ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ต้องรอดให้ได้มากกว่าสามตอน (จบแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ ๒.๒ ลงโทษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.77K
      964
      22 เม.ย. 64

    “ไม่ต้องกล่าวอันใดอีก”อี้จิ้งเตือนไว้ไม่ให้อีกคนพูดขึ้นอีก อันเนื่องเด็กน้อยอยู่ในห้วงหนาวสั่นเกินที่จะเอ่ยคุย จึงไม่อยากจะรบกวนนัก เขานำผ้าคลุมตนที่ห่มให้เด็กชายกระชับเข้าไปอีกขั้น แม้ว่าจะรู้ถึงคุณสมบัติของพระเอกที่ไม่มีวันบุบสลายก็ตาม กระนั้นก็ไม่อาจเมินเฉยความเป็นความตายไปได้

    “...”แม้จะยอมเชื่อฟังโดยง่าย แต่การระวังตัวของเด็กชายยังไม่ทลายลง จ้องคุณชายทุกกิริยาบถพลางนึกถึงตอนหัวค่ำ เพราะบุคคลตรงหน้าทำลายสิ่งที่เก็บรักษาไว้อย่างดีมลายหมดสิ้น 

    “ดื่มน้ำสักหน่อยสิ”เรียวมือขาวดุจหิมะแรก ยื่นประคองถ้วยบิ่นมาให้ จรดริมฝีปากม่วงเพราะผ่านลมหนาว 

    ด้วยความกระหายซานเหวินจึงรับไหลลงคอ กลิ่นหอมจางอ่อนจากคนตรงหน้าทำให้ผ่อนคลายแต่ไม่ปลอดภัยเช่นกัน 

    อี้จิ้งประเมินพระเอกวัยเด็กที่ยังคงมองดู เขาเหลือบไปเห็นมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมีรอยแตกจนเห็นเนื้อข้างในจึงคว้ามาดูทันที  “แผลหรือ?” เขานึกได้ว่าตนเองก็พกตลับยาไว้ เมื่อคราวก่อนโดนโบยจึงเอาไว้กับตัวไม่ห่าง คราวนี้เขาเปิดมาและทาบนมือของซานเหวินแต่ก็ถูกขัดขืน มือน้อย ๆ นั่นชักกลับโดยแทบจะทันทีแต่ยังคงแฝงความนอบน้อมอยู่หลายส่วน

    “มิได้ขอรับ ข้าทาเองดีกว่า” 

    “ข้าจะทาให้ นอนลงซะ”อี้จิ้งใช้โทนเสียงเข้มแกมบังคับเด็ก ภายในใจของเขามีแต่คำว่าบัดซบ! แผลขนาดนี้เชียวรึ อนาคตพระเอกจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเป็นพันครั้ง อย่าว่าแต่แผลตรงนี้เลยเพียงแค่กระทำให้มีรอยข่วนเล็กน้อยย่อมถูกเอาชีวิตโดยไม่เหลือความปรานี อี้จิ้งยิ่งตระหนักนำเอาช่วงเวลานี้ใช้คุ้มค่า เผื่อการช่วยเหลือครั้งนี้จะมีอานิสงค์ในอนาคตบ้าง

    “...”เด็กน้อยยอมทำตามให้ทายาแต่โดยดี 

    อี้จิ้งทายาที่มืออย่างตั้งใจจนได้ยินเสียงลมหายใจผู้นอนเข้าออกสม่ำเสมอ พอหันกลับไปมองก็พบว่าหลับสนิทแล้ว เขาจึงนั่งรอพัดหวี่ไล่ยุง พลางถือวิสาสะลอบมองหน้าพระเอกให้ชัดเต็มตา ว่ามันจะสมที่เจ้าจางเกียวเสี่ยวพรรณนาถึงเป็นสิบกว่าหน้าไว้เช่นไร 

