ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Phonucorn ตอน มนต์ถันฑิล [ KaiSoo , KaiDO : EXO ]

    ลำดับตอนที่ #12 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๐

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      6
      8 ส.ค. 57

    Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๐

    Author : พระจันทร์สีทอง

    Genre : Fantasy Romantic Drama

    Warnings : Yaoi – PG 18

    Pairing :  Yifan x Yixing

     

     

    บทที่ ๑๐
    The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์

     

     

     

     

     

     

    หลังวันประเพณีคัดสรรค์ ดูเหมือนการเรียนในชั้นเรียนต่างๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากสองสัปดาห์แรกเท่าไร ที่ต่างออกไปก็แค่สายตาเพื่อนๆนอกกลุ่มที่กำลังมองมาที่อี้ชิงเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องประหลาดที่ร่างบางอยู่รอด ทั้งที่ตอนที่เข้ามาเจ้าตัวไม่รู้แม้แต่การผูกพันธะสัญญากับแร่นักรบด้วยซ้ำ การเป็นนักศึกษาครึ่งเทอมแรกของอี้ชิงจึงจบลงไปอย่างวุ่นๆ วันนี้เป็นวันสอบกลางเทอมวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัย และ จะมีการหยุดให้นักศึกษาได้พักเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คริสจะได้ศึกษาวิธีแก้มนต์สาป

     

    “เราสอบเสร็จแล้ว ทำไมนายถึงยังต้องพาฉันมาห้องสมุดวะ?”

     

    “ฉันต้องหาความจริงบางอย่าง”

     

    “ความจริง? ความจริงอะไรที่นายไม่รู้งั้นเหรอ?”

     

    “ความจริงที่ว่าเราสามารถล้างมนต์สาปได้อย่างไร นายไม่แปลกใจบ้างเหรอชานยอล นายอ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดอย่างละเอียด มันบอกสิ่งที่สำคัญต่อการล้างมนต์สาป ว่ามีคฑาแห่งความโศกเศร้ากับสายเลือดแห่งโฟเธียที่จะยอมสละกาย แล้ววิธีที่จะสละมันคืออะไรล่ะ?”

     

    ...นั่นสิสละกายยังไง?...

     

    เมื่อร่างสง่าพูดจบก็ทำให้ชานยอลอดคิดตามที่เพื่อนพูดไม่ได้จริงๆ เขาทุ่มเวลามาครึ่งชีวิตเพื่ออ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดอย่างละเอียด มั่นใจว่าท่องจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีส่วนไหนบรรยายถึงการล้างมนต์สาปอย่างชัดเจนเลย

     

    “เดี๋ยวคริส! หรือว่ามันจะไม่มีวะ?”

     

    “ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมแตกดับ มนต์สาปเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องล้างได้”

     

    “แต่มันไม่เคยถูกกล่าวไว้”

     

    “หรือไม่เราก็แค่ยังหามันไม่ดีพอ มันอาจมีวิธีเขียนไว้ในที่ๆเราคาดไม่ถึง”

     

    คริสทิ้งตัวลงนั่งอย่างคิดไม่ตก เขาเองก็กลัวว่ามันจะเป็นตามที่ร่างสูงพูดเหมือนกัน กลัวว่ามนต์สาปจะไม่มีวันดับสูญเช่นเดียวกับฟีนูคอน แต่เพราะเขายังเชื่อว่าจะสามารถหลุดพ้นได้ถึงยังพยายาม เขาเพียรหาวิธีแก้คำสาปนี้ไปในทุกที่ของห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนชัดเจนถึงวิธีแก้

     

    “เดี๋ยวนะ! ทำไมเราไม่คิดถึงจุดกำเนิดล่ะ จุดเริ่มต้นกับจุดจบอาจจะเป็นที่เดียวกันก็ได้”

     

    “หมายความว่ายังไง”

     

