ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #16 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๔

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 878
      13
      28 ส.ค. 57

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๔

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๔
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

     

    “พี่คริส...?”

     

    เสียงหวานดังขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อเดินออกมาจากหอพัก แล้วพบกับร่างสง่าที่นั่งอยู่ที่ขอบน้ำพุระหว่างทางแยก ไม่รู้ร่างบางไปเอาความหลงตัวเองมาจากไหน แต่สายตาที่มองมา เหมือนบอกว่าช่วยเดินตามมาที

     

    “เซฮุน เราลืมของน่ะ เดี๋ยวเดินกันไปก่อนเลยนะ”

     

    “ลืมอะไรของนาย? รีบไปเอาไปเดี๋ยวรออยู่เนี่ยแหล่ะ”

     

    “ไม่เป็นไรจริงๆ ไปกันก่อนเลย”

     

    “อะไรของนะ...”

     

    “นายนั่นแหล่ะอะไร อี้ชิงเขาโตแล้วนะ จะไปเซ้าซี้เขาทำไมเนี่ย?!

     

    เป็นลู่ฮานที่พูดขึ้นขัดจังหวะ ทำให้เซฮุนหันความสนใจมาเถียงกับรูมเมทของเขาแทน เพื่อทั้งสี่เดินห่างออกไปจากหอพักได้พอสมควร ขาเล็กก็ก้าวกลับมาแล้วหยุดลงตรงหน้าร่างสง่านิ่ง คริสเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหวานนิ่ง ใบหน้าหล่อดูโทรมกว่าที่เคยเป็นมาก คงเป็นเพราะเมื่อคืนเขาแทบนอนไม่หลับ คิดแต่ว่าอยากจะให้เช้าไวๆ เขาอยากลองมาพูดเรื่องนี้กับอี้ชิง ไม่ใช่อยากเห็นท่าทีของร่างบาง แต่อยากรู้มากกว่าว่าตนเองจะใจแข็งพูดได้แค่ไหน

     

    “อะ...เอ่อ...มีเรียนเช้าใช่มั้ย”

     

    “ครับ”

     

    “ฉะ...ฉันเดินไปส่งได้มั้ย”

     

    อี้ชิงไม่ได้ตอบอะไร แค่พยักหน้ารับเบาๆแล้วออกเดินเคียงคู่กันไป ขาเล็กพยายามก้าวช้ากว่าทุกที รู้สึกได้ว่าคริสมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดกับเขา แล้วหากให้เดามันคงไม่พ้นเรื่องแร่นักรบบนข้อมือเขาแน่ ตาเรียวลอบมองใบหน้าหล่อจัดที่มองเหม่อไปข้างหน้าอยู่หลายครั้ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปก่อน

     

    “พี่มีอะไรอยากพูดกับผมรึเปล่าครับ?”

     

    “มะ...มีสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะมาหาทำไม”

     

    ไม่รู้ทำไมคำพูดนั้นและนำเสียงนิ่งเรียบถึงบาดใจอี้ชิงนัก ถ้าชายที่เดินเคียงข้างกันเป็นแฟนเขา อี้ชิงคงคิดว่าคริสกำลังหาทางบอกเลิกเขาอยู่แน่นอน แต่เพราะไม่ใช่เช่นนั้นจึงทำได้เพียงกุมมือทั้งสองข้างของตนเองแน่น

     

    “นาย...มีความสุขดีมั้ย”

     

    “ครับ?”

