ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic-BEAST] Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ! [DooSeob]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ซ่อน {Hide}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 612
      7
      22 ก.พ. 62

    3- Hide
     
     
     
     
    ปื้นนน...
     
     
     
    เจ้าของรถโฟร์วีลสีน้ำเงิน แทบจะทุบปุ่มแตรให้แรงเท่าที่จะแรงได้ ด้วยหวังว่าเสียงกวนประสาทจากรถของเขาอาจจะทำให้รถคันข้างหน้าขยับขึ้นไปอีกสักคืบก็ยังดี 
     
     
    “บ้าเอ้ย!!! นิ่งสนิทยิ่งกว่าอะไร” บ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วก็กดแตรอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้รีบสะสางงานของตัวเองที่บริษัทให้เสร็จ เพื่อมาจะมาเจอกับรถที่ติดไม่ขยับและทำให้เสียอารมณ์แบบนี้ 
     
     
    “นี่ถ้าไม่สำคัญ พ่อจะเลี้ยวรถกลับเดี๋ยวนี้เลย” สถานการณ์แบบนี้ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้กับเขามากขึ้น
     
     
    “หงุดหงิดว๊อย” 
     
     
    หงุดหงิดสินะ? ใช่ ยูนดูจุนหงุดหงิดมาก เขาเป็นบ้าแบบนี้มาสามวันแล้ว ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะตั้งแต่คุณเพื่อนหน้าสวยได้เปิดประเด็นร้อนเรื่องอีซูยังออกมาเมื่อวันก่อน เขาก็ต้องระเห็จออกไปกับฮยอนซึงทุกเย็น ออกไปตามหาหนุ่มน่ารักที่เคยเจอกันวันนั้น 
     
     
    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาไม่อยากวุ่นวายกับเรื่องนี้ เขาเองที่เป็นคนหนึ่งที่ต้องการพบโยซอบมาก แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่าเบาะแสเดียวที่จะทำให้เจอคนน่ารักคนได้ก็คือ…
     
     
    “ห๊ะ โรงเรียนอนุบาล?” 
     
     
    “ใช่ โรงเรียนของอูยอง เราต้องไปถามกีกวังว่าจะติดต่อคุณโยซอบได้ยังไง” ฮยอนซึงโทรศัพท์มาบอกเรื่องนี้กับเขา หลังจากที่เจ้าตัวกลับบ้านไปแล้วคิดได้ว่าจะเจอโยซอบได้ยังไง
     
     
    “นายก็ไปถามมาสิ แล้วมาบอกฉัน” จะให้ไปโรงเรียนอนุบาลเนี่ยนะ คนเกลียดเด็กอย่างดูจุนไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรอก จางฮยอนซึงบ้าไปแล้ว!
     
     
    “ฉันคุยกับจุนฮยองแล้ว เราตกลงกันว่า…พวกเราควรไปด้วยกัน จุนฮยองอยากเจอคุณโยซอบมาก แล้วเขาก็บอกว่าเขากับนายน่าจะคิดเหมือนกัน” 
     
     
    ใช่ จุนฮยองคิดถูก เขาอยากเจอคนๆ นั้น คนที่จะมีเบาะแสของซูยัง แต่……ไอ้คุณยงมันคงลืมคิดเรื่องสถานที่ไปแล้วกระมัง 
     
     
    “อืม...ก็ได้ งั้นฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จทันไปรับอูยองที่โรงเรียน นายบอกตำแหน่งมาแล้วกัน แล้วเราไปเจอกันที่นั่นเลย” ดูจุนกัดฟันรับปากฮยอนซึงไป แต่สีหน้าเจ้าตัวบ่งบอกได้เลยว่าขัดแย้งกับคำพูดแบบสุดๆ
     
     
     
    ฆ่าตัวตายชัดๆ เลยไอ้ดูจุน
     
     
     
    “ไปแล้วก็ไม่เจอ กูอยากจะแดดิ้น” ดูจุนทำตามที่รับปากจริงๆ เขาไปพบฮยอนซึงและจุนฮยองที่หน้าโรงเรียน 
     
     
    แต่เหมือนฟ้าจะแกล้งกัน เมื่อคนตัวโตใจเล็กที่กลัวกระทั่งเด็กอนุบาลต้องระเห็จไปยังสถานที่อโคจร (สำหรับดูจุน) ติดต่อกันถึง 4 วัน เพียงเพราะว่า 3 วันที่ผ่านมาเขาไม่พบกีกวังและฮงกีแม้แต่เงา 
     
     
    “ไปแค่วันเดียวก็จะตายแล้ว นี่ต้องไปเอาไปเอา ไอ้คนเป็นพ่อมันไม่คิดจะปล่อยให้ลูกมันเล่นที่โรงเรียนมั้งหรือไงวะ พากลับซะเร็วเลย” ดูจุนโทษใส่กีกวังเต็มๆ ที่เป็นพ่อที่ให้ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย (?)
     
     
    “เอาน่าคุณไอ้พี่ วันนี้คงเจอน่ะ ก็มีผมไปด้วยนี่” คนเด็กกว่าที่นั่งฟังพี่ชายบ่นอย่างเงียบๆ มานาน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกไป 
     
     
    วันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เพราะดูจุนดันไปเจอเจ้ากาฝากดงอุนเข้าระหว่างทาง จึงโดนขอร้องแกมบังคับให้ดูจุนพาไปด้วย โดยอ้างสาเหตุว่า...
     