    คิ้วโค้งพอดีเมื่อจวบจบกับหน้าผาก ดวงตาถูกปิดจนเห็นเส้นขนตาหนาอย่างชัดเจน จมูกโด่งเป็นสันยากที่จะหาใครมีทรงจมูกแสนจะงดงามดั่งไข่มุกในทะเลอันดามัน หรือกระทั้งรูปร่างของทรงปากล้วนดูสูงส่ง มาอยู่ในสภาพนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารชีวิตที่กว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในทั้งสามภพ พระเอกช่างเดินทางด้วยขวากหนามไม่มีที่สิ้นสุด หากเป็นดั่งเช่นครอบครัวปกติ บางทีเด็กน้อยผู้นี้อาจจะนอนสุขสบาย กินอิ่มและรื่นเริงสดใสสมวัย

    จะคิดอย่างนี้ก็ไม่ถูกสักทีเดียวนักเพราะในเนื้อเรื่องที่เป็นที่นิยมคงต้องหาเหตุผลมารองรับ เพื่อให้นิยายสมจริง ฉะนั้นผู้ที่เก่งกาจกว่าจะมาจุดสำเร็จคงต้องล้มลงคุกคลานเกลือกดินโคลนมามากถึงจะสัมฤทธิ์ผล ด้วยจิตที่เขาเป็นคนรักเด็ก ยิ่งเป็นเด็กที่มีนิสัยดีและน่าเอ็นดูจึงอดไม่ได้ที่จะใช้มือข้างหนึ่งลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นก่อนจะเดินกลับเงียบเชียบ

     

    เขาเดินออกจากโรงเก็บฟืนด้วยท่าทางไม่เร่งนัก ตอนนี้ไม่มีใครตื่นมาหรือสังเกตเขาในห้วงวิกาล ลมหนาวปะทะกายจนต้องกอดอกไว้ก่อนเพราะได้มอบเสื้อคลุมนั้นให้ซานเหวินได้ห่มอบอุ่นร่าง คล้ายจะมีน้ำมูกใสหยดย้อยด้วยจึงรีบเช็ดรักษาภาพลักษณ์ตน ก่อนเข้าสู่ในห้องของคุณชายหยางฉือจิ้ง เสียงระบบจึงเอ่ยพูดกับทันที

    [เนื่องจากระบบตรวจสอบว่าท่านทำการ OOC ระบบจะลงโทษดังนี้ ข้อ 1 ติดลบคะแนนเป็นจำนวน 500 แต้ม เท่ากับว่าตอนนี้ท่าน มีแต้มคงเหลือ -325 ]

    “อะไรนะ ไอ้ระบบจอมเอาเปรียบ ให้คะแนนน้อยนิดแต่ติดลบเยอะมันจะโกงผู้บริโภคเกินไปแล้วนะ” อี้จิ้งมีน้ำโหเมื่อได้รับรู้ถึงบทลงโทษ ช่างเป็นระบบที่ไม่ช่วยเหลือใดอื่นมีแต่จะซ้ำเติมลงให้ย่ำแย่ หนทาง 10,000 แต้มช่างยาวแสนไกล

    [ขออภัยด้วย แต่ระบบจำเป็นต้องทำเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้ท่าน OOC และบทลงโทษอีกข้อก็คือท่านจะอยู่ในสถานะ ‘เจ็บเจียนตาย’ เป็นเวลา 5 ชั่วโมง นับถอยหลังการถูกลงโทษ 3  2  1 เริ่ม]

    “หา? ว่ายังไงนะ อ..โอ๊ย!” ความเจ็บทุกโสตประสาทจะได้รับรู้ประดังประเคนเข้ามาอย่างถาโถม มันบีบอันจนทรมานอย่างที่สุด กระดูกทุกส่วนถูกบดลงทีละท่อนด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่ส่วนใดที่ไม่เจ็บปวดเลยสักแห่ง เพียงหายใจยังแสบโพลงจมูก หัวใจสั่นถี่ราวระบบภายในรวน อี้จิ้งทรงตัวไม่อยู่ทุรนทุรายบนพื้น แม้จะกรีดร้องเท่าใด ก็ไม่มีเสียงมันบีบอัดแน่นแทบรู้สึกอยากตายให้พ้นวงจร น้ำตาเป็นสิ่งเดียวที่สามารถระบายออก เขารู้สึกว่าแม้แต่น้ำลายยังร้อนลวกทั่วช่องปากราวน้ำกรดกัดกร่อน 