     

    “อยู่ที่ฟีนูคอน มีความสุขดีมั้ย”

     

    “ก็ดีครับ”

     

    “ดีกว่าตอนอยู่ที่โลกฟิสสิเพรสมั้ย”

     

    “มันไม่เหมือนกัน”

     

    “ทำไมล่ะ มันก็แค่การดำรงชีวิเหมือนกัน”

     

    “ทุกชีวิตมีการดำรงไปในทิศทางของมัน การเป็นฟิสสิเพรสและอิลคอลลี่สำหรับผมมันต่างกัน และผมยังเชื่อว่าอฟาไตรก็ต่างจากสิ่งที่ผมเป็นอยู่”

     

    ร่างบางหยุดเดิน และ หันไปมองคริสอย่างเต็มตา เขารู้ดีว่าสิ่งที่คริสถามนั้นมันเป็นแค่คำถามขั้นเวลา สิ่งที่ร่างสง่าจะพูดต่อไปนี้ต่างหากที่เป็นความจริง และ อาจเป็นความจริงที่ทำให้เขาสามารถล้มทั้งยืนได้เลยทีเดียว

     

    “ถ้ามีอย่างอื่นอยากจะพูด ก็พูดมาเถอะครับ”

     

    “ฉะ...ฉันมีคำถาม”

     

    ใบหน้าหวานพยักหน้ารับเบาๆเป็นเชิงอนุญาตอีกครั้ง ทั้งที่ในใจนั้นกลัวเหลือเกินกับสิ่งที่ชายตรงหน้าจะพูด เขายังคงจำน้ำเสียงและแววตาของคริสในวันนั้นได้ดี รู้ดีว่าเรื่องมนต์สาปนั้นนำความเจ็บปวดมากเพียงใดมาให้

     

    “นายคิดว่าการมีชีวิตคืออะไร”

     

    “หือ?...การมีชีวิตเหรอ ก็คงเหมือนของที่มีค่าของเราทุกคนมั้งครับ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นฟิสสิเพรสหรือผู้วิเศษ ทุกคนต่างรักชีวิตของตนเองกันทั้งนั้น ไม่ว่าพี่หรือผมเองก็ตาม”

     

    “แล้วถ้าฉันมีเรื่องให้นายช่วยล่ะ”

     

    “เรื่องอะไรเหรอครับ”

     

    “นายเคยสัญญาว่าจะช่วยฉัน”

     

    ยิ่งคริสพยายามทวงหาสัญญาที่ร่างบางเคยพูด มันเหมือนยิ่งบีบรัดความรู้สึกของอี้ชิงมากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกที่ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เป็นเรื่องที่คนอย่างเขาจะไม่มีวันทำ คิดว่าอีกคนก็คงรู้ดีและกลัวที่จะพูดไม่แพ้กัน แต่ร่างสง่าจะยังคงพูดออกมา

     

    ...กลัวจะต้องผิดหวังกับคริส...

     

    มันอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เหมือนพวกเขากำลังเข้ากันได้ดี จุดเริ่มต้นจากการสูญเสียในวันประเพณีคัดสรรค์ ทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากกว่าที่เคย เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อี้ชิงกลัวว่าจะมารู้ที่หลังว่าสุดท้ายก็แค่เขาที่มองคริสผิดไป กลัวร่างสง่าจะไม่เคยเป็นคนที่เขาคิดว่าเป็นเลย

     

    “ครับ”

     

    “มันอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนาย ฉันรู้”

     

    “ถ้าพี่รู้ทำไมยังขอ”

     

    ...ถ้ารู้จริงๆ...

     

    สายตาผิดหวังมองไปร่างสง่าอย่างไม่ผิดหวัง เพียงไม่กี่คำพูดอี้ชิงก็รู้แล้วว่าสิ่งที่กลัวกำลังจะเกิดขึ้น คริสที่เป็นเหมือนคุณพ่อแสนดีที่อฟาคอลเพรสไม่มีจริง ผู้ชายตรงหน้าเขาโหดร้ายเกินกว่าที่เขาจะรู้จัก

     

    ...ลืมได้อย่างไร เขาเคยคิดจะฆ่าเรามาก่อนนะ...

     

    “คะ...คือ...”