     
    ”วันนี้ต้องได้เจอแน่ๆ เพราะช่วงนี้ซนดงอุนดวงดี”
     
     
    คนที่นั่งตำแหน่งคนขับหันไปมองดงอุนที่นั่งยิ้มอยู่ เขาอธิบายเรื่องที่ดงอุนควรจะรู้ให้เจ้าตัวเข้าใจมากขึ้นแล้ว แม้จะไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมด แต่ดงอุนก็ดูจะดีใจมากเพราะว่าตัวน้องชายคนนี้คิดว่าตัวเองได้เข้าใกล้ฮยอนซึงมากขึ้น ได้มีโอกาสรู้เรื่องราวต่างๆ ของฮยอนซึง แค่นั้นก็เหมือนกับว่าดงอุนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อย่างไงอย่างงั้น
     
     
    “ดี ถ้าวันนี้เจอตัว ฉันจะเลี้ยงซูชินาย 10 มื้อเลย อ๊ะ! ถึงแล้ว” คนพี่พูดกับคนน้องอย่างท้าทาย ก่อนจะค่อยๆ ชะลอรถอย่างช้าๆ เพื่อจอดใกล้ๆ กับรถของฮยอนซึงที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน โดยมีจุนฮยองติดรถมาด้วย
     
     
    “จริงนะ อย่าได้เบี้ยวเชียว” ดงอุนรับคำท้าในทันทีอย่างมั่นอกมั่นใจ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ดงอุนเหมือนคนมีของ เขาเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองมีโชคเพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้าน 
     
     
    “เออๆ....” ดูจุนตอบรับอย่างขอไปที แล้วเปิดหน้าต่างรถออก “เฮ้ย พวกแกเขยิบไปเด๊ะ จะจอดตรงเน้” คนตัวโตชะโงกหน้าออกมาตะโกนไล่เพื่อนทั้งสองที่ยืนขวางทางอยู่
     
     
    เมื่อรถจอดนิ่งดีแล้ว มือหนาก็เอื้อมไปหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งถือไว้ เขาวางรูปนั้นไว้ที่หน้าคอนโซล แล้วก้าวลงจากรถไป มองเข้าไปในโรงเรียนแล้วหลับตาทำใจราว 3 วินาที ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าไปพร้อมกัน
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
    คิ้วของกีกวังยังคงขมวดติดกันด้วยความแปลกใจ เมื่อมองไปข้างหน้าพบว่าฮยอนซึงและใครอีกสองสามคนกำลังเดินมาทางเขา 
     
     
    คนตัวโตที่เดินเกาะแขนฮยอนซึงมาอย่างหวาดๆ นั้น เขาเคยเห็นที่ร้านเบอร์เกอร์เมื่อวันก่อน ชายร่างสูงท่าทางมาดมั่นที่เดินตามมานั้นเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แล้วคนที่ดูอ่อนที่สุดคนนั้น
     
     
     
    เอ๊ะ! หน้าคุณๆ แฮะ
     
     
     
    “ดีใจจังที่เจอคุณกีกวัง” ฮยอนซึงรีบทักทายทันทีเมื่อพบคนที่อยากเจอ ”สวัสดีครับคุณฮยอนอา” จากนั้นก็หันไปทักทายคุณแม่ของฮีชอลที่นั่งอยู่ด้วย
     
     
    กีกวังก้มกัวเล็กน้อยเป็นเชิงสวัสดี ชายหนุ่มทั้งสี่ก็ทำตอบเช่นเดียวกัน
     
     
    “ป๊าด! ป่ะล่ะ พอผมมาก็เจอเลย ไอ้พี่ดูจุน อย่าลืมนะ” ซนดงอุนบอกไว้แล้วว่าเขาดวงดี ดงอุนล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนสีหมอก แล้วกำสิ่งที่อยู่ในนั้น...ถุงนำโชค...ตั้งแต่วันที่เขาเก็บถุงสีเหลืองใบนี้ได้ ดงอุนรู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีโชคแบบสุดๆ
     
     
    “แต่...นี่นาย เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าน่ะ” ดงอุนถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอกับคนตรงหน้า กีกวังเองก็รู้สึกเห็นด้วยกับคำถามที่เขากำลังจะถามออกไปพอดี
     
     
    “นายอาจจะเคยเห็นกีกวังที่แมคโดนัลก็ได้นะดงอุน” ดูจุนช่วยตอบด้วยหน้าตาผะอืดผะอม 
     
     
     
    แม่เจ้า! เด็ก...เด็กทั้งนั้นเลย ทำไมพ่อแม่ไม่เก็บกลับบ้านไปซะทีวะ
     
     
     
    แค่มองไปยังกองกำลังเด็กตรงหน้าดูจุนก็แทบจะทรุดตัวด้วยความอ่อนเปลี้ยแล้ว แต่ก็ไม่วายยังมีคนตัวเล็กวิ่งมาชนเข้าที่หน้าขา
     
     
    “ขอโทษฮ่ะ คุณลุง”
     
     
     
    อุ่ แง้ๆๆ
     
     
     
    เออ วิ่งมาชนทำไม เดี๋ยวพ่อก็เท้ากระตุกใส่เข้าให้
     
     
     
