คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 หลุดเข้าไปในแดนสนธยา
ประตูที่ปิดตาย (THE DOOR IT’S LOCK)
เรียบเรียงโดย MICKEY
รายละเอียดของตัวละคร
วิลเฮล์ม คาร์นาว (Wilhelm Karnow)
พระเอกของเรื่องเขาเป็นชายหนุ่มที่พึ่งเรียนจบมหาลัย และกำลังหางานทำ เขายังอยู่ที่ห้อง 202 ของแมนชั่น Brentano ได้ 2 ปีแล้ว เป็นคนเคร่งขรึม มุ่งมั่นใช้ชีวิตโดยตั้งอยู่บนความไม่ประมาท มีผมสี บรอนทอง สูงราวๆ 175 หน้าตาดีมีจมูกที่โด่งสูง รับกับนัยน์ตาสีเขียวเข้ม
โฮลี่ เกรโก (Holy Greco)
นางเอกคนนี้เธอเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งมีอายุ 20 ต้นๆที่ชอบเที่ยวมีเพื่อนเยอะ อยู่ห้อง 203 ติดกับ วิลเฮล์ม เธออยู่ที่แมนชั่นมานานมากแล้ว แต่เธอรู้จักวิลเฮล์มแต่เพียงว่าเป็นคนที่อาศัยอยู่ขางห้องเท่านั้น โฮลี่เป็นผู้หญิงหน้าดุ เนื่องจากคิ้วที่โก่ง และดวงตาโตสีดำ ริมฝีปากอิ่มสีแดง ผมซอยประบ่าเข้ารูปกับใบหน้า นิสัยชอบเห็นใจผู้อื่นขี้สงสาร แต่บางครั้งก็ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง
คาลวิน ฮอฟกาซเซอ (Calvin Hofgasse)
ชายหนุ่มที่ต้องการได้รับการเยียวยาอย่างมากอายุราวๆ 23ปี เป็นผู้ก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมด เขาสามารถล่ะทิ้งได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำตามสิ่งที่ตนเองปรารถนา มีรูปร่างสูงใหญ่ มีดวงตาสีชาดูเหมือนอดนอนตลอดเวลา เป็นคนสุภาพ ไว้ผมยาว สีหน้าเหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลา
คาลวินวัยเด็ก (Little Calvin)
จะพบเห็นได้ทุกที่ในแดนสนธยา เป็นเด็กชายที่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ถ้าได้เห็นหน้าของเขาแล้วทุกคนก็จะต้องรู้สึกสงสารเขาเป็นอย่างมาก และเขาเหมือนมีความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้มากมาย
มาเรีย ซาโลนิก้า (Marie Salonica)
เธอเป็นคนที่วิลเฮล์มพบในแดนสนธยาของรถไฟใต้ดิน เป็นสาวสวยเซ็กซี่ ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่วาบหวาม เป็นคนมีเสน่ห์ มีผมดำที่ยาวมาก คิวบาง รับกับริมฝีปากอิ่ม และเชื่อว่าแดนสนธยานั้นเป็นความฝันของเธอที่มี วิลเฮล์ม เป็นผู้มาเยือน แต่เธอหาทางออกไม่ได้และเริ่มต้องการความช่วยเหลือจาก วิลเฮล์ม
เคลเว่อ วีล (
เด็กหนุ่มที่ชอบเรื่องราวลึกลับเอามากๆ อายุ18 ปี ได้พบกับ วิลเฮล์ม ในแดนสนธยาที่ป่า ลักษณะเหมือนคนเมายา อยู่ตลอดโดยชอบพึมพำกับตนเอง มักพูดเกี่ยวกับหลักศาสนาประหลาดที่เข้าใจได้ยาก
เกอเธ่ เบรนทาโน่ (Goethe Brentano)
เป็นคนที่อยู่ในห้อง 202 ก่อนที่ วิลเฮล์ม จะเข้ามาอยู่ต่อ มาสืบหาความลับของศาสนาประหลาด ที่เกี่ยวข้องกับ คาลวิน ในฐานะนักข่าวอิสระ และอยู่ๆ ก็ได้หายตัวไปอย่างประหลาดได้ราวๆ 3 ปีมาแล้ว โดยไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นหรือตาย
มาฟรา อีโวร่า (Mafra Evora)
ชายร่างอวบ อายุ 40 กว่า ๆ หัวล้าน ที่วิลเฮล์มพบที่ แดนสนธยาแห่งเรือนจำกลางน้ำ มาฟราเคยเป็นคนดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่คาลวินอยู่ ชอบดื่มเหล้า และทุบตีเด็ก ๆ อยู่เป็นประจำ และตอนที่ วิลเฮล์ม พบนั้นเขาถูกขังอยู่ในห้องขังเพียงลำพัง
แกลลิค มาแรส์ (Gallic Marais)
พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในชุดทำงานอายุ 45 ที่พักอยู่ที่ห้อง 207 ในแมนชั่นเดียวกันกับ วิลเฮล์ม เป็นคนดูภูมิฐานสุขุม แต่เป็นคนโมโหง่าย และแสดงอารมณ์ได้ทันที
ไคลน์ บินเกเนอร์ (Klein Bingener)
เป็นผู้ดูแลแมนชั่นที่ วิลเฮล์ม อาศัยอยู่ เป็นชายอายุราวๆ 50 กว่าๆ และมีอาการปกติเมื่อพบเห็นกับเรื่องเหนือธรรมชาติ และอาจจะรู้เหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น
รายละเอียดของเหล่าวิญญาณร้าย
เหยื่อรายแรก
ชายหัวล้านล่องลอยอยู่ในแดนสนธยา โดยถูกควักหัวใจทั้งเป็น เพื่อเป็นเครื่องสังเวย โดยจะทำร้ายคนเป็นโดยการควักหัวใจ และความเจ็บปวดเจียนตายจากการถูกควักหัวใจไม่เคยจากเขาไปแม้ตายไปแล้ว ทำให้เกิดแรงอาฆาต อีกทั้งสามารถดูดพลังชีวิตคนเป็นได้ สามารถทะลุกำแพงได้
เหยื่อรายที่ 4
วิญญาณของชายวัยกลางคน ซึ่งเป็นคนสวนที่ถูกควักหัวใจออกไปเป็นเครื่องสังเวยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตองการหัวใจของคนเป็น ๆ มา เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของตนเอง เคลื่อนที่โดยการล่องลอยและทะลุกำแพงเพื่อออกมาโจมตีคนเป็น
เหยื่อรายที่ 10
วิญญาณร้ายที่เดินไปมาในแดนสนธยา เป็นเหยื่อรายที่ 10 ที่ถูกควักหัวใจออกจากร่างไป โดยหัวใจได้นำไปใช้ในการสังเวย ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องทุกข์ทรมานแม้จะตายเป็นวิญญาณแล้วก็ตาม เข้าทำร้ายผู้คนเพื่อต้องการหัวใจมาทดแทนหัวใจของตนที่เสียไป และแม้แต่ผู้ที่มีชีวิตเข้าใกล้ก็จะถูกดูดพลังวิญญาณไป
เหยื่อรายที่ 12
ชายหนุ่มนักกีฬาที่ถูกฆ่า แล้วนำเลือดของเขาไปใช้ในงานพิธีกรรมอันชั่วร้าย เนื่องจากถูกทรมานก่อนที่จะตายจึงมีแต่ความทรมาน และต้องการเลือดสด ๆ ของคนที่มีชีวิต ตลอดเวลารวมถึงพลังชีวิตด้วย
เหยื่อรายที่ 13
วิญญาณหญิงชราที่ล่องลอยอยู่ในโลกแห่งแดนสนธยา ที่ถูกนำเลือดไปใช้ในการสังเวยในพิธีกรรม จะเข้าทำร้ายคนโดยดูดเลือดสด ๆ อีกทั้งดูดพลังของคนได้ด้วย เคลื่อนที่โดยการล่องลอยและสามารถทะลุกำแพงได้
เหยื่อรายที่ 14
ชายหนุ่มวัยทำงาน ที่ถูกนำเลือดออกไปเพื่อบูชายันต์ ดังนั้นก่อนตายจึงพบความเจ็บปวดก่อนตายอย่างแสนสาหัต ดังนั้นวิญญาณของเขาจะเข้าทำร้ายคนเพื่อดูดเลือดมาช่วยลดความทรมานที่ทำร้ายวิญญาณของเขา
เหยื่อรายที่ 16
วิญญาณของมาเรีย ที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เคลื่อนที่โดยการล่องลอยและคลานกับพื้น และใช้ผมที่ยาวรวบเหยื่อเข้ามาดูดเลือด และดูดวิญญาณ
เหยื่อรายที่ 17
วิญญาณ ของ เคลเว่อ ที่มีไฟลุกอยู่ตามตัวตลอดเวลา เนื่องจากก่อนตายต้องพบกับความทรมานอย่างสาหัต ทำให้เขาเข้าทำร้ายคนอย่างง่ายดายเพียงเพื่อดื่มเลือดเพื่อทุเลาความทุกข์ทรมานของตน อีกทั้งยังสามารถใช้ไฟในการทำร้ายผู้ที่มีชีวิตได้ด้วย
เหยื่อรายที่ 18
วิญญาณของ มาฟรา ที่ตายอย่างทรมานน้อยที่สุด ทำให้วิญญาณของเขาจึงล่องลอยในลักษณะคล้ายลูกโป่ง พร้องทั้งฮัมเพลงไปด้วย แต่เข้าทำร้ายคนที่มีชีวิตโดยการใช้ร่างอ้วน ๆ ในการพุ่งชน
เหยื่อรายที่ 19
วิญญาณ ของ แกลลิค เขาถูกช๊อตไฟฟ้าจนตาย สามารถหายตัวได้ เคลื่อนที่ได้เร็ว และไม่ล่องลอยเหมือนวิญญาณอื่น ๆ
เริ่มเรื่อง
เมื่อ 2 ปีก่อน วิลเฮล์ม คาร์นาว (Wilhelm Karnow) ได้เข้าพักอาศัยอยู่ที่ห้อง 202 ของแมนชั่น Brentano ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง โดวิลล์ (
แต่ 5 วันก่อนเกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นคืนเขาฝันซ้ำ ๆ หลายคืนติดกัน แล้วหลังจากนั้นเขาก็ออกจากห้องไม่ได้.......