    “เราน่าจะไปหามัน ในที่ๆไม่มีคนอื่นหาเจอได้นอกจากเรา”

     

    แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ช่างน่าอับอาย เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความชั่วช้าของฟีนูคอน การหักหลังล้างสายเลือดของเทพีโฟเธียเป็นสิ่งที่น่าโศกเศร้า แล้วใครเล่าจะอยากเผยตัวตนด้านมืดให้ทุกคนเห็น หากเป็นเราก็คงอยากเก็บซ่อนความจริงนี้ ในที่ๆรู้ว่าจะไม่มีใครได้พบเจอมันอีก ที่ๆมั่นใจว่ามีแต่ผู้ที่จงรักภักดีเท่านั้นที่เข้าถึง ดินแดนที่ร้อนระอุจนยากจะเทียมทาน

     

    ...เขตปกครองเผ่าโฟเธีย...

     

    “เราไม่ได้เข้าไปที่นั่นนานมากแล้ว”

     

    “และมันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องกลับไปเยี่ยมท่านบ้าง”

     

    “ฉันเกลียดแกว่ะ!

     

    ชานยอลสบถใส่คริสอย่างหัวเสีย แม้ว่าเขาจะเป็นสายเลือดโฟเธียแต่ก็เติบโตมากับความรุ่งเรืองของอฟาไตรมาตลอด เป็นที่รู้กันว่าดินแดนเขตไฟนั้นเต็มไปด้วยความดำมืด ชาวเผ่าไม่ไว้ใจคนนอกเท่าไรนัก แม้จะรู้ดีว่าคนๆนั้นเป็นสายเลือดของโฟเธียเช่นกัน ครั้งหนึ่งร่างสูงเคยเจอยายแก่ปาลูกไฟใส่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นชาวโฟเธียจริงๆ และ นั่นเกือบจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชานยอลยอมเข้าไปในเขตเผ่าโฟเธีย

     

    ...หวังว่ารอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแทน...

     

    “แต่บอกเลยนะเจ้าคริส เราจะไม่ไปเดินมั่วหาหรอกนะ”

     

    “นายกลัว?”

     

    “นายก็รู้ว่ามันไม่ได้ปลอดภัยแม้จะเป็นเผ่าเรา ทุกคนไม่คุ้นชินกับเรา ถ้าจะนิยามจริงๆเราน่าจะเรียกตนเองว่าชาวอฟาไตรสายเลือดโฟเธียมากกว่า”

     

    “ยังไงก็โฟเธียเหมือนกัน”

     

    “นายพูดได้เพราะนายไม่เคยเจอแบบฉัน แต่ก็แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะนายมีพ่อของนายไปด้วย คราวนี้เราไปกันเองมันแตกต่างแน่”

     

    “ก็ลองดู”

     

    ตาคมจ้องมองหน้าของเพื่อนรักอย่างท้าทาย เขาเองไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีสิ่งดำมืดมากมายในเขตโฟเธียที่เขายังไม่รู้ แต่สิ่งที่ชานยอลเองก็ไม่รู้คือบ่อยครั้งที่คริสเข้าไปในนั้น เข้าไปเพื่อตามหาสิ่งที่รู้ว่าไม่มีทางหาเจอ

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    ฟู่!...ฟู่!

     

    “ฉันขอย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่”

     

    เสียงหนาพูดขึ้นอย่างไม่สู้ดีนัก เบื้องหน้าของพวกเขาคือดินแดนแห่งธาตุกำเนิดของพวกเขา แต่มันช่างแตกต่างจากสิ่งที่ทุกคนคาดคิดมาก สายเลือดแห่งไฟที่ยิ่งใหญ่กับต้องอาศัยในแผ่นดินที่แทบจะมืดสนิทตลอดเวลา ท้องฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืนเต็มไปด้วยกลุ่มควันทึบ การจัดเรียงบ้างก็ไม่ได้ต่างจากชาวเผ่าอื่นเท่าไร มีซอยแยกเรียงยาวไม่มีรั้วกั้น ทุกบ้านมีกองเพลิงสูงสำหรับเดินทางที่หน้าบ้าน ต้นไม้น้อยนิดยืนต้นตายเพราะอากาศเป็นพิษ นี่ยังไม่รวมเศษเถ้าที่ปลิวมากับสายลม

     

    ...รู้สึกเหมือนแทบไม่มีอากาศหายใจ...