    สิ่งที่ระบบกระทำต่อร่างมันเหนือกว่าการคาดคิดทั้งหมด คล้ายจะเจ็บแทบสิ้นใจ แต่มันก็ไม่เป็นดั่งเช่นนั้นเพียงรับรู้ให้ครบทั่วประสาทสัมผัส

    [ระบบขอเตือนอีกครั้ง ห้าม OOC อีก มิฉะนั้นระบบจะเพิ่มบทลงโทษ ต่อไปจงกระทำตามสิ่งที่ระบบบอก แล้วท่านจะปลอดภัย ระบบขอเป็นกำลังใจให้ท่านผ่านบทลงโทษนี้]

     

    แสงแดดจ้ากระทบเด็กชาย ซานเหวินขยับหนีแต่ถูกส่งเช่นเดิมจึงลืมตาขึ้น และรู้สึกเบาตัวโล่งพลางนึกถึงเมื่อคืน...ราวกับเป็นฝัน คุณชายหยางฉือจิ้งดูแลเขาหรือนี่ 

    เมื่อสำรวจให้กระจ่างจึงพบผ้าคลุมชั้นดีที่หนานุ่งห่มอยู่ บ่งบอกถึงสิ่งเมื่อคืนคือความจริง เขานำเก็บผ้าคลุมพับเรียบร้อย แล้วนึกขึ้นถึงบางสิ่ง จริงด้วย! กลางดึกตนอยู่ที่ลาน แต่เมื่อลืมตาก็กลับมาอยู่ห้องฟืนแล้ว คงเป็นคุณชายที่แบกมาที่นี่แน่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดคุณชายจึงช่วยเหลือเขาแบบนี้กัน ช่างไร้มูลเหตุยิ่ง... เด็กชายขบคิด หากก็พบแต่ความมืดไร้แสงสว่าง

     

    ขณะเดียวกันกับอี้จิ้งนำกระบี่ชั้นดีของตน ไปยังที่ลานประลองเพื่อพบท่านอาจารย์ผู้ใหม่ เขารู้สึกขยาดกับสิ่งที่เกิดกลางดึกยังไม่หาย ความเจ็บปวดทั้งมวนยังคงตราตรึงในห้วงความรู้สึกและวันนี้ตนเพลียอยู่เล็กน้อย

    “พี่ใหญ่วันนี้เป็นวันแรกที่ฝึกกระบี่ ทำเต็มที่เลยนะขอรับ”เจียอินยืนข้างลานประลองให้กำลังใจ

    “ข้ารู้แล้ว”หากสังเกตดูคงเห็นรอยคล้ำใต้ตาของคุณชายหยางฉือจิ้งเป็นแน่แท้ เพียงเขาจับกระบี่ก็รู้สึกไม่มั่นคง

    “เจ้าคือคุณชายหยางฉือจิ้งแห่งตระกูลซูใช่หรือไม่”ผู้มาใหม่แต่งกายทะมัดทะแมงและดูแก่กว่าเขาหลายปี ท่าทางเป็นท่านอาจารย์ใหม่ มีรูปร่างดูสมส่วนและเปี่ยมด้วยกลิ่นอายผู้มีวรยุทธ์

    “ใช่แล้ว เป็นข้าเอง”เขาตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ

    “ต่อไปนี้ข้าเป็นอาจารย์เจ้า จงตั้งใจฝึกเถิด”บุคคลผู้นั้นจับกระบี่ไว้ข้างตัวเตรียมจะกระทำการสอนวิถีกระบี่

