คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เขาวงกตแห่งเรือนจำ
เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนตาย และเมื่อมีคนตายมิติในอุโมงค์มันจะเปลี่ยนไปไหม เขาได้แต่ยืนถามตัวเองอยู่ในห้องนั่งเล่น และเขาก็อยากจะพิสูจน์ทฤษฏี ของตัวเองเหลือเกิน หลังจากจัดการอาหารกระป๋องในครัวเล็ก ๆ ของเขาซึ่งวันนี้เป็นสปาเกตตีไก่กับเห็ด พักหลังนี้ วิลเฮล์ม สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กับกางเกงยีสต์ขายาว และเขากินอาหารแค่วันล่ะหนึ่งมื้อเพราะต้องประหยัด อาหารกระป๋องในตู้ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงโหล และการถูกจองจำของเขาก็ไม่รู้จะสิ้นสุดในวันใด การที่มีอาหารเหลือให้กินได้นานที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่วิลเฮล์มก็คิดว่าถ้าอาหารหมดเขาก็อาจจะไม่ตายเพราะยังดื่มน้ำจากก๊อกได้อยู่
เมื่อท้องอิ่มเขาจึงกว้าไปเผชิญหน้ากับโพรงในห้องน้ำซึ่งพอเปิดประตูสีขาวแล้วก้าวเข้าไปในห้องน้ำเขาถึงกับหยุดนิ่ง ภาพตรงหน้ามันทำให้เขาสมองมึนชาหาคำตอบกับตัวเองไม่ได้อีกแล้ว จากโพรงขนาดพอคนลอด แต่ตอนนี้มันกว้างขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่าเขา เหมือนกับได้ยินเสียงเด็ก ๆ ลอยผ่านออกมาจากอุโมงค์ตรงหน้านี้
แต่ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงกลัวมันนักตอนนี้เขาขนลุกมือเย็นไปหมด แต่เข้าไปแบบนี้ไม่ได้เขาต้องมีอาวุธ วิลเฮล์มกลับไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีตู้เก็บของ และตู้นี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเมื่อเปิดตู้ออกก็พบปืนกับขวานอยู่ในตู้ เมื่อได้อาวุธเขาก็กลับไปยังอุโมงค์ยืนรวบรวมความกล้าอยู่นานเขาจึงก้าวเขาไป
มันก็เป็นเหมือนทุกครั้งเขาจะรู้สึกตัวว่ากำลังคลานในอุโมงค์ได้สักพักเขาก็จะวูบไป ‘ใช่..ตอนนี้รู้สึกวูบ ๆ เหมือนลอยอยู่กลางอากาศเลย.....’ สักพักวิลเฮล์มก็รู้สึกสัมผัสเย็น ๆที่หน้า เมื่อลืมตาขึ้นพบว่าเขากำลังนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มและมีน้ำขังอยู่ตามพื้น เขาลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ เพดานเตี้ย ๆ ให้ความรู้สึกอึดอัด
เขายืนอยู่บริเวณทางเดินผนังทึบไม่มีหน้าต่างสักบานตอนแรกเขาคิดว่าที่นี่เป็น ห้องเช่าหรือเปล่า? มีประตูเหล็กหลายบานระยะห่างเท่า ๆ กันแต่เมื่อมองจากภายนอกแล้วไม่น่าจะใช่มันดูอืมครึมชวนอึดอัด เมื่อมองจากสภาพประตูที่ดูแข็งแรงน่าจะเป็นห้องขังมากกว่าเขาลองลอบมองเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังผ่านซี่ลูกกรงที่มีช่องขนาดพอ ๆ กับใบหน้า กลัวว่าอะไรจะมาจกตาเอาข้างในมันมืดมาก แต่พอเห็นลาง ๆ ว่ามันเป็นห้องขังเดี่ยวแน่ ๆ และสำรวจได้สักพักเขาก็ได้ยินเสียงอะไรลอยมามันเป็นเสียงผู้ชายร้องของความช่วยเหลือหรืออะไรประมาณนี้ วิลเฮล์มจึงลองเดินตามเสียงไป จากได้ยินลอย ๆ ก็เริ่มดังขึ้นจนจับใจความได้ว่า
“เอาฉันออกไปจากที่นี่ที .... ช่วยด้วย...ปล่อยฉันออกไปที...” เขาร้องซ้ำไป ซ้ำมาหลายครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทางเดินโค้งเข้าหาฝั่งห้องขังที่อยู่ทางด้านขวาวิลเฮล์มคิดว่าคุกแห่งนี้ตัวอาคารน่าจะเป็นแบบวงกลม ไม่ไกลมากนักวิลเฮล์มยังได้ยินเสียงชายลึกลับร้องหาความช่วยเหลือแต่ตาก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนพื้น
“ในที่สุดผมก็หนีออกจากห้องขังบ้า ๆ นี่จนได้และผมจะไม่ยอมกลับเข้าไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน และแผนของผมก็คือจะหาทางออกอย่างระมัดระวัง