     

    “ฉันอาจจะดูแย่นะ แต่ฉันเกลียดที่นี่วะ”

     

    “ฉันก็เหมือนกัน”

     

    “รีบบอกแผนนายมาดีกว่าว่าเราต้องไปที่ไหนบ้าง”

     

    “ที่เดียวที่เราจะไป...เทวรูปเทพีโฟเธีย

     

    “พูดผิดพูดใหม่ได้นะเว่ยเพื่อน ฉันไม่ถือ”

     

    ร่างสูงพูดอย่างไม่แน่ใจนักว่านี่คือคำพูดที่ถูกต้อง บางทีคริสอาจจะแค่อยากไปนั่งหาหนังสือเงียบๆในห้องสมุดของเผ่ามากกว่า คงไม่ได้หมายถึงจะเข้าไปหาในโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์นั่นจริงๆ มันเป็นที่ๆอันตรายที่สุดแม้แต่คนที่มีสายเลือดโฟเธียเองก็ตามที

     

    “เราจะไปที่เทวรูปของเทพีโฟเธียกัน”

     

    “เยี่ยม!

     

    ชานยอลไม่รู้ว่าเขาควรเขียนจดหมายสั่งลาไปถึงครอบครัวก่อนรึเปล่า แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาถูกร่างสง่าดึงให้ตามไปแล้ว โชคดีที่พวกเขาเข้ามาในเขตตรงกับวันธรรมดา คนส่วนมากออกไปทำหน้าที่ของตนเอง จึงมีคนเพียงไม่กี่คนที่สังเกตถึงการมาของพวกเขา สายตาไม่ไว้ใจยังคงถูกส่งมาให้ แต่เพราะทิศทางที่เขามุ่งตรงไปนั้นเป็นที่รู้กันว่าอย่าเข้าไปใกล้ จึงไม่มีใครกล้าตามมาเลยสักคน

     

    ...คิดว่าพวกเขาก็แค่พวกชอบลองดี...

     

    “นี่มันบ้าของจริงเลยนะเนี่ย”

     

    คริสกลอกตาอย่างเริ่มเบื่อคำพูดของเพื่อนรักที่พามาด้วย ชานยอลดูต่อต้านความคิดของเขาไปเสียหมด ยิ่งมายืนอยู่หน้าเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่สุดท้ายของเทพีโฟเธีย ร่างสูงก็ยิ่งสติแตกกว่าเดิม ในฟีนูคอนเทวสถานที่เป็นที่อยู่ของเทพเจ้าทั้งหกคือสถานที่เดียวที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ชาวโฟเธียไม่เคร่งศาสนา เพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เทวสถานแห่งนี้

     

    “ฉันเกลียดเสียงโซ่ว่ะ”

     

    นั่นเป็นความคิดเห็นเดียวของคริส ตาคมหลับสนิทพยายามมองข้ามเสียงโซ่ตรวนที่ลากผ่านพื้นหิวแว่วมาให้ได้ยิน ความรู้สึกเหมือนจิตใจกำลังถูกจองจำไปด้วยช่างแสนทรมาน

     

    “กลับมั้ยไอ้คริส บางทีเราน่าจะไปที่ห้องสมุดของเขตปกครองแทน”

     

    “ไหนๆก็มาแล้ว ทำไมเราไม่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือของเทพีโฟเธียเสียเลย ความลับย่อมอยู่ในที่ๆปลอดภัยที่สุด”

     

    “แต่นี่มันเหมือนสุสานขนาดใหญ่มากกว่าเทวสถาน”

     

    “ทุกความเชื่ออยู่ที่นาย ฉันเชื่อว่าที่นี่เป็นแค่เทวสถาน”

     

    ...โกหกตนเองแล้วสบายใจที่ไหน?...

