ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #15 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๓

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 866
      9
      20 ส.ค. 57

    ช่วยแอมหน่อยนะคะมิตรรักทั้งหลาย 
    กดไปตามลิ้งค์ โหวต ชื่อ โสมวรรณ วงษ์กวน นะคะ
    คนโหวตมีสิทธิ์ลุ้นบัตรงาน Tofu Music Festival 2014 2 ใบนะคะ^^

    http://tofupopradio.becteroradio.com/event/TofupopCoverDance/vote

     

     

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๓

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๓
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

     

    หลังช่วงวันหยุดยาวผ่านไป นักศึกษาต่างกลับมาที่มหาวิทยาลัยด้วยท่าทางอิดโรย หลายคนยังอารมณ์ค้างกับการพักผ่อน แต่ไม่ใช่กับคริสที่ดูจะกระตือรือร้นจนเพื่อนรักอดถามไม่ได้

     

    “อะไรทำให้นายลากฉันมาเรียนแต่เช้าวะ?”

     

    “ก็แค่...อยากเรียน”

     

    ตาคมหันไปยักคิ้วใส่ชานยอลอย่างกวนประสาท มันไม่บ่อยนักที่คริสจะดูอารมณ์ดีจนก่อเกินคนอื่น ปกติเขาจะแค่เดินมานิ่งๆแล้วเข้าไปเรียนด้วยใบหน้าที่เพื่อนไม่กล้าเข้าใกล้ คริสบอกว่านั่นคือสิ่งที่กันเขาออกจากสังคมจอมปลอม เพื่อนที่แท้จริงเท่านั้นจะมองผ่านเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก

     

    ...แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?...

     

    “แล้วที่หยุดไป นายได้ไปหาข้อมูลเรื่องคฑามาเพิ่มรึยัง”

     

    “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่รีบ”

     

    “ไม่รีบ?”

     

    ร่างสูงอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเพื่อนรักรึเปล่า นอกจากจะดูอารมณ์ดีจนน่าสงสัยแล้ว ยังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เฝ้าตามหามาทั้งชีวิตเสียอีก ไปโดนของมนต์ดำจากใครเข้ารึเปล่า

     

    “ถามจริงนะไอ้คริส ปิดไปนายไปทำอะไรมาวะ?”

     

    “ก็...พักผ่อน”

     

    “ที่ไหน? ฉันไปหานายที่บ้านก็ไม่เจอ คุณแม่นายบอกว่านายอยู่ไม่ติดบ้านเลย”

     

    “ก็แถวนี้แหล่ะ”

     

    “ทุกวันเนี่ยนะ?”

     

    “อือ ฉันมีของที่ตั้งใจว่าจะซื้อมานานแล้ว และ...เอ่อ...ของดีก็ต้องใช้เวลาในการเลือก”

     

    “มันคืออะไรวะ นายถึงต้องออกมาเลือกทั้งอาทิตย์ขนาดนี้”

     

    “ของ...ส่วนตัวน่ะ”

     

    ร่างสง่าอ้อมแอ้มออกไปไม่เป็นคำ เพราะถ้าบอกว่ามันคืออะไรสักอย่างที่เป็นชิ้นเป็นอัน ชานยอลคงขอเขาดูอย่างแน่นอน แล้วคราวนี้ความลับที่ว่าเขาเฝ้าไปดักตามกวนประสาทอี้ชิงก็จะแตก

     

    ...แค่เขาสับสนกับตัวเองว่าทำไมก็ปวดหัวจะตายแล้ว...

     

    ขืนปล่อยให้ร่างสูงนี้รู้ด้วยอีกคน เขาคงถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตแน่ๆ เขาทำเหมือนกำลังตกหลุมรักร่างบางนั้น ทั้งที่พร่ำบอกอยู่ตลอดว่าเกลียดพวกอเนโมสเข้าไส้ เขาจะไม่มีทางเกลียดตัวแต่กินไข่แน่นอน เขาแค่ให้ความสนใจอี้ชิงมากขึ้น เพราะคฑาที่อี้ชิงถือครองเท่านั้น

     

    ...หลอกตนเองแล้วสบายใจ?...

