คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทเรียนที่ 3
บทเรียนที่ 3
“แล้วเงินที่ถืออยู่น่ะ...
ก็ได้มาจากพ่อแม่ของมึงไม่ใช่เหรอ”
...
“แล้วเงินที่ถืออยู่น่ะ...
ก็ได้มาจากพ่อแม่ของมึงไม่ใช่เหรอ”
...
“แล้วเงินที่ถืออยู่น่ะ...
ก็ได้มาจากพ่อแม่ของมึงไม่ใช่เหรอ”
...
ราวกับถ้อยคำนั้น
ดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาได้สองวันแล้วก็ตาม
...ผมไม่รู้ควรทำยังไง...
“เฮ้ยไอ้อ้วน”
พระเจ้าครับ...
...ขอเวลาให้ผมหยุดพักหายใจบ้างได้ไหม...
ผมวางความคิดหนักอึ้งและเสียงที่ดังในสมองเอาไว้ซักพัก
ปั้นรอยยิ้มอย่างเคยฉาบไว้ก่อนจะหันไปหาพี่ไนท์ ม.5 ที่ส่งเสียงทักมาจากทางด้านหลัง “ครับพี่”
“ไม่เจอมึงหลายวัน
กูเดินตัวเบาเลยเนี่ย ฮะๆๆๆ” พี่เขาพูดติดตลก
และมีลูกคู่เป็นเพื่อนอีกหลายคนที่คอยส่งเสียงหัวเราะไปกับเขาด้วย “เอ้อ...
เห็นไอ้บอสเล่าให้ฟังว่าวันก่อนเจอมึงที่ห้องซักผ้า”
ริมฝีปากของผมกระตุก...
ทั้งที่พยายามจะไม่นึกถึงแล้วเชียว
“มึงรู้ป้ะเนี่ยว่าไอ้ไนท์
เด็กเวรชั้น ม.4
มันมาแย่งเงินมึงไปจากไอ้บอสด้วย”
“!!!”
พี่เขาไม่รู้สินะว่าคนคนนั้นเค้าเอาเงินมาคืนผม
ว่าแต่...
...ชื่อ ‘ไนท์’ อีกคนแล้วหรอ?
“แต่ช่างแม่งเหอะ
ไว้อารมณ์ดีๆ กูค่อยไปซัดหน้าแม่งแก้แค้นแล้วกัน”
“...”
ไม่น่าเลย...
เขาไม่น่าเอาเงินมาคืนผมเลย...
ถ้าเขาคนนั้นต้องเจ็บตัว...
ผมจะทำยังไงดี
ถ้าเขา...ต้องเจ็บตัวเพราะผมล่ะ...
“ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้วนี่หว่า”
พี่ไนท์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “งั้นอย่าชักช้าอยู่เลย” ว่าแล้ว
พี่เขาก็แบมือยื่นมาตรงหน้าผม
ผม...ที่มือกำลังสั่นเทา
ต่างจากทุกทีที่ผมสามารถส่งแบงก์หลากสีให้กับพี่เขาได้โดยไม่อิดออด
ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน
คุณพ่อคุณแม่ส่งเงินมาให้มากกว่าตอนเรียนอยู่โรงเรียนเก่าเสียอีก
พวกท่านไม่รู้ว่าการอยู่โรงเรียนประจำจะมีค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่
จึงถือคติเหลือดีกว่าขาดแล้วโอนมาให้ผมเป็นประจำทุกๆ สามวัน
เพราะงั้นเรื่องเงินจึงไม่ใช่ปัญหา...
...แต่ผมกำลังมีปัญหาทางความคิด
ผมสับสน
ราวกับมีมารขาวมารดำในหัวกำลังตีกันให้ยุ่งเหยิง
ผมจัดการกับความคิดของตัวเองไม่ได้เลย...
“เฮ้ยไอ้อ้วน!”
เสียงของพี่ไนท์ดังเรียกผมให้หลุดจากภวังค์
ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
จ้องอยู่ซักพัก แล้วศีรษะของผมก็ขยับไปทางซ้ายทีทางขวาที ...ผมกำลังปฏิเสธ “ผม...”
