คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์ - บทที่ ๑๐
Title : The Phonucorn เพลิงพิทักษ์ – บทที่ ๑๐
Author : พระจันทร์สีทอง
Genre : Fantasy Romantic Drama
Warnings : Yaoi – PG 18
Pairing : Yifan x Yixing
บทที่ ๑๐
The Phonucorn ฟีนูคอน : เพลิงพิทักษ์
หลังวันประเพณีคัดสรรค์ ดูเหมือนการเรียนในชั้นเรียนต่างๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากสองสัปดาห์แรกเท่าไร ที่ต่างออกไปก็แค่สายตาเพื่อนๆนอกกลุ่มที่กำลังมองมาที่อี้ชิงเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องประหลาดที่ร่างบางอยู่รอด ทั้งที่ตอนที่เข้ามาเจ้าตัวไม่รู้แม้แต่การผูกพันธะสัญญากับแร่นักรบด้วยซ้ำ การเป็นนักศึกษาครึ่งเทอมแรกของอี้ชิงจึงจบลงไปอย่างวุ่นๆ วันนี้เป็นวันสอบกลางเทอมวันสุดท้ายของมหาวิทยาลัย และ จะมีการหยุดให้นักศึกษาได้พักเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คริสจะได้ศึกษาวิธีแก้มนต์สาป
“เราสอบเสร็จแล้ว ทำไมนายถึงยังต้องพาฉันมาห้องสมุดวะ?”
“ฉันต้องหาความจริงบางอย่าง”
“ความจริง? ความจริงอะไรที่นายไม่รู้งั้นเหรอ?”
“ความจริงที่ว่าเราสามารถล้างมนต์สาปได้อย่างไร นายไม่แปลกใจบ้างเหรอชานยอล นายอ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดอย่างละเอียด มันบอกสิ่งที่สำคัญต่อการล้างมนต์สาป ว่ามีคฑาแห่งความโศกเศร้ากับสายเลือดแห่งโฟเธียที่จะยอมสละกาย แล้ววิธีที่จะสละมันคืออะไรล่ะ?”
...นั่นสิสละกายยังไง?...
เมื่อร่างสง่าพูดจบก็ทำให้ชานยอลอดคิดตามที่เพื่อนพูดไม่ได้จริงๆ เขาทุ่มเวลามาครึ่งชีวิตเพื่ออ่านคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดอย่างละเอียด มั่นใจว่าท่องจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีส่วนไหนบรรยายถึงการล้างมนต์สาปอย่างชัดเจนเลย
“เดี๋ยวคริส! หรือว่ามันจะไม่มีวะ?”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมแตกดับ มนต์สาปเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องล้างได้”
“แต่มันไม่เคยถูกกล่าวไว้”
“หรือไม่เราก็แค่ยังหามันไม่ดีพอ มันอาจมีวิธีเขียนไว้ในที่ๆเราคาดไม่ถึง”
คริสทิ้งตัวลงนั่งอย่างคิดไม่ตก เขาเองก็กลัวว่ามันจะเป็นตามที่ร่างสูงพูดเหมือนกัน กลัวว่ามนต์สาปจะไม่มีวันดับสูญเช่นเดียวกับฟีนูคอน แต่เพราะเขายังเชื่อว่าจะสามารถหลุดพ้นได้ถึงยังพยายาม เขาเพียรหาวิธีแก้คำสาปนี้ไปในทุกที่ของห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนชัดเจนถึงวิธีแก้
“เดี๋ยวนะ! ทำไมเราไม่คิดถึงจุดกำเนิดล่ะ จุดเริ่มต้นกับจุดจบอาจจะเป็นที่เดียวกันก็ได้”
“หมายความว่ายังไง”
“เราน่าจะไปหามัน ในที่ๆไม่มีคนอื่นหาเจอได้นอกจากเรา”
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ช่างน่าอับอาย เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความชั่วช้าของฟีนูคอน การหักหลังล้างสายเลือดของเทพีโฟเธียเป็นสิ่งที่น่าโศกเศร้า แล้วใครเล่าจะอยากเผยตัวตนด้านมืดให้ทุกคนเห็น หากเป็นเราก็คงอยากเก็บซ่อนความจริงนี้ ในที่ๆรู้ว่าจะไม่มีใครได้พบเจอมันอีก ที่ๆมั่นใจว่ามีแต่ผู้ที่จงรักภักดีเท่านั้นที่เข้าถึง ดินแดนที่ร้อนระอุจนยากจะเทียมทาน
...เขตปกครองเผ่าโฟเธีย...