แต่ผมก็ไปเจอกับห้องที่น่ากลัวมากที่ชั้นใต้ดินมันเป็นห้องครัวที่สกปรกมันจะอยู่ทางทิศตะวันออก และผมเคยได้ยินว่าประตูถัดไปที่อยู่ด้านตะวันตกมันเป็นห้องประหาร ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและผมก็อยากรู้ด้วยว่ามันเป็นห้องประหารจริง ๆ หรือเปล่า แต่ผมก็คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงต้องกดรหัสก่อนถึงจะเปิดประตูได้ แต่ผมไม่รู้รหัสนั่นเลย...และห้องนี้ก็มืดจนน่าขนลุกด้วย”
วิลเฮล์มยัดกระดาษที่เปียกลงกระเป๋าเสื้ออย่างระวังมากที่สุดเพราะมันอาจเป็นเบาะแสสำคัญอะไรบางอย่างก็ได้
“ช่วยด้วย!!..........ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย...” วิลเฮล์มรีบก้าวเท้าไปยังต้นเสียงที่ประตูห้องหนึ่งเขาพบชายร่างอวบวัยกลางคน หัวล้านเมื่อเขาเห็นวิลเฮล์ม ผ่านทางหน้าต่างลูกกรงของประตูห้องขังเขายิ่งร้องเสียงดัง
“คาลวินจะฆ่าผม!!!! เขากำลังมา!! เพื่อฆ่าผม!!!ช่วยผมด้วยนะ!!!ผมไม่อยากตาย!!”วิลเฮล์มรีบเปิดประตูห้องขังแต่มันถูกล็อคเขาเขย่าประตูเพื่อช่วยชายหัวล้านสักพักก็ต้องยอมแพ้เพราะเขาไม่สามารถดันตัวเพื่อเปิดประตูได้ เขาลองเอาขวานจามลงที่ประตูแต่ไม่ได้ผลประตูทำจากเหล็กหนามีเพียงรอยขีดข่วนเกิดขึ้นเท่านั้น
“ผมไม่มีกุญแจ...ผมจะไปตามคนมาช่วยนะ..ทำใจดี ๆ ไว้ผมจะกลับมาแน่ ๆ ..” วิลเฮล์มปลอบชายหัวล้าน แล้วก็ผละออกจากประตูไปตามทางเดินทันที โดยมีเสียงของเขาดังไล่หลังมาเรื่อย ๆ ‘ไม่!!!!!!!!กลับมาช่วยผมก่อน!!!คุณไม่เข้าใจ!!!เขากำลังจะมาฆ่าผมแล้ว!!ไม่นะกลับมา!!!!’ และที่ผนังอีกด้านมีประตูบานใหญ่สีน้ำตาลอ่อน เท่าที่ผ่านมาด้านซ้ายจะเป็นผนังทึบวิลเฮล์มจึงเปิดประตูบานนั้น ภายในเป็นห้องแคบ ๆโล่ง ๆ ภายในมีประตูด้านข้างซ้าย และขวา ที่ผนังอีกฟากของห้องเป็นอุโมงค์เชื่อมมิติ ที่มีอักขระสีแดงกำกับที่ปากอุโมงค์ ห้องนี้เป็นซีเมนต์แผ่นใหญ่ ๆ ปูพื้น และแสงที่สาดเข้ามาเป็นแสงแดดจากหน้าต่างกระจกที่ติดอยู่บนผนังด้านบน แต่ข้าง ๆ อุโมงค์มีแผ่นประกาศอะไรบางอย่างาแปะอยู่ข้าง ๆ
“การเข้าไปยังห้องควบคุมที่อยู่ด้านในนั้น จะต้องใช้ช่องลับที่ใช้ขนศพ ซึ่งอยู่ในห้องขังเป็นทางเข้า และห้องที่ใช้เป็นทางผ่านจะถูกล็อคอย่างดี โดยคนนอกจะไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าคุณต้องการไปห้องใต้ดินที่เป็นทางเข้า ต้องเข้ามาทางชั้นสาม”
เขาคิดว่าการที่จะช่วยชายที่ติดอยู่ในห้องขังได้ต้องเข้าไปยังห้องควบคุมแน่ ๆ ต้องหาบันไดไปยังชั้นสาม เหลือประตูอีกสองบานในห้องที่ยังไม่เปิด เมื่อลองขยับลูกบิดทางด้านซ้ายมือก็ปรากฏว่าเขาไม่สามารถเปิดมันได้ วิลเฮล์มจึงตัดใจลองขยับประตูเหล็กทางด้านขวาแทน
“แกร๊ก!...” เขาเปิดมันออก ประตูนี้เปิดสู่บันไดวนไปยังชั้นใต้ดินที่มีแสงจากดวงไฟบนเพดาน พื้นเป็นตะแกรงเหล็ก สามารถมองลงไปเห็นขั้นบันไดข้างล่างได้ ผนังที่เป็นกระเบื้องเก่าและโทรมจนวิลเฮล์มเดาไม่ออกว่าแต่ก่อนมันเคยเป็นสีอะไร ด้วยความไม่น่าไว้วางใจวิลเฮล์มกระชับขวานที่อยู่ในมือให้แน่นยิ่งขึ้น
เมื่อเดินได้สักพักเขาก็พบบันไดลิงสีแดงที่สามารถไต่ลงไปด้านล่าง วิลเฮล์มใช้บันไดนี้ไต่ลงไปก็มาอยู่ที่ทางเดินบันไดวนที่พื้นเป็นซีเมนต์เหมือนกับว่าบันไดลิงเมื่อกี้เป็นทางลัดเท่านั้น เขาเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก็ถึงประตูเหล็กอีกบานหนึ่งเมื่อเปิดออกเขาก็พบกับห้องขนาดมหึมา มีใบพัดเหล็กเหมือนกังหันน้ำขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางห้อง ห้องนี้ทึบสนิทแต่มีเสาไฟฟ้าตามมุมห้องเป็นแสงสว่างให้วิลเฮล์ม แต่ที่ตรงหน้ากังหันยักษ์มีป้ายเหล็กตั้งพื้น
“ขอแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้คุมทุกคนโปรดทราบ การจะเปิดประตูห้องขังชั้นสาม จะต้องเปิดประตูระบายน้ำที่ดานฟ้าเพื่อให้ระหัดวิดน้ำในห้องนี้ทำงานก่อน คุณถึงจะสามารถเปิดประตูห้องได้”
และเขาเห็นกุญแจดอกหนึ่งตกอยู่ที่พื้นใกล้ ๆ กับขาตั้งของป้ายเหล็ก ประตูเหล็กอีกบานอาจจะใช้กุญแจนี้เปิดก็ได้เขาเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง วิลเฮล์มรีบวิ่งตามบันไดวนเพื่อกลับไปยังประตูบานนั้น
“ฉึกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!.......ตุบบบ!!!!!!!!!!” ด้วยความไม่ระวังเพราะตอนมานั้นไม่มีอะไร ทำให้ขากลับวิลเฮล์มไม่ได้ระวังตัว ตอนนี้ที่ผนังร่างที่คล้ายกับคนแต่ก็ไม่ใช่ มีผิวที่ช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนกับเป็นฝีอยู่ทั่วตัว ยื่นออกมาจากผนังได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นมันไม่มีใบหน้า มันคือปีศาจที่ออกมาจากผนังไม่ได้แต่สามารถยื่นตัวออกมาทำร้ายเขาได้ และเขาเคยถูกมันทำร้ายเมื่อตอนอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มันโจมตีเขาแบบเดิม เขาถูกมันใช้มือที่เป็นกรงเล็บแหลมยาวตวัดเข้าที่ท้องแล้วเหวียงร่างเขาทันที ร่างวิลเฮล์มลอยละลิ่วก่อนจะตกสู่พื้น
“เคร้ง!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงขวานที่วิลเฮล์มถืออยู่ตอนนี้กระเด็นหลุดมือไปตกอยู่ไกลจากวิลเฮล์มมาก ชายหนุ่มรู้สึกถึงความอุ่นวาบอย่างรวดเร็วที่หน้าท้อง ตอนนี้เสื้อเชิ้ตสีฟ้าของเขาโชกไปด้วยเลือดตั้งแต่ช่วงตัวลงไป มีรอยขาดโหว่เผยให้เห็นแผลที่เหวอะหวะ ที่เขารู้สึกตือ ๆ ที่ช่องท้องเขารีบดูแผลว่าเป็นอะไรบ้าง ถึงกับแทบสิ้นสติ แผลโหว่ตรงท้องมีอะไรบางอย่างปลิ้นออกมา
เขารีบใช้มืออุดช่องโหว่ของแผลทันที่ เขาถูกมันทำร้ายจนไส้ทะลักออกมา เลือดยังไหลออกมาจากปากแผลแม้เขาจะใช้มืออุดแล้ว และความเจ็บเริ่มโถมตามมาแล้วตอนนี้ เขาใช้มืออีกข้างหยิบปืนออกมาจากขอบกางเกงยีสต์ ใจนั้นสั่นระทึกสติตอนนี้กระเจิดกระเจิงไปแล้ว เขาต้องออกจากตรงนี้ให้ได้ เขาลุกขึ้นยืนแม้จะลำบากเพราะบาดแผล เขาเล็งปืนไปที่ไอ้ปีศาจผนังที่กำลังตะกายแขนที่มีกรงเล็บเปื้อนเลือดมาทางเขาอย่างมาดร้าย แต่เขายืนอยู่ไกลจากการโจมตีของมัน
“ปัง!!!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!!!” กระสุนเจาะเข้าที่ส่วนหัวที่ไร้ใบหน้าอย่างแม่นยำ ผ่านปีศาจตัวแล้วตัวเหล้าวิลเฮล์มรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อมันสลบลง และตอนนี้ประตูทางออกอยู่แค่ตรงหน้าเท่านั้น
“ฉัวะ!!!!!!!” เขาถูกปีศาจตัวสุดท้าย ข่วนเข้าที่แก้มซ้ายชายหนุ่มเสียหลักล้มลงกับพื้นแล้วรีบพลิกตัวหงายขึ้นก่อนที่มันจะโจมตีเขาซ้ำ
“ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!” ด้วยวิลเฮล์มนอนยิงปืนอยู่ใต้ร่างมันทั้งเลือดและน้ำหนองกระเซ็นเลอะตามตัวเขาไปหมด มันทั้งเหม็นและสะอิดสะเอียน เขารีบพลิกตัวคลานไปที่ประตูด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ท้องและแก้มซ้ายที่เลือดไหลออกมาจนนองหน้าเขาไปหมดแล้ว
และในที่สุดเขาก็กลับมายังห้องที่มีอุโมงค์เชื่อมมิติ ตอนนี้เขาต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนเขาเดินโซซัดโซเซเข้าไปยังอุโมงค์ เมื่อเข้ามาอยู่ในอุโมงค์เขาคลานไปตามทางได้สักพักเขาก็หมดสติไป..........