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “ผมไม่อยากให้เงินพี่... ไม่ให้...
ผมจะไม่ให้เงินพี่อีกแล้ว!”
‘ผัวะ!’
“!!!” ดวงตาของผมเบิกโต...
นี่สินะ...ความเจ็บจากกำปั้นของใครซักคน
ผม...คนที่หนีจากทุกความรุนแรงด้วยการยอมแพ้มาตลอด
โดนทำร้ายร่างกายจากการขัดขืนครั้งแรกในชีวิต
“เชี่ยอ้วน!” พี่ไนท์ตะโกนลั่นระเบียงทางเดิน
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาต่างก็หยุดมอง แต่ก็แค่มอง...เท่านั้น “อย่ากวนส้นตีน
รีบส่งเงินมาซักที!”
“...”
“ไอ้สัตว์อ้วน! อย่ามาทำเป็นเงียบนะ!”
แล้วพี่เขาก็ตบหน้าผมอีกที
...อีกที...
และ...
...อีกที...
ยอมรับตามตรงว่าผมเจ็บมาก
เจ็บไปทั่วทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
แต่มันน่าแปลกจริงๆ
ที่ในใจของผมกลับกำลังโห่ร้องด้วยความยินดี
ผมเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่านะ
ผมนั่งเรียนด้วยสภาพใบหน้าที่ยับเยินจนคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุด
เพื่อนร่วมห้องเพียงหันมองด้วยความสนใจ
ขณะที่อาจารย์ไม่แม้แต่จะปรายสายตามองผมด้วยซ้ำ
หมดคาบเรียนผมก็เดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
เจอกับรูมเมทที่กำลังทำอะไรซักอย่างกับกีตาร์อยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะที่มีกันคนละตัว
“ไงมึง
เจ็บหนักเลยสิ”
“!!!” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ
เมื่อกี้...เขาพูดกับผมใช่หรือเปล่า?
“ทำหน้าเหวออะไรของมึงเนี่ย”
รูมเมทยักไหล่ขึ้นลง ก่อนจะลุกเดินไปเก็บกีตาร์เข้ากระเป๋าที่มุมห้อง
“ได้ข่าวว่าโดนไนท์ ชั้น ม.5 กระทืบนี่ ไม่ไปห้องพยาบาลก่อนวะ”
“...”
ข่าวเร็วจังแฮะ
“เอ้า
เลยกลายเป็นมึงไม่คุยกับกูซะงั้น”
“คุยสิ คุย”
ผมรีบบอก กลัวเขาเปลี่ยนใจแล้วจบบทสนทนานี้ “...คุยกับเราเถอะนะ”
รูมเมทหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ขอโทษแล้วกันที่ไม่ค่อยได้คุยด้วย ก็ใครใช้ให้มึงเล่นไปผูกปิ่นโตกับไนท์
ชั้น ม.5 ล่ะวะ กูเองก็กลัวโดนทีนเหมือนกันนะเว้ย”
ผมก้มหน้าลง
“...ขอโทษ...”
“เอ้า
ไอ้หอกนี่” รูมเมทขยับมาใกล้ผมมากขึ้น “อยู่ดีๆ ก็ขอโทษกูซะงั้น”
“ก็เรา...”
“พอๆๆๆ
ช่างแม่งเหอะ” เขาตัดบท ส่ายหัวไปมาสองสามที
“แต่ก็ดีแล้วแหละที่มึงเปลี่ยนมาซบไอ้ฟ้าลั่นแทน มันนิสัยดี ไม่ค่อยถือตัวหรอก”
“...”
“อะไรอีกล่ะ?”
รูมเมทชะงักเมื่อเห็นผมขมวดคิ้ว “งงไรของมึงอีกเนี่ย”
“ก็ใคร...
ใครคือฟ้าลั่นหรอ?”
“หา!!! มึงตลกป้ะเนี่ยไอ้ต๊อง”
แล้วเขาก็ถือวิสาสะยกมือขึ้นผลักหัวผมเบาๆ
“ไอ้ฟ้าลั่นก็คนที่มีข่าวว่ามึงย้ายไปผูกปิ่นโตแทนไนท์ ชั้น ม.5 ไง”
ผมยังคงมุ่นคิ้ว
“ไม่เห็นรู้จักเลย”
“เอ้าหรอ กูได้ยินมาว่ามึงให้เงินไอ้ฟ้าลั่นในห้องซักผ้าอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ”
เขาเกาหัวตัวเองแกรกๆ
“อ๋อ...”