“เราไม่ได้เข้าไปที่นั่นนานมากแล้ว”
“และมันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องกลับไปเยี่ยมท่านบ้าง”
“ฉันเกลียดแกว่ะ!”
ชานยอลสบถใส่คริสอย่างหัวเสีย แม้ว่าเขาจะเป็นสายเลือดโฟเธียแต่ก็เติบโตมากับความรุ่งเรืองของอฟาไตรมาตลอด เป็นที่รู้กันว่าดินแดนเขตไฟนั้นเต็มไปด้วยความดำมืด ชาวเผ่าไม่ไว้ใจคนนอกเท่าไรนัก แม้จะรู้ดีว่าคนๆนั้นเป็นสายเลือดของโฟเธียเช่นกัน ครั้งหนึ่งร่างสูงเคยเจอยายแก่ปาลูกไฟใส่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นชาวโฟเธียจริงๆ และ นั่นเกือบจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชานยอลยอมเข้าไปในเขตเผ่าโฟเธีย
...หวังว่ารอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแทน...
“แต่บอกเลยนะเจ้าคริส เราจะไม่ไปเดินมั่วหาหรอกนะ”
“นายกลัว?”
“นายก็รู้ว่ามันไม่ได้ปลอดภัยแม้จะเป็นเผ่าเรา ทุกคนไม่คุ้นชินกับเรา ถ้าจะนิยามจริงๆเราน่าจะเรียกตนเองว่าชาวอฟาไตรสายเลือดโฟเธียมากกว่า”
“ยังไงก็โฟเธียเหมือนกัน”
“นายพูดได้เพราะนายไม่เคยเจอแบบฉัน แต่ก็แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะนายมีพ่อของนายไปด้วย คราวนี้เราไปกันเองมันแตกต่างแน่”
“ก็ลองดู”
ตาคมจ้องมองหน้าของเพื่อนรักอย่างท้าทาย เขาเองไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีสิ่งดำมืดมากมายในเขตโฟเธียที่เขายังไม่รู้ แต่สิ่งที่ชานยอลเองก็ไม่รู้คือบ่อยครั้งที่คริสเข้าไปในนั้น เข้าไปเพื่อตามหาสิ่งที่รู้ว่าไม่มีทางหาเจอ
<<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>
ฟู่!...ฟู่!
“ฉันขอย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่”
เสียงหนาพูดขึ้นอย่างไม่สู้ดีนัก เบื้องหน้าของพวกเขาคือดินแดนแห่งธาตุกำเนิดของพวกเขา แต่มันช่างแตกต่างจากสิ่งที่ทุกคนคาดคิดมาก สายเลือดแห่งไฟที่ยิ่งใหญ่กับต้องอาศัยในแผ่นดินที่แทบจะมืดสนิทตลอดเวลา ท้องฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืนเต็มไปด้วยกลุ่มควันทึบ การจัดเรียงบ้างก็ไม่ได้ต่างจากชาวเผ่าอื่นเท่าไร มีซอยแยกเรียงยาวไม่มีรั้วกั้น ทุกบ้านมีกองเพลิงสูงสำหรับเดินทางที่หน้าบ้าน ต้นไม้น้อยนิดยืนต้นตายเพราะอากาศเป็นพิษ นี่ยังไม่รวมเศษเถ้าที่ปลิวมากับสายลม
...รู้สึกเหมือนแทบไม่มีอากาศหายใจ...
“ฉันอาจจะดูแย่นะ แต่ฉันเกลียดที่นี่วะ”
“ฉันก็เหมือนกัน”
“รีบบอกแผนนายมาดีกว่าว่าเราต้องไปที่ไหนบ้าง”
“ที่เดียวที่เราจะไป...เทวรูปเทพีโฟเธีย”
“พูดผิดพูดใหม่ได้นะเว่ยเพื่อน ฉันไม่ถือ”
ร่างสูงพูดอย่างไม่แน่ใจนักว่านี่คือคำพูดที่ถูกต้อง บางทีคริสอาจจะแค่อยากไปนั่งหาหนังสือเงียบๆในห้องสมุดของเผ่ามากกว่า คงไม่ได้หมายถึงจะเข้าไปหาในโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์นั่นจริงๆ มันเป็นที่ๆอันตรายที่สุดแม้แต่คนที่มีสายเลือดโฟเธียเองก็ตามที
“เราจะไปที่เทวรูปของเทพีโฟเธียกัน”
“เยี่ยม!”