เสียงสเตอร์รีโอ แม้จะเปิดดังแค่ไหน หรือเสียงหวีดร้องแม้จะเปล่งเสียงจนคอแทบแตก แต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกจากห้อง 202 นี้ได้เลย โซ่ที่พันรอบประตูจนรุงรังอีกทั้ง มีแม่กุญแจหลายตัวติดอยู่ ก็ไม่มีกุญแจดอกไหนไขออก หน้าต่างทุกบานก็ถูกแผ่นไม้หนาตีปิดจนเปิดหรือแม้แต่ทุบก็ไม่ได้
ในขณะที่มึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเสียงดังดุจฟ้าผ่าลงมา ดังขึ้นอยู่ในห้องน้ำ เขาจึงรีบรุดไปยังห้องน้ำและได้พบกับโพรงบนผนังห้องน้ำขนาดใหญ่เนื่องจากออกจากห้องไม่ได้มาเกือบอาทิตย์เขาจึงรีบเข้าไปในโพรงอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อหาทางออก แต่เขากลับไม่รู้ว่าปลายทางของโพรงประหลาดนั้นหาใช่ทางออกแต่อย่างใดแต่ กลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเหนือสิ่งที่จะคาดหมายได้
บทที่ 1 หลุดเข้าไปในแดนสนธยา
วิลเฮล์ม คาร์นาว ชายหนุ่มวัย23 ปี มีผมสีมีผมสี บรอนทอง นัยน์ตา สีเขียวมรกต ลืมตาตื่นขึ้นในห้องนอนของตนในแมนชั่น ห้อง 202 แต่บรรยากาศตอนนี้ช่างแต่ต่างกับ ห้องนอนสีขาวของเขาโดยสิ้นเชิง เพราะ ณ บัดนี้ ผนังห้องนี้ถูกฉาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่เกรอะกรังไปทั่วห้องนอนจน วิลเฮล์ม สะอิดสะเอียดจนอยากจะอาเจียน เขายืนงุนงงอยู่ในห้องสักพัก ก็เกิดเสียง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก...” ดังมากๆ มาจากห้องนั่งเล่น เป็นเสียงผู้ชายแปลกหูที่ วิลเฮล์มไม่คุ้นเคยเลย วิลเฮล์มจึงรีบเปิดประตูออกไปนอกห้อง
ชายหนุ่มพบกับบรรยากาศเดียวกันกับในห้องนอนข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกชโลมไปด้วยเลือดทั้งโซฟาโต๊ะ เก้าอี้ นาฬิกาติดผนัง รูปภาพ ตู้เก็บของขนาดกลาง และสิ่งของอื่น ๆ อีก พร้อมกับกลิ่นอับของเลือดที่คละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง วิลเฮล์ม มองหาที่มาของเสียงแต่ไม่พบกับใครนอกจากเสียงทีวีที่ดังซ่าเนื่องจากไม่สามารถรับสัญญาณช่องใด ๆ ได้เลย
ระหว่างที่วิลเฮล์มกวาดสายตามองรอบๆ ห้อง เขาสะดุดกับรอยไหม้ บนผนังที่คลายกับใบหน้าคนที่กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากนั้นจุดเล็กๆ ที่เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเกิดการเผาไหม้ บนผนังสีเลือดที่อยู่ระหว่างตู้เก็บของติดผนัง กับรูปภาพ จากนั้นก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา
มันเป็นมือของผู้ชายแน่ ๆ วิลเฮล์มแทบหยุดหายใจเนื่องจากภาพตรงหน้า จะก้าวขาหนี้ก็ไม่ได้เนื่องจากความกลัวต่อภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าวิลเฮล์ม เลือดที่สูบฉีดอยู่ในกายของเขาเย็นดุจน้ำที่แช่ไว้ในตู้เย็น หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะเป็นจังหวะรัวกลอง ก็ไม่ปาน
นั้นก็เพราะมือของชายลึกลับที่ยื่นออกมาจากผนังที่กำลังเกิดรอยไหม้และขยายวงกว้างออกอย่างรวดเร็วนั้น มันเป็นมือที่มีสีซีดเผือกทำให้วิลเฮล์มรู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นมือของคนที่ตายไปแล้ว ไม่กี่อึดใจต่อมา ม่านตาของวิลเฮล์มต้องหดลงอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวถึงขีดสุดเพราะไม่ได้มีแค่มือ
แล้วบัดนี้มีร่าง ๆ หนึ่งถลันออกมาจากรอยไหม้ที่ผนังที่กว้างเป็นรูใหญ่ มันเป็นซากศพของชายลึกลับคนหนึ่งตกลงมาที่พื้นห้องแล้วตอนนี้ร่างนั้นซีดเผือก เต็มไปด้วยร่องรอยของไฟไหม้เป็นหย่อมๆ ตามเนื้อตามตัว ชายคนนี้โกนผม ใบหน้ามีรอยแผลลึกน่ากลัว ฟันสีดำ นัยตาสีแดงฉาน ร่างนั้นคลืบคลานเข้าหาวิลเฮล์มอย่างน่ากลัว
เขารีบถอยหลังหนีอย่างรีบร้อนโดยไม่ระวัง จึงชนเข้ากับเก้าอี้ไม้วิลเฮล์มเสียหลักล้มลงกับพื้นห้องสีแดง ร่างชายลึกลับนั้นเร่งคลานขึ้นมาบนร่างของวิลเฮล์มอย่างรวดเร็ว มันเข้ามาใกล้มากจนวิลเฮล์มได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ออกมาจากตัวมันอย่างใกล้ชิด มันโน้มใบหน้าที่แสนจะน่าขยะแขยงเข้ามาใกล้มาก..
วิลเฮล์มสะดุ้งตื่นขึ้น มองไปรอบห้องที่กลับเป็นปกติใช่แล้วมันเป็นสีขาวสว่าง ของทุกอย่างอยู่ในสีที่ควรจะเป็น
“โธ่เว้ย..” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ชายหนุ่มนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับฝันแสนสยองของตนเอง เขาสวมเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ และสวมกางเกงยีสต์สีน้ำเงินเข้ม เม็ดเหงื่อที่จับอยู่ตามใบหน้า จังหวะหัวใจที่เต้นช้าลงแล้วในตอนนี้ ความรู้สึกของวิลเฮล์ม ในตอนนี้รู้สึกดีที่ตื่นขึ้นมาเพราะหน้าของร่างชายลึกลับแสนจะซีดเซียวเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้นั้นยังติดตาเขาอยู่ ยังครุ่นคิดอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องจริงจะทำอย่างไร.......