     

    “เดี๋ยวนี้นายมีของส่วนตัวด้วย?”

     

    “พูดอะไรของนาย...เห้ย!

     

    ร่างสง่าผงะถอยด้วยความตกใจ พอๆกับอี้ชิงที่หอบหนังสือกองโตกำลังเดินสวนออกมา ที่ก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงของคริส คงมีแค่ชานยอลที่ยืนมองเฉยๆอย่างไม่เข้าใจ ว่าการเจอร่างบางนั้นมันน่าตกใจขนาดนี้เลยเหรอ ก็แค่รุ่นน้องธรรมดาที่ร่ายเวทแทบไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ

     

    ...น่ากลัวตรงไหน?...

     

    “สะ...สวัสดีครับ รุ่นพี่”

     

    “มะ...มาทำอะไรที่นี่”

     

    “หือ?”

     

    ตามเฉียบหันไปมองเพื่อนที่ถามคำถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก ทั้งที่ถ้าเป็น คริสก็ไม่น่าจะต้องสนโลกอะไร ก็แค่เด็กคนหนึ่งที่เดินมาเอาหนังสือเรียนไม่ใช่เหรอ

     

    “มะ...มาเอาหนังสือเรียนครับ”

     

    “อะ...เอาไปไหนล่ะ เดี๋ยวช่วย”

     

    “ช่วย?”

     

    คราวนี้ยิ่งกว่าความสงสัย แต่ชานยอลอ้าปากค้างไปแล้วกับข้อเสนอที่คริสหยิบยื่นให้ร่างบาง นี่มันใช่คริสคนเดียวกับที่ประกาศตัวว่าจะฆ่าเด็กนี่ภายในสิบนาทีจริงๆหรือเปล่า ทำไมวันนี้ถึงใจดีราวกับคนละคนได้ขนาดนี้

     

    “ฝากของด้วยนะชานยอล เดี๋ยวฉันพาเด็กนี่ถือหนังสือไปส่งก่อน”

     

    “เอ่อ?”

     

    ชานยอลรับหนังสือของคริสมาถือไว้อย่างไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คริสแบ่งหนังสือกองโตมาถือเองไว้กว่าครึ่ง แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปกับอี้ชิงเสียแล้ว สุดท้ายคำได้เพียงมองตามอย่างไม่เข้าใจเท่านั้น

     

    ส่วนขายาวที่ก้าวออกมาข้างกับร่างบาง ก็เหมือนจะหนักกว่าทุกครั้งที่เคยเดินมา คริสก้าวช้าจนอี้ชิงต้องหันไปมองเร่งหลายครั้ง หนังสือนี้ต้องใช้ในอีกสิบสองนาทีข้างหน้า แล้วถ้าอี้ชิงเอาไปไม่ทันเพื่อนเข้าเรียนขึ้นมา คงไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนจะยินดีกับเขาแน่นอน

     

    “เอ่อ...พี่คริสครับ ถ้าหนักผมถือไปเองก็ได้”

     

    “ฉันดูเหมือนคนอ่อนแอรึไง!

     

    “จะเสียงดังทำไมล่ะ ก็พี่เดินช้าทำไมล่ะ ผมก็เลยคิดว่าพี่แก่เกินไปแล้วน่ะสิ!

     

    “ว่ายังไงนะ จาง อี้ชิง!!!

     

    “ก็ว่าอย่างที่ว่าไปแล้วนั่นแหล่ะ เอามานี่เลยนะ จะเอาไปให้เพื่อนเอง ส่วนพี่ก็คลานกลับห้องไปเลย คุณปู่ทวดเต่าแมมมอส!

     

    “ห๊ะ?!

     

    ...อะไรคือเต่าแมมมอสวะ?!...