ผมรู้แล้ว “คนคนนั้นไม่ได้ชื่อไนท์หรอกหรอ?”
“...”
ผมยู่ปาก
“ทำไมต้องมองเหมือนเราเป็นคนโง่อย่างนั้นด้วยล่ะ”
“มึงไม่ได้เหมือน
มึงโง่จริงว่ะมะม่วง”
ว้าว...
เขารู้จักชื่อผมด้วย
“ไนท์ไม่ใช่ชื่อแต่เป็นตำแหน่งต่างหากเล่า”
รูมเมทอธิบายต่อด้วยท่าทางหัวเสียเล็กน้อย “มึงย้ายมาเกือบเดือนแล้วไม่ใช่หรอ
มัวแต่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ”
“อ่า...”
...คงมัวแต่มุดอยู่ในที่ที่ไม่มีใครสนใจล่ะมั้ง...
“เวรกรรม”
รูมเมทของผมถอนหายใจ “ขอโทษๆ อย่าทำหน้าหงอยสิวะ กูไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้น”
“...ไม่เป็นไรหรอก”
ผมพยายามฝืนยิ้ม
“อะๆ
งั้นเอางี้ กูจะเล่าเกี่ยวกับโรงเรียนให้ฟัง แลกกับการที่มึงต้องไม่โกรธที่กูพูดเมื่อกี้นะ”
“เราไม่ได้โกรธนายหรอก”
“เฮ้อ...
เบื่อจริ๊ง คนดีเนี่ย” พูดจบ เขาก็ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นห้อง
พลางทำไม้ทำมือเรียกให้ผมนั่งลงตามด้วย “ไม่เปื้อนหรอกน่า” เขาบอก
ผมทำตามโดยไม่ชักช้า
“คืองี้นะ
โรงเรียนเราจะไม่ค่อยเหมือนโรงเรียนปกติทั่วไปนักหรอก เป็นโรงเรียนแปลกๆ
ที่มีวัฒนธรรมประหลาด”
“...”
“ทุกครั้งที่มีการเลื่อนชั้น
วันแรกของชั้นปีจะไม่ใช่การเรียนเหมือนที่อื่น
แต่จะเป็นการเข้าสู่เวทีประลองเพื่อจัดอันดับการต่อสู้ของแต่ละคน”
“!!!” ผมเบิกตา “ต่อสู้เหรอ?”
“เออ
ดีแล้วแหละที่มึงย้ายมากลางเทอม ไม่งั้นบื้อๆ อย่างมึงนี่มีหวังได้นอนให้น้ำเกลือแน่”
“...”
“ที่นี้...
คนที่ได้ที่หนึ่ง หรือก็คือชนะได้ทุกคน แต่บางคนก็ยอมแพ้ก่อนจะได้สู้อะนะ ที่หนึ่งจะถูกเรียกว่า
‘คิง’ เป็นตำแหน่งสูงสุดของนักเรียนแต่ละชั้น
ไม่ค่อยมีใครกล้าหือกับพวกนี้หรอกนอกจากคิงของชั้นปีอื่น แถมพวกคิงยังจะได้อภิสิทธิ์อีกหลายอย่างที่นักเรียนธรรมดาอย่างเราไม่รู้ด้วย
ขนาดอาจารย์ยังไม่ค่อยอยากยุ่งเลยแหละ”
“...”
“อันดับที่สองถึงห้าจะถูกเรียกว่า
‘ไนท์’ ก็คือทั้งไอ้ฟ้าลั่น
ทั้งพี่ที่มึงเคยส่งส่วย ต่างก็เป็นไนท์กันทั้งนั้น ไม่ได้ชื่อไนท์อย่างที่มึงคิดซะหน่อย”
ราวกับมีลูกศรคำว่า
‘โง่’ พุ่งเข้ามาปักกลางหน้าผากของผม
...ฮือ...