     

    ร่างสง่ากำมือที่มีแร่นักรบของตนเองอยู่ กลัวสิ่งที่กำลังจะเผชิญไม่ต่างจากร่างสูง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วให้ได้ตัดสินใจ หนังสือทุกเล่มที่อยู่ในห้องสมุดของเขตต่างต้องแสดงตัวตนที่ห้องสมุดกลางเมือง ซึ่งเขาอ่านมันทุกเล่มแล้วก็ยังไม่พบสิ่งที่เฝ้าถวิลหา ขาดก็แต่ที่นี่เท่านั้น หากไม่เจอก็คงได้ตายไปกับความจริง มนต์สาปไม่มีวันหายไปจากสายเลือดแห่งโฟเธีย

     

    “ไปเถอะ”

     

    “ไปก็ไปดิ”

     

    ขายาวปีนข้ามรั้วเหล็กสูงของเทวสถานเข้าไปด้านในอย่างยากลำบาก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้ยินเสียงโซ่ตรวนที่ลากผ่านพื้นดังขึ้น ร่างสง่ากำมือแน่นสะกดกั้นอาการคั่นเนื้อคั่นตัวเป็นระยะ มือผายออกพร้อมทั้งลูกไฟลูกเล็กทำหน้าที่เหมือนตะเกียง

     

    “ชานยอล ช่วยเปิดประตูหน่อย”

     

    ชานยอลเดินไปอยู่ที่หน้าประตู แล้วผายมือทั้งสองข้างออก โบกผ่านช่องอากาศว่างๆจนเกิดเป็นเปลวไฟวิ่งตามมือที่ผายผ่าน ปากอิ่มพูดเวทร่ายอย่างชำนาญแล้วปล่อยให้เปลวไฟนั้นตรงไปที่ประตูบานใหญ่ของเทวสถาน

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ อาร์นิโต”

     

    แก๊ก!...แอ๊ด...ด...ด...ด

     

    บานประตูหินขนาดใหญ่ค่อยๆเคลื่อนออกตามฝ่ามือที่ผายออกของผู้ร่าย ตาคมพยายามมองผ่านร่างสูงเข้าไป แต่ก็พบเพียงความมืดมิดภายในเทวสถาน คริสคิดว่าที่นี่เป็นเทวสถานที่แย่ที่สุดที่เคยเห็น มันไม่ได้ต่างจากบ้านล้างเลยสักนิด เต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่นเถ้าสีดำ

     

    “เข้าใจละว่าทำไมชาวโฟเธียไม่อยากร่วมพิธีกรรมของเทวสถาน”

     

    “นี่มันอยู่ในสภาพบ้านปกติเลยนะ ไม่มีใครคิดจะปรับปรุงรึไง”

     

    “ใครจะกล้ามาที่นี่ พวกเรานี่แหล่ะที่บ้า บ้ามากที่มาที่นี่”

     

    คริสกลอกตาอย่างระอาที่ชานยอลยังไม่หยุดพูด พวกเขามากันกว่าครึ่งทางแล้ว แถมเจ้าตัวก็เป็นคนเปิดประตูออกเองแท้ๆ จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาตอนนี้ล่ะ

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ แลมปาส”

     

    มือหนาผายออกพร้อมร่ายเวทง่ายๆ ขายาวเดินเข้าไปในตัวอาคารเก่า ก่อนจะเหวี่ยงแขนให้ลูกไฟที่เกิดบนฝ่ามือกระจายตัวให้แสงไปในที่ต่างๆ แต่เมื่อแสงสว่างมากพอให้ได้เห็นภาพด้านในเทวสถาน ดวงตาคมทั้งสองก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ

     

    “อะไรกันวะเนี่ย?!