    “ขอรับท่านอาจารย์”คุณชายหยางฉือจิ้งโค้งเคารพพอเป็นพิธี

    “เจ้าคงมีพื้นฐานมากพอแล้ว ได้ยินมาว่าคุณชายหยางฉือจิ้งมีฝีมือเก่งกาจมากที่สุดในเมืองนี้”

    “ท่านอาจารย์กล่าวเกินจริงแล้วกระมัง ข้าเพียงมีพื้นฐานดีก็เท่านั้นเอง”

                    ตามนิยายหยางฉือจิ้งเป็นบุคคลที่มีความมั่นใจในฝีมืออันมากล้นของตน เพราะตอนเด็กถูกเคี่ยวเข็ญด้วยวัยเพียงสิบขวบ จึงหล่อหลอมให้เขากลายเป็นหนึ่งในเมืองนี้ แน่นอน... จุดจบอันอนาถเป็นการจมน้ำตาย... เพียงนึกเนื้อเรื่องเขาก็อดจะถอนหายใจสมเพชเวทนาชะตาตัวประกอบร้ายที่มีชีวิตโผล่มาในสามบทเท่านั้น

    ใช่แล้ว...จุดจบของตัวเขาเอง ในเมื่อ OOC ไม่ได้ ก็คงอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในนิยายคุ้มครอง หรือให้พระเอกไว้ชีวิต หากดูทรงแนวโน้มแล้ว คาดว่าไม่มีเค้าโครงอย่างที่ว่า บทเป็นอย่างไรก็คงดำเนินการตามนั้น เอาเถิดถึงเช่นนั้นก็ไม่ควรเจาะจงมากเดี๋ยวจะปั่นทอนจิตใจตัวเองเล่นเสียเปล่า

    “หากคุณชายโคจรลมปราณอย่างคล่องแคล่ว คาดว่าเมื่อรวมกับกระบี่คงจะยิ่งไร้เทียมทาน” อาจารย์ผู้สอนดาบกล่าวแนะนำและชื่นชมในประโยคเดียว

    “ขอรับ ข้ายังฝึกปราณไม่คล่องเท่าที่ควรอาจารย์โปรดชี้แนะด้วย”อี้จิ้งโค้งศีรษะเล็กน้อย

    “ย่อมได้”บุคคลตรงหน้าถอยห่างเขาถึงสองสามก้าว 

    “ท่านจะทำการอันใดหรือ?”เขารู้สึกไม่มั่นใจเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่า

    “วิถีกระบี่ย่อมต้องสอนด้วยกระบี่ ถึงจะเข้าใจแจ่มแจ้ง”สิ้นประโยค คุณชายหยางฉือจิ้งดูสับสนและไม่มั่นใจในแววตา

                    คำพูดนั้นมีความหมายว่าจะประลอง อี้จิ้งยังถือกระบี่ไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็ริอาจลงสนามแล้ว คราวซวยของเขาจริงเชียว แม้ว่าร่างกายจะคุ้นชินแล้วก็ตาม แต่วิญญาณนี้เป็นของอี้จิ้ง 

    [ระบบขอเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษ ยอมติดลบเพิ่มอีก 200 คะแนน เพื่อให้คุณสามารถประลองได้อย่างปลอดภัย และงดงามตามท้องเรื่อง ปกติคะแนนที่ใช้คือ 250 แต้ม ]เขาไม่มีทางเลือกมากนัก จึงใช้ตอบตกลงไป เก็บแต้มใหม่ก็ได้ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสได้ใช้อีก เอาเถิดติดลบแล้วจะติดเพิ่มอีกจะเป็นอันใดไปเล่า!