“ฝันบ้าอะไรเนี้ย............” เขานั่งทบทวนความฝันได้สักพัก
เนื่องจากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝัน สยองแบบนี้ เขาจึงเอี้ยวตัวเพื่อโทรหาเพื่อนสักคนเพื่อเล่าสู่ความคับแน่นที่อยู่ในอกตอนนี้ เมื่อยกหูโทรศัพท์แบบตั้งโต๊ะธรรมดา ๆ ขึ้นมาแล้วเริ่มกดเบอร์เพื่อนคนหนึ่งที่คุ้นเคย ได้ยินแต่เสียง ตรู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ วิลเฮล์ม จึงตัดใจวางหูโทรศัพท์ลง เขาลุกขึ้นเดินไปจนถึงประตูห้องนอน
ขณะที่กำลังเอื้อมมือไปจะจับลูกบิดประตูห้องนั้น เกิดเสียง
“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ดังมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้ข้างหัวเตียง วิลเฮล์ม จึงรีบรับหูโทรศัพท์โดยเร็ว
“ฮัลโหล............ ?” วิลเฮล์ม นั้นทั้งดีใจ และประหลาดใจในอารมณ์เดียวกันเพราะเมื่อครู่นี้โทรศัพท์ยังใช้ไม่ได้อยู่เลย
“ช่วย...ฉัน...ด้วย..” เสียงผู้หญิงลึกลับที่ฟังได้ยากเนื่องจากมีเสียดังแทรกเข้ามาใจหูโทรศัพท์แต่ก็รู้ได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นต้องมีเรื่องเดือดร้อนแน่ๆ
“อะไรนะ?....” วิลเฮล์ม รีบถามด้วยความร้อนใจ
“ตรู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...” ชายหนุ่มรู้ได้ ทันทีว่าสายได้หลุดไปแล้ว
เขากะจะกดปุ่มที่ทวนเบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขาแต่สายตาก็มองผ่านๆ ไปทางสายโทรศัพท์ ก็สะดุดอยู่ที่สาย เขาลองยกเครื่องโทรศัพท์ลองดู ก็ต้องพบกับความประหลาดใจอย่างหนักเนื่องจากสายโทรศัพท์มันขาดออกจากกัน แล้วเมื่อกี๊นี้มีคนโทรเข้ามาได้ยังไง วิลเฮล์ม รู้สึกตัวหนักอึ้ง ช่องท้องเขารู้สึกกลวงโหว เขาหาเหตุผลให้ตนเองไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนตรงออกจากทางเดินแคบ ๆ ในห้องเลี้ยงขาวไปจะพบกับห้องนั่งเล่น
มีโต๊ะขนาดกลางวางอยู่กลางห้อง ถัดมาเป็นเก้าอี้โซฟา สีครีม วิลเฮล์ม เดินตรงมาที่ หน้าต่าง ที่มีช่อง ว่างระหว่างแผ่นไม้ เขามองลอดแผ่นไม้ออกไปด้านนอก ตรงข้ามเป็นแมนชั่น Brentano อีกฝั่ง เนื่องจากแมนชั่นนี้สร้างขึ้นเป็นรูปตัวยู จากนั้นจึงมองไปยัง ด้านหน้าของแมนชั่นซึ่งเป็นถนนใหญ่และยังมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ อีกด้วย ด้านนอกนั้นผู้คนยังไม่พลุกพล่านเนื่องจากยังเช้าอยู่ ในความคิดของวิลเฮล์มนั้น ข้างนอกนั้นคือสิ่งเดียวที่เขาปรารถนาที่จะได้ออกไป
ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ ท่าทางกำลังรอใครสักคนอยู่ เธอสวยและโดดเด่นมาก ผมดำยาวที่เกล้าขึ้น เธอสวมเสื้อที่เป็นผ้ารินนิลเนื้อบางเบาสีแดง กระโปรงสั้นลายขวางหลากสี วิลเฮล์มมองดูเธออยู่นานจนเธอเดินลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ ไปวิลเฮล์มคิดว่าเธอคนนั้นคงไม่รอต่อไปอีกแล้ว เมื่อไม่มีของสวย ๆ งาม ๆ ดู วิลเฮล์ม จึงละสายตาออกจากหน้าต่าง
สายตาของชายหนุ่มสะดุจอยู่กับแผ่นกระดาษสีเหลืองซีดที่ตกอยู่หลังตู้หนังสือที่อยู่ข้างหน้าต่าง มันเป็นตู้ทำจากไม้สีน้ำตาลเข้มที่มีขนาดสูงเท่ากับวิลเฮล์ม ชายหนุ่มก้มตัวลงหยิบแผ่นกระดาษประหลาดนั้นขึ้นมาอ่าน ใจความว่า
“หากผ่านพิธีกรรมอัน ศักดิ์สิทธิ์และเคร่งครัด มันผู้นั้นจะเป็นผู้สร้างโลกที่หลุดพ้นจากพระเจ้าอยู่เหนือกาลเวลาและไร้พระเจ้า หากไม่มีขั้นตอนไหนผิดพลาดแล้วและบัดนี้ มันได้มาสถิตอยู่ในสถานที่นี้แล้วและได้หลุดพ้นจากโลกของพระเจ้า
สิ่งที่แยกโลกของเรากับโลกของพระองค์ออกจากกัน นั่นคือ โลกของเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยคาดไม่ถึง ทั้งผืนดิน ผืนน้ำ กำแพง หน้าต่าง ประตู สิ่งประกอบอื่น ๆ อีกนั้นโลกนี้มีเพียงชายคนเดียวที่ควบคุมได้... และใครที่หลุดเข้าไปในโลกแห่งนี้จะไม่มีวันตาย, ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจะไม่จากไปไหน และนักบุญคนใดหรือแม้แต่พระเจ้าก็มีอาจให้อภัยต่อบาปนี้ได้
.....แม้จะยากเย็นที่ค้นหาโลกแห่งนั้น แต่ชายที่สร้างมันขึ้นมาจะต้องเสียใจอย่างแสนสาหัตในไม่ช้า...”
วิลเฮล์มอ่านจบถึงตรงนี้เพราะหน้ากระดาษนั้นเก่าและขาดทำให้เขาไม่สามารถอ่านต่อได้ กระดาษเก่า ๆ แผ่นนี้มาจากไหนเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนหน้านี้เลย เขาไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เกี่ยวกับศาสนาใด ๆ เลย วิลเฮล์มวางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะกลางห้องนั่งเล่น เดินตรงมาที่ประตู แม้จะมองกี่ครั้งเขาก็ต้องประหลาดใจทุกครั้งเหมือนกับพึ่งได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่ฝันร้ายถึงห้องตัวเองเป็นสีแดง ในคืนแรกเขาตื่นขึ้นมาพบตัวเองถูกขังอยู่ในห้อง ที่ประตูถูกล่ามโซ่เอาไว้อย่างแน่นหนา มีแม่กุญแจหลายตัวล็อคซ้ำไปซ้ำมาและที่สำคัญมันถูกล็อคจากภายใน แม้เขาจะหากุญแจทั้งห้องเท่าที่เขาจะมี แต่ก็ไม่มีดอกไหนเลยที่ไขเปิดออกได้ หน้าต่าง ถูกแผ่นไม้หนาตีปิดทับด้วยตะปูหลายตัว จนเขางัดมันไม่ออก มีเพียงช่องเล็ก ๆ ให้เขาได้พอมองลอดออกไปข้างนอก เขาติดอยู่ในห้องได้ 5 วันเต็ม แล้ว
ถ้าอาหารกระป๋องในตู้เย็นหมดลงเมื่อไหร่ เขาอาจจะตายอยู่ในห้องโดยไม่มีใครรู้ก็ได้
“อย่าออกไปเด็จขาด...คาลวิน”
ใครคือคาลวิน เขาไม่รู้จักใครที่ชื่อนี้ข้อความนี้ถูกเขียนด้วยหมึกสีแดง ที่วิลเฮล์มไม่อยากจะคิดว่าเป็นเลือดของคนหรืออะไร มันถูกเขียนอยู่บนประตูตั้งแต่วันแรกที่เขาติดอยู่ในห้องแล้ว คาลวิน จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนี้แน่ แต่นอกจากตัวเขาเองแล้วก็ไม่มีใครอีกแล้วในห้องนี้นี่...
