ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #32 : The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๙

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 725
      2
      22 ม.ค. 58

     

    Title : The Phonucorn ตรวนกาฬวาต – บทที่ ๙

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Sehun x Luhan

     

     

    บทที่ ๙

    The Phonucorn ฟีนูคอน : ตรวนกาฬวาต

     

     

     

     

     

    เปลือกตาบางกระพริบถี่อีกครั้ง หลังจากความรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว เคว้งคว้างมาเกือบสี่ชั่วโมงจนถูกชุบชีวิต กายบอบบางค่อยๆขยับกายทีละน้อย จากนิ้วทั้งสิบเรื่อยมาจนข้อมือ และ ค่อยๆเคลื่อนไปที่ข้อต่อต่างๆในร่างกาย จนแน่ใจว่ามันเข้าที่กันเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคู่สวยจึงยอมเปิดตามองไปรอบๆ

     

    “เป็นยังไงบ้างนักศึกษา”

     

    คำถามแรกที่ได้ยินหลังจากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันฟังดูจะเป็นคำถามที่ชวนให้น้ำตาไหล เหมือนมีใครกำลังมาเขย่าตัวเขาแรงๆ แล้วบอกว่าทุกอย่างที่รู้สึกก่อนตายนั้นแค่ฝันไป

     

    ...แต่เป็นฝันที่ร้าย และ สมจริงที่สุดเท่านั้นเอง...

     

    “ข้อต่อประสานกันดีนะ ไม่มีส่วนไหนในร่างกายที่ชำรุดใช่มั้ย ถ้าเกิดรู้สึกเหมือนมีเสียงก๊อกแก๊กในร่างกาย เธอควรจะแจ้งให้อาจารย์ทราบก่อนนะ”

     

    “ครับ”

     

    มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้า แล้วก้มศีรษะขอบคุณอาจารย์ประจำห้องพยายามเล็กน้อย ก่อนจะถูกเชิญให้กลับไปพักที่หอ เนื่องจากยังมีนักศึกษาอีกหลายคน ที่รอให้ชุบชีวิตขึ้นมาพบเจอกับความฝันที่โหดร้าย เพียงแค่ก้าวพ้นประตูห้องตรวจ เสียงร้องไห้คร่ำครวญก็ดังระงม จนลู่ฮานถึงกับชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน

     

    ...เป็นใครก็ต้องกลัวความรู้สึกก่อนตายทั้งนั้น...

     

    แต่ลู่ฮานไม่อยากดูอ่อนแอ เขาอยากจะเก็บการตายที่ไม่สมศักดิ์ศรีของตนเองไว้เงียบๆ มีแค่เขากับเซฮุนรู้ก็อับอายกันเองจะแย่อยู่แล้ว ว่าแล้วก็รีบกวาดตามองหาร่างสูงที่อาจจะถูกชุบชีวิตแล้วก็ได้ เดินผ่านเพื่อนหลายกลุ่มที่กอดกันร้องไห้ แม้แต่เพื่อนสามคนที่เขาฆ่าก่อนที่จะไปถึงพุ่มไม้นั่นก็ด้วย

     

    “เห้ย!

     

    “อ๊าก!!!

     

    เพียงแค่มองหน้ากันก็ถึงกับต้องผงะหนีกันด้วยความตกใจ เด็กทั้งสามสะดุ้งโหยงทันทีที่เห็นใบหน้าสวย แน่ล่ะใครจะปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่ฆ่าตนเองเป็นครั้งแรกได้ คิดๆดูแล้วลู่ฮานก็รู้สึกโชคดีขึ้นมาทันที ที่ไม่ต้องรู้ว่าใครคือคนที่ลงทุนจ้วงแทงเขาจนสิ้นชีพนับสิบแผล เพราะเขาก็คงเป็นโรคกลัวคนๆนั้นไปเลยล่ะ แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาคิดเรื่องของตนเอง เขาควรจะรีบเดินไปเสียให้พ้น ก่อนที่เด็กทั้งสามจะร้องไห้แล้วแหกปากขึ้นมาอีก

     

    ...ว่าแต่ไหนล่ะเพื่อนเขา...