    สีหน้ายูนดูจุนตอนนี้แลดูโรคจิตจนเด็กน้อยต้องร้องไห้ด้วยความกลัว ก่อนที่จะวิ่งไปกอดอาจารย์ประจำชั้นที่คอยตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ
     
     
    “อืมไม่รู้สิคุ้นหน้าชะมัด เราเป็นเพื่อนสมัยเรียนกันป๊ะเนี่ย” ดงอุนยังคงถาม ก่อนที่จะเห็นว่ากีกวังส่ายหน้าช้าๆ
     
     
    ไม่ใช่ว่าอยากรู้จักหรอกนะ ซนดงอุน ก็แค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับรุ่นพี่หน้าหวานนี่ต่างหากล่ะ จะดีมากเลยถ้าคนตรงหน้าเกิดรู้จักเขาขึ้นมาแล้วทำให้การสืบเสาะหาอะไรต่างๆ ง่ายขึ้น ก็จะได้กลายร่างเป็นฮีโร่ในสายตาฮยอนซึงเสียที ไม่ใช่รับบทบาทกาฝากอยู่แบบนี้
     
     
    “ฉันขอตัวไปดูฮีชอลก่อนนะคะ” ฮยอนอาของอนุญาตปลีกตัวออกไป เมื่อหันไปมองยังกลุ่มเด็กๆ แล้วพบว่าฮีชอลและอูยองกำลังชะเง้อหาบางอย่างอยู่ คนที่เหลือพยักหน้ารับทราบ
     
     
    “ขอโทษครับ คุณครูแบบอกว่าคุณอยากเจอผม” กีกวังเข้าเรื่องทันที 
     
     
    “คุณกีกวังครับ นี่เพื่อนผมดูจุนกับจุนฮยอง แล้วก็รุ่นน้องของผมดงอุนครับ จริงๆ แล้วพวกเราอยากจะเจอกับเพื่อนของคุณ เพื่อถามบางอย่างน่ะครับ” ฮยอนซึงแนะนำเพื่อนๆ ของเขากับกีกวัง ก่อนเข้าเรื่องอย่างตรงประเด็นเช่นกัน
     
     
    “เพื่อนผม ใคร?”
     
     
    “พ่อของฮงกีครับ” ชายร่างโปร่งบอกออกมา
     
     
    “โยซอบ?” คนพวกนี้รู้จักโยซอบงั้นเหรอ ไม่สิ วันก่อนพวกเราเพิ่งแนะนำตัวกันไปนี่นา
     
     
    “ใช่ครับ จริงๆ แล้วผมคิดว่าเคยเจอคุณโยซอบมาก่อน แล้วก็คิดว่าเขาน่าจะทราบเรื่องที่ผมอยากรู้น่ะครับ” ฮยอนซึงอธิบายเมื่อเห็นว่ากีกวังมีแต่ความสงสัยแสดงออกมาบนสีหน้า
     
     
    “เราอยากคุยกับคุณโยซอบน่ะครับ” ดูจุนเอ่ยขึ้นอีกคน ดูเหมือนตอนนี้โยซอบจะเป็นกุญแจที่จะทำให้กีกวังเข้าใจได้ เขายกโทรศัพท์ขึ้น กดเบอร์โทรลงไปแล้วโทรออก
     
     
    ตื๊ด.......
     
     
    (ว่าไงกีกวัง ฉันกำลังจะโทรหานายพอดี ฉันเลิกงานช้าหน่อยน่ะ นายช่วยพาฮงกีมาส่งที่บริษัทฉันหน่อยได้มั้ย) 
     
     
    “เอ่อ โยซอบ จริงๆ แล้วตอนนี้ฉันยังอยู่ที่โรงเรียนน่ะ”
     
     
    (อ้าวทำไมล่ะ??? นี่มันจะเกินเวลากลับบ้านนายแล้วนะ)
     
     
    จริงด้วย! กีกวังรีบยกแขนขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ จะอะไรก็แล้วแต่ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในอันตราย...แบบมากๆ เสียด้วย
     
     
    “ตายแล้ว..ตายแน่ชั้น เอางี้นะโยซอบ คือคุณฮยอนซึงอยากคุยกับนายน่ะ” กีกวังซอยเท้าอย่างร้อนใจ แล้วรีบส่งโทรศัพท์ไปให้ฮยอนซึงเป็นคนพูด ส่วนตัวเข้าน่ะเหรอ จ้องเขม็งไปที่ฮยอนซึง สีหน้ายุ่งยิ่งพร้อมจะเขมือบหัวทันทีถ้าฮยอนซึงไม่รีบๆ คุยซะ พวกเจ้าปัญหาทั้งสี่ต่างมองอย่างตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
     
     
     
    ก้มมองนาฬิกาแล้วสติแตกได้อีกอ่ะ 
     
     
     
    ดงอุนมองท่าทีของกีกวังอย่างไม่เข้าใจ
     
     
    (มีอะไรเหรอครับ?)
     