     

    “ถ้าพี่ก็ยังไม่พร้อมจะพูด ผมขอตัวนะครับ”

     

    สุดท้ายก็เป็นร่างบางเองที่เลือกจะหนีปัญหา กลัวเกินกว่าที่จะรับรู้ในสิ่งที่คริสทำ ขาเล็กก้าวห่างออกมาเรื่อยๆอย่างไร้เยื่อใยที่มีมาตลอดอาทิตย์กว่าที่เปิดเทอม หัวใจที่เคยเลือดเย็นกลับร้อนลุ่ม ตาคมวาดมองตามไปไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี ขนาดเขายังไม่ทันพูดอะไรออกไปมากเท่าไร ก็รู้สึกได้แล้วว่าเขาอาจจะเปลี่ยนไปในสายตาคู่นั้นทันทีที่พูด

     

    “นายต้องพูดกับเด็กนั่นให้รู้เรื่องนะคริส”

     

    ชานยอลที่เดินตามมาตั้งแต่ต้นเดินเข้ามาพูดกับร่างสง่า ไม่ได้อยากจะสั่งแต่เขาเห็นท่าทีของคริสแล้วไม่ไว้ใจจริงๆ ร่างสง่าชำเลืองมองเพื่อนที่เคยบอกว่ารักที่สุดแล้วได้แต่แค่นยิ้ม แม้แต่คนที่เคยเข้าใจเขาที่สุด ยังไม่สามารถเข้าใจเขาได้ในตอนนี้

     

    “อย่าให้ฉันต้องพูดเอง”

     

    “อย่ายุ่งกับเขา”

     

    “ถ้านายเลือกจะไม่ทำ ฉันก็คงต้องทำเอง”

     

    “อย่าล้ำเส้นฉันชานยอล!

     

    เปลวไฟแห่งโทสะลุกท่วมกายแกร่ง จนชานยอลต้องรีบปล่อยมือจากไหล่หนาด้วยความตกใจ คริสหายใจแรงราวกับมีพายุพวยพุ่งออกมาได้ แต่ร่างสูงกลับไม่คิดจะละสายตาจากเพื่อนรักเลยสักนิด ไม่ว่าคริสกำลังพยายามทำอะไรเขาก็ต้องอยู่เคียงข้างเพื่อนคนนี้ บางทีเขาอาจมีเวลาเหลือเป็นเพื่อนคริสอีกไม่นาน

     

    “นายโตมาพร้อมกับฉันคริส นายก็รู้ว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้นกับนาย”

     

    “หึ!

     

    “บางทีนายอาจต้องการเวลาทบทวน แต่ถ้ามันนานเกินไป นายคงรู้ว่าคนอย่างฉันไม่ทำแค่ขู่ จาง อี้ชิง จะต้องทำมันไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ ฉันเป็นนักศึกษาเวทร่ายดีเด่น นายก็รู้ว่ามันไม่ยาก”

     

    ร่างสง่าพยายามดับไฟที่ท่วมกายลง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคริสอีกแล้วสำหรับคำพูดของชานยอล มันไม่ยากเลยที่ร่างสูงจะร่ายเวทควบคุมให้อี้ชิงทำมัน แต่ที่คริสกังวลคือหลังจากทำลงไปแล้ว ความทรงจำทั้งหมดระหว่างทำจะยังคงอยู่ เขาไม่อยากมองอี้ชิงเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำลงไป ทั้งที่ใจไม่เคยคิดอยากจะทำ

     

    “ฉันรู้ว่าสำหรับนาย การเสียสละมันไม่ยากเลยคริส ก็แค่ปล่อยอี้ชิงให้เป็นแค่อิลคอลลี่โง่ๆที่นายเกลียดเหมือนเดิม นายจำคำที่นายบอกว่าอยากจะฆ่าเด็กนั่นได้มั้ย มันไม่ต่างกันนักหรอก ก็แค่เขาอาจจะตายทั้งเป็น”

     