     

    “ฉันน่ะถูกแทงตั้งสี่ครั้ง จริงๆตั้งใจจะตายตั้งแต่โดนแทงครั้งที่สองแล้วนะ แต่ให้ตายเถอะหมอนั้นดันตกใจที่ฉันอ้าปากจะบอกให้หยุดแทง เลยจ้วงมาเต็มแรงอีกสองครั้งจนไส้ฉันทะลักเลยล่ะ!

     

    เสียงของแบคฮยอนที่เล่าเรื่องการตายของตนเองอย่างออกรสออดชาด เรียกให้ลู่ฮานเดินไปจนเจอเพื่อนทั้งสามกำลังนั่งอยู่ที่มุม หนึ่ง มีอี้ชิงนั่งอยู่ตรงกลางด้วยสีหน้าอ่อนละมุน ส่วนซิ่วหมินกับแบคฮยอนที่นั่งขนาบข้างนั้นเหรอ

     

    ...ร้องไห้แทบจะเป็นสายเลือด...

     

    แล้วอย่างนี้ลู่ฮานคนแมนแห่งหอพักเขตเย็นจะทนได้เหรอ แค่เห็นหน้าของเพื่อนๆน้ำตาก็พาลไหลออกมาเป็นสายแล้ว ร่างบางถลาเข้าสู่อ้อมกอดของเพื่อนทั้งสาม แหกปากร้องไห้เหมือนครั้งแรกที่ซิ่วหมินโผล่มาไม่มีผิด เขาเล่าเรื่องของตนเองจบก็เป็นตาของเซฮุนที่เดินมาด้วยสภาพลอยๆคล้ายๆกัน ก่อนจะตรงมาบ่อน้ำตาแตกกับเพื่อนๆไม่มีผิดเพี้ยน

     

    ...เรียกได้ว่าเป็นสเต็ปของคนที่ถูกชุบชีวิตก็ว่าได้...

     

    “ตอนนั้นฉันทั้งงงทั้งเจ็บเลยนะเว่ย โคตรงงเลยว่าดาบพวกนั้นมันมาจากไหน ที่ซ่อนแม่งก็แคบเหลือเกิน แค่จะกระดิกตัวเรียกแร่นักรบยังทำไม่ได้เลยอ่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสิ้นชีพนะเว่ย ทำไมพวกมันไม่ให้โอกาสฉันสู้เลยวะ”

     

    ...เอ้า?! แล้วถ้าแกฆ่าเขาได้ เขาไม่แย่หรอวะ?...

     

    นั่นคงเป็นคำถามในใจของทุกคน หลังจากเซฮุนเล่าเรื่องของเขาจนจบ พร้อมเปิดคำถามที่ไม่น่าถามที่สุด สำหรับงานประเพณีคัดสรรค์เช่นนี้ ใครๆก็ต้องเอาตัวรอดยิ่งเหลือน้อยยิ่งดี

     

    “ว่าแต่นายยังไม่เล่านาทีชีวิตของตัวเองเลยนะอี้ชิง”

     

    “นั่นสิ ออกมาฉันก็เจอนายรออยู่นี่แล้ว”

     

    “คะ...คือ...คือเรา”

     

    “ว่าไงล่ะ”

     

    “เราไม่ได้สิ้นชีพหรอก”

     

    สิ้นเสียงสารภาพของอี้ชิง เพื่อนทุกคนต่างก็เงียบลงไปตามๆกัน เซฮุนคือคนเดียวที่กล้าจ้องตากับอี้ชิง เขาไม่ได้สงสัยเลยสักนิดว่าทำไมอี้ชิงถึงรอดมาได้ ก็ในเมื่อเขาเป็นผู้มอบอาวุธที่ดีที่สุดของชาวอเนโมสให้แก่อี้ชิงเอง

     

    ...ถ้าสิ้นชีพสิแปลกกว่าเยอะ...