     
    “เอ่อ...คุณโยซอบครับ เอ่อ...คุณกีกวัง ไหวมั้ยครับ” ฮยอนซึงรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาที่ไม่ปกติของกีกวัง ที่จริง ทุกคนรู้สึกได้ เอ๊ะ อธิบายใหม่ ทุกคนมองเห็นกันอย่างโต้งๆ เลยต่างหาก 
     
     
    “นั่นสิ นายดูป่วงๆ นะ” ดงอุนทนดูไม่ไหว เลยต้องถามออกไป…ไอ้นี่มันปกตินี่มั้ยวะ
     
     
    กีกวังแลดูป่วงจริงๆ อย่างที่ดงอุนว่า เขาลุกลี้ลุกแบบสุดๆ หันซ้ายหันขวาตั้งท่าราวกับว่าจะบินออกจากที่นั่นเดี๋ยวนั้นเลย
     
     
     
    โอ้ย มองไรกันว้า ใครไม่เป็นอีกีกวังไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าถ้ากลับช้าครั้งนึงจะโดนอะไรบ้าง
     
     
     
    (คุณฮยอนซึงครับ งั้นคุณมาพบผมที่ออฟฟิศได้มั้ยครับ รบกวนพาฮงกีมาด้วยนะครับ ผมว่ากีกวังคงต้องกลับบ้านอย่างด่วนแล้วล่ะ) เพราะเป็นน้าของอูยอง โยซอบจึงไว้ใจให้พาฮงกีมาหาเขา
     
     
    ฮยอนซึงพยักหน้าหงึกหงักราวกับว่าโยซอบที่อยู่ที่ฝั่งสายจะมองเห็น เขาดึงเอาปากกาและสมุดเล่มเล็กออกจากกระเป๋าเพื่อจดอะไรบางอย่าง ไม่แปลกที่ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่างฮยอนซึงจะมีสิ่งเหล่านี้ติดตัว มันทำให้เขาดูเป็นมืออาชีพ ก่อนที่จะส่งข้อมูลในสมุดเล่มเล็กไปให้จุนฮยองที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลเหล่านั้นลงใน ipad ของเขาอีกครั้ง
     
     
    ฮยอนซึงทำงานแบบอนาล็อก ส่วนจุนฮยองทำงานแบบดิจิตอล สองคนนี้ต่างมีวิธีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน ทว่ามีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน
     
     
    “ขอบใจนะโยซอบ ชั้นจรลีก่อนล่ะ โอ้ย ! อะไรกันนักหนาเนี่ย สายตลอดๆๆๆๆ อุตส่าห์ทำตัวดีมาได้สองสามวันแล้วนะ” กีกวังรีบรับโทรศัพท์คืนจากคนหน้าสวย กล่าวขอบใจกับเพื่อนรัก ก่อนจะเดินพึมพำๆ ออกไปคนเดียว
     
     
     
    อะไรกันนักหนาเนี่ย
     
     
     
    กึก
     
     
    สถานการณ์และประโยคที่คุ้นสำหรับคนอีกคน เขามีโอกาสมองตามหลังกีกวังไปอีกครั้ง
     
     
     
    ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะว่าเราเคยเจอกันที่ไหน 
     
     
     
    “เป็นคนแปลกนิดๆ นะเนี่ย” จุนฮยองหันมาบอกกับเพื่อนๆ
     
     
    “มากกกกกกกกกก....เลยต่างหากล่ะ” ดงอุนยังคงไม่ละสายตาจากคนที่เพิ่งเดินจากไป เขาจำได้แล้วว่ากีกวังคือคนๆ เดียวกันกับที่เขาเคยทำให้ล้มหงายหน้าไปที่หน้าแมคโดนัลวันก่อน
     
     
    “เอาเถอะ เราพาอูยองกับฮงกีกลับกันเถอะ จะได้คุยกับเด็กคนนั้นให้รู้เรื่องสักที” เพราะว่าดูจุนอยากจะออกไปอยากที่นี่ให้เร็วที่สุดต่างหาก เขาจึงรีบตัดบทให้คนอื่นๆ ให้ไปพาตัวปีศาจสองตัวนั่นกลับกันเสียที
     
     
     
    เอาขึ้นรถนายไปเลยนะฮยอนซึง ทั้งหลานแก ทั้งเพื่อนหลาน อย่าได้แพลมมาฝากรถฉันล่ะ
     
     
     
    ดูจุนกลัวจนขี้ขึ้นสมอง คิดไปได้ต่างๆ นาๆ…ไม่มีใครแม้สักคนมีความคิดจะฝากเด็ก ๆ ไว้กับลุงแก่ๆ อย่างเขาสักนิด
     
     
    พวกของฮยอนซึงเดินไปยังสนามแล้วพบว่าฮยอนอากับฮีชอลยังไม่กลับ
     
     
    “อ้าว คุณฮยอนอา ยังไม่กลับเหรอครับ?” ฮยอนซึงถามฮยอนอาที่มีท่าทีร้อนใจอยู่ตอนนี้
     
     
    “คุณกีกวังล่ะค่ะ?”
     
     
    “กลับไปแล้วครับ” ดูจุนตอบ
     
     
    “อ้าว พาฮงกีกลับไปแล้วเหรอ ฉันก็หาแทบแย่” ฮยอนอากล่าวแล้วแสดงท่าโล่งอกออกมา
     
     
    “เปล่าครับ กีกวังฝากให้ผมพากลับแทนครับ” ฮยอนซึงปฏิเสธคำพูดของหญิงสาว แล้วเดินไปอุ้มอูยองที่ยังคงชะเง้อคอหาใครอยู่ใกล้ๆ กับฮีชอล
     
     
    “อะไรนะคะ!”
     