“อ้อ
มีอีกตำแหน่งด้วย เราเรียกกันว่ามาสเตอร์ เป็นคนที่ถูกเลือกจากคิงโดยไม่ต้องต่อสู้กับใคร
มีหน้าที่เป็นมันสมองของพวกชนชั้นสูง
แต่มาสเตอร์ของชั้นเราได้ยินว่าถูกเลือกเพราะเป็นเพื่อนสนิทกับคิงอ่านะ
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนอย่างพวกเราหรอก”
“...”
“มีอะไรสงสัยอีกไหม?”
ผม...ยังคงขมวดคิ้วมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“...เยอะเลย”
“เฮ้อ...”
เขาถอนหายใจยาว “งั้นถ้าอยากรู้อะไรมึงก็ไปถามไอ้ฟ้าลั่นเอาเองแล้วกัน”
ผมทำตาโต “นี่นายรู้จักกับคนที่ชื่อฟ้าลั่นแบบเป็นส่วนตัวด้วยหรอ”
ค่อยๆ ไถลตัวเองไปด้านหลังเพื่อทิ้งระยะห่างจากอีกคน
“ยะ...อย่าบอกนะว่านายเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหมือนกัน”
‘ป้าบ’
รูมเมทขยับเข้ามาพร้อมกับฟาดมือใส่ไหล่ผม
“อย่ามาปัญญาอ่อน กูก็แค่เรียนห้องเดียวกับไอ้ฟ้าลั่นเฉยๆ ห้อง 4A แล้วมันก็เข้าถึงง่ายจะตาย ถ้าไม่ติดว่าเงียบไปหน่อย
นอกนั้นมันก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมชั้นธรรมดานี่แหละ”
“อ้อ...”
ผมยอมนั่งนิ่งอยู่ใกล้เขาตามเดิม
“เอาไง?
จะลองไปคุยกับไอ้ฟ้าลั่นไหมล่ะ มันเองก็พักอยู่ตึกนี้นี่แหละ ชั้นบนสุดเลย”
“!!!”
‘ตึก
ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก’
ไม่อยากยอมรับเลยครับ...
ผมเริ่มกลัวคนที่เคยเจอในห้องซักผ้าขึ้นมาตงิดๆ
ถ้าเขามีตำแหน่งสูงส่งไม่ต่างจากพี่ไนท์
ม.5 บางที...เขาเองก็คงไม่อยากญาติดีกับคนอย่างผมเหมือนกัน
“ไม่ต้องคิดมากน่า
ไอ้ฟ้าลั่นมันใจดีจริงๆ ไม่เชื่อกูหรอ?
กูนี่เป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนของมึงเลยนะ”
“!!!”
...เพื่อน!!! ผมจะมีเพื่อนแล้วหรอ...
“ฮ่าๆๆๆ
ทำหน้าตลกฉิบหาย มาๆ ลุกขึ้นเร็วเข้า” ว่าแล้ว รูมเมทก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนก่อน
ผมค่อยๆ
ยันตัวเองลุกขึ้นตาม “แล้วเพื่อน...” เสียงของผมแผ่วเบา “...ชื่อ...อะไรเหรอ?”
“เชี่ย!!!” เขาสบถเสียงดังลั่น
“นี่กูยังไม่ได้แนะนำตัวกับมึงอีกหรอ!?”
“...”
“จริงเหรอวะ!?”
“...อื้อ”
“เวรจริงๆ”
เขาขยุ้มหัวตัวเองแรงๆ “กูแม่งขอโทษมึงจริงๆ นะ ก็ตอนนั้นกูแค่ไม่อยากมีปัญหา”
“ไม่เป็นไร
ไม่เป็นไรจริงๆ”
รูมเมททำหน้าบึ้งขณะมองผม
“เนี่ย ยิ่งมึงดีขนาดนี้กูก็ยิ่งดูเลวเลย”
“อ้าว...”
“เฮ้อ! เอางี้ กูชื่ออัพ อยู่ ม.4 เหมือนมึงเนี่ยแหละ แต่คนละห้อง กูอยู่ห้อง A อย่างที่บอกไปแล้ว”
“...”