     

    “นายต้องเป็นคนดังแน่ๆหลังจากวันนี้”

     

    “ทำไมล่ะ ซิ่วหมิน?”

     

    “เพราะนายไม่ควรมีชื่ออยู่ในผู้รอดชีวิตไงอี้ชิง นี่มันค่อนข้างแปลกเอามากๆเลยนะ นายเพิ่งมาอยู่ในฟีนูคอน เติบโตมาแบบพวกฟิสสิเพรสธรรมดา คำร่ายดีๆนายยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับรอดชีวิตจากประเพณีคัดสรรค์ หลังจากนี้นายจะต้องเป็นน้องใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดแน่ๆ”

     

    การถูกจับตามองไม่ใช่เรื่องที่เซฮุนอยากจะให้เกิดกับอี้ชิงนัก เขาแค่อยากให้เพื่อนใหม่นี้เป็นเพียงเด็กไร้ตัวตนคนเดิม คนที่หากไม่มีเขาก็คงใช้ชีวิตในฟีนูคอนได้ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ยิ่งอี้ชิงเป็นที่รู้จักมากเท่าไรความลับของอเนโมสก็ยิ่งไม่ปลอดภัยเท่านั้น

     

    “เราไม่ได้รอดเพราะตัวเองหรอก มีคนช่วยเราน่ะ”

     

    “หือ?”

     

    เสียงที่แสดงความสงสัยของเพื่อนทั้งสามดังขึ้นพร้อม ต่างก็แค่เซฮุนที่นิ่งไปอย่างไม่มีคำพูดใดออกมาอีก แต่พอเห็นซิ่วหมินที่ดูสงสัยมากๆตั้งท่าจะถาม เขาก็เลือกที่จะเป็นคนตัดบทช่วยอี้ชิงไว้เสียก่อน ถ้ามีใครรู้ว่าคนที่ช่วยอี้ชิงเป็นใคร มีหวังความลับของเขาคงได้แตกอีกในไม่ช้าแน่

     

    “นี่ๆกลับหอกันเถอะ ฉันหิวจนจะกินแมมมอธได้ทั้งตัวแล้ว”

     

    “จริงด้วยๆ ไปหาไรกินกันเถอะ”

     

    “เออๆ เดี๋ยวค่อยมาถามที่หลังก็ได้”

     

    เพื่อนๆต่างพากันลุกขึ้นเดินกลับหอพัก ร่างสูงเลือกจะเดินล้าหลังข้างอี้ชิง เพราะเห็นใบหน้าหล่อคมของรุ่นพี่ตัวร้าย ที่ไม่น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ถูกชุบชีวิต กำลังเดินสวนมาเช่นกัน

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    “นายรักษาสัญญารึเปล่า?”

     

    “อย่างดี”

     

    คำขอบคุณของอี้ชิงคือสิ่งที่เซฮุนได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่บทสนทนาสั้นๆนั้นจะจบลง เมื่อทั้งสองเดินผ่านกันมา เพื่อนทั้งสามที่เดินนำหน้าพูดคุยกันเสียงดังไม่ได้สนใจฟัง ยิ่งเป็นโอกาสให้เซฮุนได้พูดกับอี้ชิงตามลำพัง ในสิ่งที่เขาอยากจะเตือนเพื่อนเอาไว้ อย่างไรชาวโฟเธียก็ไม่มีวันเป็นมิตรกับอเนโมสได้

     

    “ดูนายญาติดีกับพี่คริส”

     

    “ก็ไม่นิ”

     

    “เหรอ”

     

    “อืม”

     

    “แล้ว...”