ชานยอลไม่รู้ว่าเขาควรเขียนจดหมายสั่งลาไปถึงครอบครัวก่อนรึเปล่า แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาถูกร่างสง่าดึงให้ตามไปแล้ว โชคดีที่พวกเขาเข้ามาในเขตตรงกับวันธรรมดา คนส่วนมากออกไปทำหน้าที่ของตนเอง จึงมีคนเพียงไม่กี่คนที่สังเกตถึงการมาของพวกเขา สายตาไม่ไว้ใจยังคงถูกส่งมาให้ แต่เพราะทิศทางที่เขามุ่งตรงไปนั้นเป็นที่รู้กันว่าอย่าเข้าไปใกล้ จึงไม่มีใครกล้าตามมาเลยสักคน
...คิดว่าพวกเขาก็แค่พวกชอบลองดี...
“นี่มันบ้าของจริงเลยนะเนี่ย”
คริสกลอกตาอย่างเริ่มเบื่อคำพูดของเพื่อนรักที่พามาด้วย ชานยอลดูต่อต้านความคิดของเขาไปเสียหมด ยิ่งมายืนอยู่หน้าเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่สุดท้ายของเทพีโฟเธีย ร่างสูงก็ยิ่งสติแตกกว่าเดิม ในฟีนูคอนเทวสถานที่เป็นที่อยู่ของเทพเจ้าทั้งหกคือสถานที่เดียวที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ชาวโฟเธียไม่เคร่งศาสนา เพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เทวสถานแห่งนี้
“ฉันเกลียดเสียงโซ่ว่ะ”
นั่นเป็นความคิดเห็นเดียวของคริส ตาคมหลับสนิทพยายามมองข้ามเสียงโซ่ตรวนที่ลากผ่านพื้นหิวแว่วมาให้ได้ยิน ความรู้สึกเหมือนจิตใจกำลังถูกจองจำไปด้วยช่างแสนทรมาน
“กลับมั้ยไอ้คริส บางทีเราน่าจะไปที่ห้องสมุดของเขตปกครองแทน”
“ไหนๆก็มาแล้ว ทำไมเราไม่เข้าไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือของเทพีโฟเธียเสียเลย ความลับย่อมอยู่ในที่ๆปลอดภัยที่สุด”
“แต่นี่มันเหมือนสุสานขนาดใหญ่มากกว่าเทวสถาน”
“ทุกความเชื่ออยู่ที่นาย ฉันเชื่อว่าที่นี่เป็นแค่เทวสถาน”
...โกหกตนเองแล้วสบายใจที่ไหน?...
ร่างสง่ากำมือที่มีแร่นักรบของตนเองอยู่ กลัวสิ่งที่กำลังจะเผชิญไม่ต่างจากร่างสูง แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วให้ได้ตัดสินใจ หนังสือทุกเล่มที่อยู่ในห้องสมุดของเขตต่างต้องแสดงตัวตนที่ห้องสมุดกลางเมือง ซึ่งเขาอ่านมันทุกเล่มแล้วก็ยังไม่พบสิ่งที่เฝ้าถวิลหา ขาดก็แต่ที่นี่เท่านั้น หากไม่เจอก็คงได้ตายไปกับความจริง มนต์สาปไม่มีวันหายไปจากสายเลือดแห่งโฟเธีย
“ไปเถอะ”
“ไปก็ไปดิ”
ขายาวปีนข้ามรั้วเหล็กสูงของเทวสถานเข้าไปด้านในอย่างยากลำบาก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้ยินเสียงโซ่ตรวนที่ลากผ่านพื้นดังขึ้น ร่างสง่ากำมือแน่นสะกดกั้นอาการคั่นเนื้อคั่นตัวเป็นระยะ มือผายออกพร้อมทั้งลูกไฟลูกเล็กทำหน้าที่เหมือนตะเกียง
“ชานยอล ช่วยเปิดประตูหน่อย”
ชานยอลเดินไปอยู่ที่หน้าประตู แล้วผายมือทั้งสองข้างออก โบกผ่านช่องอากาศว่างๆจนเกิดเป็นเปลวไฟวิ่งตามมือที่ผายผ่าน ปากอิ่มพูดเวทร่ายอย่างชำนาญแล้วปล่อยให้เปลวไฟนั้นตรงไปที่ประตูบานใหญ่ของเทวสถาน
“โฟเธีย โมโนส เซดีโอ อาร์นิโต”
แก๊ก!...แอ๊ด...ด...ด...ด