     

    ...นกยักษ์สีดำ...

     

    ที่มาของเถ้าถ่านในอากาศคงไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มเปลวไฟนำทางของแต่ละบ้าน แต่คงเกิดจากการพลัดขนของเจ้านกยักษ์ที่นอนอยู่ใต้กองเถ้านี้ด้วย หากมันสยายปีกกว้างแล้วเกิดเปลวไฟ พวกเขาคงนิยามมันว่าฟีนิกส์ได้สะดวกใจกว่านี้ แต่สภาพที่ราวกับยกยักษ์ไร้ประสิทธิภาพและอ่อนเพลียของมัน ช่างไม่ดูองอาจอย่างที่ควรเลย

     

    “นายคิดว่าใช่มันมั้ยคริส”

     

    “เกิดจากเถ้าถ่าน ไม่ผิดหรอก”

     

    พวกเขารู้ดีว่ามันคือนกยักษ์ในตำนาน สัญลักษณ์ที่องอาจของชาวโฟเธีย แต่กลับต้องมาถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอาคม ช่างเป็นภาพที่เจ็บปวด หมดสิ้นแล้วความศรัทธาต่อสายเลือดแห่งไฟ

     

    “มันไม่มีเปลวไฟเลย”

     

    “เพราะมันกำลังจะตายไงล่ะ”

     

    “ตายเหรอ เราปล่อยมันตายไม่ได้นะเว่ย!

     

    “เราทำอะไรไม่ได้หรอกชานยอล ไปกันเถอะ”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างเลือดเย็น ทั้งที่ในใจของเขาเองก็หดหู่ไม่ต่างกัน แต่เพราะเขารู้ดีว่าผู้จองจำคงไม่ปล่อยให้เขาร่ายเวทปล่อยมันได้ง่ายๆแน่ พวกเขายังไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในนี้เลยเสียด้วยซ้ำ บางทีมันอาจมีบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ บางอย่างที่เป็นความลับของฟีนูคอน

     

    “ปิดประตูหน่อยชานยอล แล้วตามฉันขึ้นไปหาห้องสมุด”

     

    “ให้ตายเหอะ!...โฟเธีย โมโนส เซดีโอ กิสธาร์เรีย”

     

    ประตูบานใหญ่ปิดลงตามผ่ามือที่ผายเข้าหากัน ชานยอลมองสภาพที่หดหู่ของนกยักษ์อีกครั้ง แต่ก็จำใจก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของเทวสถาน เพื่อทำตามสิ่งที่มุ่งมาดมาตั้งแต่ต้นให้สำเร็จ ร่างสง่าเดินไปตามทางมืดโดยมีเพียงลูกไฟบนมือนำทาง คริสเป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อในสัญชาตญาณ และ มันก็นำเขามาพบกับสิ่งที่ตามหาจริงๆ

     

    ...ห้องสมุดของเทวสถานโฟเธีย...

     

    แอ๊ด...ด...ด

     

    เสียงบานประตูเก่าลั่นสัญญาณที่บอกให้รู้ถึงการมาเยือน ขายาวก้าวเข้าไปในห้องสมุดนี้อย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความโดดเดี่ยวของสตรีสูงศักดิ์ฉายชัดจากเก้าอี้เพียงตัวเดียวตรงกลางห้อง สถานที่นี้ไม่เคยมีใครเข้ามานอกจากเทพีโฟเธีย และ คริส

     

    “หือ?”

     

    ร่างสง่าเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เงยหน้ามองออกไปที่ด้านหน้าเห็นม่านที่ปิดอยู่ไม่สนิทนักปลิวไสว เหมือนหน้าต่างของมันไม่ได้ปิดอยู่ ตั้งใจแค่จะเดินไปปิดมันแต่กลับกลายเป็นว่ามือหนาดันเปิดผ้าม่านออกแทน อยากรู้ว่าพระนางเห็นอะไรบ้างจากตรงนี้

     

    “คริส...”