     

    “นี่อี้ชิง เพราะวันนี้นายเป็นคนที่เก่งที่สุดในกลุ่ม นายอยากจะกินอะไรล่ะฉันจะทำให้”

     

    บทสนทนาของเซฮุนถูกขัดด้วยคำพูดแสนร่าเริงของแบคฮยอน อี้ชิงเองก็เหมือนจะหันเหไปสนใจทางรูมเมทของตนเองมากกว่า เซฮุนเลยจำต้องยอมปล่อยเรื่องที่ตนเองค้างคาไว้ก่อน เพื่อนทั้งห้าร่วมโต๊ะทานอาหาร และ เริ่มพูดเรื่องการตายของแต่ละคนอีกครั้ง ไม่มีใครจำได้ว่าอี้ชิงไม่ได้รอดชีวิตด้วยตนเองอีกเลย

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    ตลอดทางเดินกลับห้องที่ไม่ได้เงียบสงบ เพราะเด็กๆต่างยังคงเล่าเรื่องการตายของตนเองเสียงดังข้ามห้อง กลับมีเพียงสองร่างที่เดินแยกมาทางห้องของตนเองเงียบๆ เซฮุนไม่พูดอะไรออกมาเสียที ลู่ฮานจึงจำต้องชวนคุยอย่างเสียไม่ได้

     

    “นี่...นายเป็นอะไร”

     

    “เป็นคนตายที่เพิ่งฟื้นไง”

     

    “ไม่ใช่สิ นายดูแปลกๆตั้งแต่ก่อนเดินออกมาแล้ว”

     

    “นายทำให้ฉันต้องโดนปลิดชีพ ยังมีหน้าจะมาถาม”

     

    “ฉันทำอะไร นายตามฉันมาเองแท้ๆ”

     

    “แล้วนายออกมาจากห้องสมุดทำไมล่ะ”

     

    “ก็ฉันมีที่ๆเตรียมไว้นิ”

     

    “ที่ห่วยๆ”

     

    “โอ เซฮุน!!!

     

    เสียงหวานตวาดขึ้นอย่างเหลืออด ทั้งที่ตั้งใจจะชวนคุยดีๆเพื่อทำลายความเงียบ แต่ตอนนี้ลู่ฮานกลับอยากให้ร่างสูงอยู่แบบเงียบๆไปตามเดิมมากกว่า ใบหน้าสวยยับยู่อย่างไม่ชอบใจ ตั้งใจจะหันหนีไปอีกทาง แต่เสียงหัวเราะที่แสดงความขบขันก็เรียกสายตาให้ตวัดไปมองก่อนอยู่ดี

     

    “หึหึ”

     

    “ตลกมากนักรึไง”

     

    “ก็ไม่ตลกรึไงล่ะ เราเถียงกัน มีคนตกลงมาอย่างที่ฉันพูด แล้วหลังจากนั้นเราก็โดนแทงจนตายอย่างงงๆ ทั้งที่พวกเราหนีรอดอยู่เงียบๆในห้องสมุดมาตั้งนาน โชคดีจริงๆที่เราออกมาข้างนอกเนอะ”

     

    จะว่าไปแล้วพอมาคิดดีๆมันก็ดูตลกมากจริงๆ ถ้าไม่ได้ออกมาข้างนอกห้องสมุดนั่น พวกเขาอาจเป็นผู้รอดชีวิตได้ไม่ยาก แต่เพราะความดื้อรั้นบ้าบอของร่างบาง กลับทำให้ประเพณีคัดสรรค์แรกของพวกเขา ได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนเลยในชีวิต

     

    “ดีจริงๆ ที่เรามาเจอที่ซ่อนของนาย”

     

    “มันก็แน่อยู่แล้ว”

     

    “อย่ามาทำเป็นปากดี เมื่อกี๊ใครกันที่หน้าหดเหลือครึ่งเซน”

     

    ปากบางยู่ลงอย่างดื้อรั้น ไม่อยากจะยอมรับว่าเขารู้สึกเสียหน้าจริงๆ ที่ๆซ่อนดีๆของเขากลับเป็นจุดจบของชีวิตครั้งแรกไปเสียได้ แล้วอย่างนี้ถ้าลู่ฮานเสนอที่ซ่อนในปีต่อๆไป ใครกันจะกล้าเอาชีวิตมาฝากไว้กับเส้นได้อย่างเขา สู้ไปโหนโคมเหล็กกับเซฮุนยังมั่นคงเสียกว่า

     

    ...พลาดจริงๆเลยลู่ฮาน...