    คำพูดรุนแรงนี้กำลังออกมาจากปากของชานยอล เพื่อนรักที่แม้แต่มดสักตัวก็ยังไม่เคยฆ่า ชานยอลไม่เคยฆ่าใครแม้แต่ในงานประเพณีคัดสรรค์ พวกเขาไม่เคยพูดว่าหลบซ้อนกันที่ไหน แต่คริสมักจะเห็นชานยอลอยู่ในตำแหน่งผู้พิชิตเหมือนกัน

     

    “เหอะ! นายเปลี่ยนไปว่ะชานยอล”

     

    “ฉันไม่เคยเปลี่ยนไปสำหรับนายหรอกเพื่อน แต่สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว...เขาก็แค่ไม่มีความสำคัญสำหรับฉันมากพอ”

     

    “แต่ฉันคิดว่าเขาสำคัญนะ ถ้าไม่มีอี้ชิงเราอาจไม่สามารถล้างมนต์สาปได้”

     

    เสียงทุ้มเค้นออกมาอย่างบอกให้ชานยอลรู้ว่าอี้ชิงไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิต ที่ร่างสูงจะสามารถควบคุมให้เป็นอย่างไรก็ได้ สำหรับคริสอี้ชิงเหมือนชีวิตชีวาทั้งหมดที่เขาเคยเห็น เหมือนแสงสว่างของคนตาบอดจริงๆ

     

    “อี้ชิงอาจสำคัญสำหรับนาย แต่ฉันจะขอบคุณถ้านายเสียสละมันได้ ฉันก็เจ็บปวดเหมือนกันว่ะคริส ที่เรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้น”

     

    “แล้วนายจะรู้ ว่านายไม่ได้สูญเสียมากไปกว่าฉันหรอก”

     

    ร่างสง่าเลือกสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุมของเพื่อน แล้วเดินออกไปสงบสติอารมณ์ของตนเองเงียบๆ ก่อนที่ไฟแห่งความสับสนจะลุกท่วมกายอีกครั้ง ชานยอลมองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆหายไปแล้วได้แต่ถอนใจ

     

    “นายคงไม่รู้ ฉันก็เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ว่ะคริส”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    “เป็นอะไรของนาย?”

     

    เซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆอดที่จะถามอี้ชิงออกไปไม่ได้ หลังจากที่อี้ชิงตามมาที่หลัง ก็เอาแต่นั่งเหม่อ จนแทบไม่ได้มองไปที่อาจารย์วิชาเรือนชะตาตรงหน้าเลย เซฮุนชอบวิชานี้นะแต่ก็จะยอมเบนความสนใจมาให้อี้ชิงสักนิดแล้วกัน

     

    “ถามฉันเหรอ?”

     

    “ฉันคงถามไอ้ลู่ฮานที่นั่งหน้าหงิกเป็นตูดอยู่นั่นมั้ง”

     

    ใบหน้าหวานส่ายอย่างไม่ชอบใจเลยที่เซฮุนชอบพาดพิงถึงลู่ฮาน ขนาดบุคคลที่สามนั่งถัดไปตั้งสามคนยังจะแขวะได้อีก

     

    “พูดจาไม่ดีกับเพื่อนอีกแล้ว”

     

    “ยังกับเจ้านั่นพูดดีกับฉันมาก”

     

    ร่างโปร่งว่าพร้อมอดหันไปทำปากขมุบขมิบด่าลู่ฮานไม่ได้ จนกระทั่งลู่ฮานรู้ตัวแล้วหันมามองด้วยความสงสัย เซฮุนถึงกับหันกลับมาหาอี้ชิงแทบไม่ทัน

     

    “เอาเรื่องที่ถามนายก่อน เป็นอะไรวะ?”