วิลเฮล์มลืมตาขึ้นมาพบกับผัดลมเพดานสีขาวที่คุ้นตา ใช่.........เขากลับมาจากมิติอันตรายนั่นได้...และความเจ็บที่ท้องนั้นก็แล่นเข้ามาอีก เขาได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่สักพัก และเขารู้สึกว่าความเจ็บจากแทบทนไม่ได้ตอนนี้จากลงไปเรื่อย ๆ จนไม่มี เขาลองใช้มือลูบดูที่ท้องด้วยใจหวาด ๆ แต่ก็ไม่พบกับบาดแผล
ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นจากเตียงมาสำรวจด้วยตาตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่เคยขาดวิ่น แต่ตอนนี้กลับมาปกติเหมือนเดิม เขารีบสำรวจหน้าตัวเองที่กระจก ก็ไม่พบกับรอยแผลแต่อย่างใด มีเพียงชายหนุ่มดวงหน้าหล่อเหล่านัยน์ตาสีเขียวมองสบมา เมื่อโล่งใจได้ว่าตัวเองไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขาก็ออกจากห้องนอนไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านนอก
มีกระดาษสีแดงสอดที่ประตูห้องอีกแล้ว เขาจ้องมองเข้าไปยังช่องแอบมองที่ประตูก็ต้องตกใจอย่างมากเนื่องจากมีดวงตาสีน้ำตาลดวงโตจ้องกลับมา เขาถึงกับผงะนิดนึงและจึงกลับไปมองต่อ มันคือดวงตาของ แกลลิค มาแรส์ ชายที่อยู่ห้อง 207 ที่ตอนนี้เขาถอยห่างออกจากประตูแล้วยืนมองอยู่เงียบ ๆ แล้วเดินจากไป วิลเฮล์มละสายตาจากประตูมาที่เศษกระดาษที่เขาคิดว่า แกลลิค หนุ่มใหญ่ผู้อยู่ร่วมแมนชั่นเดียวกันกับเขาต้องเป็นคนสอดเข้ามาแน่ ๆ
“ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย และผมก็ผ่านมันมาด้วยดี แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี
และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม ผมก็ยังมีบันทึกนี้เอาไว้บอกในสิ่งที่เกิดขึ้นกับแมนชั่นที่ผมพักอยู่ตอนนี้..