     

    “เซฮุน...ขอบคุณนายมากนะ”

     

    “หือ? นายจะมาขอบคุณอะไรฉันล่ะ”

     

    ใบหน้าหล่อหันไปถามคนที่อยู่ๆก็พูดขอบคุณขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ลู่ฮานก็เอาแต่เสตามองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจจะอธิบายสิ่งที่เขาสงสัย ร่างสูงจึงต้องปล่อยให้ความสงสัยในทำงานต่อไปเงียบ ร่างบางแยกตัวออกไปอาบน้ำในแบบของชาวเนโร ก่อนจะกลับมาที่ห้องก็ตอนที่เซฮุนหลับไปแล้ว ขาเล็กก้าวมาจนหยุดยืนข้างเตียงของอีกคนเงียบๆ มันใกล้กว่าเวลาที่เซฮุนตื่นมาก ย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน มือเรียวสั่นระริกขณะเคลื่อนเข้าไปจับเส้นผมเงาสลวย

     

    “ขอบคุณนะ ที่นายคอยช่วยฉันตลอดวันนี้ ไม่ว่านายจะเต็มใจทำมันหรือเปล่า ก็ขอบคุณมากนะเซฮุน”

     

    คำตอบของคำถามทั้งหมดเฉลยแล้วในเวลานี้ เวลาที่ร่างสูงไม่ได้ตื่นมาฟังมันด้วยตนเอง มิตรภาพที่เริ่มถักทอสายใยเล็กๆให้ทอดยาวขึ้นเรื่อยๆ จนก่อกลายเป็นความผูกพันที่ลางเลือนภาพแห่งคำทำนายลงไปทุกที

     

    ...ลู่ฮานไม่รู้ตัว เซฮุนไม่รู้ตัว ไม่มีใครรู้ตัวว่ามันกำลังเกิดขึ้น...

     

    <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    แก๊บ!

     

    เสียงหน้าหนังสือที่เปิดผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า ขณะที่อาจารย์วิชาผู้รักษากำลังบรรยายไปเรื่อยๆ ดูน่าเบื่อเหลือเกินสำหรับนักศึกษาปีหนึ่ง เพราะนอกจากตัวหนังสือในตำรา ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกไปจากกรอบที่ตีขึ้นมาสักนิด พวกเขาต้องการความรู้จากวิชารักษา หวังว่าจะช่วยให้ร่ายเวทดีๆเพื่อช่วยใครสักคนได้ ไม่ได้อยากจะรู้วิธีการอ่านและเว้นวรรคอย่างถูกต้องเสียหน่อย

     

    กึก! กึก!

     

    หัวปากกาขนนกเริ่มถูกเคาะกับโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์เข้าไปทุกที ใบหน้าหล่อมู่ทู่ด้วยความหัวเสีย ตาคมกลอกตามองเพื่อนหลายคนในห้องที่เริ่มสัปหงก แล้วก็ต้องหันไปมองอาจารย์ที่หน้าห้องอีกครั้ง นี่เขาไม่คิดจะสนใจใบหน้าของเด็กๆ ที่นั่งหน้าสลอนด้วยความเบื่อหน่ายเลยรึไง จะว่าไปแล้วก็มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ง่วงล่ะนะ

     

    ...ก็แค่ จาง อี้ชิง...

     

    “ตื่นเต้นอะไรของนาย”

     

    “มันน่าตื่นเต้นออกนิ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย”

     

    “เหรอ?”

     

    ก็คงมีแต่คนที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาเลยแบบอี้ชิงเท่านั้นที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับมัน ส่วนพวกที่เรียนมาตั้งแต่ประถมนั้นเหรอ...หลับคาหนังสือกันหมดแล้วพะยะค่ะ

     

    “นายดูนี่สิเซฮุน กระดูกของคนเราสามารถติดกันได้ แค่ฉันเอ่ยคำร่ายสั้นๆแค่นี้เองนะ นี่มันวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทั้งโลกต้องทึ่ง!