     
    “มีอะไรกันรึครับ” จุนฮยองเริ่มรู้สึกไม่ดีเสียแล้ว เมื่อฟังจากการตอบโต้กลับมาของฮยอนอา
     
     
    “เมื่อกี้เด็กๆ กำลังเล่นซ่อนหากันอยู่...แต่ตอนนี้พวกเราหาฮงกีไม่เจอค่ะ”
     
     
    “ฮงกีไม่ยอมออกมาแปะโป้งอ่ะ” ฮีชอลหันว่าบอกพวกลุงๆ น้าๆ เด็กน้อยมีท่าทีไม่ร่าเริงนัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮงกีถึงยังไม่ออกมาปรากฏตัวเสียที
     
     
     
    ห๊ะ!
     
     
     
    ความซวยบังเกิดกับทั้งสี่ซะแล้ว พวกเขาเพิ่งรับมอบภาระหน้าที่ต่อจากกีกวังเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
    ท้องฟ้ามืดลงเมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไปเรื่อยๆ ลมหนาวเริ่มพัดแรงขึ้น ยิ่งทวีความกลัวให้กลุ่มคนที่ยังคงวิ่งวุ่นอยู่รอบๆ บริเวณโรงเรียนอนุบาลขณะนี้มากขึ้น
     
     
    “ฮีชอล...ฮงกีไปไหนอ่ะ...ฮึก” เด็กแก้มป่องสะอึกสะอื้นไปด้วย ขณะที่ถามหาเพื่อนอีกคนกับเด็กตาโต เขามองไปยังรอบๆ สนามที่ตอนนี้ น้าฮยอนซึง น้าจุนฮยอง น้าดงอุน และลุงดูจุนของเขากำลังเดินสำรวจหาตัวฮงกี 
     
     
    “อย่าร้องนะอูยอง เดี๋ยวเราก็เจอน่า ฮึก...ฮงกีแค่เล่นซ่อนหาเก่งเท่านั้น...ฮึก” คิมฮีชอลที่พยายามทำตัวแข็งแกร่งก็อดสะอื้นออกมาไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ฮีชอลและอูยองต่างกอดกันกลม โดยมีฮยอนอาโอบไว้อีกชั้นด้วยความเป็นห่วงกลัวเด็กๆ จะหนาวจนไม่สบาย
     
     
    “อย่าร้องไห้นะจ๊ะอูยอง ฮีชอล” คุณครูแบซูจีเองก็ยังคงอยู่ช่วยทุกคนตามหาฮงกีเช่นกัน
     
     
    “เจอมั้ยจุนฮยอง ดงอุน” ฮยอนซึงถามไปยังจุนฮยองและดงอุน แต่ก็พบกับการส่ายหน้าปฏิเสธ
     
     
    “เจอฮงกีมั้ยครับ พวกคุณ!” เสียงที่ดูเป็นกังวลถูกปล่อยออกมาจากปากของยังโยซอบ เมื่อฮยอนซึงโทรไม่บอกข่าวการหายตัวไปของฮงกีทำให้เขาแทบหัวใจหยุดเต้น โยซอบทิ้งงานทุกอย่างแล้วรีบตรงดิ่งมาที่โรงเรียนทันที
     
     
    “แล้วดูจุนล่ะ เป็นไงบ้าง” 
     
     
    “ไม่เห็นหัวสักหน่อนึงเลย” ดูจุนจนปัญญาที่จะหาแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขาผุดเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาหันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่แสดงความร้อนใจออกมาตั้งแต่มาถึงที่นี่
     
     
    “ฮงกี!” โยซอบตะโกนเรียกฮงกีด้วยเสียงที่แหบแห้ง น้ำตาเริ่มไหลออกมา ปลายจมูกแดงก่ำ จนดูจุนที่มองอยู่รู้สึกสงสาร
     
     
    “คุณใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับ” คนตัวโตสัมผัสได้ถึงแรงกระตุกของร่างเล็ก เมื่อเอื้อมมือไปวางบนไหล่เพื่อปลอบใจ
     
     
    ชั่ววินาทีแรกที่โยซอบมาถึง ยูนดูจุนถูกตรึงไปด้วยสีหน้าซีดเผือดและแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของโยซอบที่มีต่อฮงกี มันทำให้เขานึกถึงสิ่งเดียวกันที่เขาเคยได้รับในตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่
     
     
    “ฉันจะไปหาทางโน้นอีกรอบ” ว่าแล้วโยซอบก็เดินออกไปหาตัวลูกชายอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ ที่มองตามไปอย่างเป็นห่วง ทุกคนเข้าใจดีว่าทำไมโยซอบถึงไม่ยอมหยุดค้นหา แม้ว่าจะพยายามอยู่หลายรอบก็ยังไม่เจอ
     
     
    อากาศตอนนี้หนาวมาก แม้แต่คนโตๆ อย่างพวกเขายังรู้สึกได้ นับประสาอะไรกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างฮงกี ฮยอนซึงและจุนฮยองเองก็เริ่มออกตามหากันอีกครั้ง ดงอุนคอยเฝ้ามองคนทั้งคู่อย่างสนใจ
     
     
     
