คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทเรียนที่ 5
บทเรียนที่ 5
“กูไม่ได้ตาบอดนะมะม่วง”
“!!!”
...ผมคิดว่าเขาไม่ได้สังเกต
“เร็วๆ
รีบเดินนำไปห้องมึงเถอะ”
“ตะ...แต่...อาจารย์จะไม่ว่านายหรอ?”
ฟ้าลั่นทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์
“ไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก...”
“...”
“...เอาเวลาไปห่วงตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ”
“!!!”
คำพูดของเขาแต่ละคำ
ไม่ต่างอะไรกับการเอามีดมากรีดหัวใจของผมเลย
“เป็นอะไร?
แค่นี้เจ็บแล้วเหรอ?” ฟ้าลั่นถาม คิ้วของเขาเลิกขึ้น
“...”
“แต่ถึงเจ็บมึงก็คงทนได้แหละ
ที่ผ่านมาก็เห็นทนให้คนอื่นแกล้งอยู่ได้ตั้งนานสองนาน”
“!!!”
แรง!!! เขาแรงจริงๆ ด้วยอะตั๊ก!!! ผมจะย้ายไปอยู่ทีมตั๊กแล้ว!!!
“ไปเถอะ
เดี๋ยวได้เข้าเรียนสายพอดี” พูดจบ ฟ้าลั่นก็เป็นฝ่ายเดินนำผมไปยังห้อง 4D
ห้องเรียนของผมเงียบลงฉับพลันยามที่ทุกคนหันมาเจอว่าใครกำลังเดินเข้าไปในห้อง...
…ไม่มีใครไม่รู้จักฟ้าลั่นสินะ...
“มองหน้าทำไม”
คนที่เป็นจุดสนใจขยับริมฝีปาก “พวกมึงสอบตกสังคมกันหมดทั้งห้องหรือไง มารยาทขั้นพื้นฐานแค่นี้ถึงยังไม่มีปัญญาทำได้”
‘ขวับ!’
ทุกสายตาต่างพร้อมใจกันหันกลับไปทางหน้ากระดานด้วยความรวดเร็ว
ผมยิ้มแห้ง
เมื่อลับหลังฟ้าลั่นมีเพื่อนคนหนึ่งส่งสายตาเครื่องหมายคำถามมาหาผม
“มะม่วง”
“ครับ!” ผมตอบกลับทันควัน
“โต๊ะมึงอยู่ไหน?”
“ตรงนั้นครับ”
ผมชี้ไปทันที
“โต๊ะข้างๆ ยังว่างไหม”
“ไม่ครับ”
“แล้วมีเก้าอี้ตัวไหนยังว่างอยู่หรือเปล่า?”
ผมหยุดคิด
ก่อนจะตอบ “ไม่มีนะครับ”
“เฮ้อ”
ฟ้าลั่นถอนหายใจ เขากวาดสายตามองรอบห้องหนึ่งที
ก่อนจะพาตัวเองเดินไปด้านหน้ากระดาน เขายกเก้าอี้ที่ควรจะเป็นของอาจารย์มาจากโต๊ะตรงนั้น
“เฮ้ย! ดะ...เดี๋ยวนะ
เก้าอี้ตัวนั้นไม่ได้นะฟ้าลั่น” ผมร้องท้วง
คนถูกห้ามไม่สนใจเสียงผมเลย
เขายังคงสาวเท้ากลับมาทางหลังห้อง วางเก้าอี้ตัวนั้นเอาไว้ด้านหลังเก้าอี้ของผมอีกที
“ไว้เจ้าของเค้ามาก็ค่อยให้เค้ามาเอาคืนเอง แต่ถ้าอาจารย์มาแล้วไม่ว่าอะไร มึงก็ไม่ต้องสนใจหรอกนะ
มะม่วง”
“...”
“...”
“...ครับ”
...แง ฟ้าลั่นโหมดนี้น่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยนะครับ...