     

    แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ร่างบางก็วิ่งฉิวหายไปกับมุมตึก ปลอยให้คริสได้แต่ยืนเกาศีรษะไม่เข้าใจอยู่ที่เดิม ขายาวจำใจก้าวกลับมาทางห้องเรียนของตนเอง ระหว่างทางก็เผลอยิ้มอย่างเสียไม่ได้ไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ความซุกซนของอี้ชิง สามารถสร้างรอยยิ้มบางๆได้เสมอ

     

    “หึหึ”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

     

    “จาง อี้ชิงได้ท็อประดับชั้น เป็นไปได้ยังไงวะ?”

     

    “นั่นสิ คนที่ขนาดแร่นักรบยังใช้ไม่เป็น จะสอบได้คะแนนดีที่สุดได้ยังไง”

     

    เสียงพูดคุยของนักศึกษาปีหนึ่งสองคนพูดขึ้น ขณะกำลังเดินผ่านห้องต่างๆในหอพักสำหรับนักศึกษาเขตร้อน มันคงเป็นแค่บทสนทนาทั่วไปที่คริสและชานยอลไม่สนใจ หากชื่อนั้นไม่ใช่อี้ชิง ร่างสง่าอมยิ้มหลังจากได้ยินประโยคนั้น ต่างจากชานยอลที่ย่นคิ้วลงด้วยความแปลกใจ พร้อมเงยหน้าไปมองคริสด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน

     

    “นายยิ้มอะไรของนายวะ?”

     

    “ปะ...เปล่านิ”

     

    หลักหนายักขึ้นอย่างได้สติ แล้วทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรร่างสูงก็ได้สงสัยไปแล้ว ชานยอลจึงเลือกที่จะเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน

     

    “นายว่าแปลกมั้ย ที่เด็กนั่นสอบได้ที่หนึ่งของระดับ”

     

    “ก็แค่สอบไล่มิดเทอม ไม่เห็นมีอะไรยากนิ”

     

    “แต่อี้ชิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกของเราสักอย่าง ไม่มีทางที่จะได้คะแนนนำคนอื่นง่ายๆหรอก”

     

    “ก็อาจจะเป็นเด็กขยัน”

     

    “นายคิดว่างั้นเหรอวะ?”

     

    น้ำเสียงของชานยอลเรียกให้คริสต้องเงยหน้าขึ้นมา มองเหมือนถามว่าแล้วจะเอาอย่างไร เพราะน้ำเสียงของเพื่อนรักมันไม่ได้แสดงออกถึงความสงสัยในตัวร่างบางแม้แต่น้อย ที่สงสัยอยู่คงเป็นตัวเขาที่พูดออกไปโดยไม่มีมวลอารมณ์แห่งความโกรธมากกว่า ชานยอลรู้สึกว่ามันไม่ปกติสักนิด

     

    “มีอะไรจะพูดกับฉันรึไงชานยอล”

     

    “ก็แค่สงสัย ระหว่างที่หยุดไปนายไปทำอะไรมาบ้าง ดูนายเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่จะปิดมากเลยนะ ดูไม่สนใจเรื่องมนต์สาปไม่สนใจสิ่งที่นายก็รู้ว่าสำคัญมาก”

     

    “นายคิดว่างั้นเหรอ?”

     

    เสียงทุ้มถามกลับอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างที่เพื่อนพูดจริง แต่สำหรับเขาอย่างไรเรื่องมนต์สาปก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เขาก็แค่กำลังพิสูจน์บางอย่างที่สงสัยมาตลอดเท่านั้น

     

    ปัง!

     

    ระหว่างที่สองเพื่อนรักกำลังใช้สายตาฟาดฟันกันจนเกือบตายไปข้าง เสียงตบโต๊ะอย่างแรงของรุ่นน้องตัวดีก็ดังขึ้น เรียกให้พี่ทั้งสองหันไปมองอย่างไม่พอใจ

     

    “ไร้มารยาทคือวัฒนธรรมของพวกโซม่ารึไง?”