ผมถูกตำรวจพาไปสอบปากคำเรื่องที่มีการฆาตกรรมคนสิบคนที่เกิดขึ้นที่นี่ เมื่อเจ็ดปีก่อน ด้วยวิธีที่ทุกข์ทรมานแตกต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือน ๆ กันคือทุกศพมีเลขสลักอยู่บนศพเรียงกันตามลำดับการถูกฆ่า
หมายเลขตั้งแต่ หนึ่งไล่มาจนถึง สิบ และมีชื่อของฆาตกรสลักเอาไว้อย่างชัดเจน ...ชื่อของมันคือ คาลวิน ฮอฟกาซเซอ
ลงวันที่ 4 เมษายน” บันทึกแผ่นนี้วิลเฮล์มเชื่อได้ว่ามันไม่น่าเป็นของแกลลิคแน่ ๆ ดูจากกระดาษสีซีดดูเก่ามากถูกเขียนขึ้นจากปากกาหมึกซึมแบบโบราณที่ตอนนี้ไม่น่าจะมีขายตามท้องตลาดแล้ว ชื่อของฆาตกร คือคน ๆ เดียวกับที่เขียนบนประตูห้องของเขา แกลลิค ต้องการบอกใบ้อะไรเขากันแน่ เขาเดินเข้ามาในห้องครัวทรุดตัวลงนั่ง เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เขารีบลุกขึ้นยืนและเขามือล้วงหยิบมันขึ้นมา มันคือกุญแจที่เขาเก็บได้ที่ห้องระหัดวิดน้ำชั้นใต้ดิน แม้จะถูกทำร้ายแต่ถ้ากลับมาที่ห้องก็จะกลับมาเป็นปกติได้ และถ้าเขาถูกทำร้ายอีกเขาก็จะกลับมารักษาตัวที่ห้อง
เขาเปิดตู้เก็บของที่อยู่ในห้องนั่งเล่น วางแผ่นกระดาษลงไปและหยิบปืนคู่ใจที่มีกระสุนเต็มเหมือนเดิมขึ้นมาแทน และวิลเฮล์มก็กลับเข้าไปยังอุโมงค์เชื่อมมิติในห้องน้ำ เขากลับมายืนอยู่ในห้องที่มีประตูอยู่สามบานตรงหน้า แต่มีเพียงบานเดียวที่เขายังเปิดมันไม่ออก
“แกร๊ก!!” ประตูบานที่ถูกปิดก็เปิดออก เขาสามารถไขกุญแจได้ ประตูนี้นำไปสู่ทางเดินภายนอกอาคารซีเมนต์เรียบขึ้นตะไคร้ ทางเดินปูด้วยตะแกรงเหล็กป้องกันการลื้นไถล เขาสำรวจรอบ ๆ อาคารนี้อยู่กลางน้ำ และเท่าที่มองไปรอบ ๆ ไอหมอกหนา ที่นี่เป็นอาคารเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีเข้มที่อ้างว้าง ข้าง ๆ ประตูเหล็กขึ้นสนิมที่เขาเข้ามามีบันไดปีนซึ่งเป็นทางที่จะเร็วกว่าการเดินตามบันไดวนไปตามตัวอาคาร
เขาปีนขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ที่เป็นชั้นบนสุด เมื่อเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปก็พบกับบ่อพักน้ำขนาดใหญ่ ด้านหน้าบ่อมีประตูที่มีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างอยู่บนบานประตู แต่เขาเปิดมันไม่ออก เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ พบว่าด้านหลังมีวาล์วน้ำ วิลเฮล์มลองหมุนมันดู ประตูรอบ ๆ อ่างก็ถูกยกขึ้นน้ำจางบ่อไหลลงไปตามรางน้ำเรื่อย ๆ และสิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคือ ไปยังชั้นสามเพื่อลงไปยังชั้นใต้ดินที่เป็นทางเข้าของห้องควบคุม
บริเวณชั้นสามตอนนี้น้ำนองไปทั้งชั้นแล้ว อาจเป็นเพราะท่อส่งน้ำคงจะรั่ว เขาสำรวจห้องในบริเวณชั้นสามได้ สองห้องแล้วแต่ยังไม่พบกับห้องที่ใช้ขนศพ เจอแต่ห้องว่าง ที่มีชุดฟอร์มสีเขียว หล่นอยู่ตามพื้น และเมื่อเปิดประตูเหล็กของห้องที่สี่ออกเขาพบกับหลุมกว้างที่พื้นของห้องและที่พื้นมีกองเลือดน่ากลัวอยู่เต็มห้อง
“แคว้กกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!” วิลเฮล์มยืนหันหลังอยู่เขาจึงไม่ทันสังเกตว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเขาอยู่แต่เพียงผู้เดียว ปีศาจนก ที่มีหัวเป็นเด็กทารกผิวสีเทาซีดน่ากลัวแต่ลำตัวและสีขนคลายนกกระจก ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่ราว ๆ สามเมตร มันใช้กรงเล็บแหลมข่วนเข้าที่หลังของวิลเฮล์ม จนเสื้อขาดยาวเป็นทาง และมีเลือดไหลออกมา ด้วยความตกใจวิลเฮล์มรีบหันหลังมาเผชิญหน้ากับปีศาจนกทันที