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเรียนของผมอย่างที่ไม่ค่อยพบเจอ
ขนาดอาจารย์ที่เดินเข้ามาสอนยังมีใบหน้างุนงงในทีแรก
ทว่าพอเขากวาดสายตาไปรอบห้องแล้วเจอกับใครบางคนด้านหลังผม
อาจารย์ก็รีบตวัดสายตากลับไปแล้วเริ่มเข้าสู่บทเรียนโดยไม่มีคำพูดเอ้อระเหย
ระหว่างเรียนผมจำต้องหลุดสมาธิเพราะคนข้างหลังอยู่บ่อยครั้ง
เขาไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนผมหรอก แต่การที่เขานั่งอยู่ใกล้ๆ แถมยังทำท่าเหมือนจะสัปหงกบ่อยครั้ง
มันก็ทำให้ผมอดที่จะหันไปสนใจไม่ได้
“มะม่วง”
คนง่วงปรือตาขึ้นส่งเสียงเรียกเบาๆ
ผมเหลือบสายตามองอาจารย์
อาศัยจังหวะที่หันหลังเขียนกระดาน ผมจึงรีบหันกลับไปสบตาคนด้านหลัง “ครับ
ฟ้าลั่น?”
“กูง่วง”
“อ่า...”
ผมเห็นแล้วครับ แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะ...
“กูอยากได้โต๊ะนอน”
ผมหันกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง
“...แต่ผมต้องใช้เรียนหนังสือ”
ฟ้าลั่นขมวดคิ้ว
“ทีงี้ล่ะกล้าปฏิเสธนะ”
“...”
“งั้นกูยืมพนักเก้าอี้หน่อย”
ไม่พูดเปล่า ฟ้าลั่นยังขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “นี่ง่วงจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น
และเวลาง่วงๆ กูก็จะอารมณ์ไม่ดีด้วย อย่าขัดใจนักเลย”
แล้วเขาก็ทิ้งหัวลงบนพนักเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่
ผมรีบขยับตัวเลื่อนไปด้านหน้า
แต่ถึงอย่างนั้น ลมหายใจของเขาก็ยังคงเป่ารดบริเวณหลังต้นคอของผมอยู่ดี...
‘ตึกตัก
ตึกตัก ตึกตัก’
...นี่ผม
กลัวเขาอีกแล้วใช่ไหมครับ...
‘กึก
กึก’
เสียงเคาะจากโต๊ะข้างๆ
ช่วยดังกลบเสียงหัวใจของผม และเรียกให้ผมหันหน้ามองตาม
“เอานี่”
เพื่อนที่นั่งด้านข้างซึ่งไม่เคยพูดกับผมเลยซักครั้ง ยื่นกระดาษใบหนึ่งส่งมาให้
ผมรับ
แล้วคลี่ออกอ่าน
‘มึงรู้จักกับไนท์ด้วยเหรอวะ’
ข้อความในนั้นทำให้ผมต้องหันไปเลิกคิ้วใส่คนข้างๆ
ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการแต่ก็ตัดสินใจเขียนตอบกลับไป
‘อื้อ’
สั้นๆ ง่ายๆ
เพื่อนคนนั้นดึงกระดาษกลับเมื่อผมเขียนเสร็จ
ไม่นานนักเขาก็หยิบปากกาก้มลงเขียนข้อความเพิ่มอีก
‘โคตรเจ๋ง
บอกหน่อยดิว่ามึงรู้จักไนท์ได้ยังไง’
‘เรื่องมันยาวน่ะ’
‘กูมีเวลาคุยกับมึงอีกนาน’
‘แต่นายไม่เคยคุยกับเราซักหน่อย’
การสนทนาทางกระดาษชะงักไปเมื่อเขาอ่านข้อความล่าสุดของผม
เพื่อนคนข้างๆ เงยหน้าขึ้นสบตาผม ในแววตามีความไม่พอใจเล็กน้อยปรากฏอยู่
เขาดึงกระดาษกลับไป
แล้วเลิกเขียนมาหาผมอีก
ผมเห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปการสนทนาเมื่อครู่
ไม่ต้องเดาให้ยากเลย เขาคงกำลังกดส่งต่อให้เพื่อนของเขา
หรืออาจจะเป็นเพื่อนทั้งห้องเลยก็เป็นได้
แต่ผมไม่ได้สนใจเขามากนัก
ทำเพียงเหลือบสายตาไปหาคนด้านหลัง เมื่อเห็นว่าใครคนนั้นกำลังนอนหลับตาพริ้มพร้อมลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
ผมจึงหันกลับไปหาอาจารย์ที่หน้าห้องเรียน และเริ่มต้นสนใจเนื้อหาตรงนั้นแทน
ฟ้าลั่นไม่ได้นั่งหลับอยู่ที่ห้องผมเพียงคาบเดียว
แต่เขาเล่นนอนอยู่อย่างนั้นจนคาบสุดท้ายจบลง และเพราะเขากึ่งจะนอนพาดอยู่ที่หลังจึงทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
ทั้งๆ ที่ผม...ปวดมาตั้งแต่คาบก่อนแล้วด้วยซ้ำ
...ฮือ...
