ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มะม่วง ฟ้าลั่น

    ลำดับตอนที่ #10 : บทเรียนที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 64






    บทเรียนที่ 9

     

    “แฮ่กๆๆ” ฟ้าลั่นหอบเหนื่อย หลังจากที่พี่ไมเคิลยอมออกจากห้องเรียนผมไป “แม่งเอ๊ย” เขาสบถ ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองผม “อยู่ดีๆ ไม่เป็นหรอมะม่วง”

    “อ้าว...”

    “เฮ้อ... เออ กูรู้แหละว่าไอ้บ้านั่นมันมายุ่งกับมึงเอง” เขามีสีหน้ายุ่งเหยิง “แต่แม่ง...”

    “ตุ้ยนุ้ย!!!

    ฟ้าลั่นหยุดชะงักเมื่อตั๊กเดินนำทอยเข้ามาพร้อมเสียงดังลั่น “ไว้ค่อยเทศนามึงทีหลังแล้วกัน” เขาพึมพำ

    ผมยู่ปาก ไม่อยากให้เวลานั้นมาถึงเลย

    “ตุ้ยนุ้ยเป็นไงบ้างเนี่ย บุบสลายตรงไหนหรือเปล่า” ตั๊กตรงเข้ามาจับตัวผมพลิกไปซ้ายทีขวาที “นี่ประชุมเสร็จกูก็รีบวาร์ปมาเลยนะ” ท่าทางที่ติดเล่นนั้นมาพร้อมสายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงจริงจัง

    ผมอมยิ้ม “ขอบใจมากนะตั๊ก”

    “เหอะ” เสียงแค่นหัวเราะดังมาจากคนที่ยืนอยู่ใกล้ผมที่สุด “ดีเนอะ กูช่วยแทบตาย ขอบใจไอ้ตั๊ก” จบคำ ฟ้าลั่นก็ถอยห่างออกไปยืนข้างๆ ทอย

    “ไม่ใช่อย่างนั้นสิ” ผมรีบตามเขาไป “เราก็ต้องขอบคุณฟ้าลั่นอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ฟ้าลั่นป่านนี้เราคงโดนพี่ไมเคิลแกล้งหนักแน่ๆ” เมื่อเห็นเขาทำเหมือนไม่สนใจ ผมจึงจับชายเสื้อที่หลุดจากกางเกงนักเรียนของเขามาเขย่าเบาๆ “น้า... เราขอโทษน้า... ต่อไปเราจะพูดขอบคุณฟ้าลั่นก่อนใครเลย”

    คล้ายว่าคิ้วที่เคยขมวดมุ่นของคนขี้โมโหจะค่อยๆ คลายออก “เออ ให้มันได้อย่างนั้นสิ”

    “แหวะ” เสียงแสร้งอาเจียนของตั๊กดังขัดมู้ดเมื่อซักครู่ “คลื่นไส้เลยกู”

    “อะไรของมึง” ฟ้าลั่นละสายตาไปจากผม

    “ก็ใครใช้ให้หน้าอย่างมึงทำท่าขี้งอนแบบนั้นล่ะ ขนลุกฉิบหาย” ตั๊กลูบแขนตัวเองแรงๆ

    “หน้าก็หน้ากู แต่ดันไปหนักบนหัวมึงสินะ”

    !!!

    “หึ...”

    “ไอ้สัตว์ฟ้าลั่น!!!

    “เสียงดังอะไรกันน่ะ?”

    ...ราวกับเป็นภาพทับซ้อน อาจารย์คนเดิมกับตอนที่เจอพี่ไมเคิลแล้วทิ้งผมไปอยู่ห้องพักครู เวลานี้ได้กลับมายังห้องเรียนอีกครั้ง

    “อ้าวจารย์” ตั๊กเป็นคนแรกที่หันไปทักทาย ส่วนฟ้าลั่นกับทอยแค่เพียงเหลือบหางตามอง “ทำไมเข้าสอนช้าขนาดนี้ล่ะ นักเรียนจะตีกันตายอยู่แล้วไม่รู้หรือไง”

    ...ช่างเป็นถ้อยคำที่ห้าวหาญเหลือเกิน...