     

    “ก็เปล่า”

     

    “นายเหม่อขนาดนี้ยังจะมาบอกว่าเปล่า”

     

    “จริงๆก็ไม่เปล่าหรอก แต่ฉันไม่อยากเล่าน่ะ”

     

    “ฉันเป็นผู้มีพระคุณของนายนะ คิดดูว่านายจะลำบากแค่ไหนถ้าไม่เจอฉัน แล้วขนาดนี้ยังกล้ามีความลับมาปิดฉันอีกเหรอ”

     

    ร่างบางกลอกตาให้กับคำพูดประชดประชันของเพื่อน เซฮุนมักจะพูดแบบนี้บ่อยๆหลังจากที่พูดครั้งแรกแล้วได้ผล ที่ยิ่งกว่านั้นคือสายตาตัดพ้อที่ส่งมาให้จนเขาทนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องพูดออกไปจริงๆ

     

    “เรื่องนี้เอาไว้อยู่กันสองคนนะเซฮุน”

     

    “แล้วฉันไม่ใช่เพื่อนนายเหรอ ทำไมถึงพูดให้ฟังไม่ได้ล่ะ”

     

    เป็นซิ่วหมินที่นั่งถัดจากเซฮุน ชะโงกหน้าออกมาถามร่างบางบ้าง เล่นเอาอี้ชิงถึงกับชะงักเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เรื่องที่เขากับคริสแอบพบกันนอกมหาวิทยาลัย จะถือว่าเป็นความลับที่ไม่ควรบอกเพื่อนมั้ย การที่เขตร้อนและเขตเย็นก่อมิตรภาพขึ้นมันดูโง่มั้ยสำหรับชาวฟีนูคอน

     

    “ว่าไงล่ะ?”

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่ะซิ่วหมิน ฉันแค่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง”

     

    “เริ่มต้นที่ความจริงไง”

     

    คำพูดของเซฮุนที่ดูจริงจังขึ้น เรียกสายตาของอี้ชิงให้หันไปมองได้ทันที บางทีความจริงอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทางออก แต่ความจริงสำหรับเขาจนถึงตอนนี้มันมีมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่การมีสองสายในตนเองจนกระทั่งวันนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ หรือแม้กระทั้งการที่เขามีแร่นักรบพิเศษเก็บไว้กับตัว ซึ่งมันกำลังจะนำพาสิ่งที่เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไรมาสู่ตัว ไม่รู้ว่าความจริงเรื่องไหนที่ควรพูดก่อนกัน

     

    “ความจริงที่ทำให้นายกลัวที่สุดก่อน พวกเราเป็นเพื่อนของนายนะ ถึงจะไร้ประโยชน์ที่จะพูด แต่นายไม่ควรเก็บมันไว้ สักวันนายอาจเสียใจที่ไม่ได้พูดออกมา”

     

    ...ใช่ เขาเสียใจที่ไม่พูดออกไปตั้งแต่แรก...

     

    “ถ้าอย่างนั้น...เที่ยงนี้ฉันมีเรื่องอยากพูดกับทุกคนนะ”

     

    เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น ก่อนจะหันไปตั้งใจเรียนอย่างมีสมาธิขึ้น อี้ชิงไม่รู้เลยว่าเพื่อนๆจะมองเขาด้วยสายตาเช่นไหนหลังจากนี้ แต่การพูดความจริงก็คือสิ่งที่ควรทำที่สุดจริงๆ

     

    หลังพักเที่ยงร่างบางจึงเดินนำเพื่อนไปในที่ๆซึ่งความลับจะคงอยู่ตลอดไป เขาเชื่อว่าเพื่อนของเขาจะไม่ทำร้ายเขา เพราะฉะนั้นที่น่าคงปลอดภัยที่สุดจากคนอื่น

     

    “มีอะไรรึเปล่าถึงเรียกเรามาที่นี่?”

     

    เป็นลู่ฮานที่พูดขึ้นมาก่อนด้วยสายตาที่หวาดระแวง ลู่ฮานคงไม่ชอบสถานที่พูดคุยของอี้ชิงสักเท่าไร เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นที่สุสาน ที่ซึ่งมีเพียงความเงียบของสายลม กับ เสียงหวีดร้องที่จะสามารถดำรงอยู่ได้

     

    “อย่ามาปอดแหกน่ะ ไหนใครว่าพวกเนโรเป็นผู้ชุบชีวิต อย่างนายเจอแค่วิญญาณหมาเน่าตาย คงช็อคตายก่อนจะได้ชุบชีวิตมันล่ะมั้ง”

     

    “เซฮุน!