บานประตูหินขนาดใหญ่ค่อยๆเคลื่อนออกตามฝ่ามือที่ผายออกของผู้ร่าย ตาคมพยายามมองผ่านร่างสูงเข้าไป แต่ก็พบเพียงความมืดมิดภายในเทวสถาน คริสคิดว่าที่นี่เป็นเทวสถานที่แย่ที่สุดที่เคยเห็น มันไม่ได้ต่างจากบ้านล้างเลยสักนิด เต็มไปด้วยใยแมงมุมและฝุ่นเถ้าสีดำ
“เข้าใจละว่าทำไมชาวโฟเธียไม่อยากร่วมพิธีกรรมของเทวสถาน”
“นี่มันอยู่ในสภาพบ้านปกติเลยนะ ไม่มีใครคิดจะปรับปรุงรึไง”
“ใครจะกล้ามาที่นี่ พวกเรานี่แหล่ะที่บ้า บ้ามากที่มาที่นี่”
คริสกลอกตาอย่างระอาที่ชานยอลยังไม่หยุดพูด พวกเขามากันกว่าครึ่งทางแล้ว แถมเจ้าตัวก็เป็นคนเปิดประตูออกเองแท้ๆ จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาตอนนี้ล่ะ
“โฟเธีย โมโนส เซดีโอ แลมปาส”
มือหนาผายออกพร้อมร่ายเวทง่ายๆ ขายาวเดินเข้าไปในตัวอาคารเก่า ก่อนจะเหวี่ยงแขนให้ลูกไฟที่เกิดบนฝ่ามือกระจายตัวให้แสงไปในที่ต่างๆ แต่เมื่อแสงสว่างมากพอให้ได้เห็นภาพด้านในเทวสถาน ดวงตาคมทั้งสองก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“อะไรกันวะเนี่ย?!”
...นกยักษ์สีดำ...
ที่มาของเถ้าถ่านในอากาศคงไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มเปลวไฟนำทางของแต่ละบ้าน แต่คงเกิดจากการพลัดขนของเจ้านกยักษ์ที่นอนอยู่ใต้กองเถ้านี้ด้วย หากมันสยายปีกกว้างแล้วเกิดเปลวไฟ พวกเขาคงนิยามมันว่าฟีนิกส์ได้สะดวกใจกว่านี้ แต่สภาพที่ราวกับยกยักษ์ไร้ประสิทธิภาพและอ่อนเพลียของมัน ช่างไม่ดูองอาจอย่างที่ควรเลย
“นายคิดว่าใช่มันมั้ยคริส”
“เกิดจากเถ้าถ่าน ไม่ผิดหรอก”
พวกเขารู้ดีว่ามันคือนกยักษ์ในตำนาน สัญลักษณ์ที่องอาจของชาวโฟเธีย แต่กลับต้องมาถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอาคม ช่างเป็นภาพที่เจ็บปวด หมดสิ้นแล้วความศรัทธาต่อสายเลือดแห่งไฟ
“มันไม่มีเปลวไฟเลย”
“เพราะมันกำลังจะตายไงล่ะ”
“ตายเหรอ เราปล่อยมันตายไม่ได้นะเว่ย!”
“เราทำอะไรไม่ได้หรอกชานยอล ไปกันเถอะ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างเลือดเย็น ทั้งที่ในใจของเขาเองก็หดหู่ไม่ต่างกัน แต่เพราะเขารู้ดีว่าผู้จองจำคงไม่ปล่อยให้เขาร่ายเวทปล่อยมันได้ง่ายๆแน่ พวกเขายังไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในนี้เลยเสียด้วยซ้ำ บางทีมันอาจมีบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ บางอย่างที่เป็นความลับของฟีนูคอน
“ปิดประตูหน่อยชานยอล แล้วตามฉันขึ้นไปหาห้องสมุด”
“ให้ตายเหอะ!...โฟเธีย โมโนส เซดีโอ กิสธาร์เรีย”
ประตูบานใหญ่ปิดลงตามผ่ามือที่ผายเข้าหากัน ชานยอลมองสภาพที่หดหู่ของนกยักษ์อีกครั้ง แต่ก็จำใจก้าวขึ้นสู่ชั้นสองของเทวสถาน เพื่อทำตามสิ่งที่มุ่งมาดมาตั้งแต่ต้นให้สำเร็จ ร่างสง่าเดินไปตามทางมืดโดยมีเพียงลูกไฟบนมือนำทาง คริสเป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อในสัญชาตญาณ และ มันก็นำเขามาพบกับสิ่งที่ตามหาจริงๆ
...ห้องสมุดของเทวสถานโฟเธีย...