    อาจารย์ชะงักไปเล็กน้อย แว็บหนึ่งผมรู้สึกเหมือนอาจารย์อยากจะโต้กลับด้วยถ้อยคำรุนแรง ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกมากลับไม่ใช่อย่างนั้น “อะ...คือ... เมื่อกี้ฉันมีธุระนิดหน่อย...”

    “ไม่ใช่ว่าจารย์เพิ่งเปิดโอกาสให้มีการกลั่นแกล้งกันในห้องเรียนเหรอ?”

    !!!

    ตั๊กเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ตั้งแต่ผมเรียนอยู่มอต้นจนตอนนี้ขึ้นมอปลายแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังทำตัวเหมือนเดิมเลยเนอะ”

    “พอแล้วน่า” ฟ้าลั่นเอ่ยขัด เขาหันไปที่หน้าห้อง ก่อนจะว่า “เริ่มสอนเถอะครับ ช้ามากแล้ว ส่วนนักเรียนคนนี้ผมคงต้องขอตัวเอาไว้ก่อน เรื่องเช็คเวลาเรียนฝากอาจารย์จัดการให้ด้วยนะครับ”

    “...ตามใจพวกเธอก็แล้วกัน” อาจารย์ก้มหน้าลงแล้วเดินไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะครู

    “มะม่วง”

    ผมหันขวับตามเสียงเรียกของฟ้าลั่น “ฮึ?”

    “ไปกันเถอะ”

    “ปะ...ไปไหน?” ผมงงไปหมดแล้ว

    “ไปห้องลับกัน” ตั๊กยิ้มกริ่ม “ได้เวลาโดดเรียนแล้ว” จบคำ ตั๊กก็กอดคอผมแล้วออกแรงลากให้ตามเขาไปทันที

    จุดหมายที่ทั้งสามคนพาผมมา คือห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารผู้อำนวยการโรงเรียน ที่หน้าห้องติดป้าย ห้ามเข้าไว้ข้างๆ กับชื่อห้อง ที่พักสำหรับนักเรียนกลุ่มพิเศษเท่านั้น

    “เข้าไปสิตุ้ยนุ้ย หยุดเดินทำไม”

    ผมเหลียวไปมองตั๊ก “ตะ...แต่...เราไม่พิเศษ”

    “ฮ่าๆๆๆๆ” ตั๊กหัวเราะร่า ส่วนทอยเองก็หลุดยิ้มมุมปากเช่นกัน “กูก็ไม่ได้พิเศษเหมือนกัน ก็คนธรรมดาพอๆ กับมึงเนี่ยแหละ”

    “แต่...”

    “เร็วเข้า ตามมานี่” ว่าแล้ว ตั๊กก็เปิดประตูเดินนำผมเข้าไปข้างใน

    เมื่อเห็นว่าผมยังคงลีลา ฟ้าลั่นที่ยืนอยู่ด้านหลังจึงดันตัวผมด้วยแรงของเขาที่ผมไม่อาจขัดขืนได้ ทอยเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตูลง

    “หวังว่าคนอื่นคงไม่โผล่มาตอนนี้หรอกนะ” ตั๊กส่งสายตาไปรอบห้อง

    ฟ้าลั่นยักไหล่ “มาแล้วไง? ใครสนล่ะ”

    “ตุ้ยนุ้ยไงสน” ตั๊กชี้นิ้วมาทางผม “ทำอย่างกับว่าเด็กน้อยของมึงจะกล้าหาญนักล่ะ”

    ผมมุ่นคิ้ว “เรา...เป็นเด็กน้อยเหรอ?”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ” ตั๊กเปิดปากหัวเราะลั่นกว่าทุกที “เออสิ ก็มึงเป็นเด็กน้อยของไอ้ฟ้าลั่นไง ไอ้บ้านั่นแม่งบอกว่ามึงตัวเล็กเด็กน้อยแหละตุ้ยนุ้ย ฮ่าๆๆๆ”

    ผมค่อยๆ หันหน้าไปหาคนที่ถูกพาดพิง “ฟะ...”