     

    “เข้ามาสิชานยอล”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนจะหันกลับไปมองภาพที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ภาพที่เป็นฉนวนของความทะยานอยากได้อยากมีของเทพีโฟเธีย

     

    ...มหานครฟีนูคอนเกือบค่อนแผ่นดิน...

     

    “จากตรงนี้มันเห็นหมดทุกอย่างเลยเนาะ”

     

    “เพราะหมดไงล่ะ ถึงได้โลภมาก”

     

    “นายหมายถึงเทพีโฟเธียเหรอ?”

     

    “นายคิดว่าใครล่ะชานยอล หากเป็นนายจะทำอย่างไร”

     

    ...ก็คงทำในแบบเดียวกัน...

     

    อำนาจบารมีเป็นสิ่งที่ยากจะเทียมทานต่อจิตใจของทุกคน ไม่มีใครอยากเกิดมาในชนชั้นอิลคอลลี่ ทุกคนอยากเกิดเป็นอฟาไตรแทบทั้งสิ้น เขตปกครองอฟาไตรนั้นรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่เสมอ แม้แต่จะเป็นเพียงคำกล่าวในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดก็ตาม แล้วหากเขาต้องมาเป็นเทพีโฟเธียที่มองบ้านเมืองของตนเอง ถูกละเลยด้วยความยิ่งใหญ่จะไม่โลภมากได้เช่นไร

     

    “พ่อ แม่ รังแกฉันสินะ”

     

    “แม้แต่เทพเจ้าก็ผิดพลาดได้”

     

    “คำกล่าวของเทพเจ้าเนโร ฉันไม่คิดว่านายจะอ่านคัมภีร์ด้วย”

     

    “ก็แค่จำได้ตอนอ่านไปสอบประวัติศาสตร์ฟีนูคอน”

     

    ไหล่หนายักขึ้นอย่างไม่สนใจคำพูดล้อของเพื่อนรัก คริสเดินกลับมาที่โต๊ะอ่านหนังสืออีกครั้ง เพื่อดูหนังสือที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือใหม่และดูเหมือนเพิ่งถูกเปิดอ่านได้ไม่นาน

     

    ...เจ้าชายองค์สุดท้าย...

     

    “นิทานเหรอ?”

     

    นี่ยิ่งทำให้คริสขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่มีทางที่เทพีโฟเธียผู้ต้องมนต์สาปจะมานั่งอ่านนิทานแน่ ชานยอลหันมามองตามคำพูดของคริส ก่อนที่ขายาวจะก้าวเข้ามาจนถึงตะอ่านหนังสือได้ไม่ยาก ฉวยหนังสือจากมือหนามาเปิดดูแล้วมองใบหน้าหล่อนิ่ง

     

    “ฉันว่าฉันเคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน”

     

    “มันอาจจะมีขายตามร้านหนังสือน่ะ”

     

    “ฉันเคยเห็นที่ห้องสมุด มีคนมายืมมันก่อนหน้าที่ฉันจะยืมหนังสือ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นใคร”

     

    คริสพูดขึ้นพยายามนึกถึงคนที่เขาพบในห้องสมุดชั้นวรรณกรรม มีไม่กี่ครั้งที่เขาเข้าไปในส่วนนี้ และ มันก็มีคนไม่มากเท่าไรที่เขารู้ว่าสนใจพวกมัน เพียงแต่เขานึกไม่ออกว่าเป็นใครเท่านั้น

     

    “นายอาจจะจำผิด หนังสือนิทานก็ปกเหมือนๆกันหมด”

     

    “ฉันว่าไม่ นายก็ชอบอ่านหนังสือ จำได้มั้ยว่าใครที่ชอบอ่านเหมือนกัน”

     

    “มะ...ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้”

     

    “เหรอ?”