     

    น้ำเสียงนิ่งเรียบถามออกไปอย่างไม่พอใจ ก้มลงมองหนังสือในมือพยายามสงบสติอารมณ์ให้ไม่เผลอพาลออกไป จงอินที่ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทแต่เรื่องที่เขาไปรู้มานั้นสำคัญจนอดเผลอเลอไม่ได้ ชานยอลส่ายหน้าเอือมระอากับเพื่อนรัก ก่อนจะหันมารอคำพูดจากจงอิน

     

    “ขอโทษนะพี่ แต่เรื่องที่ผมจะพูดมันสำคัญมาก”

     

    “เรื่องอะไร”

     

    “ผมคิดว่ารู้วิธีล้างมนต์สาปแล้ว...”

     

    “ตามฉันมา!

     

    คริสลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก เก็บหนังสือไปด้วยแล้วรีบเดินนำไป ไม่ต่างกับร่างสูงที่ตั้งใจฟังมาตั้งแต่ต้น ที่ก็ถึงกับหน้าเสียแล้วรีบเดินตามคริสกลับห้องไป หลังจากจงอินเดินตามเข้ามา บานประตูก็ถูกร่ายมนต์สาปใส่อีกชั้นเพื่อความปลอดภัย มนต์สาปเป็นเรื่องต้องห้ามของฟีนูคอน หากมีใครมารู้ว่าพวกเขากำลังคิดจะทำอะไร อาจไม่ใช่เรื่องดี

     

    “ไปรู้อะไรมา”

     

    “เรื่องมนต์สาปกับคฑา”

     

    “ทำไม มันต้องทำยังไง”

     

    “ผมแอบได้ยินเสียงของใครบางคนคุยกัน มันแว่วมาจากทางสุสาน แต่ผมเข้าไปไม่ทันว่าคนที่พูดคือใคร แต่นี่มันเป็นความลับสุดยอดเลยนะ”

     

    ปึก!

     

    “อย่าลีลา มีอะไรจะพูดก็รีบพูด!

     

    กลายเป็นชานยอลที่ยืนสงบนิ่งที่เดือดพล่านกว่าใคร มือหนากำแน่นที่คอเสื้อของจงอิน แถมยังออกแรงดันไปจนติดกับผนังของห้องเสียด้วย คริสเห็นออร่าแห่งความร้อนรอบแขนของร่างสูง จึงต้องรีบเข้าไปจับชานยอลโยนออกห่างจากจงอินเสียก่อน

     

    “อยู่เฉยๆไปเลยชานยอล!...ส่วนแก พูดมา!

     

    เสียงทุ้มเอ่ยสั่งเพื่อนรักที่ดูเหมือนกำลังร้อนลุ่ม ก่อนจะตวัดตาคมใส่จงอินอย่างน่ากลัวไม่แพ้กัน สายเลือดโฟเธียของทั้งคู่กำลังร้อนรนที่ได้รู้ หวาดกลัวจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แต่คริสก็พยายามจะฝืนไว้ให้มากที่สุด

     

    “มีคนพูดถึงการล้างมนต์สาปด้วยสายเลือดโฟเธีย เราต้องออกตามหาคนที่ส่งผ่านมนต์สาปจากเทพีโฟเธีย คนที่ทุกข์ทรมานด้วยไฟนรก และ เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเขาจะอยู่ในหอของเรา กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยฟีนูคอน”

     

    “แล้วไงอีก!

     

    คริสตวาดถามเพราะไม่คิดว่าแค่เพียงการตามหาคนๆเดียวจะช่วยอะไรได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นมนต์สาปนี้คงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่คุ้มค่าเสมอ...ในเมื่อเสียชีวิตก็คงต้องแลกด้วยชีวิต

     

    “หนึ่งหยดน้ำตาจากสายเลือดโฟเธียหลั่งรินบนหลุดศพของพระมารดา พร้อมปลายคฑาแสนโศกปักลงกลางใจด้วยน้ำมือของผู้ถือครอง หยาดเลือดหลังรินเทียมทดหยาดน้ำตาที่หลังไหล ลูกชั่วจะได้รับการล้างมนต์สาป”

     

    ...ความตายที่ถูกกำหนดไว้แล้ว...