“เกิดอะไรกันขึ้นว่ะเนี่ย...” วิลเฮล์มได้แต่ สถบอยู่กับตัวเองหงุดหงิดที่ออกจากห้องไม่ได้หลายวันแล้ว
“เพล้ง!!!!!!!!!!!!!!” เสียงของหล่นที่หน้าประตูเขานี้เอง วิลเฮล์ม รีบมองในช่องแอบมองที่ประตู พบโฮลี่สาวผมดำประบ่าที่อยู่ข้างห้องอยู่ในชุดเสื้อแขนสั้นลายขวางสีชมพู กางเกงขาสั้นสีม่วง ถือของพลุ่งพะลังอยู่หน้าห้องและกำลังก้มเก็บกระป๋อง ที่ทำหล่นเมื่อกี้นี้ หญิงสาวเก็บของเสร็จลุกขึ้นมามองที่ประตูห้องของ วิลเฮล์ม อย่างหวาด ๆ แล้วเดินกลับห้องของเธอไป
วิลเฮล์มมัวแต่มองดูเธอเลยไม่ได้ร้องขอ ความช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้เขาเสียดายโอกาสเป็นอย่างมาก ขณะที่ก้มลงนั้นสายตาเขาปะทะเข้ากับ กระดาษสมุดแผ่นน้อยที่ถูกฉีกแล้วสอดจากด้านนอกเข้ามายังในห้องเขา วิลเฮล์มหยิบมันขึ้นมา ใจความของโน้ตเขียนว่า
“แม่ครับ เมื่อไหร่แม่จะตื่นครับ”
... แม่ใครที่ไหน? วิลเฮล์มไม่เข้าใจข้อความนั้นเลยสักนิด แล้วจู่ๆ ก็เกิดเสียดังกัมปนาทขึ้น
“บึ้มมมมมมมมมมมมมม.........” วิลเฮล์มสะดุ้งเฮือก
เสียงมาจากทางห้องน้ำนี่.. วิลเฮล์มรีบวิ่งมายังทางเดินแคบ ๆ ตรงไปยังประตูห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับประตูห้องนอนด้วยใจสั่นระทึกแม้จะเจือปนด้วยความกลัวแต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เมื่อเปิดประตูเข้าไปในหัวสมองของวิลเฮล์มมึนชาเนื่องจาก ในห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวทั้งผนังและพื้น ตอนนี้มีโพรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนผนัง ระหว่างที่ล้างหน้า กับโถชักโครกสี ขาวสะอาด โพรงนั้นอาจก่อให้เกิดแรงสะเทือนเพราะกระจกที่ติดผนังเหนืออ่างล้างหน้านั้นแตกออกไปครึ่งหนึ่ง
“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย... เฮ้!. มีใครอยู่ในนั้นมัย?” วิลเฮล์มตะโกนถามเข้าไปในโพรงมืด มีท่อน้ำขนาดประมาณ 1ฟุตครึ่ง ขวางอยู่ที่ปากโพรง วิลเฮล์มออกแรงดึงนิดเดียวท่อน้ำก็หลุดติดมือเขามา นี้อาจจะเป็นทางเดียวที่ออกจากห้องนี้ได้ วิลเฮล์มตัดสินใจที่จะคลานเข้าไปในท่อแม้ว่าไม่รู้ว่าทางออกมันจะไปออกที่ไหน...
วิลเฮล์มมุดหัวเข้าไปในโพรงนั้นก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ คลานในโพรงนั้นเป็นซีเมนต์หยาบ ๆ เวลาคลานจะเจ็บที่เข่า และข้อศอก แต่มันเป็นความเจ็บที่เขาทนได้ เพราะสายตาวิลเฮล์มได้เห็นแสงสว่างที่เป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ที่ปลายทางเขาจึงเร่งมือและขา เพื่อที่จะคลานให้ได้เร็วขึ้น หัวใจเต้นแรงเนื่องจากเห็นทางออกอยู่ใกล้ขึ้นแล้ว
เขาคลานได้ประมาณ 15 นาที ในโพรงซีเมนต์เข็งและ หยาบแล้วสักพักโพรงที่เขาคลานอยู่นั้นเรียบขึ้น วิลเฮล์มไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้วในที่สุดเขาก็มาถึงทางออกที่สว่างจ้า จนแสบตาไปหมด วิลเฮล์มสู้กับแสงจ้าไม่ไหวจึงหลับตาลง
ชายหนุ่มรู้สึกวูบ ๆ พอลืมตาขึ้นก็พบตัวเองนั่งอยู่บนบันไดที่กำลังเลือนลง “นี่มัน..อะไรกันนี่?” วิลเฮล์มได้แต่งุนงง ว่าตนเองมานั่งตรงนี้อยู่ได้อย่างไรพอบันไดเลื่อนลงมาถึงพื้น วิลเฮล์มก็รู้ทันที่ว่าที่นี่ต้องเป็นสถานรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ แน่ ๆ บรรยากาศในตอนนี้ทั้งเงียบและวังเวงเป็นอย่างมาก แสงไฟสลัว ๆ วิลเฮล์มรู้สึกถึงอันตรายเขากำท่อเหล็กเอาไว้แน่น เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่เลย มือเริ่มชื้นเหงื่อด้วยความกังวล
เมื่อเดินตรงมาได้สักพักวิลเฮล์ม เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนหันหลังอยู่ เธอมวนผมสีดำขึ้นเผยให้เห็นท้ายทอยและคอระหงส์ เธอใส่เสื้อสีแดงบางเบาจนเห็นเสื้อในลูกไม้สีดำ กระโปรงสั้นลายหลากสี รองเท้าส้นสูงสีดำ เขาจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเธอ
หญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงของคนเดินเข้ามาหา เธอจึงหันหลังกลับมามองยังวิลเฮล์ม
“คุณเป็นใคร...”