...ฟ้าลั่น
ตื่นซักทีเถอะครับ...
“อื้ม...”
“!!!”
...ขอบคุณสวรรค์...
“เช้าแล้วเหรอ?”
“...”
อะ...เอ่อ...
“อ้อ
เย็นแล้วนี่เอง” พึมพำจบ ฟ้าลั่นก็ยอมขยับหัวลุกขึ้น
เขาบิดขี้เกียจซักพักก่อนจะนั่งนิ่งมองหน้าผม
“อะ...อะไรเหรอ”
สายตาเขา ทำให้ผมประหม่า
“เมื่อไหร่มึงจะเก็บของ”
“เออ ใช่”
ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบลุกยืนตั้งท่าเตรียมออกวิ่ง
“เดี๋ยว”
ฟ้าลั่นคว้าข้อมือผมไว้ “จะไปไหนของมึงเนี่ย”
“เราปวดฉี่”
“ฮะ?”
“จริงๆ
ฟ้าลั่น ปล่อยเราก่อนเดี๋ยวฉี่ราด” ผมขืนมือตัวเองจากการเกาะกุมของอีกคน
สาวเท้ารัวเร็วออกจากห้องเพราะต่อมความอดทนใกล้จะหมดลง
“เฮ้ยอ้วน!”
“!!!”
แต่กลับมีคน...ยืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องเสียก่อน
...พี่ไนท์ ม.5 คนนั้น...
“ไม่เจอกันนานเลยนะมึง
กูมี...”
“มีอะไรกับมันอีกล่ะ
พี่ไมเคิล” เสียงจากคนข้างหลัง ดังขัดคำพูดของพี่ที่ผมเรียกว่าไนท์มาตลอด
ตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่
คิ้วของพี่ที่ยืนขวางประตูขมวดเข้าหากัน
“ไอ้ฟ้าลั่น” เขาขยับปากมุบมิบ ก่อนจะค่อยขยายวอลลุ่มเสียงเพิ่ม “มึงมาทำเชี่ยไรอยู่นี่วะ
มึงไม่ได้เรียนห้องนี้ซักหน่อย”
“จะอยู่ที่ไหนก็เรื่องของผม”
ฟ้าลั่นยักไหล่ “พี่ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
“กูไม่ได้ใส่ใจ...”
“งั้นพี่ก็คงเสือก”
“!!!” ดวงตาของพี่ไมเคิลถมึงทึง
“ไอ้สัตว์ฟ้าลั่น! นี่มึงอยากมีปัญหากับกูมากนักใช่ไหม!”
ฟ้าลั่นยักไหล่อีกครั้ง
“ผมยังไงก็ได้ จะมีปัญหาก็ได้... แต่พี่ช่วยปล่อยมะม่วงไปก่อนเถอะ
เดี๋ยวมันฉี่ราดตรงนี้จะได้เหม็นกันหมด” ไม่พูดเปล่า
ฟ้าลั่นยังเอามือดันไหล่พี่เขาให้เปิดทางให้ผมด้วย
พี่ไมเคิลพยายามฝืนตัว
“มาคุยกับผมดีกว่าน่า
มีเรื่องให้สนุกมากกว่ามะม่วงตั้งเยอะ” ฟ้าลั่นต่อรอง
“อย่าเสนอหน้าให้มากนักนะมึง”
“หรือว่าพี่กลัวผมล่ะ?”