“ปัง!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!” คมกระสุนเจาะเข้าหน้าผากมันพร้อม ๆ กันสามนัดรวด มันล้มฟุบลงและเลือดจากบาดแผลที่ถูกยิงไหลนองจนท่วมพื้นห้อง
“ตุ๊บ!!” วิลเฮล์มกระโดดลงไปในหลุมตกมาอยู่ในห้องขังชั้นที่สองดีที่หลุมในห้องนี้ไม่ตรงกับด้านบน ไม่งันเขาต้องขาหักแน่ แต่ด้วยความสูงที่ผ่านมาเขาพอจะรับมือกับมันไหว ห้องนี้ก็มีเลือดนองอยู่ที่พื้นเหมือนกัน แต่เตียงนอนที่ทำจากเหล็กที่ขึ้นสนิมมีสมุดโน้ตเล่มหนึ่งวางอยู่บนเตียง
“เมื่อวานเราไปกินซุปเนื้อกันมา ที่โรงอาหารแต่ผมเคยได้ยินข่าวลือว่ามีห้องประหารอยู่ถัดไปจากห้องครัว และมีการชำแหละเนื้อของผู้ตายมาทำอาหาร ให้ตายสิผมอยากจะอ้วกกับเรื่องนี้จริง ๆ ผมกลัวเหลือเกินว่าเรื่องที่ได้ยินมามันจะเป็นเรื่องจริง”
ตอนที่เขามาถึงคุกแห่งนี้ก็มีกระดาษที่เขียนถึงเรื่องนี้ เขารีบควักมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อใช่จริง ๆ ด้วยในข้อความนี้ก็พูดถึงห้องประหาร และพูดถึงรหัสลับ แต่ก่อนอื่นเขาต้องหาห้องควบคุมให้เจอก่อน วิลเฮล์มกระโดดลงหลุมไปยังชั้นหนึ่ง และโดดลงต่อไปเพื่อลงไปสู่ชั้นใต้ดิน เมื่อถึงด้านล่างพื้นชุ่มด้วยน้ำเมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องทึบ ๆ นี้คงจะเป็นห้องอาบน้ำรวมมีก๊อกน้ำหลายก๊อกอยู่ตามผนัง ห้องนี้คงจะชื้นตลอดเพราะมีตะไคร้เกาะอยู่ตามผนังจนดำสนิทมีแสงมาจากดวงไฟที่ติดตามเพดานของห้องคอยให้ความสว่าง เขาเดินออกจากห้องนี้ไปพบประตูอยู่ตรงหน้าเขาอีกบานหนึ่ง แต่เขาเปิดมันไม่ออก วิลเฮล์มเดินเลี้ยวขวาเดินไปตามทางพบบันไดปีน เมื่อปีนขึ้นมาเขาพบห้องสีขาวล้วนตรงกลางมีบันไดปีนอยู่กลางห้องไม่มีประตูใด ๆ เลยรอบ ๆ ห้องมีช่องเล็ก ๆ อยู่รอบห้องเขาลองมองเข้าไปพบว่ามันเอาไว้ใช้เฝ้ามองผู้ต้องขังภายในคุก และบนโต๊ะทำงานมีสมุดสีส้มเปิดค้างอยู่
“ที่ชั้นหนึ่งประตูเกิดพังเสียหายมีพวกเด็ก ๆ ที่อยู่ในนั้นหลายคน ไม่สามารถออกมาได้ แต่มีน้อยคนที่จะรู้ถึงเรื่องนี้
พวกเขาไม่สามารถออกมาทำธุระส่วนตัวประจำวันได้ ทั้งกินข้าว อาบน้ำ พวกเขาถูกขังอยู่ในห้องขังตลอดเวลา และผมเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่เงียบ ๆ ภายในห้องควบคุมนี้ ดูพวกเขาผอมลงทุกวัน ๆ พวกเด็ก ๆ เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเพราะไม่ได้อาบน้ำ และไม่นานก็จะตาย
และก็มีวิศวกรคนหนึ่งที่ออกแบบอาคารแห่งนี้มาแนะนำกับผมว่า เราสามารถจัดการกับศพเด็ก ๆ ได้เป็นการภายในมิให้คนอื่นรู้ โดยการขุดหลุมในห้องที่มีคนตาย เพราะแต่ละชั้นสามารถทะลุถึงกันได้
สุดท้ายนี้หัวหน้า ...
คุณจะต้องช็อคตายคาที่แน่ ถ้าคุณได้เห็นบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของห้องครัว และวิธีที่จะไปถึงห้องครัวได้ก็คือจัดเรียงห้องที่มีเตียงนอนที่นองไปด้วยเลือดให้ตรงกันทั้งสามชั้น..และคุณจะสามารถเข้าไปยังห้องครัวได้ ผมหวังว่าคุณจะพบกับคำตอบนะ....”