    “ไร้สาระ” ฟ้าลั่นตัดบทพร้อมกับหันหน้าหนี “เลิกพูดมากแล้วมานั่งเถอะ ไหนว่ามึงมีเรื่องจะคุยกับมะม่วงไม่ใช่เหรอ”

    “เออๆๆๆๆ มึงนี่ก็ชอบชวนกูคุยจัง” ตั๊กรีบวิ่งไปจับจองเก้าอี้ตรงมุมห้องก่อนใคร

    ห้องนี้กว้างมากจนไม่น่าเชื่อว่าคนแค่เพียงกลุ่มเดียวจะได้ครอบครองเบ็ดเสร็จ มองไปมองมาเผลอๆ อาจจะมีขนาดไม่ต่างจากห้องสมุดรวมของโรงเรียนเลยก็ได้

    ผมเลิกให้ความสนใจกับสิ่งของรอบห้อง เดินตามอีกสามคนไปทิ้งตัวนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม “มีอะไรจะคุยกับเราเหรอตั๊ก”

    “กูว่ามึงควรหาทางป้องกันตัวเองได้แล้ว”

    “หา?” ผมไม่เข้าใจ ตั๊กเริ่มเรื่องเร็วเกินไปจนผมตามไม่ทัน

    “ก็มึงชอบโดนหาเรื่องอยู่เรื่อย ถ้าขืนมึงไม่ทำอะไรซักอย่าง ยังไงรุ่นพี่พวกนั้นก็ไม่มีวันปล่อยมึงไปง่ายๆ หรอก”

    “เฮ้อ...” ฟ้าลั่นถอนหายใจ “กูก็นึกว่าเรื่องอะไร”

    “จะชมว่ากูคิดดีก็พูดมาเถอะไอ้น้อง”

    ฟ้าลั่นส่ายหัว “แขยงปากไหมที่พูดมาน่ะ”

    “ไอ้สัตว์”

    “ไม่ต้องสนใจไอ้ตั๊กหรอก” ประโยคนั้นฟ้าลั่นหันมาหาผม “มึงอยู่เฉยๆ แบบนี้นี่แหละ เดี๋ยวกูตามจัดการให้เอง”

    “...”

    ผม...รู้สึกเหมือนหัวใจจะไม่ค่อยดีอีกแล้วล่ะครับ...

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

    “แล้วถ้าเกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้นอีกล่ะ” ตั๊กยังคงพูดต่อ

    ฟ้าลั่นหันไปพ่นลมหายใจแรง “ก็ไม่เห็นว่ามะม่วงจะเป็นอะไรนี่”

    “แล้วต้องรอให้ตุ้ยนุ้ยเป็นอะไรไปก่อนหรือไงวะ” ตั๊กขมวดคิ้ว “ถ้าเกิดวันนี้มึงไปช่วยไม่ทันจะทำยังไง”

    “...”

    “มึงคิดว่าป่านนี้ตุ้ยนุ้ยจะได้มานั่งแก้มใสอยู่ข้างมึงเหมือนตอนนี้ไหมล่ะ”

    “...”

    “เห็นไหม แค่นี้มึงก็เถียงไม่ออกละ” ตั๊กยักไหล่ ก่อนจะหันไปหาอีกคนในห้องที่ไม่ค่อยมีบทเท่าไหร่นัก “ขนาดไอ้ทอยยังเห็นด้วยกับกูเลย ใช่ไหม?”

    ฟ้าลั่นตวัดสายตาไปทันที และทอยค่อยๆ พยักหน้ารับ

    “อืม... กูว่าให้มะม่วงป้องกันตัวเองได้น่าจะดีกว่า”

    “...” ฟ้าลั่นยังคงเงียบ

    “ช่างหัวไอ้ฟ้าลั่นเถอะตุ้ยนุ้ย” ตั๊กหันมาหาพลางจับไหล่ผมแน่น “มองตากูแล้วเชื่อที่กูพูด... มึงจะต้องหาทางสู้กลับ มันมีวิธีที่คนตัวเตี้ยอย่างมึงจะเอาชนะคนที่แข็งแรงกว่าอย่างไอ้พี่ไมเคิลหรือใครๆ ได้อยู่เว้ย”

    “...”