     

    “เหอะ! แต่ถ้าทั้งโลกรู้ขึ้นมาล่ะก็ นายได้ทึ่งกว่าแน่ๆ”

     

    “ทำไมอ่ะ?”

     

    “นายก็หัดอ่านมาก่อนเรียนซะบ้างสิวะ!

     

    เสียงทุ้มอดไม่ได้ที่จะตวาดกลับไปอย่างเบื่อหน่าย นี่อี้ชิงคงไม่ได้เปิดหนังสือดูก่อนเลยว่าคำนำหนังสือว่าอย่างไรบ้าง ในนั้นมีทั้งกฎ และ ขอบเขตการร่ายเวทระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งโทษในเรื่องเวทร่ายของผู้รักษาส่วนใหญ่นั้น

     

    ...มหาโหด ชนิดล้างผลาญยันต้นเชื้อสายเลยล่ะ!...

     

    “แล้วนายจะเสียงดังทำไมล่ะ ใครเขาจะอ่านมาก่อนเรียนเหมือนนายกันล่ะ จริงมั้ยลู่ฮาน นายก็ไม่ได้อ่านมาก่อนหรอกใช่มั้ย”

     

    “เอ่อ...”

     

    “ใครเขาจะติดเชื้อฟิสสิเพรสตัวเป็นขนแบบนายล่ะ ชาวฟีนูคอนทุกคนจะถูกบังคับให้หัดอ่านคำนำของหนังสือตั้งแต่เด็ก เพราะนั่นคือส่วนที่สำคัญที่สุดของหนังสือ ดังนั้นไม่มีทางหรอกที่ลู่ฮานจะยังไม่ได้อ่านมาน่ะ ต่อให้ไม่ได้มีนิสัยรักการอ่านอะไร มันก็ชินกันทั้งนั้นแหละ เข้าใจมั้ย จาง อี้ชิง!

     

    ร่างสูงประกาศก้องใส่หน้าอี้ชิง แต่มีเหรอที่เขาจะต้องเชื่อ เขาหันไปหาลู่ฮานเพื่อถามย้ำอีกครั้งทางสายตา ว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆเหรอที่เพื่อนทุกคนอ่านคำนำมาหมดแล้ว นี่มันเรื่องมหัศจรรย์ของฟิสสิเพรสเลยนะ ใครอ่านคำนำของหนังสือเรียนคงต้องเนิร์ตเว่อร์มาก

     

    “ก็อย่างที่เซฮุนบอก ฉันก็อ่านแค่คำนำล่ะนะ”

     

    “แม้แต่ลู่ฮานก็เป็นพวกของเซฮุนเหรอ ได้ไงอ่ะ?”

     

    “แต่เราไม่ได้เป็นพวกเซฮุนนะอี้ชิง เราติดนิสัยฟิสสิเพรสน่ะ”

     

    ในที่สุดทางออกสวรรค์ของอี้ชิงก็มาถึง เมื่อแบคฮยอนที่นั่งอยู่อีกข้างพูดขึ้น     อี้ชิงรีบหันไปกอดแบคฮยอนอย่างขอบคุณ แล้วก็หันไปยักคิ้วใส่เซฮุนที่กลอกตาด้วยความหมั่นไส้

     

    “เหอะ! ต้องภูมิใจรึไงที่มีพวกเป็นพวกคลั่งฟิสสิเพรสแค่คนเดียว”

     

    “คลั่งฟิสสิเพรสแล้วมันเป็นยังไง”

     

    “ก็เพี้ยนน่ะสิ”

     

    “นายสิเพี้ยน”

     

    “ขอให้โดนเนรเทศไปอยู่โลกฟิสสิเพรสสมใจ”

     

    “เออดี”

     

    บทสนทนาสั้นๆระหว่างเพื่อนสองคนที่มีความเห็นต่างจบลง เพราะอาจารย์ที่นั่งอ่านหนังสือให้ฟังอยู่ เงยหน้าขึ้นมากระแอมไอเตือนอยู่สองสามครั้ง การเรียนกลับไปสู่ความน่าเบื่อหน่ายอีกครั้ง จนกระทั่งบานประตูไม้สักของชั้นเรียนถูกเปิดออก ด้วยฝีมือของเพื่อนร่วมรุ่นที่ลู่ฮานคุ้นตาเป็นอย่างดี

     

    ...เด็กคนนี้มาเรียนสายตั้งชั่วโมงกว่าเชียว ยังจะกล้าเข้ามาอีกเหรอ?...