    จะว่าไปทำไมพี่ทั้งสองคนถึงดูตัวติดกันขนาดนั้นนะ
     
     
     
    เมื่อคิดได้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องแบบนี้ ดงอุนจึงรีบสลัดความคิดไรสาระของตัวเองออกไป แล้วไปช่วยดูจุนหาเด็กน้อยทางหนึ่ง
     
     
    “ฮือๆๆ ฮีชอลไม่น่าชวนฮงกีเล่นโป้งแปะเลย” ลูกชายตากลมของฮยอนอาร้องไห้จ้า
     
     
    “อูยองหาฮงกีไม่เจอง่า..ฮือ” เด็กแก้มป่องร้องออกมาด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่า ด้วยว่าโทษตัวเองที่เป็นยักษ์ที่หาตัวผู้ซ่อนไม่เจอ
     
     
    ฮยอนอาจึงสวมกอดเด็กทั้งสองให้แน่นยิ่งขึ้น ตัวเธอเองก็เป็นห่วงฮงกีเช่นกัน เธอได้แต่ภาวนาให้เจอตัวฮงกีโดยเร็ว
     
     


    ฮือ
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
     
    23.49 PM
     
     
    ใกล้เข้าวันใหม่เต็มทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเด็กตัวน้อย โยซอบเพิ่งวางโทรศัพท์จากกีกวัง เพื่อเล่าเรื่องที่ฮงกีหายไป ปลายสายดูเป็นห่วงเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่ากีกวังกำลังจะพยายามออกจากบ้านมาช่วยค้นหา
     
     
    ฮีชอลและฮยอนอา กลับไปก่อนแล้ว เพราะเด็กน้อยเริ่มมีน้ำมูกไหล แน่นอนว่าเด็กตาโตดื้อดึงไม่ยอมกลับง่ายๆ แต่ก็ถูกฮยอนอาบังคับพาตัวกลับไป เช่นเดียวกันกับคุณครูแบที่รับหน้าที่ไปติดต่อกับทางสถานีตำรวจเรื่องแจ้งเด็กหายก่อนจะเลยกลับบ้านไป ในขณะที่อูยองนอนหลับอยู่บนตักของฮยอนซึง โดยมีเจ๊คเก็ตหนาที่สละมาจากบรรดาน้าๆ ห่ออยู่เป็นก้อนกลมดิ๊ก
     
     
    “พวกคุณพาอูยองกลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวอูยองจะไม่สบายไปอีกคน” ฮยอนซึงเองก็เป็นด้วยกับโยซอบ แต่เขาก็ไม่กล้าทิ้งให้คนตัวเล็กต้องอยู่คนเดียว แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่ด้วยความเป็นพ่อ ฮยอนซึงคิดว่าคนๆ นี้ก็คงไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่หากยังไม่เจอตัวลูกชายแบบนี้
     
     
    “ไปเถอะฮยอนซึง นายต้องดูแลหลานนะ เดี๋ยวทางนี้ฉันจะอยู่ช่วยเอง” จุนฮยองบอกให้ฮยอนซึงกลับไป เมื่อเห็นว่าโยซอบวิ่งออกไปตามหาฮงกีอีกครั้ง แต่เพื่อนหน้าสวยของเขายังคงนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทำไมยงจุนฮยองจะไม่รู้ว่าฮยอนซึงกำลังเป็นกังวลทั้งเรื่องอูยองและเรื่องของฮงกีจนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรดี 
     
     
    จางฮยอนซึงมักเป็นห่วงคนอื่นเสมอ ยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าต่อตา เขายิ่งปล่อยให้คนอื่นลำบากต่อหน้าไม่ได้ แต่อีกใจก็รู้ดีว่าอูยองก็ต้องการการดูแลที่ดีด้วย โดยเฉพาะอูยองเป็นหลานแท้ๆ ลูกของพี่ชายที่ฮยอนซึงรักมากที่สุดในชีวิต
     
     
     
    ก็เพราะนายเป็นคนแบบนี้ ฉันถึงไม่กล้าบอกเรื่องซูยัง ถ้านายรู้ นายจะต้องผิดหวังและโทษตัวเองแน่ๆ
     
     
     
    “พวกนายกลับไปก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันอยู่หาฮงกีเอง” ทุกคนต่างมองไปยังต้นเสียงอย่างไม่เชื่อหู...ยูนดูจุนเป็นคนพูดออกมา
     
     
     
    ยูนดูจุนเนี่ยนะ จะอยู่ตามหาเด็กที่ตัวเองกลัวเยี่ยงปีศาจ?
     
     
     
    “ฉันเห็นไอ้คุณพ่อนั่น” ดูจุนพยักเพยิดไปทางโยซอบ “แล้วอดสงสารไม่ได้”
     
     
    “ครับเดี๋ยวผมอยู่ด้วย พี่ฮยอนซึงกลับก่อนก็ได้” รุ่นน้องตาแขกเองก็อยากให้ฮยอนซึงกลับก่อนเช่นกัน
     
     
    “อืม...ก็ได้ งั้นฝากด้วยนะ” ฮยอนซึงตัดสินใจที่จะพาอูยองกลับไปพักผ่อนที่บ้าน แม้ว่าจะยังเป็นห่วงอยู่ก็ตาม แต่เขาก็คลายกังวลได้บ้างเมื่อดูจุนรับปากจะอยู่ต่อ
     