    อ่า...นี่เขากำลังจะสะกดจิตผมหรือเปล่านะ

    “ข้อแรกเลยคือถ้ามึงตัวเล็กกว่า มึงก็จะสามารถหลบหลีกได้ดีกว่า...”

    “แต่มะม่วงไม่ได้ตัวเล็กซักหน่อย”

    !!!” ผมหันขวับไปมองหน้าทอย

    ฮือ... ไม่เคยเห็นเขาพูดคำไหนด้วยท่าทางจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลย...

    “ก็ไอ้ฟ้าลั่นบอกเองว่าตุ้ยนุ้ยตัวเล็ก” ตั๊กยักไหล่

    ทอยเหลือบหางตามองฟ้าลั่น “...ยังยืนยันแบบนั้นเหรอ?”

    “เออ”

    “โอเค” ทอยหันกลับไปหาตั๊ก “งั้นก็แค่กับฟ้าลั่น แต่กับคนอื่นมะม่วงไม่ได้ตัวเล็ก มึงหาข้อได้เปรียบอย่างอื่นเลย”

    ...ทำไมยิ่งฟัง ผมก็ยิ่งเจ็บอะ...

    แง...

    “อืม...” ตั๊กทำท่าคิด “งั้นกูว่ามึงต้องใช้จิตวิทยาเข้าช่วย มองหน้าข่มขู่แม่งเลย เชื่อดิแป๊บเดียวคนอื่นก็ฝ่อแล้ว มองไกลๆ มึงเหมือนนักเลงมากกว่าไอ้ฟ้าลั่นอีก”

    “ตั๊ก” เสียงทอยดังขึ้นอีกครั้ง “ข้ามข้อนี้ไปเหมือนกัน มะม่วงไม่มีทางข่มใครได้หรอก”

    ตั๊กมุ่นคิ้ว เขากวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ถามจริง...”

    “...”

    “...มึงมีไรดีบ้างวะตุ้ยนุ้ย”

    ผัวะ!’

    ฝ่ามือของฟ้าลั่นฟาดเข้าเต็มหัวของตั๊ก

    “โอ๊ย!!! กูเจ็บนะไอ้เชี่ย!

    เพียะ

    ทอยเองก็ตีเข้าที่ไหล่ตั๊กบ้าง ทว่าความแรงต่างจากอีกคนเป็นเท่าตัว “พูดแบบนั้นเดี๋ยวมะม่วงก็เสียใจหรอก”

    “...โทษที”

    “ไม่ๆๆๆ” ผมรีบส่ายหน้า “เราไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่เป็นไรเลยนะตั๊ก”

    “เบื่อคนดี” ตั๊กเบ้ปาก “...งั้นก็เหลือทางเลือกเดียวแล้ว...”

    ผมเลิกคิ้วขึ้น “ยังไงเหรอ?”

    “กูว่ามึงไปเรียนต่อยมวยกับไอ้ฟ้าลั่นเถอะ”

    ผมมองตามสายตาของตั๊กไปหาคนที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ คุ้นๆ ว่าเรื่องต่อยมวยก็เคยจะผ่านตาผมตอนคุยไลน์กับเขาอยู่เหมือนกัน

    “อย่างน้อยๆ ก็จะได้มีพื้นฐานไว้ป้องกันตัว”

    “กูเห็นด้วยนะ” ทอยเองก็มองกดดันฟ้าลั่นไม่ต่างจากตั๊ก

    “ไม่เอาหรอก” แต่คำปฏิเสธก็ถูกส่งมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    “ทำไมวะ?”

    ฟ้าลั่นหันมาสบตาผม ก่อนจะหันไปบอกตั๊ก “มะม่วงก็ตัวเล็กแค่นี้ จะให้ไปต่อยมวยได้ยังไง...”

    !!!

    “...นี่ใช้สมองคิดแล้วใช่ไหมไอ้ควาย”

    “เอ้า!

    “เดี๋ยวผิวสวยๆ ก็ช้ำกันพอดี ...น่าเสียดายแย่”

    !!!

    ...ฟะ...ฟ้าลั่น... พูดอะไรออกมาครับเนี่ย...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×