     

    “หือ?”

     

    “อะไรเหรอลู่ฮาน”

     

    “เด็กคนที่ถักไหมพรมน่ะ”

     

    “อ๋อ ซูโฮน่ะ เขาชื่อซูโฮ”

     

    “อ่า...เขามาสายตั้งชั่วโมงนึงแหน่ะ”

     

    ร่างบางแสร้งพูดเหมือนว่าสนใจแค่ที่อีกคนเปิดประตูเข้ามา ทั้งที่ล่วงเลยเวลามานานมากแล้ว แต่จริงๆดวงตาคู่สวยกำลังจับจ้องไปที่การกระทำที่ประหลาดของคนทั้งสองมากกว่า ทั้งที่นักศึกษาเข้ามาสายแต่ทำไมอาจารย์ถึงต้องเป็นคนที่คร่อมศีรษะอนุญาตก่อน มันดูคล้ายอาจารย์หนุ่มกำลังให้เกียรติด้วยการเชิญนักศึกษาเข้าห้องเรียน ทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโดนตัดคะแนนไปแล้ว

     

    ...ซูโฮพิเศษยังไง?...

     

    “เด็กนั่นดูเหมือนจะก้มศีรษะขออนุญาตตอนเปิดประตูรึเปล่านะ?”

     

    “ห๊ะ?”

     

    “นายเห็นเด็กคนนั้นตั้งแต่เปิดประตูรึเปล่าลู่ฮาน”

     

    ใบหน้าสวยส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่แน่ใจว่าเขาเห็นตั้งแต่ต้นรึเปล่า เขาแค่เงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วสักพัก แต่พอมาคิดตามคำพูดของเซฮุนมันก็ทำให้เขาลังเลกว่าเดิม บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆ ซูโฮก็ดูไม่ได้ดูเหมือนจะพิเศษอะไร เป็นแค่นักศึกษาธรรมดาที่ทำงานพิเศษในร้านไหมพรมเท่านั้น

     

    “ทำไมเหรอ นายเห็นเขาตั้งแต่เปิดประตู?”

     

    “เปล่า ก็แค่อยากรู้ว่าหมอนั่นทำหน้ายังไงตอนเดินเข้ามา นี่มันจะชั่วโมงหนึ่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ใจเด็ดเป็นบ้าเลยว่ะ”

     

    “นั่นสินะ”

     

    คำพูดที่ติดตลกของเซฮุนไม่ได้มีอะไรน่าติดใจ มันก็ดูสมควรสงสัยจริงๆว่าซูโฮไปเอาความกล้ามาจากไหน ขนาดร่างสูงยังไม่ติดใจจะสงสัยอะไรในตัวซูโฮสักนิด บางทีเขาอาจจะจ้องจับผิดคนๆนี้มากเกินไป

     

    “สงสัยจะต้องเก่งวิชานี้เอามากๆเลยนะ”

     

    “เอาอะไรมาวัด?”

     

    คำถามของร่างสูง เรียกความสนใจได้ทั้งจากอี้ชิงที่นั่งฟังบทสนทนามาตั้งแต่ต้น และ เพื่อนที่นั่งถัดไปอีกสองคนด้วย ใครๆก็สนใจความแปลกของซูโฮทั้งนั้น แต่ลู่ฮานก็จำต้องเงียบไว้เพราะซูโฮกำลังเดินมาใกล้พวกเขา แล้วเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะนินทา เลยเลือกนั่งถัดไปเพียงแค่หนึ่งแถว ตรงที่ว่างด้านหลังของร่างบางพอดี

     

    “มองฉันทำไมเหรอ?”

