวาดกลับไปมองคนถามด้วยคำถามเดียวกันในใจ
นั่นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจของเขาเช่นกัน อะไรที่ทำให้เขาไม่อยากเติบโตไปมากกว่านี้
อาจเป็นเพราะเขาเริ่มหลงใหลในความหนาวเย็น บ้านเรือนทีขาวโพลนไร้ชีวิตชีวา
ที่นี่ไม่คล้ายกับบ้านของเขาในเมืองโบโลนีเลยสักนิด
แต่มันกลับตราตรึงในใจของเขาอย่างประหลาด
“ไม่รู้สิ...”
“หือ?”
คำตอบนั้นถูกเอ่ยออกไปแบบขอไปที ก่อนที่ผู้ตอบจะเลี่ยงเดินหนีไปที่อีกทางหนึ่ง
ปล่อยตัวนั่งลงที่ขอนไม้เก่าที่มักจะมานั่งประจำ
ในเมืองปาโกสนี้เขาไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวตามพุ่มไม้
เพราะไม่มีใบไม้ใดงอกได้ทามกลางความหนาวเหน็บ
“หึหึ”
เสียงหัวเราะแหบพร่าของผู้ล่าหนุ่มดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
ในมือของเขากลับขยับเล่นกับคริสตัลใสอย่างนึกสนุก
เกล็ดหิมะเหล่านี้คือความงามในแบบที่เขาไม่สามารถพบได้ในเมืองอื่น
เพราะหากเป็นเมืองอื่นมันคงละลายเป็นเพียงน้ำเท่านั้น
กึก!
คริสตัลใสค่อยๆแข็งเกร็งและแตกสลายลงในที่สุด
เมื่อมือหนาที่ไร้สิ่งบดบังแตะต้อง สร้างความตกใจให้กับร่างสูงที่กำลังเพลิดเพลินกับมันได้ไม่น้อย
ตาคมเบิกขึ้นอย่างรู้สึกผิดรีบซ่อนร่างกายของตนเองภายใต้เสื้อคลุมตัวยาวอีกครั้ง
...ผิวหนังแห่งผู้ล่า...
“เฮือก!”
ความหวาดกลัวเกาะกินทั่วร่าง
ตาคมพยายามเพ่งมองไปทางอื่นเพื่อหาความสงบ ความรู้สึกเหมือนสูญเสียเหล่านี้เริ่มทำร้ายเขาอีกครั้ง
มันเป็นความจริงที่ว่าเมื่อชาวโบโลนีต้องสาปสาบาน
ให้ร่างกายนี้เป็นทาสรับใช้ต่อสายเลือดแห่งเทพีโบโลนี
เนื้อกายจะเป็นกรดสาปแสนร้ายของผู้ล่าทันที
แต่มันกลับแลกมาด้วยเลือดเนื้ออมตะที่จะมีเพียงสายเลือดแห่งสายฟ้าที่ได้ครอบครอง
ความพิเศษในวันแรกที่ได้รับจึงนำมาซึ่งความทุกข์ทรมานจนกว่าจะสิ้นชีพ
...เขาเลือกผิดไป ทั้งที่ไม่ได้ชี้นิ้ว...
“น่าสมเพช...”
“หุบปากซะ อากอร์ส!”
“ทำไมล่ะ แทงใจดำเหรอผู้ล่า”
“คำพูดเน่าหนอนของแก ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“แน่นอนท่านผู้ล่า ท่านสามารถจองจำข้าได้นิ
หึหึ”
เสียงหัวเราะนั้นเหมือนการเยาะเย้ยจากวิญญาณร้าย
ร่างสูงหันไปมองอย่างไม่ชอบใจนักที่ต้องมาทนฟังอะไรเช่นนี้
หากเป็นวิญญาณตนอื่นเขาคงจับใส่ถุงแล้วเอาไปถ่วงสายน้ำแห่งชีวิตแล้ว
หากเพียงวิญญาณตนนี้ไม่บังเอิญเป็นวิญญาณเจ้าที่ของสุสาน
“ขอแค่มีโอกาส รับรองว่าแกจะต้องถูกขังไว้ใต้น้ำแข็งนี้แน่”
“ผู้ล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกหลังสิ้นชีพ
ทำได้แค่นี้เหรอ อ่อ! ข้าลืมไปว่าพวกเจ้าไม่ค่อยมีความสามารถนิ
ขนาดแค่จะมีความสุขกับหิมะยังทำไม่ได้”
มือหนากำแน่นเพื่ออดทนต่อคำพูดถากถางนั้น
พยายามซ่อนร่างกายของตนเองใต้ผ้าคลุมสีทะมึน แม้ไม่อยากจะยอมรับว่าคำพูดจากวิญญาณร้ายนั้นเป็นจริง
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามีตรงไหนที่เป็นเท็จ
“คำพูดของข้า
ทำท่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วเหรอผู้ล่า”
“ฉันไม่ใช่ผู้พิทักษ์”
คำพูดเชิงหยอกล้อถูกส่งกลับไปแต่ไม่แฝงแววความหยอกล้อเลยสักนิด
ร่างสูงจงใจสะบัดผ้าคลุมของตนเองใส่วิญญาณหยาบคายนั้น
เพื่อลดเกียรติที่เขากำลังทระนงอยู่
...เจ้าก็แค่วิญญาณ...
“โอ้!
ถึงขนาดต้องทำเช่นนี้กับข้าเลยเหรอสหาย?”