     

    “อะ...อืม”

     

    เสียงทุ้มรับคำอย่างไม่ติดใจเอาความ  เพราะเขาหันไปเห็นชั้นหนังสือเก่าที่มีหนังสือวางอยู่เพียงไม่กี่เล่ม และ พวกมันคงน่าสนใจกว่าหนังสือนิทานเล่มนี้แน่ มือหนาหยิบเล่มหนึ่งที่ดูหนาเป็นพิเศษออกมา เปิดผ่านหน้ากระดาษที่พร้อมจะหลุดติดมือออกมาทุกเมื่อ ยิ่งเปิดผ่านก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำไมมันถึงเต็มไปด้วยเรื่องของภูมิศาสตร์ กับ วงกลมที่แสดงถึงจุดสำคัญในแต่ละพื้นที่ ตัวหนังสือพวกนี้อ่านยากเหลือเกินสำหรับคริส

     

    “ชานยอล ช่วยมาอ่านนี่หน่อยสิ”

     

    หน้าที่หลักถูกโยนไปให้เพื่อนผู้เป็นหนอนหนังสือได้ทำ ชานยอลเก็บหนังสือนิทานนั้นลงกระเป๋าอย่างแนบเนียน ก่อนจะเอื้อมมือไปรับหนังสือเล่มหนามาจากร่างสง่า แต่แม้กระทั่งชานยอลที่อ่านลายมือของนักเขียนมาหลายคน ก็ไม่อาจจะเข้าใจสิ่งที่ระบุในหนังสือเล่มนี้ได้

     

    “โฟเธีย โมโนส เซดีโอ เอเพคตีเนเต”

     

    มือหยาบโยนหนังสือเข้าสู่ห้วงอากาศ ก่อนจะผายมือร่ายเวทออกไปอย่างชำนาญ ตัวหนังสือที่เขียนกระหวัดกระเหวียน ลอยออกมาเรียงตัวใหญ่ขึ้นในอากาศ ให้ชานยอลได้อ่านมันอย่างชัดเจนขึ้น แต่เมื่อมองผ่านร่างสูงก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา

     

    “ฉันอ่านมันไม่ได้”

     

    “ทำไมวะ?”

     

    “มันไม่ใช่ภาษาฟีนูเนียน มันเป็นภาษาโฟเธียรัส เป็นภาษาเก่าแก่ที่มีเฉพาะชาวโฟเธียที่เกิดในเขตโฟเธียเท่านั้นที่อ่านออก หรือไม่ก็ต้องศึกษาด้านนี้โดยตรง สายตาของฉันมันอ่านคำพวกนี้ไม่ได้เลย”

     

    “แล้วเราจะไปหาคนที่อ่านได้จากที่ไหนวะ เล่มอื่นแม่งก็เขียนเหมือนกันหมดเลย อย่างนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องการเล่มไหน”

     

    “เราต้องหาคนที่อ่านออกและไว้ใจได้”

     

    “ใครวะ?”

     

    “ที่รู้จักก็มีอยู่คนเดียว...คิม จงอิน”

     

    “ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”

     

    คริสแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถึงในนี้จะมีหนังสือไม่มากมายนัก แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าเจ็ดสิบเล่มเป็นอย่างน้อย ถ้าจ้างไอ้นักข่าวหน้าเลือดนั่นมาอ่านมีหวังหมดตัวกันก่อนจะรู้ความจริง

     

    “มันอาจจะแพงไปหน่อยนะเว่ย แต่เด็กนั่นเข้าใจทุกภาษาบนดินแดนฟีนูคอน”

     

    “ก็แน่ละ มันเสือกเอาโล่ขนาดนั้น”

     

    “ทางเลือกเราไม่เยอะ นายบอกมาแค่ว่าจะเอายังไงก็พอ ถ้าไม่ใช่จงอินก็มีอีกทางเดียวคือถือนี่ออกไปให้ป้าบ้านข้างๆอ่านให้ แต่อันนี้ไม่รับรองความปลอดภัยของพวกเรานะ ถ้ามีใครรู้ว่าเราแอบเข้ามาในเทวสถานมันอาจไม่ใช่เรื่องดี”