     

    ขายาวแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินเช่นนั้น มันเหมือนมีเสียงก้องหัวเราะเยาะอยู่ในหัว ว่าไม่มีทางที่ชาวโฟเธียจะไม่สูญเสีย สายเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่ต่างอะไรจากการดำรงอยู่อย่างองอาจ และการสูญเสียมากขนาดนั้นคงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ไหนจะที่ว่าผู้ถือครองต้องเป็นคนลงมือฝังคฑาที่กลางหัวใจนั่นอีก อี้ชิงจะเข้มแข็งพอที่จะทำเช่นนั้นเหรอ

     

    “ผมว่ามันเป็นวิธีที่เป็นไปได้ แต่ก่อนอื่นเราต้องตามหาเขาก่อน”

     

    “แกจะให้พวกเราทำได้ยังไง นั่นคือการหมิ่นเกียรติอย่างโหดร้าย สายเลือดโฟเธียคือผู้พิทักษ์ จะไม่มีวันล้างเผ่าพันธุ์ตนเองแน่!

     

    ชานยอลกล่าวออกไปอย่างหยิ่งทระนงในสายเลือด ถึงเขาจะเติบโตมาในชนชั้นอฟาไตร แต่ไม่เคยมีวันไหนที่ลืมเลือนธาตุกำเนิดที่ก่อร่างขึ้นมา เขายังเป็นชาวโฟเธียทั้งกาย ไม่ต่างจากคริสที่ตอนนี้ก็นิ่งไปเช่นกัน

     

    “นี่คือการเสียสละ เผ่าโฟเธียไม่มีทางเลือกมากนักหรอกนะพี่ มันก็เหมือนกับที่พระมารดาก็ไม่ได้ทรงเลือกที่จะสิ้นชีพในวันนั้น วันที่เทพีโฟเธียทรงฆ่าพระมารดาของตนเอง”

     

    ...ทุกอย่างคือการชดใช้...

     

    มือหนากำแน่นพยายามระงับอารมณ์โกรธที่มีต่อคำพูดของจงอิน เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่านั่นคือความจริงที่ชาวโฟเธียต้องยอมรับ คนทรยศไม่มีสิทธิเลือกว่าจะตายเช่นไร ทุกอย่างเป็นไปตามผู้คุมกฎเท่านั้น และ นี่เป็นทางที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

     

    “แกมั่นใจแค่ไหนว่าสิ่งที่ได้ยินมาคือความจริง”

     

    “ที่สุด”

     

    “ทำไม?”

     

    “เพราะไม่มีคนใดเก็บความลับได้ดีเท่าผู้ล่า ผมอาจไม่เห็นผู้เล่าความลับนี้ แต่ผมเห็นผู้ล่าที่ยังคงนั่งฝั่งเขาอยู่”

     

    “แต่จะมีใครรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

     

    ชานยอลที่พอได้ฟังคำถามของคริสก็เริ่มเอะใจ เรื่องนี้ไม่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิด ไม่มีในหนังสือของชาวอเนโมสด้วยซ้ำ มันถูกปิดกลั้นเพื่อให้มนต์สาปคงอยู่ตลอดไป แล้วต้องเป็นใครถึงจะรู้เรื่องนี้ดีพอ

     

    “สายเลือดโฟเธีย...อาจจะเป็นคนที่เราต้องตามหา เขาอาจจะรู้ดีอยู่แก่ใจและพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นก็ได้”

     

    จงอินเสนอความคิดที่เขาคิดอยู่ให้พี่ทั้งสองฟัง เพราะ เรื่องนี้คงถูกส่งผ่านมาแบบรุ่นต่อรุ่นอยู่แล้ว คงไม่มีบรรพบุรุษชนใดจะยอมให้คนอื่นรู้วิธีทำลายลูกหลานของตนเอง ในทางกลับกันการบอกต่อซึ่งกันและกันก็จะช่วยให้เผ่าพันธุ์โฟเธียยังคงอยู่

     

    “พวกเราไม่มีนิสัยเห็นแก่ตัว”

     

    “พี่ก็รู้ว่านิสัยในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดมันเชื่อไม่ได้ พี่มองมาที่ผมสิ!