มันช่างน่ากลัวจริง ๆ ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนนะที่สามารถดูเด็ก ๆ ค่อย ๆ ตางลงอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดจะช่วยเหลือเลย และเขาก็สำรวจช่องรอบ ๆ ห้องมองหาห้องที่มีเตียงเลือด จากการสำรวจมาหลายช่อง เขาก็พบว่ามันอยู่ทางด้านขวามือของบันไดปีน เขาปีนบันได้ต่อไปยังชั้นสอง ก็พบกับห้องทรงกลมแบบเดียวกัน แต่จะมีแท่นสำหรับหมุนคันโยก เขาต้องหมุนห้องที่มีเตียงเปื้อนเลือดให้ตรงกันทั้งสามชั้น
เขาใช้ช่องที่มีอยู่รอบ ๆ ห้องมองหาสักพักเขาก็เจอกับห้องที่ต้องการ วิลเฮล์มลองคำนวณดูว่าถ้าหมุนห้องนี้ไปทางขวาสักสองครั้งมันจะตรงกับห้องที่อยู่ชั้นหนึ่งพอดี เขาจัดการหมุนคันโยก สองรอบไปทางขวา และกลับไปสำรวจช่องที่อยู่ด้านขวาของบันไดปีนเมื่อเห็นว่าห้องนี้ตรงกับชั้นหนึ่งแล้วเขาก็ปีนไปยังชั้นที่สามต่อ บันไดมาสุดอยู่แค่ชั้นนี้ ที่ผนังของห้องก็มีช่องสำหรับเฝ้าดูผู้ต้องขังเหมือนชั้นอื่น ๆ แต่ที่ต่างคือมีกระดาษแปะอยู่ที่ผนัง
“หมายเลขที่ใช้ผ่านหลังห้องครัวประจำเดือนนี้คือ ‘0302’ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ” เขาต้องจำเลขนี้ให้ขึ้นใจ นี่คือรหัสที่ชายที่ทิ้งโน้ตที่เขาเก็บได้ไม่มี แต่ตอนนี้เขาได้มันมาแล้วรหัสเข้าห้องประหารอยากจะรู้นักว่าในห้องนั้นมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่กันแน่ เขามองหาห้องที่มีเตียงเปื้อนเลือดและหมุนมันให้ตรงกันโดยใช้คันโยกไปทางขวาสองรอบ และพอหมุนห้องทั้งสามให้ตรงกัน ห้องขังที่มีชายหัวล้านร่างท้วมก็เปิดออก เมื่อลองเช็คความถูกต้องอีกครั้ง วิลเฮล์มก็ไต่ลงบันไดกลับไปยังชั้นใต้ดิน
เขาพบกับชายหัวล้านกำลังคุยกับเด็กชายตัวน้อยผมสีน้ำตาลใบหน้าเศร้าหมองที่เขาเคยเจอที่สุสานของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พอเด็กชายเห็นวิลเฮล์มเดินเข้ามาเขาก็เปิดประตูออกไปทันที ส่วนชายหัวล้านหันหลังอยู่จึงไม่ทับสังเกตเห็นชายหนุ่ม เขาได้แต่มองตามเด็กชายอยู่เงียบ ๆ จนวิลเฮล์มต้องสะกิดไหล่ให้เขาหันกลับมาชายหัวล้านมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว
“เด็กคนนั้นเขาคือใครเหรอ?” ชายหนุ่มเปิดประเด็นถามทันที
“เขาคือ คาลวิน ฮอฟกาซเซอ ส่วนผมชื่อมาฟรา อีโวร่า ผมเคยทำงานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนจะมาทำงานที่นี่ คนพวกนั้นน่ะพยายามใช้ฉากบังหน้าว่าเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นั้นเป็นหน้าเป็นตาของเมือง แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นที่ซ่องสุมของไอ้พวกคลั่งลัทธิ โอ้...ไม่มันช่างน่ากลัวจริง ๆ ..” มาฟรา เดินพร่ำอะไรอยู่คนเดียวแล้วก็เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้ให้วิลเฮล์มต้องยืนอยู่คนเดียว ‘ทำไมเด็กคนนั้นถึงใช้ชื่อเหมือนฆาตกรต่อเนื่องคนนั้น’ เขานึกอยู่ในในเงียบ ๆ คนเดียว
คราวนี้เขาจะกลับไปชั้นสามยังไงล่ะเนี่ย ห้องอาบน้ำก็ไม่มีบันไดให้ไต่ขึ้นไป เขาลองเปิดประตูที่อยู่ถัดจากห้องอาบน้ำพบทางเดินวน ใช่แล้ว....ห้องนี้อยู่ใต้ดินชั้นหนึ่งส่วนห้องที่มีระหัดวิดน้ำขนาดยักษ์นั่นต้องเป็นห้องใต้ดินชั้นสอง ถ้าเดินตามบันไดขึ้นไปก็จะพบกับทางออกไปยังชั้นสามได้แน่
และบทเรียนที่ได้จากทางเดินที่นี่คือปีศาจผนังนั่นเอง วิลเฮล์มเดินขึ้นมาตามบันได้โดยกระชับปืนในระดับเล็งยิง
“ปัง!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!ปัง!!!!!!!!!” เสียงปืนดังลั่นทางเดินที่ทึบสนิทอย่างน่ากลัว วิลเฮล์มจัดการกับปีศาจที่อยู่ตามผนังได้สำเร็จโดยไม่ได้รับรอยขีดข่วนใด ๆ เลย เขาพลานนึกเป็นห่วง เด็กชายคาลวิน และมาฟรา ที่พึ่งเดินผ่านทางเดินนี้ก่อนหน้าเขาไม่นานพวกเขาจะบาดเจ็บรึเปล่านะ....