คราวนี้พี่ไมเคิลยอมผ่อนแรงตัวเองลง
เขาหลีกทางให้ผมเดินออกมาขณะที่ตัวพี่เขาหันไปประจันหน้ากับฟ้าลั่นแทน
“รีบไปสิมะม่วง”
ฟ้าลั่นสะบัดมือไล่
ขณะที่ผมกำลังสองจิตสองใจ
แต่อวัยวะส่วนล่างกลับไม่ยอมให้ผมหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
สองขาของผมรีบก้าวย่างรัวเร็วไปยังห้องน้ำ แล้วทันทีที่ยืนอยู่หน้าโถสุขภัณฑ์
ของเหลวปริมาณมากก็หลั่งไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
ฟู่... เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ
เมื่อเสร็จกิจ
ผมก็รีบออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปดูสถานการณ์ที่หน้าห้องเรียน แต่ยังไม่ทันไปถึงที่หมาย
ฟ้าลั่น...กลับมายืนรอผมอยู่ที่หน้าห้องน้ำซะอย่างนั้น
“อ้าว?” ผมทำหน้างง
“แล้วพี่คนนั้นล่ะ? ไปไหนแล้ว”
ฟ้าลั่นส่ายหัว
“พี่คนไหน ไม่เห็นเข้าใจเลย” เขาตีหน้ามึน เดินนำผมกลับไปยังห้องเรียน
ห้อง...ที่เวลานี้ไม่มีผู้ใดหลงเหลืออยู่แล้ว
“รีบเก็บกระเป๋าได้แล้วมะม่วง
กูอยากกลับห้องไปนอนแล้วเนี่ย”
ผมหันไปสบตากับฟ้าลั่น
“นี่นายยังง่วงได้อีกเหรอ?”
“...”
“...ฟ้าลั่น”
“หึ!” เขาพ่นลมหายใจแรง
“ไม่ทันไรก็หัดต่อปากต่อคำแล้วแฮะ”
“ขอโทษ”
‘ป๊อก’
ฟ้าลั่นดีดนิ้วเข้าที่หน้าผากผมหนึ่งที
“เจ็บนะ”
ผมมุ่นคิ้ว
“ถ้ามึงขอโทษในเรื่องที่ไม่จำเป็นอีก
มึงก็จะโดนแบบนี้นี่แหละ”
“...”
“ไป
ไปเก็บของ”
ผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังล่องลอยแปลกๆ
...มือหนึ่งของผมทำหน้าที่จัดเก็บหนังสือและอุปกรณ์การเรียนเข้ากระเป๋า ส่วนอีกมือก็จับอยู่ที่หน้าผากตัวเอง
ให้ตายสิครับ...เหมือนว่าผมจะแย่แล้ว...
‘ตึกตัก
ตึกตัก ตึกตัก’
หัวใจผม...
เต้นแรงไม่หยุดเลย
“อยากให้กูช่วยไหม
ถ้ามึงจะชักช้าขนาดนี้”
ผมยู่ปากโดยไม่ให้อีกคนเห็น“จะเร่งเดี๋ยวนี้แหละครับ”
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็พาดกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วเดินนำเขาออกไปจากห้องเรียน
“...”
“...”
ระหว่างทางฟ้าลั่นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ส่วนตัวผมก็ไม่สามารถเริ่มบทสนทนาได้... ผมไม่รู้ว่าควรคุยกับเขาเรื่องอะไรดี
“ฟะ...ฟ้าลั่น”
จนเขามาส่งผมถึงหน้าประตูห้องพักแล้วนั่นแหละ ผมถึงได้เปิดปากพูดกับเขาอีกครั้ง
“ว่า?”
“...ขอบใจนะ”
เขาพยักหน้าลง
“อือ งั้นกูไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิ”
ฟ้าลั่นเลิกคิ้ว
“มีอะไรอีก?”
“ระ...เรา...”
ผมหลับตาปี๋ “...เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?”
“...”
“...”
“...”
ผมค่อยๆ
เปิดเปลือกตาขึ้นเพราะอีกฝ่ายเงียบไปนาน “ฟ้าลั่น...”
“มึงอยากเป็นเพื่อนกับกูหรอไง?”
“ใช่สิๆๆ”
ผมตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “เราอยากเป็นเพื่อนกับฟ้าลั่นมากๆ เลย”
“งั้นก็เอาเงินมา”
“ฮะ? หา...”
“กูบอกให้เอาเงินมาไง แลกกับความเป็นเพื่อนของกู”
ความคิดเห็น