     
    “ฉันจะอยู่ช่วยด้วยนะ” จุนฮยองเองก็เช่นกัน
     
     
    “ผมด้วยครับ ยังไงซะผมก็มากับพี่ดูจุน รอกลับพร้อมกันไปเลย”
     
     
    ฮยอนซึงรู้สึกขอบคุณทุกคนในใจ หวังว่าความช่วยเหลือของพวกเขาจะช่วยให้คนตัวเล็กที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยความร้อนใจอยู่นั้น เจอตัวลูกชายโดยเร็ว
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
    ในเงามืดแห่งรัตติกาล ร่างบางร่างหนึ่งกำลังพยายามปีนป่ายอยู่บนหลังคา ด้วยความมืดทำให้เจ้าตัวทำอะไรไม่ถนัดนัก มือเล็กเกาะแน่นอยู่กับขอบหน้าต่าง ส่วนปลายเท้ากำลังหย่อนลงมาบนมาบนขอบหลังคาอย่างหมิ่นเหม่
     
     
     
    เอาวะ ขอดีๆ ไม่ให้เราไปก็ต้องหนีกันล่ะ
     
     
     
    ด้วยความมุ่งมั่น ตอนนี้ร่างบางได้ลงมาทำท่าคลานอยู่บนหลังคาอย่างเต็มตัวแล้ว เขาพยายามลุกขึ้นน้อยๆ เพื่อก้าวขาไปยังต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน หวังไว้ว่าน่าจะใช้มันเป็นบันไดลงไปได้
     
     
     
    ลูกทั้งคนน่ะโว้ย อีกีกวังคนนี้ไม่ยอมอยู่รอข่าวเฉยๆ หรอก
     
     
     
    กีกวังค่อยๆ กระเถิบตัวเองไปใกล้ต้นไม้นั้นมากขึ้น เขาค่อนข้างอ่อนใจกับความเคร่งครัดของคนภายในบ้านที่ไม่ยอมให้เขาออกไปไหนยามกลางดึก ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
     
     
     
    ฮ่า~ ได้แล้ว
     
     
     
    ยิ้มออกมาในที่สุดเมื่อคว้ากิ่งไม้ที่ดูแข็งแรงได้
     
     
     
    อ๊ะ 
     
     
     
    “หย๊า!”
     
     
     
    ตุ่บ!
     
     
     
    กิ่งไม้นั่นไม่ได้แข็งแรงอย่างที่กีกวังคิด มันหักลงและทำให้เขาเขาตกลงมาจากหลังคาทันทีที่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไป ถึงจะโชคดีที่มีพื้นหญ้ารองรับ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล่บที่ข้อเท้าไม่น้อย
     
     
     
    โถ ข้อเท้าลูกแม่ เอ้ย ลูกพ่อ
     
     
     
    กีกวังละทิ้งความเจ็บปวดออกไป เขาหันไปสำรวจภายในบ้านเพื่อตรวจสอบว่ามีใครรู้สึกตัวหรือไม่ เมื่อไม่มีสัญญาณผิดปกติ เขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอนุบาลทันทีด้วยท่าทีที่มุ่งมั่นและการเดินที่ไม่แข็งแรง
     
     
     
    ฮงกี รอป๊ะป๋าด้วยนะลูก
     
     
     
    กระเผลก      


    กระเผลก    


    กระเผลก
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
    ดูจุนกำลังนั่งนิ่งมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่เช่นกัน ถ้าหากว่าเขาไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าห่วงใยนั้นของโยซอบ แน่นอนว่าเขาคงกลับไปแล้ว มันผิดแผกวิสัยของดูจุนที่จะมาคอยออกตามหาสิ่งที่เขาไม่ชอบ 
     
     
     
    แววตานั้น เหมือนแววตาของแม่
     
     
     
    สีหน้าของโยซอบซีดเซียวและอ่อนล้า ขอบตาเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เป็นใครเห็นแล้วก็คงอดสงสารไม่ได้ แต่ที่ติดอยู่ในใจของดูจุนไม่ได้มีเพียงเท่านี้
     
     
     
    แววตาแบบนั้น ทำให้แม่ต้องตาย!
     
     
     
    ความห่วงใยที่โยซอบมีต่อฮงกี ทำให้ดูจุนนึกถึงแม่ มันควรจะเป็นเรื่องสุขใจในการคิดถึงคนที่เรารัก แต่สำหรับคนบางคน ความทรงจำที่ถูกรื้อขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป
     
     
    ภาพสีเทาฉายซ้ำในหัวอย่างลางเลือน แม่ของเขามองเข้าไปบ้านหลังเล็กๆ ที่กำลังถูกไฟไหม้ด้วยสายตาแบบเดียวกันกับโยซอบในตอนนี้ ตอนนั้นเขาซึ่งอายุราว 10 ขวบ ได้เข้าไปเล่นกับเด็กในบ้านที่เปิดเป็น day care  ในตอนนั้นภายในตัวบ้านมีร่างเล็กตะโกนเสียงหลงอยู่ในนั้น เด็กตัวเล็กๆ ที่ร้องโยเยให้คนช่วย ทำให้แม่ของเขาต้องปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด ดูจุนรู้สึกกลัวที่สุดในชีวิต แม่ของเขาเพิ่งวิ่งเข้าไปดึงตัวเขาออกมาจากบ้านนั่นได้
     
     
     
    แม่!!!!!!!!!
     