ชายหนุ่มกลับไปยังชั้นสามและมองหาห้องที่มีเตียงเลือด และในที่สุดเขาก็หามันเจอหลังจากผิดหวังมาหลายห้อง
“ตุ๊บ!!!!!!!!” เขากระโดดเขามาในหลุมที่อยู่กลางห้องขังจนมาถึงห้องใต้ดินมันคือ ห้องครัวนั่นเอง ข้าวของเครื่องครัวล้มระเนระนาด อย่างกับมีจลาจลเกิดขึ้นก็ไม่ปาน พื้นห้องเปียกชื้นพร้อมกับมีตะไคร่น้ำเกาะเต็มพื้นวิลเฮล์มต้องระวังเวลาเดินเป็นอย่างมากจนไม่งั้นหัวฟาดพื้นแน่มาถึงประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีแผงหมายเลขติดอยู่ที่บานประตู ขาง ๆ แผงวงจรมีแผ่นใบปลิวสีเหลืองเข้มที่มีขนาดเท่ากับบัตรเติมเงินมือถือติดอยู่ มันเป็นรูปดวงตาขนาดใหญ่น่ากลัว มันคลายกับใบปลิวก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเก็บได้ แสดงว่าเขาต้องพบกับการตายของใครอีกล่ะเนี่ย!
เขาใช้นิ้วกดรหัสลงบนแผงตัวเลข เขาจำรหัสนั้นได้ดี ‘0302’ เมื่อเปิดห้องนั้นออกมาวิลเฮล์มรีบเอามืออุดจมูกทันทีที่ได้กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วจนแทบอาเจียน ห้องนี้มีเครื่องทรมานหลายชนิดแขวนอยู่เต็มห้อง ทั้งเลื่อย คีมปากนกแก้วขนาดใหญ่ กุญแจมือ และยังอุปกรณ์สำหรับชำแหละต่าง ๆ ทั้งมีดที่มีเกือบทุกขนาด กลางห้องเป็นแท่นยืนที่เชื่อมกับประตูด้วยพื้นทางเดินที่เป็นกรงเหล็กสามารถมองเห็นน้ำสีดำที่ส่งกลิ่นจากด้านล่าง คราบเลือดตามผนังบ่งบอกได้ดีว่าห้องนี้ต้องเป็นห้องที่ใช้ประหารแน่ ๆ เขาเห็นร่าง ๆ หนึ่งลอยอยู่เหนือน้ำโดยมีเลือดไหลนองลอยอยู่บนผืนน้ำ
วิลเฮล์มเข้าไปดูร่างนั้นใกล้ ๆ นั่นก็คือมาฟรานั่นเอง เขาตายแล้ว มีรอยถูกปาดที่คอ และมีหมายเลขสลักอยู่บนพุงที่อ้วนกลมของเขา ‘18’วิลเฮล์มถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น จากนั้นภาพศพของมาฟราก็เริ่มลางเลือนพร้อมกับสติของวิลเฮล์ม
เขาตื่นขึ้นในห้องนอนอีกครั้งภาพศพที่น่าสยดสยองและกลิ่นที่สะอิดสะเอียนยังไม่จางหายไปไหน วิลเฮล์มไปล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างจานในห้องครัวเพราะเขาไม่อยากเห็นอุโมงค์ในห้องน้ำ ชายหนุ่มยังจดจำกับเหม็นเน่านั่นได้ดีและเขาคิดไปเองว่ากลิ่นนั้นอาจจะส่งกลิ่นมาถึงห้องน้ำของเขาผ่านทางอุโมงค์เชื่อมมิติก็เป็นได้
เมื่อได้ล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่นแล้ว เขาก็ไปนั่งเล่นบนโซฟาในห้องนั่งเล่น สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษสีแดงที่ถูกสอดเขามาในห้องของเขาอีกแล้ว วิลเฮล์มรีบจ้องเขาไปในช่องแอบมองแต่ก็ไม่พบใคร
“ในที่สุดผมก็เจอกับสิ่งที่จะทำร้ายพวกมันได้ สิ่งนี้จะสามารถทำร้ายวิญญาณทุกชนิดได้ และผมรอดชีวิตได้ก็เพราะสิ่งนั้น
มันถูกปักอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า สิ่งนั้นคือดาบสะกดวิญญาณ ที่ด้ามมีข้อความบางอย่างถูกสะลักไว้
อาวุธนี้ทั้งหนัก และยากต่อการพกพา แต่ว่ามันจะส่งผลต่อพวกวิญญาณร้าย คุณจะต้องปักดาบลงบนร่างของวิญญาณร้ายนั้นก่อนจะโจมตี เพราะจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถตอบโต้พวกมันได้บ้าง
และมีดาบแบบเดียวกันเพียงแค่ห้าเล่มเท่านั้น ที่มีพลังสามารถสะกดวิญญาณร้ายได้
23 กรกฎาคม” แต่วิลเฮล์มเคยเห็นก้อนหินก้อนนั้นแล้วนี่เป็นที่ ๆ เขาพบกับเคลเว่อ วีล แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตว่าบริเวณนั้นมีดาบที่ว่าปักอยู่หรือเปล่า? ถ้าเขาได้ดาบนั้นสักเล่มเรื่องคงจะง่ายขึ้นกว่านี้
ความคิดเห็น