     

    “พอก่อนๆนะลู่ฮาน เซฮุน ถือว่าครั้งนี้เราขอ”

     

    มือเรียวถูกยกขึ้นห้ามเพื่อนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อแบคฮยอนเข้ามาดึงลู่ฮาน และ ซิ่วหมินเข้ามาดึงเซฮุนแยกจากกัน อี้ชิงก็กำมือเข้าหากันอีกครั้งเตรียมใจที่จะพูดเรื่องของตนเองเสียที

     

    “พูดมาเถอะอี้ชิง”

     

    “คือ...ฉันมีความลับของฉันที่อยากจะบอกทุกคน”

     

    “ความลับ?”

     

    “คือฉัน...มีสองสายในตัวเอง และ ยังไม่มีข้อสรุปสำหรับสิ่งที่เป็นอยู่ มันเลยทำให้อาจารย์โซราคิดว่าฉันไม่ปลอดภัย เธอสั่งให้ฉันปิดเรื่องนี้ไว้ เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันประหลาด”

     

    “นี่มันเจ๋งออก นายทำให้เราดูได้มั้ย?”

     

    ดูเหมือนผลลัพธ์ในเรื่องแรกที่อี้ชิงเลือกบอกจะไม่เลวร้ายเท่าไร แถมลู่ฮานยังทำท่าทางตื่นเต้นอกมาเสียด้วย ร่างบางยิ้มให้บางๆอย่างโล่งอก ก่อนที่จะเลือกกำจี้แร่นักรบอันแรกของตนเองไว้ เตรียมแสดงให้เพื่อนๆได้เห็นในสิ่งที่เขาพูด

     

    “ข้าแต่เทพอเนโมสผู้ศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายนี้ข้าขอมอบเพื่อป้องปักษ์ ขอแร่นักรบจงโปรดคุ้มครองกายข้าราวกับเป็นดวงจิตของมัน ข้าขอสาบานจะผูกพันธะสัญญากับเจ้าชั่วนิรันดร์”

     

    สายลมพัดหวีดกว่าครั้งไหนที่อี้ชิงเคยเรียกแร่นักรบ แม้แต่สายลมที่ตอบรับก็ดูรุนแรงและหวาดกลัวราวกับวันประเพณีคัดสรรค์ ตาเรียวกวาดมองไปโดยรอบเหมือนรู้ว่ามันไม่ปกติ ในขณะที่เพื่อนๆต่างตั้งใจดูด้วยคิดว่ามันเป็นเพียงอำนาจของแร่นักรบ จะมีก็แค่เซฮุนที่เห็นความผิดปกตินั้น

     

    “เกิดอะไรขึ้นกับนายน่ะ อี้ชิง!

     

    “ฉันไม่รู้!

     

    บทสนทนาสั้นๆเริ่มทำให้เพื่อนทั้งสามที่เหลือหน้าเสีย ร่างบางเริ่มลอยไม่ติดพื้นตามกระแสลม พัดเอนซ้ายทีขวาที่จนอี้ชิงร้าวไปทั้งสีข้าง ก่อนที่แร่นักรบจะก่อนร่างอย่างสมบรูณ์ ปลายแซ่ตวัดไม่หยุดทั้งที่อี้ชิงไม่ได้ตั้งใจขยับ เหมือนทุกอย่างก็แค่ตอบรับเพื่อปกป้องร่างกายของผู้ผูกพันธะไว้เท่านั้น

     

    “นี่ไม่ดีแน่ ทุกคนหลบเร็ว!!!