“ใครเป็นสหายเจ้า เจ้าวิญญาณเลือดเย็น”
“นี่มันถือเป็นการดูหมิ่นเกียรติแห่งปาโกสเลยนะ”
อากอร์สไม่มีแววสลดต่อสิ่งที่ถูกกระทำสักนิด
เขาเป็นวิญญาณร้ายมาหลายชั่วการถือกำเนิด
แถมยังลอยไปลอยมายียวนอารมณ์ของผู้ล่าหนุ่มไม่ล้างลา
เขาชอบที่จะได้ยั่วโมโหเด็กหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ
“จะไปไหนก็ไปเสีย อากอร์ส”
“ทำไมข้าต้องไป ข้าชอบเจ้าจะตาย”
“แต่ฉันเกลียดแก
ถ้าอยากเล่นสนุกก็ไปหาผู้ล่าตนอื่นไป”
“ข้าไม่ใช่หมานะ
ที่จะต้องรับคำสั่งจากเจ้า”
“อย่ามายั่วโมโหฉันอากอร์ส
ฉันมีงานมากมายต้องทำ”
“เช่น...การนั่งเล่นเกล็ดหิมะน่ะเหรอ?”
“อากอร์ส!!!”
ปึ้ง!!!
สิ้นเสียงคำรามปรามนั้น
เสียงเหมือนระเบิดก็ดังขึ้นไม่ไกลนักจากที่เขาอยู่
ขายาวออกวิ่งไปตามทางเดินยาวของสุสาน
ตัดลัดผ่านหิมะไปอย่างยากลำบากจนต้องตัดสินใจปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงใหญ่ไร้ใบนั้น
กระโดดจากต้นไม้หนึ่งไปอีกต้นอย่างคล่องแคล่ว
ก่อนจะมาถึงที่เกิดเหตุที่กลายเป็นหลุมใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น!”
เสียงของผู้ล่าอีกตนถามขึ้นด้วยท่าทางร้อนรน
นี่มันไม่ปกติเลยสักนิดสำหรับสุสานยามค่ำคืน ตาคมกวาดมองไปรอบๆอย่างหาต้นเหตุ
แม้แต่อากอร์สที่ลอยตามมาด้วยก็ยังแสดงสีหน้ากังวล
“ใครทำวะ?”
“ฉันไม่รู้...”
เสียงทุ้มตอบออกไปอย่างคิดไม่ตก
ไม่เคยมีใครกล้ามาท้าทายอำนาจของผู้ล่าเช่นนี้ มันคงไม่ใช่ฝีมือของผู้วิเศษแน่
หากแต่คนที่ทำคงมีพลังมากมายมหาศาลไม่ใช่น้อย
ถึงได้ก่อร่างลูกไฟใหญ่ถึงเพียงนี้ได้
“เราต้องรายงานท่านหัวหน้า”
“รบกวนนายด้วย
ฉันขอสำรวจแถวนี้ก่อนเพื่อความแน่ใจ”
“อืม แล้วตามไปล่ะ”
เพื่อนผู้ล่าเดินนำอากอร์สที่อยู่ในห้วงแห่งความกังวลไป
ปล่อยให้ร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้หลุมใหญ่นั้นมากขึ้น ตาคมยังคงมองไปรอบๆเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
แล้วก็พบสิ่งที่ไม่คิดว่าจะพบตรงปลายเท้า
...ขนนกไหม้...
“ฟินิกส์?”
ดินแดนฟีนูคอนนั้นเต็มไปด้วยผู้วิเศษมากมาย
พวกเขาสามารถทำได้ทุกสิ่งที่อยากทำ และ
มีความเชื่อว่าตนเองนั้นคือสิ่งที่วิเศษวิโสเหนือใครเปรียบ แต่หากได้อ่านตำราแห่งการถือกำเนิดอย่างแท้จริงแล้ว
เหล่าผู้ล่าต่างรู้ดีว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าวิญญาณก็ยังมีอยู่
...เช่นเหล่าสัตว์วิเศษที่โมโหร้ายไงล่ะ...
“แกมาที่นี่ทำไมนะ”
ตาคมกวาดมองไปทั่วท้องฟ้าที่มีเพียงหิมะ
เขารู้ว่าตนเองไม่มีทางประเมินผิดไปอย่างแน่นอน แต่การที่มีฟีนิกส์อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะเช่นนี้
มันคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน และ หน้าที่ของผู้ล่าคือหาความจริงทั้งหมดนั้น
...มนต์สาปแห่งโฟเธีย...
“เป็นไปได้มั้ยนะ”
มือหนากำขนนกในมือแน่นอีกครั้งอย่างใช้ความคิด
บางอย่างบอกเขาว่ามันใกล้ถึงเวลาของจุดเริ่มต้นแล้ว
หากแต่เพียงเขาเจอสายเลือดเทวาแห่งโฟเธียเท่านั้น ทุกความสงสัยก็จะจบลงในทันที
“ชีวิตมหาลัยของฉัน มีสีสันขึ้นมาหน่อย”
<<< The Phonucorn…อัสนีสาป >>>
The
Phonucorn – Chapter 3.1
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน
หายไปเกือบสองเดือนกลับมาแวนะคะ
ไม่รู้ว่าทุกคนยังอยู่ด้วยกันมั้ย
แอมอาจไม่ค่อยมีเวลาด้วยแอมทำเรื่องขอทุนไปเรียนญี่ปุ่นผ่าน
หลายๆอย่างในชีวิตมันเลยยุ่งยากมากเลยค่ะ
แต่แอมจะพยายามลงให้เป็นเวลาเหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นกำลังใจห้กันค่ะ^^
ความคิดเห็น