     

    ...จงอินคือคำตอบที่ดีที่สุด...

     

    “เราก็แค่เป็นในแบบที่เราเป็น คัมภีร์ก็ไม่ต่างอะไรจากหนังสือประวัติศาสตร์หรอกครับ มันอยู่ที่เราจะเชื่อมันแค่ไหน”

     

    จงอินยักไหล่ให้อย่างคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่าคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดคือเรื่องจริง เขายังคงเชื่อในโชคชะตาของคืนจันทร์จรัส ยังเชื่อในพรแห่งการถือกำเนิดทั้งหก แต่เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครควบคุมเราได้นอกจากตนเองที่กระทำ

     

    “ถ้าแกพูดแบบนั้น แสดงว่าแกยังไม่เคยเห็นพรถือกำเนิดอย่างแท้จริง บางทีคนที่ต้องทนทรมานกับมันมาทั้งชีวิต อาจจะไม่มีทางเลือกแบบแกเลยก็ได้จงอิน”

     

    “ทำไมผมจะไม่เคยเห็น”

     

    ชานยอลและจงอินมองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนพยายามจะอ่านความคิดของกันและกัน จนลืมไปว่าในห้องนี้ยังมีอีกคนที่กังวลไม่แพ้กัน คริสไม่ได้สนใจว่าพรแห่งการถือกำเนิดนั้นสำคัญอย่างไร เขาแค่กำลังคิดถึงร่างบางที่อยู่หอพักตรงข้ามกันมากกว่า ถึงพวกเขามีสายเลือดแห่งโฟเธียแล้วอย่างไร การสั่งให้อี้ชิงฆ่าใครสักคนต่อหน้านั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้น หรือ ท่าเกิดขึ้นได้มันคงกลายเป็นแผลใหญ่กลางใจดวงน้อยไปตลอดชีวิต

     

    ...เขาจะทำแบบนั้นกับคนๆนี้ได้อย่างไร...

     

    “ผมเสนอได้เท่านี้ ผมจะยังอ่านไดอารี่ให้พวกพี่ต่อ ถ้าพี่คิดว่ามันจะมีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ แต่วันนี้ผมขอตัวนะครับ”

     

    “เชิญ”

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ อาร์นิโต”

     

    ร่างสูงผายมือคลายเวทร่ายของตนเอง ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้ออกไปจากห้องของพวกเขา เดินกลับมานั่งลงข้างเพื่อนรักบนเตียงอย่างหมดแรงไม่แพ้กัน เห็นสายตาคมที่ยังมองไปที่หอพักฝั่งตรงข้าม พอจะเดาออกว่ามีเรื่องอะไรที่อยู่ในหัวของคริสบ้าง ยิ่งเขาคิดว่าเพื่อนกำลังตกหลุมรักศัตรูตัวน้อย ยิ่งสงสารที่ร่างสง่าต้องมารับรู้เรื่องราวนี้

     

    “เทพอเนโมสคงไม่อยากทำร้ายน้องจนเกินไป ทุกอย่างควรเท่าเทียม”

     

    “แต่เด็กนั่นไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

     

    “เขาเกี่ยวเพราะเขามีสิ่งที่เราต้องการ และ ในฐานะชาวเผ่าโฟเธีย ฉันคิดว่านายรู้ดีว่าต้องไปพูดยังไงกับอี้ชิง”

     

    “นายคิดว่าการที่เดินไปบอกให้เขาฆ่าใครสักคนมันง่ายเหรอวะ เด็กคนนั้นบริสุทธิ์กว่าที่แกคิดเยอะ เขายังยิ้มและดีใจที่เห็นทุ่งดอกไม้กับสายรุ้งอยู่เลย”