เธอถามวิลเฮล์ม ไม่เพียงแต่เสื้อที่บางเบาเท่านั้น กระโปรงสั้นของเธอเอวต่ำจนเผยให้เห็นขอบกางเกงชั้นในจีสตริงสีดำตัวจิ๋วอีกด้วย เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ยั่วยวนจริง ๆ
“ผม วิลเฮล์ม แล้วคุณล่ะชื่ออะไร?” วิลเฮล์มเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง ในใจคิดว่าเธอทำไมมายืนคนเดียวในที่เปลี่ยวแบบนี้
“ฮึ.. ฉันมาเรีย และนี้คือความฝันของฉัน...” หญิงสาวแนะนำตนเองให้วิลเฮล์มได้รู้
“นี่ความฝันคุณเหรอ...” วิลเฮล์มย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือนัก
“ก็ใช่ไง แล้ววันนี้ก็ฝันน่ากลัวจริง ๆ ... ฉันคิดว่าคงจะตื่นขึ้นในอีกไม่ช้านี้ แต่มันก็แค่ฝันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย แต่ถ้านายไม่เชื่อว่าเป็นความฝัน แล้วคิดว่าเป็นอะไร...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“แต่ฉันหาทางออกไม่เจอสักที...” จู่ ๆ มาเรีย ก็เปลี่ยนน้ำเสียง เป็นเริ่มกังวลขึ้น
“เอ่อ... ฉันหลงอยู่ที่นี่สักพักแล้ว และตอนนี้ชั้นอยากจะออกจากที่นี่สักที” มาเรีย จ้องมองมาที่วิลเฮล์ม สายตามีความหมายว่าต้องการความช่วยเหลือ
“คุณจะช่วยพาชั้นไปยังทางออกได้มั้ย...” ในที่สุด มาเรียก็ขอความช่วยเหลือจากวิลเฮล์มจนได้
“ฉันเริ่มจะกลัวที่จะต้องอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วล่ะ” เธอเสริมเพราะเห็นท่าทีลังเลของวิลเฮล์ม
“ก็ได้ ผมคุ้นเคยกับสถานีนี้ คุณไม่ต้องกังวลหรอก” พูดจบวิลเฮล์มก็เดินนำมาเรียมาตามทางเดินที่จะนำไปสู่ทางออก
เดินมาได้สักพักหนึ่ง มาเรีย ก็รู้สึกแปลก ๆ
“รอก่อน! ...” มาเรียพูดอย่างร้อนรน
วิลเฮล์มหันกลับมามองพบว่า มาเรียใช้มือขวากุมท้อง ส่วนมือซ้ายปิดปากอยู่ มาเรียอยู่ในลักษณะตัวงอ หน้าเธอซีดเซียวลงมาก
“ฉัน...ฉันอยากจะอ้วก..” มาเรียตอนนี้ทรุดลงกับพื้น
วิลเฮล์มเดินเข้าไปจะพยุงตัวเธอขึ้นมา แต่มาเรียชิงลุกขึ้นมาก่อนแล้ววิ่งตรงไปที่ห้องน้ำหญิงของสถานีที่อยู่ไม่ไกลนักจากที่ๆ พวกเขายืนอยู่ เขายืนรอ มาเรียด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าห้องน้ำราว ๆ 10 นาที แต่รู้สึกเหมือนนานเป็นชั่วโมง ๆ เพราะบรรยากาศที่เงียบสงัด และวังเวงเป็นอย่างมาก
ในความเงียบอยู่ ๆ ประตูห้องน้ำหญิงก็เปิดขึ้น มีซากสัตว์คล้ายสุนัขกระเด็นออกมาแต่ยังไม่ตายสนิทดี จากนั้นสัตว์ชนิดเดียวกันก็กระโจนออกมาจากประตูห้องน้ำหญิง ถึง 2 ตัวด้วยกัน แต่ก่อนนี้มันคงมีหนังหุ้มแต่บัดนี้ ผิวหนังของมันเหลืองซีดและไม่มีขน อีกทั้งเนื้อบางส่วนของมันหลุดออกไป จนเผยให้เห็นเส้นเอ็นและกระดูกได้ชัดเจน
สัตว์ทั้ง 2 ตัว รุม กันขย้ำซากสุนัขตัวแรกที่กระเด็นออกมาเลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วบริเวณ จนมันแน่ใจแล้วว่าตายสนิทดีจึงหันมาจะทำร้าย วิลเฮล์ม ซึ่งเขาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับการโจมตีแล้ว มือของเขากำท่อเหล็กเอาไว้แน่น หัวใจเริ่มเต้นแรง เหงื่อเริ่มซึมตามไรผมแล้ว เพราะสภาพหมาทั้งสองตัวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่น่าจะมีชีวิต เพราะดูเน่าแฟะ เสียเหลือเกิน
สุนัขตัวแรกกระโจนเข้าหาวิลเฮล์ม
“ผัวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” วิลเฮล์มตีเข้าที่หัวของมันเข้าเต็ม ๆ แรงหวดจนมันกระเด็นสลบแน่นิ่ง ตัวที่สองหมายจะกัดเขาที่ขา วิลเฮล์มก็ใช้ท่อเหล็กอันเดียวกันฟาดลงที่หลังของมัน
“เอ็ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” สุนัขตัวที่สองล้มลงดิ้นพราด ด้วยความเจ็ดปวดอยู่ไม่ไกล จากตัวแรก วิลเฮล์มรีบวิ่งเข้าไปกระหน่ำตี สัตว์ร้ายทั้งสองตัวอย่างไม่ยั้ง เสียท่อเหล็กที่กระทบลงกับร่างของสัตว์ร้ายดังสนั่นก้องทางเดินของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เมื่อแน่ใจว่าสุนัขทั้งสองตัวตายสนิทดี แล้ว เขาจึงพักหายใจเนื่องจากเสียแรงไปมาก เขาเดินตรงไปที่ประตูห้องน้ำหญิงด้วยท่าทีแน่วแน่ มือขวากำท่อเหล็กแน่นและใช้มือซ้ายผลักประตูห้องน้ำหญิงที่มาเรียเข้าไปในตอนแรก ใจก็นึกแต่หวังว่า มาเรีย จะไม่เป็นอะไร เมือเปิดประตูเข้ามาภายในมีแสงไฟสลัว ๆ อ่างล้างหน้าอยู่ 2 อ่างและมีกระจกขนาดใหญ่ ติดอยู่บนผนัง ห้องน้ำนี้อยู่ในสภาพขาดการดูแลทำความสะอาด
วิลเฮล์มเลี้ยวซ้ายไปยังส่วนที่เป็นห้องน้ำที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ห้อง ทุกห้องประตูเปิดอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ที่ผนังของห้องน้ำมีอุโมงค์ขนาดใหญ่อยู่ปากทางเข้าอุโมงค์ มีอักขระสีแดงจารึกอยู่ นี้อาจเป็นทางหนีที่ มาเรียใช้หนีสัตว์ร้ายก็เป็นได้ ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปในอุโมงค์ ภายในอุโมงค์นั้นมืดมาก มองทางได้ยากลำบาก เขาคลานอยู่ในความมืดมิดสักพักก็รู้สึกวูบลงอีกครั้ง
แสงแดดสาดส่องผ่านเล็ดลอดเข้ามาผ่านช่องไม้กระดานที่ตีปิดระหว่างหน้าต่าง ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากแสงที่จ้า เขาลืมตาขึ้นมาพบกับผัดลมเพดาสีขาวขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย ใช่นี่มันห้องนอนของเขานี่ วิลเฮล์มลุกขึ้นนั่งแล้วพึมพำว่า
“ความฝันหรอกเหรอเนี่ย..หรือเรื่องจริงสับสนไปหมดแล้ว หรือว่าเราเข้าไปอยู่ในความฝันของมาเรียจริง ๆนี่” คิดไปพราง ๆ วิลเฮล์มก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาคงเป็นเพราะนอนมากไปแน่ ๆ
วิลเฮล์มเดินออกจากห้องนอนกะจะไปหาอะไรกินในครัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงข้ามห้องนั่งเล่นระหว่างกลางนั้นมีตู้เก่าใบหนึ่งซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่าของแมนชั่นที่วิลเฮล์มไม่ได้เป็นคนซื้อเข้ามา ตู้ไม้สีน้ำตาลเก่า ๆ ใช้วางโคมไฟ
ที่แปลกคือมันอยู่ในสภาพที่แปลกไป มันเยื้องออกมาจากที่ๆ มันเคยอยู่ชิดผนังเผยให้เห็นรอยเขม่าที่อยู่ด้านหลัง เขาจึงลองขยับตู้ออกจนเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ตู้ มีปืนพกสีดำวางอยู่ที่พื้นสร้างความประหลาดใจให้วิลเฮล์มเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากความกังวลที่เกาะกุมจิตใจเขาอยู่ในตอนนี้เขาจึงเก็บมันขึ้นมาเหน็บไว้ที่ขอบกางเกง
รอยไหม้ดำที่ผนังมีรูโหว่พอมองลอดได้รูหนึ่ง เขาจึงก้มลงมองดูพบกับโฮลี่หญิงสาวข้างห้องกำลังทำความสะอาดห้องของเธออยู่ ห้องของเธอมีตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ และมีเตียงนอนที่ผ้าคลุมเตียงลายดอกไม้หลากสี บนเตียงมีตุ๊กตากระต่ายสีชมพูตัวใหญ่วางอยู่บนเตียง
ในขณะที่ วิลเฮล์มกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือจาก โฮลี่
“กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เสียงโทรศัพท์ดังมาจากในห้องนอนของเขาเอง วิลเฮล์มรีบเร่งฝีเท้ามายังห้องนอนทั้นที วิลเฮล์มยกหูโทรศัพท์เข้าแนบหูยังไม่ทันได้พูด ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดสวนขึ้นมาก่อน
“เธออยู่ที่ไหน?...” เสียงนี้เองทำให้วิลเฮล์ม จำได้ทันทีว่าต้องเป็น มาเรียแน่ ๆ
“ช่วยฉันด้วย มีบางอย่างจะทำร้ายฉัน!... ตรู๊ดดดดดด...........” สายหลุดไปเสียแล้ว วิลเฮล์มได้แต่ครุ่นคิดมันเป็นเสียงของมาเรีย และดูร้อนรนมาก เธอต้องอยู่ในอันตรายจริง ๆ และตอนนี้เขาตื่นอยู่ ...มันไม่ใช่ความฝันนี่..