     

    ซูโฮตีหน้าตายถามกลับมาแบบพาซื่อ จนเพื่อนทั้งห้าได้แต่ยิ้มแหยส่งไปให้อย่างไร้ข้อสงสัย แล้วเปลี่ยนมาเป็นมองกลับไปที่กระดานเงียบๆเท่านั้น

     

    “มีไรอยากรู้เกี่ยวกับฉันก็ถามได้นะ”

     

    “เอ่อ?”

     

    “เวลาเห็นคนไม่รู้ทำหน้าอยากรู้ แล้วมันน่ารำคาญน่ะ”

     

    “อูย...ย...ย~”

     

    ...โดนกันถ้วนหน้าภายในคำพูดเดียว...

     

    เพื่อนทั้งห้าสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน แต่ก็ไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าของซูโฮ ที่กำลังหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของเพื่อนร่วมรุ่น ไม่มีใครสนใจน้ำเสียงติดตลกนั้นเพราะประโยคที่ดูแรง ยกเว้นเซฮุนที่พอตั้งหลักได้ก็หันไปเท้าแขนกับโต๊ะด้านหลัง ตั้งท่าถามซูโฮจริงๆอย่างที่เจ้าตัวพูด

     

    “ฉันไม่รู้ว่านายเอาความกล้ามาจากไหน ที่สายขนาดนี้แล้วยังจะมาเข้าชั้นเรียนอีก แล้วลู่ฮานก็แค่บอกว่าเพราะนายเก่ง พวกเราก็เลยกำลังรอคำตอบว่านายเก่งยังไงเท่านั้นน่ะ”

     

    “โอ เซฮุน!!!

     

    จากที่เพื่อนๆกำลังจะยกนิ้วมือให้ในความใจกล้าและบ้าบิ่น กลับต้องประสานเสียงเรียกชื่อร่างสูงด้วยความตกใจ อยู่ๆหวยก็มาออกที่ลู่ฮานที่พยายามก้มหน้าไม่ออกความเห็นที่สุดซะงั้น พอมองหน้าของเซฮุนก็ยังมีหน้าลอยหน้าลอยตาเหมือนเขาทำอะไรผิด ไม่ต้องบอกถึงสีหน้าของซูโฮที่มองลู่ฮานอย่างหาเรื่องสุดๆ ใบหน้าสวยหดเหลือหนึ่งมิลลิเมตรแล้วตอนนี้ ทำได้แค่ยิ้มแหยส่งไปให้เท่านั้น

     

    “แหะๆ เราชมนะไม่ได้ว่า ก็นายดูเก่งจริงๆนิ”

     

    “ยังไงล่ะ รู้จักฉันดีก็เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

     

    “เอ่อ...”

     

    ...ใครก็ได้เตรียมพาลู่ฮานไปลอยวิญญาณที่แม่น้ำแห่งชีวิตที...

     

                         <<< The Phonucorn…ตรวนกาฬวาต >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 2.9

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    มาช้าไปหนึ่งวันอีกตามเคย ไปคอนมาแล้ววุ่นๆกับการทำมาการองแจกค่ะ พอจะมาอัพวันต่อมาก็เตรียมทำของขวัญส่งให้วันครบรอบสามปีเลย์อีก ทีนี้เลยกลายเป็นว่าข้ามอาทิตย์เลยค่ะ จึงทำให้ต้องเปิดรอบสั่งซื้อหนังสือช้าไปเป็นสัปดาห์เลยค่ะ ตอนนี้เปิดจองรอง 1/2558 แล้วนะคะ และงานฟิคเดือนมีนาชนแอมสอบจึงไม่สามารถไปร่วมได้ค่ะ ดังนั้นถ้าไม่สั่งรอบนี้ต้องรบกวนเป็นรอบ 2/2558 ช่วงเดือนตุลาเลยนะคะ สามารถติดตามรายละเอียดการสั่งจองได้ที่ http://my.dek-d.com/aamnakorn/writer/view.php?id=1202714
     

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×