     

    เป็นซิ่วหมินที่ตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ทำให้เกิดแรงสั่นไปทั้งพื้น มีบางอย่างกำลังวิ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างเร็ว ร่างกายของมันใหญ่โตกว่าพวกเขาน่าจะเจ็ดถึงสิบเท่าตัวได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะสูมันได้แน่

     

    ปึก!!!

     

    “โอ้ย!!!

     

    มีเพียงอี้ชิงที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ที่ถูกกระแทกเข้าไปจนติดกับต้นไม้ใหญ่ไร้ใบ ร่างบางร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้นั้นหมดแรง แต่ก็ยังฝืนความเจ็บมองไปที่ผู้ปองร้าย เห็นเพียงช่วงขาใหญ่ของมันในระดับสายตา พอไล่สายตาสูงขึ้นก็เห็นใบหน้ายับยู่ยี่น่าเกลียดของมัน แล้วพบว่าตรงกลางใบหน้านั้นมีเพียงดวงตาใหญ่สีเขียวดวงเดียว

     

    “โทร์ล!!!

     

    เสียงคำรามลั่นของเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ตรงหน้า สร้างความสั่นไหวให้กับพื้นดินและต้นไม้ในสุสานได้อย่างชัดเจน มันกระทืบท้าวราวกับโกรธเคืองบางอย่าง อี้ชิงอยากลุกหนีแต่ก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว เซฮุนรีบปล่อยลู่ฮานที่เขาคว้าหลบมาด้วย พุ่งเข้าไปช่วยเพื่อนร่างบางโดยไม่ลืมที่จะเรียกแร่นักรบของตนเองออกมาด้วย ขวานด้ามยาวก่อร่างขึ้นบนมือหยาบ ก่อนที่เซฮุนจะฟันมันลงไปกับท่อนขาของโทร์ลยักษ์นั้น แต่มันเป็นความคิดที่โง่มาก ผิวหนังของโทร์ลนั้นหนาและเหนียวมากจนหัวขวานติดกับขามันแน่น ร่างโปร่งโดนเหวี่ยงออกมาจนไปกระแทกที่ต้นไม้อีกต้นไม่ไกล

     

    ปึก!!!

     

    “เซฮุน!!!

     

    เสียงของลู่ฮานดังขึ้น เรียกตาคู่สวยให้หันไปมองได้ไม่ยาก จนร่างบางลืมว่าเขาเองก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน โทร์ลยักษ์คว้าร่างบางขึ้นไปแล้วบีบไว้ในกำมือ ใช้ดวงตาสีเขียวดวงใหญ่มองด้วยท่าทางโง่เง่า อี้ชิงรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีตวัดข้อมือเบาๆ เอ่ยขอร้องแร่นักรบของตนเองในใจ ขอให้ช่วยเขาออกไปจากอุ้งมือนี้ที

     

    “ชะ...ช่วยด้วย”

     

    ฟึด!!!

     

    ตุ้ม!!!

     

    “โทร์ล!!!

     

    เสียงโหยหวนของเจ้าโทร์ลยักษ์ดังขึ้น หลังจากที่มันล้มลงด้วยปลายแซ่ตวัดเกี่ยวมันไว้กับต้นไม้ใหญ่ ร่างบางที่อยู่ในอุ้งมือก็พาลร่วงหล่นลงมา แล้วกลิ้งไปอีกหลายเมตรจนไปกระแทกเข้ากับต้นไม้อีกต้น สลบไปพร้อมความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาทั่วทุกอณูของร่างกายบางๆนี้

     

    “โทร์ล!!!

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    “โทร์ล!!!

     

    “เกิดอะไรขึ้น?!!!