ชายหนุ่มออกมาจากห้องนอนอีกครั้งได้ยินเสียงคนกวาดขยะอยู่หน้าประตูห้องเขา วิลเฮล์มรีบวิ่งไปมองที่รูประตู เห็น โฮลี่ กวาดขยะอยู่ทำให้โอกาสที่เขาจะให้เธอช่วยเหลือนั้นหมดลง เพราะเธอออกจากห้องของเธอมาแล้ว...เขาไม่สามารถที่จะหาโอกาสร้องขอความช่วยเหลือจากเธอได้เลย
แต่ในใจเขาห่วงมาเรียมากกว่าตนเอง เสียงในโทรศัพท์นั้นช่างร้อนรน เธอคงจะกำลังตกอยู่ในอันตรายเมื่อนึกถึงสัตว์ร้าย 2 ตัวที่เข้ามาทำร้ายเขาขึ้นมา ทำให้เขาตัดสินใจจะเข้าไปในโพรงเพื่อเข้าไปช่วยมาเรีย เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อมุดเข้าไปในโพรงมืด
เขาคลานจนสุดทาง ปลายทางของโพรงคือห้องน้ำหญิงที่วิลเฮล์ม ใช้อุโมงค์นี้คลานกลับ แต่ที่แปลกก็คือมีร่าง ๆ หนึ่งนั่งอยู่บนโถส้วมในห้องที่ 2 วิลเฮล์มเดินตรงเข้าไปหาถึงกับผงะ... ร่างนั้นเหมือน มาเรียมาก แต่ทำด้วยไฟเบอร์กาซสีขาวแขนทั้งสองข้างเปื้อนเลือน ใบหน้าแสดงอารมณ์ตกใจสุดขีดตาเบิกค้าง ริมฝีปากอ้าค้าง มือข้างขวาของหุ่นยื่นออกมาข้าหน้า วิลเฮล์มรู้สึกมีอะไรอยู่ในมือหุ่นตัวนี้ วิลเฮล์มลองเสียงหยิบมันขึ้นมาดู แต่ใจก็ระทึกอยู่เพราะเดาไม่ออกว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอีก
วิลเฮล์มลองยกบางสิ่งที่หยิบขึ้นมาจากมือของหุ่นตัวนั้นมาดู มันคือเหรียญเพื่อผ่านเข้าประตูสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ นี่อาจเป็นคำใบ้อะไรก็ได้ ... แต่เขานึกไม่ออก แต่ถ้ามีเหรียญนี้เขาจะสามารถเข้าสู่ภายในของชานชลารถไฟฟ้าโดวิลล์ ได้ วิลเฮล์มเดินออกจากห้องน้ำหญิง เดินมุ่งตรงไปสู่ทางที่มืดสลัว นำไปสู่ประตูทางเข้า เขามาใกล้ถึงปากทางเข้าสู่ชานชลาแล้ว มีสุนัขที่เนื้อหนังบางส่วนหลุดออกไป วิ่งเข้ามาขย้ำเข้าที่ขาข้างขวาของวิลเฮล์ม
เขาเซถลาล้มลงกับพื้น สัตว์ร้ายรีบพุ่งเข้ามาจะเข้าทำร้ายเขาซ้ำ วิลเฮล์มใช้ขาซ้ายที่ไม่บาทเจ็บถีบเข้าที่หน้าของสุนัขตัวนั้นอย่างแรงจนมันกระเด็นล้มลงไปไกลจากตัววิลเฮล์มประมาณ 3 เมตร วิลเฮล์มรีบใช้ขาซ้ายพยุงตัวขึ้นมา เขาเสียการทรงตัวเล็กน้อยก่อนจะยืนอย่างมั่นคง วิลเฮล์มหยิบปืนพกที่เหน็บอยู่ที่ขอบกางเกง
“ปัง!!!!!!!!!!!!!......” เสียงปืนดังสนั่นก้องไปทั่วสถานีรถไฟฟ้าที่มืดสลัว วิลเฮล์มยิงเข้าที่หัวของสุนัขเต็ม ๆ จนมันสมองกระจายเต็มพื้น เขาเชื่อว่ามันตายสนิทดีแล้ว พอเขาสำรวจขาขวาที่ถูกสุนัขกัดมีเพียงแค่รอยกัดไม่ลึกเท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะมันกัดเพื่อให้เขาเสียหลักล้มลงเมื่อเห็นว่าตนเองไม่บาดเจ็บเท่าใหร่ จึงเดินกลับไปสู่ทางเข้าชานชลาที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเขานัก
เขาหยอดเหรียญที่เก็บได้จากหุ่นที่ทำจากไฟเบอร์เข้าไปในช่องหยอดเหรียญ ทำให้เขาสามารถผ่านแผงกันเหล็กเขาไปข้างในส่วนที่เป็นบันไดลงสู่ชานชลา วิลเฮล์มเดินลงตามบันไดได้สักพัก บนผนังของสถานีรถไฟฟ้าโดวิลล์ ทันใดนั้นที่ผนังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมีรอยไหม้ดำๆ ที่เริมจากจุดเล็ก ๆ และเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ มีร่างๆ หนึ่งดันออกมาจากรอยไหม้นั้น วิลเฮล์ม ยืนตะลึงมองร่างนั้นได้ไม่นานก็นึกออกทันทีว่า นั่นคือวิญญาณซากศพของชายที่เขาฝันติด ๆ กัน
วิลเฮล์มไม่ยอมรีรออะไรทั้งนั้น ชายหนุ่มรีบออกวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว และตอนเริ่มมีวิญญาณตัวใหม่เริ่มออกมาจากกำแพง เป็นร่างของชายแก่สวมเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำตาล ที่น่ากลัวก็คือศีรษะของเขาถูกระเบิดออกไปครึ่งหนึ่งจนเผยให้เห็น มันสมองที่ไหลเยิ้มออกมา ตามมาติดๆ ด้วยวิญญาณหญิงชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมตัวยาวลายดอกสีเทาออกน้ำเงินเข้ม และช่องอกของเธอกลวงโหว่เป็นรูเพราะถูกควักหัวใจออกไป วิญญาณร้ายทั้งสาม มุ่งลอยตามวิลเฮล์มาติด ๆ
ตอนนี้วิลเฮล์มเริ่มมึนหัวเพราะเข้าใกล้กับวิญญาณร้ายมากเกินไป ภาพที่เขาเห็นเริ่มเบลอๆ ขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะพวกวิญญาณร้ายพวกนี้แน่ ๆ เขาควักปืนขึ้นมา
“ปัง! ... ปัง! ... ปัง! ...” ชายหนุ่มใช้ปืนพกยิงใส่เหล่าวิญญาณร้าย โดยไม่ยั้งคิดแต่ปรากฏว่า ลูกปืนสามารถทำร้ายวิญญาณได้ พวกมันล้มฟุบลงกับพื้น วิลเฮล์มรีบหันหลังวิ่งจนลงมาถึงชานชลารถไฟฟ้าใต้ดินและมีรถไฟสองคันจอดขนาบข้างกัน และเขาพบ มาเรียถูกขังอยู่ในรถไฟ
“วิลเฮล์ม! ขอร้องช่วยฉันด้วย ....” มาเรียใช้มือทุบประตูพร้อมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ
“เขากำลังจะมาทำร้ายฉันแล้วเร็วเข้า!!!!!..” มาเรียพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“เร็ว ๆ เข้า สิ !...” เธอเร่งเร้า ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนมาก ๆ
วิลเฮล์มรีบวิ่งไปที่หัวขบวนรถไฟฟ้าใต้ดินเพราะคิดว่าสวิตเปิดประตูของขบวนรถไฟ ต้องอยู่ที่ห้องของคนขับแน่ เขาเปิดประตูโดยเร็ว ไม่กี่อึดใจเขาก็ค้นหาสวิตประตูเจอ เขากดปุ่มนั้นเสร็จประตูก็เปิดออก มาเรียรีบวิ่งตรงมาหาเขา
“ตามผมมา...” วิลเฮล์มเอ่ยบอกมาเรีย พร้อมทั้งออกวิ่งไปด้วย
เขาวิ่งเข้าไปในตัวรถไฟฟ้า ผ่านประตูทะลุไปเพื่อเข้าประตูของรถไฟฟ้าอีกคันหนึ่งที่จอดขนาบกันอยู่ และออกมาอยู่ที่ชานชลาฝั่งตรงข้าม เขารีบวิ่งขึ้นบันไดทางออก แต่เขาต้องรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมากเพราะทางออกทางเดียวนั้นถูกเหล็กเส้นขนาดใหญ่หลายเส้น ถล่มลงมาปิดทางออก เขารีบใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว โดยมาเรียไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากรบกวนสมาธิของวิลเฮล์ม