                    “เริ่มประลอง!”อาจารย์สอนกระบี่คุณชาย ประกาศลั่นพร้อมพุ่งมาด้วยความเร็วที่ไม่ให้ตั้งตัว  บ่าวรับใช้ที่มองดูห่าง ๆ ตอนแรก เริ่มหันมาสนใจการประลองอันตื่นเต้น เช่นเดียวกับ เด็กน้อยผู้หนึ่ง

    เคร้ง เสียงกระบี่กระทบกัน อันเนื่องจากการปะทะ โดยที่คุณชายรับคมกระบี่ทันเหตุการณ์ เขากัดฟันแน่น เมื่อแรงอีกฝ่ายมากกว่า จึงใช้วิธีพลิกแพลงสลัดหลุด

    “หึ”เสียงหัวเราะในลำคอผู้ประลองอีกคนดังให้คุณชายชุดแพรไหมได้ยิน

    “…”อี้จิ้งกำกระบี่แน่น ใช้ท่วงท่าที่ระบบช่วย จึงเกิดเป็นภาพงดงามตระการตา ลวดลายกระบี่ของคุณชายดูอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ ท่าทางอันแข็งแร่งเด็ดเดี่ยวตามผู้ใช้ จนเกิดเป็นความประทับใจแก่ผู้ดู เรียวกระบี่คมผ่ากลางลมไปยังอีกฝ่าย แต่ท่านอาจารย์หลบทัน ได้ทีสวนกลับไม่เว้นช่องว่างให้เสียเวลาสักเสี้ยวเดียว ฟาดลวดลายดุดันเฉียบแหลมกว่ากัน

    เคร้ง แน่นอนเขารับกระบี่ได้ด้วยอานิสงค์ระบบ 

    “ไม่เลวนี่ คุณชาย ลองกระบวนท่าเสียหน่อยจะเป็นไร!”

     ฉับพลัน คนผู้นั้นใช้วิชาตัวเบาตวัดกระบี่หวนคืน เป้าหมายคอลำคอของคุณชายหยางฉือจิ้งจิ้ง คนที่เฝ้ามองต่างกลั้นลมหายใจ

    พลั่ก ปลายเท้าคุณชายหยางฉือจิ้ง เตะกระบี่นั้นจนกระเด็นตก ท่านอาจารย์ถึงกับตลึงงันด้วยฝีมือของเจ้าตัวนับว่าไม่ด้อยกว่าใคร แต่บัดนี้แพ้เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดเท่านั้น 

    “ขอบคุณที่ออมมือให้ขอรับ” อี้จิ้งโค้งตัวคำนับ

    “ฝีมือเจ้า ข้าได้ประจักษ์แล้ว นับว่าเป็นเกียรติที่ครั้งนี้โชคชะตามีวาสนาให้ข้าได้เป็นอาจารย์ของคุณชาย”ภายในใจของอาจารย์รู้สึกถึงอนาคตอันก้าวไกล กระบี่เด็กหนุ่มทำให้เขาต้องพ่ายแพ้

    “มิได้หรอกขอรับ เป็นข้าเสียมากกว่าที่มีท่านชี้แนะ” คุณชายกล่าวนอบน้อมตัว ขณะใจหนึ่งได้แต่บ่นพร่ำในหัว เกือบจะตายด้วยกระบี่ท่านอาจารย์สอนผู้มาใหม่แล้วไหมล่ะ ชะตาเกือบจะขาดเร็วก่อนกำหนด...

    “ข้ามีตำราวรยุทธ์หลายเล่ม หากมีโอกาสจะนำมาให้เจ้าค้นคว้าเอง วันนี้คงเหนื่อยมากก็พักผ่อนเอาแรงอีกสักวันเถิด”

    “ขอบคุณท่านอาจารย์ ศิษย์จะฝึกฝนให้มากกว่านี้” คุณชายหยางฉือจิ้งเปื้อนยิ้มด้วยอัธยาศัยไมตรี ลาส่งท่านอาจารย์ฝึกกระบี่ แล้วจึงกลับห้องนอนพักเสียหน่อย เพราะกลางคืนแทบไม่ได้นอนเลยสักนิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×