     

    เพราะคำพูดที่ราวกับหลุดลอยของคริส ทำให้ชานยอลเริ่มเดาได้ว่าเพื่อนหายไปทำอะไรมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และ ดูเหมือนความทรงจำนั้นคงสวยงามมากเหลือเกิน สำหรับคนที่จดจำแต่เพียงภาพร้ายๆมาทั้งชีวิตเช่นคริส มันก็เหมือนคนตาบอดที่มองเห็นแสงสว่างครั้งแรก จะว่าชานยอลใจร้ายก็ได้แต่คนตาบอดก็ควรจะรู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์นั้นตั้งแต่ต้น

     

    “นายไม่มีทางเลือก ไปคุยกับอี้ชิงซะ ถ้าเขาเข้าใจอะไรนัก เราก็ต้องเปลี่ยนผู้ถือครองให้คฑานั้นใหม่ เราต้องทำให้มันจบก่อนที่สายเลือดบริสุทธิ์ของอเนโมสจะอายุครบยี่สิบพรรษา ซึ่งเราไม่รู้ว่าเรามีเวลานั้นเหลืออีกนานแค่ไหน เข้าใจที่ฉันพูดมั้ยคริส”

     

    ชานยอลเอ่ยออกไปอย่างเด็ดขาด เขาคงไม่สามารถปล่อยให้ร่างสง่านั้นสับสนกับเรื่องนี้ได้ นี่คือเรื่องที่คนทั้งโฟเธียเฝ้ารอ วันที่จะไม่มีใครเรียกพวกเขาว่าเป็นสายเลือดของเทพีอกตัญญู มันไม่ใช่เรื่องระหว่างครอบครัวเท่านั้น หรือนี่อาจเป็นเพียงความเห็นแก่ตัวที่ชานยอล ที่ไม่สามารถทนคำกล่าวนั้นได้อีกแล้ว

     

    “ฉันจะเป็นคนพาสายเลือดโฟเธียมาหานายเองเมื่อนายพูดกับเด็กนั่นจบ พวกเราจะไปที่สุสานของพระมารดาด้วยกัน ไปจบเรื่องพวกนี้ล้างมนต์สาปแห่งโฟเธียให้จบสิ้น”

     

    “ชานยอล ฉัน...”

     

    “นายต้องทำได้”

     

    ไม่ว่าจะทำให้อี้ชิงกลายเป็นผู้ปลิดชีวิตสายเลือดโฟเธีย หรือ การเปลี่ยนผู้ถือครองคฑา ชานยอลก็ขอเชื่อว่าคริสจะสามารถทำมันได้

     

    “กลับมาเป็นคริสคนเดิมเถอะเพื่อน นายพูดเองจะต้องทำทุกอย่างเพื่อล้างมัน”

     

    คำพูดที่เคยกล่าวไว้ตั้งแต่เด็กดังวนเวียนอยู่ในหัว คริสเติบโตมาพร้อมความเชื่อว่าเขาจะสามารถล้างมนต์สาปนี้ได้มาตลอด และ ตอนนี้มันก็เหลือเพียงเส้นทางสั้นๆที่เรื่องนี้จะจบลงเสียที เพียงแค่เขาไม่สนใจว่าร่างบางนั้นจะรู้สึกอย่างไร ใช้เวทร่ายบังคับให้ทำตามใจต้องการ หรือ ฆ่าอี้ชิงเพื่อเปลี่ยนมือผู้ถือครองแร่นักรบนั้น

     

    ...ไม่ว่าทางไหนมันก็เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก...