     

    อาจารย์หนุ่มวิชาสัตว์วิเศษที่กำลังสอนอยู่ที่โรงเลี้ยงไม่ไกลพูดขึ้น สร้างความแตกตื่นให้กับนักศึกษาสายต่อสู้ได้เป็นอย่างดี เสียงโทร์ลยักษ์ที่ไม่ได้ยินบ่อยนักดังมาจากสุสาน เรียกให้ทุกคนต้องวิ่งไปดูด้วยสัญชาตญาณนักรบ แต่มีเหลือเพียงไม่กี่คนจริงๆที่จะกล้าก้าวเข้าสู่พื้นที่หลังเมฆหมอก หนึ่งในนั้นคือคริสที่วิ่งตามเข้าไปอย่างไม่มีความเกรงกลัว

     

    “นักศึกษา!!!

     

    เสียงอาจารย์หนุ่มที่เข้าไปเห็นเหตุการณ์ก่อนร้องขึ้นด้วยความตกใจ เซฮุนที่ยังมีสติถูกลู่ฮานพยุงขึ้นยืน แบคฮยอนกับซิ่วหมินก็กำลังพยุงตนเองที่บอบช้ำเล็กน้อยเดินเข้าไปใกล้เจ้าโทร์ลยักษ์ที่คำรามไม่หยุด ทุกคนต่างเรียกแร่นักรบออกมาครบมือ พร้อมที่จะสู้เพื่อการมีชีวิตอยู่แม้จะไม่ใช่สายต่อสู้ก็ตาม

     

    “จาง อี้ชิง”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อหันไปพบร่างบางนอนสลบอยู่ข้างๆต้นไม้ใหญ่ ขายาววิ่งเข้าไปอุ้มร่างนั้นขึ้นแนบอก เอ่ยเรียกชื่อของคนที่สลบไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากร่างที่อยู่ในอ้อมกอด จึงรีบอุ้มร่างนั้นวิ่งออกไปห้องพยาบาลทันที ระหว่างที่กำลังสวนกับเพื่อนรักตาคมก็อดวาดมองด้วยความโกรธเคืองไม่ได้

     

    “ฉันบอกนายแล้วว่าอย่าล้ำเส้นฉัน!

     

    “ฉันไม่ได้ทำนะเว่ย”

     

    “แน่ล่ะ ถ้าแกทำจริงๆ ก็โหดเหี้ยมเกินไปแล้วชานยอล”

     

    “โซม่า โมโนส ซายโนเดียร์ เมทาโฟร่า”

     

    คำร่ายของอาจารย์หนุ่มช่วยสงบโทร์ลยักษ์ให้หลับใหล ท่ามกลางความโล่งใจของนักศึกษาทุกคนในเหตุการณ์ ก่อนที่เขาจะประกาศก้องให้นักศึกษาทุกคนออกไปจากพื้นที่อันตราย โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้นักศึกษาชั้นปีที่สามคนหนึ่งไปตามเหล่าตัวการมา

     

    “นักศึกษาทุกคนออกไปก่อน คุณชานยอลเดี๋ยวช่วยไปประกาศตามนักศึกษาเผ่าโซม่าทุกคนไปพบผมที่โรงเลี้ยงด้วย!

     

    “ครับ”

     

    ร่างสูงเอ่ยรับตามมารยาท ก่อนจะเดินตามร่างสง่าออกมาจากสุสาน ด้วยความหวั่นวิตก แน่นอนว่าชานยอลมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำแน่ เขาอาจะเก่งเรื่องเวทร่ายที่สุดในรดับชึ้น แต่ก็ไม่อาจหาญขนาดใช้เวทย์ร่ายของเผ่าอื่นอย่างแน่นอน

     

    เขาพอรู้ว่ามีเพียงพวกโซม่าเท่านั้นที่มักคลุกคลีกับพวกโทร์ล จนสามารถสั่งให้พวกมันทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เช่นการทำร้ายคนอื่นอย่างที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่าโทร์ลตัวนั้นเป็นของใคร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคืออีกคนที่คิดร้ายกับอี้ชิงหรือเปล่า หรือจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นเท่านั้น

     

    ...มันเป็นแค่โชคร้ายได้เหรอ?...

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 14

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    มาช้าแต่มาชัวร์ค่ะ แต่ต้องรีบไป ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ^^

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×