แอ๊ด...ด...ด
เสียงบานประตูเก่าลั่นสัญญาณที่บอกให้รู้ถึงการมาเยือน ขายาวก้าวเข้าไปในห้องสมุดนี้อย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความโดดเดี่ยวของสตรีสูงศักดิ์ฉายชัดจากเก้าอี้เพียงตัวเดียวตรงกลางห้อง สถานที่นี้ไม่เคยมีใครเข้ามานอกจากเทพีโฟเธีย และ คริส
“หือ?”
ร่างสง่าเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เงยหน้ามองออกไปที่ด้านหน้าเห็นม่านที่ปิดอยู่ไม่สนิทนักปลิวไสว เหมือนหน้าต่างของมันไม่ได้ปิดอยู่ ตั้งใจแค่จะเดินไปปิดมันแต่กลับกลายเป็นว่ามือหนาดันเปิดผ้าม่านออกแทน อยากรู้ว่าพระนางเห็นอะไรบ้างจากตรงนี้
“คริส...”
“เข้ามาสิชานยอล”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนจะหันกลับไปมองภาพที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ภาพที่เป็นฉนวนของความทะยานอยากได้อยากมีของเทพีโฟเธีย
...มหานครฟีนูคอนเกือบค่อนแผ่นดิน...
“จากตรงนี้มันเห็นหมดทุกอย่างเลยเนาะ”
“เพราะหมดไงล่ะ ถึงได้โลภมาก”
“นายหมายถึงเทพีโฟเธียเหรอ?”
“นายคิดว่าใครล่ะชานยอล หากเป็นนายจะทำอย่างไร”
...ก็คงทำในแบบเดียวกัน...
อำนาจบารมีเป็นสิ่งที่ยากจะเทียมทานต่อจิตใจของทุกคน ไม่มีใครอยากเกิดมาในชนชั้นอิลคอลลี่ ทุกคนอยากเกิดเป็นอฟาไตรแทบทั้งสิ้น เขตปกครองอฟาไตรนั้นรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่เสมอ แม้แต่จะเป็นเพียงคำกล่าวในคัมภีร์แห่งการถือกำเนิดก็ตาม แล้วหากเขาต้องมาเป็นเทพีโฟเธียที่มองบ้านเมืองของตนเอง ถูกละเลยด้วยความยิ่งใหญ่จะไม่โลภมากได้เช่นไร
“พ่อ แม่ รังแกฉันสินะ”
“แม้แต่เทพเจ้าก็ผิดพลาดได้”
“คำกล่าวของเทพเจ้าเนโร ฉันไม่คิดว่านายจะอ่านคัมภีร์ด้วย”
“ก็แค่จำได้ตอนอ่านไปสอบประวัติศาสตร์ฟีนูคอน”
ไหล่หนายักขึ้นอย่างไม่สนใจคำพูดล้อของเพื่อนรัก คริสเดินกลับมาที่โต๊ะอ่านหนังสืออีกครั้ง เพื่อดูหนังสือที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ แต่สิ่งที่น่าแปลกคือหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือใหม่และดูเหมือนเพิ่งถูกเปิดอ่านได้ไม่นาน
...เจ้าชายองค์สุดท้าย...
“นิทานเหรอ?”