“อยากรู้อะไรอีกป้ะ?
ชื่อพ่อชื่อแม่ไหม จะได้ล้อถูก”
ผมรีบส่ายหัวรัวๆ
“โอเค
งั้นจบเรื่องแนะนำตัวนะ”
“อื้อ”
ผมพยักหน้าลงพร้อมกับส่งยิ้มให้
“เอ้า อย่ามัวแต่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าสิ
รีบตามกูมาเร็วเข้า”
ผมมุ่นคิ้ว “...เรา...จะไปไหนกันเหรอ?”
“ก็ไปหาไอ้ฟ้าลั่นไง”
“หา!!”
“หาอะไรเล่า
มาเร็ว” จบคำ อัพก็ไม่รอให้ผมหายตกใจก่อน
เขาล็อคคอผมไว้แล้วกึ่งลากกึ่งดันให้ตามเขาขึ้นบันไดจนไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องหนึ่งบนชั้นสูงสุดของตัวอาคาร
‘ตึก
ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก’
หัวใจของผมเต้นรัวอีกครั้ง...
‘ก๊อกๆๆๆ’
และเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อกำปั้นของอัพบรรจงเคาะลงไปบนประตูเบื้องหน้านั่น
‘ตึก
ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก’
อัพมุ่นคิ้วเมื่อไม่ได้ยินเสียงใดๆ
ภายในห้อง “หรือมันจะไม่อยู่วะ” เขาพึมพำ
‘ก๊อกๆๆๆ’
“...”
ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆ
“อะ...เอ่อ... เรากลับห้อง...”
‘แอด...’
“!!!”
ไม่ทันที่จะได้พูดจนจบประโยค
ร่างสูงของคนในห้องก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าสะลึมสะลือ
เจ้าของห้องสบตากับอัพก่อนจะหันมามองหน้าผม
“มีอะไรกัน”
“นี่ว่างอยู่หรือเปล่า?
ถ้าไม่ว่างไว้ค่อยมาใหม่ก็ได้” อัพเป็นคนเอ่ยตอบ
น้ำเสียงแสดงออกถึงความเกรงใจในคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย
ฟ้าลั่น...
ละสายตาจากผมไปหาอัพ “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
“พอดีมะม่วงมีเรื่องจะพูดด้วย”
คิ้วของฟ้าลั่นเลิกขึ้นเล็กน้อย
เขากลับมามองทางผมอีกครั้ง “ชื่อมะม่วงเหรอ?”
“...”
“เฮ้ๆ”
อัพกระแซะ “ตอบรับอะไรหน่อยสิ”
ผมจ้องคนที่ยืนอยู่หน้าประตูซักพักหนึ่ง
ก่อนจะเปิดปากทักทายเขา “คะ...ครับ... เราชื่อมะม่วงครับ” แล้วผมก็ทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆ
ให้
“มีอะไร?”
“คือเรา...”
“ฮ้าว!!!” ฟ้าลั่นหาวแทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดต่อ
“...”
นั่นทำให้ผมรีบหุบปากลงฉับพลัน
“ง่วงว่ะ”
ไม่พูดเปล่า เจ้าของห้องยังบิดตัวไปมาแสดงออกถึงอาการตามที่พูด
“ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้กูตาจะปิดแล้วเนี่ย”
“อ่อ...
ได้...ได้ครับ” ผมจะเอาอะไรไปขัดใจเขาล่ะ
“ดี”
ฟ้าลั่นพยักหน้า “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ตอนกลางวันนะ”
“กลางวัน?”
ผมทวนคำ
“อือ ถ้ามีนัดกับใครก็ยกเลิกไปก่อนแล้วกัน”
“...”
...ผมไม่เคยมีนัดอะไรแบบนั้นหรอกนะ...
“โอเคไหม?” ฟ้าลั่นถามย้ำ
“...ครับ”
“บอกเค้าไปว่ากูจองตัวมึงกินข้าวด้วย”
“!!!”
“ไม่มีใครว่าอะไรมึงหรอก”
“...”
“แค่นั้นแหละ แยกย้ายนะ” จบคำ ฟ้าลั่นก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที
ความคิดเห็น