     

    “นี่เหรอวะทางเลือก เขาเรียกมัดมือชกต่างหาก”

     

    “ก็ตามนั้น”

     

    ร่างสง่าสะบัดหัวอย่างหัวเสีย ก่อนจะยอมทำตามข้อเสนอของชานยอล ตอนนี้พวกเขาต้องขโมยหนังสือพวกนี้ออกไปให้แนบเนียนที่สุด คริสปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชานยอลที่ชำนาญเวทรายมากกว่าตนเอง

     

    “โฟเธีย โออีล เซดีโอ ซีมพีซีร์”

     

    ชานยอลร่ายเวทที่เขาค่อนข้างใช้บ่อยอีกครั้ง ก่อนจะใช้สายตาบอกให้คริสเปิดกระเป๋าของตัวเองออก แล้วเคลื่อนย้ายหนังสือทุกเล่มใส่ลงไปในกระเป๋าของร่างสง่า ปิดกระเป๋าแล้วตรวจตาความเรียบร้อยของทุกอย่างอีกครั้ง ปิดม่านที่เปิดออกให้ห้องมืดเช่นดังเดิม ค่อยๆย่องลงมาที่ชั้นล่างที่มีเจ้าฟีนิกส์ยักษ์หมอบอยู่

     

    “ถ้าเป็นไปได้จะกลับมาช่วยแกนะ”

     

    มือหนาทาบลงที่ศีรษะของนกยักษ์ เหมือนอยากส่งความรู้สึกเมตตาต่อมัน เปลือกตาหนาของมันเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมลูกตาสีนิลที่มองไปที่ร่างสง่า หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของมันเอ่อล้น ไหลอาบลงมาสู่กองเถ้าถ่านที่รองร่างอยู่ บอกให้รู้ถึงการเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วนของมัน

     

    ...และคงวนเวียนไม่จบสิ้น...

     

    “รอก่อน อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปล่ะ”

     

    เสียงทุ้มกระซิบบอกพร้อมแนบศีรษะลงกับผิวหนังร้อนชื้นของมัน ร้องขอคำสัญญาด้วยดวงจิตแห่งสายเลือดโฟเธีย เขาจะปกป้องเกียรติยศสุดท้ายของสายเลือดแห่งไฟไว้ ชาวเผ่าอื่นจะต้องรู้ว่าชาวโฟเธียไม่ใช่แค่ผู้ทรยศที่ต้องผ่ายแพ้ไปชั่วนิรันดร์

     

    “ไปได้แล้วคริส ถ้าเลยเวลานี้เราอาจจะออกไปยาก”

     

    “อืม...แล้วพบกันนะ เพื่อนของฉัน”

     

    <<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>

     

    The Phonucorn – Chapter 10

    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน

    หายไปนานเลยคิดถึงกันมั้ยคะ พอดีแอมเป็นเยื่อบุตาอักเสบ เลยถูกสั่งห้ามเล่นคอมพิวเตอร์ค่ะ เลยไม่สามารถมาอัพฟิคได้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว พร้อมปมปริศนาที่รับรองว่าตอนหน้าจะลุ้นไปกับจงอินแน่ๆ รับรองว่าพ่อค้าคนนี้จะแสบจนสยองเลยค่ะ แต่ต้องรอในพาสของไคโด้นะคะ อิอิ ^^

    ปล. ส่วนเรื่องเปลี่ยนพื้นหลังยังไม่ลืมนะคะ แต่มันต้องเปลี่ยนหลายขั้นตอนแอมเลยยังไม่มีเวลาหาแบล็กใหม่ที่ถูกใจเลยค่ะ ขอโทานะคะTT

    เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่  http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714

     

     © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×