ชายหนุ่มคิดขึ้นมาทันทีว่าข้างล่างนั่นต้องมีทางหนีไฟแน่ๆ วิลเฮล์มวิ่งลงบันไดเพื่อไปยังประตูหนี้ไฟ ทันใดนั้นข้างผนังเก่าๆ ของชานชลา เริ่มมีรอยไหม้สีดำเป็นวงกว้าง วิลเฮล์มไม่ต้องรอให้อะไรออกมานี่ต้องเป็นวิธีการเคลื่อนที่ของพวกวิญญาณแน่ เขาไม่สามารถฆ่ามันให้ตายได้ ทำได้เพียงสกัดการโจมตีของมันเท่านั้น
วิลเฮล์มรีบออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้งเพราะเริ่มอ่อนแรงเพราะการเข้าใกล้วิญญาณร้าย เขาตรงไปที่ประตูทางหนี้ไฟ เปิดประตูเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว พอหันหลังกลับมามองพบว่า มาเรียได้หายตัวไปแล้ว
“มาเรีย!!!!!!!!!....” วิลเฮล์มตะโกนเรียนชื่อเธอ
“..............” แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา
พอสำรวจดูรอบ ๆ ห้องก็พบว่านี่ไม่ใช่ทางหนี้ไฟแต่เป็นห้องที่ใช้เก็บของ จำพวกบันไดปีนขนาดต่าง ๆ และที่พื้นเขาเห็นทางลงเฉพาะของช่างเทคนิค ใช้สำหรับลงไปซ่อมไฟฟ้ากรณีฉุกเฉิน วิลเฮล์ม ไต่บันไดลงไปพบทางเลียวไปสู่ ชานชลาใต้ดิน
ในชั้นถัดไป ซึ่งวิ่งคนละเส้นทางกับสถานีด้านบน ทางเดินด้านล่างนี้ฉาบไปด้วยสีแดงด้วยเลือดน่ากลัว มันเหมือนกับห้องนอนในความฝันของเขา และที่ผนังมีวิญญาณของชายชราที่สวมสเวตเตอร์สีน้ำตาลทะลุกำแพงออกมา กระชากคอเสื้อของวิลเฮล์มได้จากด้านหลังและใช้แรงเหวี่ยงเข้าเต็มแรง จนวิลเฮล์มตัวลอยกระเด็นตกลงพื้น
“ผลักกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงร่างของชายหนุ่มกระทบกับพื้นอย่างแรง และถลาไปชนกับแผงกันสีแดงคาดขาวหลายอัน วิลเฮล์ม รู้สึกจุกอย่างมาก
ในขณะที่สติยังไม่กลับมาดีนัก มือของวิญญาณชายแก่กระซวกเข้ามาที่หน้าอกของวิลเฮล์ม ปลายนิ้วจิกผ่านเสื้อทะลุจนไปถึงผิวหนังของเขา เลือดไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็วเพราะบริเวรหน้าออกจะใกล้กับหัวใจความเจ็บเล่นปราดเข้าสู่โสตประสาทอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มึนชาเพราะความเจ็บปวดอยู่นั้น วิลเฮล์มคว้าปืนพกขึ้นมา
“เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!...” คมกระสุนเจาะทะลุใบหน้าของวิญญาณชายชรา มันกระเด็นออกห่างจากร่างของวิลเฮล์มแล้วตอนนี้ โดยไม่รอช้าชายหนุ่มรีบลุกขึ้นวิ่งและใช้มือกุมบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมามากแล้วตอนนี้ ประตูอยู่ห่างไม่ไกล เขาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
มีรถไฟฟ้าเพียงคันเดียวจอดเทียบท่าอยู่ที่ชานชลา ซึ่งบรรยากาศในชั้นนี้น่ากลัวมากกว่าชั้นบนเสียอีก ดูทั้งเก่าและโทรมมาก เหมือนถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี เขาเดินมาตามทางด้วยความรู้สึกแน่นที่อกเพราะบาดแผลที่เลือดไหลไม่หยุดแม้จะเอามืออุดแล้ว ตอนนี้ตาเริ่มพร่าเพราะเสียเลือด
“วิลเฮล์ม ... ฉันเจอทางออกแล้ว” นี่มันเสียงของมาเรียนี่ ? เธอประกาศผ่านทางลำโพงของสถานีรถไฟฟ้า
“วิลเฮล์ม ... ฉันเจอทางออกแล้ว” เธอประกาศซ้ำอีกครั้ง ชายหนุ่มเริ่มออกวิ่ง
“ขึ้นกระไดเลื่อนมาเธอก็จะถึงทางออกแล้ว..” มาเรียบอกทางให้กับวิลเฮล์ม
“เร็ว.. เร็วๆเข้า เขากำลังเดินมาทางนี้!!!!” ...เสียงมาเรียสั่นเครืออย่างน่ากลัวแล้วเสียงประกาศก็ดับไป วิลเฮล์มรีบเร่งฝีเท้าทันใดนั้นก็มีสุนัขสัตว์ร้ายออกมาขวางทาง วิลเฮล์มรีบควักปืนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“แกร๊ก..” ตายล่ะ...กระสุนหมดเสียแล้วเขาได้แต่นึกอยู่คนเดียว ด้วยความหมดหวังวิลเฮล์มปากระบอกปืนโดนเข้าที่หัวของมันอย่างจัง
“เอ๊งงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!.....”ด้วยความหนักของปืนที่ไม่ใช่ย่อย ทำให้สัตว์ร้ายสลบเหมือดในทันที เขาเหลือบไปเห็นด้ามไม้กอล์ฟตกอยู่ข้าง ๆ กับกองขยะเขาจึงเก็บมันขึ้นมาเอาไว้ป้องกันตัว แล้วรีบออกวิ่งทันทีในใจได้แต่หวังว่าสัตว์ร้ายจะยังไม่ลุกขึ้นมา
ชายหนุ่มรีบขึ้นบันไดเลื่อน เขาไม่รอให้มันค่อยๆ เคลื่อนไปเองชายหนุ่มวิ่งเพื่อให้ไปถึงด้านบนเร็วขึ้นด้วยความร้อนใจเป็นห่วงมาเรีย แล้วจู่ ๆ ผนังที่ชโลมด้วยเลือดทั้งหมดมีร่างที่คล้ายกับคนแต่ก็ไม่ใช่ มีผิวที่ช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนกับเป็นฝีอยู่ทั่วตัว ยื่นออกมาจากผนังได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นมันไม่มีใบหน้า แต่ด้วยความเร็วของฝีเท้าทำให้เขาหลบไม่ทัน มันใช้แขนที่ยาวเหมือนขาเหยี่ยวและมีกงเล็บแหลม ตวัดเข้าที่แขนของวิลเฮล์มเต็มแรง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!” วิลเฮล์มร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เขาถูกแรงเหวี่ยง ของร่างปีศาจที่ติดอยู่บนกำแพงทำร้ายจนเขา ล้มลงกับพื้นบันไดที่ยังเคลื่อนที่อยู่ ไม้กอล์ฟที่เก็บได้กระเด็นหลุดจากมือของวิลเฮล์มไม่ไกลนัก เขารู้สึกปวดที่ไหล่ซ้ายมากเหมือนกับวิ่งชนกำแพงก็ไม่ปาน แต่เขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่เขาต้องออกไปให้ได้ ชายหนุ่มรีบเก็บไม้กอล์ฟขึ้นมาใช้มือทั้งสองข้างจับที่ด้ามไม้แน่น กระหน่ำฟาดเข้าที่ส่วนหัวอย่างแรง
“ผัวะ!!....ผัวะ!!.... ผัวะ!!...” เสียงไม้กอล์ฟ กระทบกับร่างปีศาจบนกำแพง
จนมันถึงกับสลบ คราวนี้วิลเฮล์มไม่กล้าวิ่งสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว เขาจ้องมองความเคลื่อนไหวที่กำแพงริมบันไดเลื่อนอย่างจดจ่อ ถ้ามีปีศาจหรืออะไรโพล่มาจากกำแพงอีกเขาจะได้หวดไม่ยั้งเลย ที่กำแพงที่เต็มไปด้วยคราบเลือดมีร่าง ของปีศาจกำแพงพุ่งตัวออกมา
“ผัวะ!!!!!!...” วิลเฮล์มฟาดไม้กอล์ฟเข้าที่หัวมันเต็มแรงเหวี่ยง เพราะได้ตั้งตัวเขาจึงไม่ถูกปีศาจตัวที่สองทำร้าย เมื่อบันไดเลื่อนมาจนถึงชั้นบน เขาเดินอย่างระมัดระวังในความมืดสลัวของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดวิลล์ ตอนนี้ใกล้ถึงทางออกแล้ว เขาเดินมาถึงประตูทางออกแล้ว เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