     

    “ฉันขอเวลาคุยกับเด็กนั่นก่อน”

     

    “อย่านานนักล่ะ”

     

    “อือ”

     

    “นายรู้ว่านายต้องทำอะไร นายไม่มีทางเป็นนายได้หากไม่มีเปลวไฟแห่งการถือกำเนิด อย่าทรยศพวกเราคริส”

     

    “เชื่อเถอะว่านายจะไม่มีวันได้พูดคำว่าทรยศกับฉันอีก”

     

    ตาคมเสมองใบหน้าของเพื่อนรักอย่างไม่ชอบใจนัก ชานยอลจะรู้บ้างไหมว่าได้บังคับให้คริสทำเรื่องที่เสียสละมากแค่ไหนลงไป แล้วคริสล่ะเห็นความเสียสละในดวงตาของชานยอลบ้างมั้ย

     

    “นายก็จะไม่มีทางเห็นฉันทรยศเหมือนกันเพื่อนรัก”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

     

    แอ๊ด~

     

    “หือ?”

     

    เสียงหวานร้องขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องร่างเล็กเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องพัก ทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะเข้าสู่ตีสองอยู่แล้ว แบคฮยอนชะงักท้าวด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วของอี้ชิงเช่นกัน

     

    “ไปไหนมาน่ะแบคฮยอน นี่มันดึกแล้วนะ”

     

    “ขอโทษนะอี้ชิง เราทำนายตื่นเหรอ?”

     

    “เปล่าหรอก ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

     

    “ยังไงก็ต้องขอโทษ”

     

    “ว่าแต่นายไปไหนมาเนี่ย เนื้อตัวมีแต่ฝุ่น”

     

    ตาเรียวช่างสังเกตถามขึ้น ขณะที่ยันกายขึ้นมานั่งเช่นกัน เขาเห็นว่าเนื้อตัวของแบคฮยอนมอมแมมตั้งแต่ที่ร่างเล็กเปิดประตูเข้ามาแล้ว กลิ่นดินยังชื้นติดจมูกอย่างไม่คุ้นชินอยู่เลย เหมือนว่าแบคฮยอนจะเพิ่งกลับมาจากข้างนอก

     

    “ฉะ...ฉันไปอ่านหนังสือมาน่ะ”

     

    “ที่ข้างนอกหอเหรอ?”

     

    “อะ...อืม ที่สวนด้านหน้าน่ะ”

     

    “วันหลังชวนฉันไปด้วยก็ได้นะ ยังไงฉันก็นอนดึกอยู่แล้ว”

     

    “ดะ...ได้สิ เดี๋ยวฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะอี้ชิง”

     

    ร่างเล็กเดินออกไปแล้ว แต่อี้ชิงยังไม่อาจละสายตาจากบานประตูที่ปิดลงได้ ท่าทางแปลกๆของแบคฮยอนมันไม่ใช่ครั้งแรกที่อี้ชิงได้เห็น แบคฮยอนมักออกไปอ่านหนังสือข้างนอกเสมอ และ มักกลับมาด้วยกลิ่นดินชื้นนี้เสมอเช่นกัน อี้ชิงเคยพยายามเดินหาแต่ก็ไม่เคยเจอว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหน

     

    ...มันแปลกจนน่าเป็นห่วง...

     

    “นายปิดบังอะไรกันไว้รึเปล่านะแบคฮยอน...”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 13

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    วันอาทิตย์แอมไปคอนเสิร์ตนะคะ คงไม่ได้อัพไม่ต้องรอจ้า ส่วนปริศนาของแบคอย่าไปใส่ใจมันเลยค่ะ ปล่อยให้มันคาใจจนกว่าจะถึง เกล็ดศักเรนทร์ เถอะค่ะ 555 เหมือนเดิมว่าเรื่องจบทุกอย่างถึงจะคลี่คลาย อย่าไว้ใจใครจนกว่าเรื่องจะจบค่ะ^^

    ปล. อย่าลืมไปโหวตแอมที่ http://tofupopradio.becteroradio.com/event/TofupopCoverDance/vote ชื่อ โสมวรรณ วงษ์กวน นะคะ คนโหวตมีสิทธิ์ลุ้นบัตรเข้างานราคา 4000 บาท 2 ใบค่ะ^^

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714

     

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×