นี่ยิ่งทำให้คริสขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่มีทางที่เทพีโฟเธียผู้ต้องมนต์สาปจะมานั่งอ่านนิทานแน่ ชานยอลหันมามองตามคำพูดของคริส ก่อนที่ขายาวจะก้าวเข้ามาจนถึงตะอ่านหนังสือได้ไม่ยาก ฉวยหนังสือจากมือหนามาเปิดดูแล้วมองใบหน้าหล่อนิ่ง
“ฉันว่าฉันเคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน”
“มันอาจจะมีขายตามร้านหนังสือน่ะ”
“ฉันเคยเห็นที่ห้องสมุด มีคนมายืมมันก่อนหน้าที่ฉันจะยืมหนังสือ แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นใคร”
คริสพูดขึ้นพยายามนึกถึงคนที่เขาพบในห้องสมุดชั้นวรรณกรรม มีไม่กี่ครั้งที่เขาเข้าไปในส่วนนี้ และ มันก็มีคนไม่มากเท่าไรที่เขารู้ว่าสนใจพวกมัน เพียงแต่เขานึกไม่ออกว่าเป็นใครเท่านั้น
“นายอาจจะจำผิด หนังสือนิทานก็ปกเหมือนๆกันหมด”
“ฉันว่าไม่ นายก็ชอบอ่านหนังสือ จำได้มั้ยว่าใครที่ชอบอ่านเหมือนกัน”
“มะ...ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้”
“เหรอ?”
“อะ...อืม”
เสียงทุ้มรับคำอย่างไม่ติดใจเอาความ เพราะเขาหันไปเห็นชั้นหนังสือเก่าที่มีหนังสือวางอยู่เพียงไม่กี่เล่ม และ พวกมันคงน่าสนใจกว่าหนังสือนิทานเล่มนี้แน่ มือหนาหยิบเล่มหนึ่งที่ดูหนาเป็นพิเศษออกมา เปิดผ่านหน้ากระดาษที่พร้อมจะหลุดติดมือออกมาทุกเมื่อ ยิ่งเปิดผ่านก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำไมมันถึงเต็มไปด้วยเรื่องของภูมิศาสตร์ กับ วงกลมที่แสดงถึงจุดสำคัญในแต่ละพื้นที่ ตัวหนังสือพวกนี้อ่านยากเหลือเกินสำหรับคริส
“ชานยอล ช่วยมาอ่านนี่หน่อยสิ”
หน้าที่หลักถูกโยนไปให้เพื่อนผู้เป็นหนอนหนังสือได้ทำ ชานยอลเก็บหนังสือนิทานนั้นลงกระเป๋าอย่างแนบเนียน ก่อนจะเอื้อมมือไปรับหนังสือเล่มหนามาจากร่างสง่า แต่แม้กระทั่งชานยอลที่อ่านลายมือของนักเขียนมาหลายคน ก็ไม่อาจจะเข้าใจสิ่งที่ระบุในหนังสือเล่มนี้ได้
“โฟเธีย โมโนส เซดีโอ เอเพคตีเนเต”
มือหยาบโยนหนังสือเข้าสู่ห้วงอากาศ ก่อนจะผายมือร่ายเวทออกไปอย่างชำนาญ ตัวหนังสือที่เขียนกระหวัดกระเหวียน ลอยออกมาเรียงตัวใหญ่ขึ้นในอากาศ ให้ชานยอลได้อ่านมันอย่างชัดเจนขึ้น แต่เมื่อมองผ่านร่างสูงก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
“ฉันอ่านมันไม่ได้”
“ทำไมวะ?”
“มันไม่ใช่ภาษาฟีนูเนียน มันเป็นภาษาโฟเธียรัส เป็นภาษาเก่าแก่ที่มีเฉพาะชาวโฟเธียที่เกิดในเขตโฟเธียเท่านั้นที่อ่านออก หรือไม่ก็ต้องศึกษาด้านนี้โดยตรง สายตาของฉันมันอ่านคำพวกนี้ไม่ได้เลย”
“แล้วเราจะไปหาคนที่อ่านได้จากที่ไหนวะ เล่มอื่นแม่งก็เขียนเหมือนกันหมดเลย อย่างนี้เราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องการเล่มไหน”
“เราต้องหาคนที่อ่านออกและไว้ใจได้”
“ใครวะ?”