มีกระเป๋าถือผู้หญิงสีทองหล่อนอยู่ที่พื้น ของในประเป๋ากระจายไปทั่ว มันเป็นพวกเครื่องสำอางเป็นส่วนใหญ่ แป้ง,บรัชออนสีชมพู,ยาทาเล็บสีแดงสด,บัตรเครดิต,กระเป๋า สตางค์ และของจุกจิกอย่างอื่นอีก แต่ทำให้วิลเฮล์มรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย คือรอยเลือดที่กองอยู่ที่พื้น มันยังสดอยู่เลยคงพึ่งเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่ ในใจเขาหวังว่าผู้ที่ถูกทำร้ายคงไม่ใช่ มาเรีย แต่ความเป็นไปได้นั้นน้อยเหลือเกิน เพราะตลอดเวลา มาเรียบอกมีชายคนหนึ่งคอยตามมาทำร้ายเธอ
นอกจากกองเลือดที่พื้นแล้วยังมีรอยลากเป็นทางเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ที่อยู่ติดกับประตูทางออกของชานชลารถไฟฟ้าใต้ดิน วิลเฮล์มกำลังจะเอื้อมมือมาเปิดประตูแต่ก็สะดุดกับใบปลิวสีม่วงเข้มขนาดเท่ากับบัตรเติมเงินโทรศัพท์ แปะอยู่ที่ประตูวิลเฮล์มลองแกะออกมาดูใกล้ๆ มันเป็นรูปผู้หญิงผมยาวที่อยู่ในชุดโบราณ สมัยอียิปเขาจ้องมองมันเหมือนถูกสะกด วิลเฮล์มจัดการสอดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ด้วยความรู้สึกว่ามันอาจมีความสำคัญก็ได้
เมื่อวิลเฮล์มเปิดประตูเข้าไปเขาถึงกับเข่าอ่อนจนแทบทรุดลงกับพื้น เพราะภาพที่สุดสยองที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาคือ ห้องประชาสัมพันธ์ ที่นองไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วห้องข้าวของล้มระเนระนาดไปทั่ว ทั้งไมโครโฟน และเอกสารต่างๆกระเด็นไปทั่วห้อง และมีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นห้อง ใบหน้าที่บอบช้ำแต่ยังจำได้คือ มาเรีย นั่นเอง
“มาเรีย!..เป็นยังไงบ้าง!” วิลเฮล์มพูดพร้อมทั้งประคองศีรษะของมาเรียขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือดที่ออกทางจมูกกับปาก เธอบาดเจ็บมากร่องรอยตามร่างกายของเธอเหมือนถูกของเข็งทุบตีเธอจนน่วมไปทั้งตัวและที่เนินอกด้านซายถูกของมีคมกรีดเป็นหมายเลข 16 บนอกด้านซ้าย
“นี่..เป็นความฝัน..ใช่.......มัย? ..ฉะ..ฉันคงดื่มเหล้ามากไป.........ฉันคงไม่..มี..วัน...ออกไปจาก..ที่นี่ได้..แล้ว..ล่ะ..ฉัน..กำลังจะตาย” มาเรียพูดด้วยความ ยากลำบาก เพราะสำลักเลือดตลอดเวลา
“ไม่! คุณจะต้องปลอดภัย...เพราะนี่มันก็แค่ความฝัน” วิลเฮล์มพูดปลอบใจมาเรีย ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่มันเหมือนจริงมาก เขาสบตามองกับมาเรียได้เพียงครู่เดียว เธอก็แน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาดวงตาของเธอเหลือกค้าง อกของเธอไม่ขยับขึ้นลงนั่นก็แสดงว่าเธอได้ตายไปแล้ว วิลเฮล์มนั่งประคองร่างของมาเรียอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขารู้สึกเสียใจจนทำอะไรไม่ถูกแม้กระทั้งขยับตัว เขาช่วยเธอไม่ได้เลยสุดท้ายเธอก็ถูกชายบางคนฆ่าเธออย่างทารุณ
ในที่สุดวิลเฮล์มตัดสินใจวางร่างของมาเรียลงกับพื้นห้อง เขาใช้มือลูบปิดดวงตาที่เบิกค้างของเธอให้หลับสนิท เมื่อเขาลุกขึ้นยืนแล้วรู้สึกภาพในห้องหมุนคว้าง แล้วภาพก็เริ่มมืดดับลง
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตอนนี้เขานอนทอดตัวอยู่บนที่นอนสีขาว ในห้องนอนที่คุ้นตา และพัดลมเพดานสีขาวขนาดใหญ่บนเพดานที่กำลังหมุนคว้าง ใช่แล้วมันเป็นห้องนอนของเขาเอง
“มาเรีย...” มันเป็นชื่อเดียวที่เขานึกถึงในตอนนี้ เขาฝันอีกแล้วหรือนี่ ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนเกิดขึ้นจริงแบบนี้ และความเสียใจที่ช่วยมาเรีย ไม่ได้เริ่มกลับมาอีกครั้ง
“เสียงอะไรอยู่ข้างนอกน่ะ..” วิลเฮล์มพึมพำกับตัวเองในขณะที่มึนงงอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงไซเรนที่ดังอยู่ด้านนอก มันดังอยู่ใกล้ๆกับแมนชั่นนี่เอง ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นตรงมาที่ช่องว่างของหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือมีรถพยาบาล และรถตำรวจ 3-4 คันจอดอยู่หน้าทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินโดวิลล์ มันคงจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาเรียนะ วิลเฮล์มมองออกไปด้านนอกด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าความฝันของเขามันจะกลายเป็นความจริง เขามองเห็นคนยกเปลที่มีร่างของคนนอนอยู่แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นมาเรีย หรือเปล่าเพราะร่างนั้นถูกพันด้วยผ้าขาว
วิลเฮล์มกะว่าจะไปล้างหน้าล้างตาเพื่อชำระความอ่อนล้าพร้อมทั้งชำระความสับสนต่างๆ ในคราวเดียวกัน ทันทีที่ชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูห้องนอนออกไป ก็ได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารดังมาจากวิทยุในห้องนั่งเล่นของเขา
“เร็วเข้า!!..รีบไปโรงพยาบาลเร็ว!!”เสียงผู้ชายที่ร้อนรนมากๆ พูดขึ้นด้วยเสียงตะโกน
“ทราบแล้วเปลี่ยน !!..เราจะรีบเคลื่อนย้ายเธอเดี๋ยวนี้!!”เสียงของผู้ชายอีกคนรายงานอย่างรวดเร็วและตะโกนดังไม่แพ้กัน
“ให้ตายสิ...เธอมีหมายเลขเจาะอยู่บนหน้าอกของเธอ..มันน่าแปลกมาก..........”ผู้ชายคนเดียวกันพูดขึ้นแต่เสียงนี้เบาจนกรายเป็นกระซิบ และเสียงวิทยุก็ดับไป
วิลเฮล์มรีบวิ่งไปที่วิทยุในห้องนั่งเล่น เมื่อเขามองมาที่วิทยุก็พบว่ามันปิดอยู่ เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจับตัวอยู่ในช่องท้องของเขา เพราะตลอดเวลาในห้องนี้เริ่มมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบ่อยเสียเหลือเกิน และเขาบอกตัวเองว่าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร..............
ความคิดเห็น