“ที่รู้จักก็มีอยู่คนเดียว...คิม จงอิน”
“ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”
คริสแค่นหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถึงในนี้จะมีหนังสือไม่มากมายนัก แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าเจ็ดสิบเล่มเป็นอย่างน้อย ถ้าจ้างไอ้นักข่าวหน้าเลือดนั่นมาอ่านมีหวังหมดตัวกันก่อนจะรู้ความจริง
“มันอาจจะแพงไปหน่อยนะเว่ย แต่เด็กนั่นเข้าใจทุกภาษาบนดินแดนฟีนูคอน”
“ก็แน่ละ มันเสือกเอาโล่ขนาดนั้น”
“ทางเลือกเราไม่เยอะ นายบอกมาแค่ว่าจะเอายังไงก็พอ ถ้าไม่ใช่จงอินก็มีอีกทางเดียวคือถือนี่ออกไปให้ป้าบ้านข้างๆอ่านให้ แต่อันนี้ไม่รับรองความปลอดภัยของพวกเรานะ ถ้ามีใครรู้ว่าเราแอบเข้ามาในเทวสถานมันอาจไม่ใช่เรื่องดี”
“นี่เหรอวะทางเลือก เขาเรียกมัดมือชกต่างหาก”
“ก็ตามนั้น”
ร่างสง่าสะบัดหัวอย่างหัวเสีย ก่อนจะยอมทำตามข้อเสนอของชานยอล ตอนนี้พวกเขาต้องขโมยหนังสือพวกนี้ออกไปให้แนบเนียนที่สุด คริสปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชานยอลที่ชำนาญเวทรายมากกว่าตนเอง
“โฟเธีย โออีล เซดีโอ ซีมพีซีร์”
ชานยอลร่ายเวทที่เขาค่อนข้างใช้บ่อยอีกครั้ง ก่อนจะใช้สายตาบอกให้คริสเปิดกระเป๋าของตัวเองออก แล้วเคลื่อนย้ายหนังสือทุกเล่มใส่ลงไปในกระเป๋าของร่างสง่า ปิดกระเป๋าแล้วตรวจตาความเรียบร้อยของทุกอย่างอีกครั้ง ปิดม่านที่เปิดออกให้ห้องมืดเช่นดังเดิม ค่อยๆย่องลงมาที่ชั้นล่างที่มีเจ้าฟีนิกส์ยักษ์หมอบอยู่
“ถ้าเป็นไปได้จะกลับมาช่วยแกนะ”
มือหนาทาบลงที่ศีรษะของนกยักษ์ เหมือนอยากส่งความรู้สึกเมตตาต่อมัน เปลือกตาหนาของมันเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมลูกตาสีนิลที่มองไปที่ร่างสง่า หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของมันเอ่อล้น ไหลอาบลงมาสู่กองเถ้าถ่านที่รองร่างอยู่ บอกให้รู้ถึงการเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วนของมัน
...และคงวนเวียนไม่จบสิ้น...
“รอก่อน อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปล่ะ”
เสียงทุ้มกระซิบบอกพร้อมแนบศีรษะลงกับผิวหนังร้อนชื้นของมัน ร้องขอคำสัญญาด้วยดวงจิตแห่งสายเลือดโฟเธีย เขาจะปกป้องเกียรติยศสุดท้ายของสายเลือดแห่งไฟไว้ ชาวเผ่าอื่นจะต้องรู้ว่าชาวโฟเธียไม่ใช่แค่ผู้ทรยศที่ต้องผ่ายแพ้ไปชั่วนิรันดร์
“ไปได้แล้วคริส ถ้าเลยเวลานี้เราอาจจะออกไปยาก”
“อืม...แล้วพบกันนะ เพื่อนของฉัน”
<<< The Phonucorn…เพลิงพิทักษ์ >>>
The Phonucorn – Chapter 10
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกคน
หายไปนานเลยคิดถึงกันมั้ยคะ พอดีแอมเป็นเยื่อบุตาอักเสบ เลยถูกสั่งห้ามเล่นคอมพิวเตอร์ค่ะ เลยไม่สามารถมาอัพฟิคได้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาแล้ว พร้อมปมปริศนาที่รับรองว่าตอนหน้าจะลุ้นไปกับจงอินแน่ๆ รับรองว่าพ่อค้าคนนี้จะแสบจนสยองเลยค่ะ แต่ต้องรอในพาสของไคโด้นะคะ อิอิ ^^
ปล. ส่วนเรื่องเปลี่ยนพื้นหลังยังไม่ลืมนะคะ แต่มันต้องเปลี่ยนหลายขั้นตอนแอมเลยยังไม่มีเวลาหาแบล็กใหม่ที่ถูกใจเลยค่ะ ขอโทานะคะTT
เปิดจองหนังสือรอง 2/2557 สามารถตามอ่านรายละเอียดได้ที่ http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1202714
ความคิดเห็น