     
     
    ยังไม่ทันไร แม่ก็กระโจนเข้าไปในบ้านท่ามกลางกองเพลิง ดูจุนตกใจมาก แม่ของเขาเป็นเหมือนฮีโร่หญิง เธอเข้าไปช่วยเด็กออกมาทีละคนๆ เด็กบางคนไม่ร้องให้เพียงอย่างเดียว แต่ดิ้นกลุกลักไปมาในอ้อมกอดของแม่จนทำให้แม่ล้มลง ยูนดูจุนเบิกตากว้างจดจำทุกวินาที เขาได้แต่คิดว่าเด็กพวกนั้นควรจะอยู่นิ่งๆ ไม่ทำให้แม่ต้องลำบากในการเคลียร์ทางออกมา เด็กๆ กรูกันเข้ามาจับแม่เอาไว้ ทำให้แม่เคลื่อนไหวได้ช้าลง สุดท้ายกองเพลิงก็ถูกดับลงและ
     
     
     
    แม่ออกมาไม่ได้
     
     
     
    ยูนดูจุนต้องเสียแม่ไปเพราะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็ก เด็กตัวเล็กๆ ที่คอยทึ้งแม่ราวกับปีศาจ
     
     
    “นี่พี่ดูจุน ผมว่าจะไปหาอะไรมาให้พวกพี่ๆ ทานกันดีมั้ย” ดงอุนหลุดจากภวังค์ เมื่อดงอุนที่ดินมากับจุนฮยองเอ่ยขขึ้น เพราะเห็นว่าทุกคนต่างก็อิดโรยกันแล้ว ยิ่งสภาพโยซอบตอนนี้ ยิ่งน่าเป็นห่วง คนตัวเล็กไปได้สนใจใครทั้งนั้น เอาแต่วิ่งหาลูกอย่างไม่หยุด นี่ก็เพิ่งจะแวะมานั่งเมื่อกี้
     
     
    “ก็ดี ไปเถอะ” ดูจุนเห็นด้วย 
     
     
    ได้ยินแบบนั้น ดงอุนก็เดินออกไป
     
     
    “เดี๋ยวฉันโทรไปหาฮยอนซึงก่อนนะ ไม่รู้ว่าถึงบ้านหรือยัง” เพื่อนอีกคนแยกตัวไปตรวจสอบความปลอดภัยของฮยอนซึง
     
     
    “เดี๋ยวสิ คุณจะไปไหนอีก” ดูจุนถามเมื่อโยซอบทำท่าจะยันตัวลุกขึ้นอีก ปากที่สั่นด้วยความหนาวเย็นตอบกลับมาว่า
     
     
    “จะไป...ทางโน้นอีกที” เสียงหวานเริ่มแผ่ว แถมยังพูดออกมาอย่างยากเย็น 
     
     
    “ฉันวาว่านายพักก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นไรไปซะก่อน”
     
     
    “ฉะ ฉัน...ไหว”
     
     
     
    ฟุ่บ
     
     
     
    ไม่ทันขาดคำ ร่างเล็กก็ล้มทั้งยืนไปต่อหน้า 
     
     
    “เฮ้ย” ดูจุนกรูเข้าไปหาร่างที่กองอยู่บนพื้น เนื้อตัวที่เย็นเฉียบทำเอาคนตัวโตถึงกับตกใจ
     
     
     
    ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว
     
     
     
    คนตัวโตจับแขนของร่างที่ไร้เรี่ยวแรงมาพาดที่คอตัวเอง ก่อนใช้แขนอีกข้างโกยเอาขาทั้งสองข้างขึ้น แล้วอุ้มโยซอบไปยังรถของตัวเอง
     
     
     
    อ้าวเฮ่ย ลืมเลื่อนปิดกระจกรถ
     
     
     
    ดูจุนตกใจเมื่อพบกระจกหน้าต่างรถที่เขาเปิดไว้ตอนตะโกนคุยกับเพื่อนๆ ยังคงเปิดอยู่
     
     
     
    ได้เรื่องเลย ยุงระงมเต็มรถ
     
     
     
    ดูจุนวางโยซอบลงบนเบาะด้านที่ดงอุนนั่งมา ทำการโบกมือเพื่อไล่แมลงและยุงออกจากตัวคนตัวเล็ก แล้วอ้อมมาขึ้นรถด้านคนขับ
     
     
     
    ต้องพาไปโรงพยาบาลก่อน
     
     
     
    ดูจุนมัวแต่สาละวนอยู่กับการเป็นห่วงคนตัวเล็ก จึงไม่ได้สนใจว่ามีบางอย่างอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลังโดยมีเสื้อสูทสีดำของเขาคลุมไว้
     
     
     
    อีฮงกีกำลังหลับสบายอยู่ในรถนั่นแหละ
     
     
     
    รถโฟร์วีลวิ่งจี๋ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตุเห็นใครคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงด้วยท่าทางทุลักทุเล
     
     
    “ถึงซะที ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ แล้วโยซอบไปไหนแล้ว?” กีกวังมองไปยังสนามของโรงเรียนแล้วไปพบใคร ก็ชวนสงสัยว่าหายไปไหนกันหมด 
     
     
    “อ้าว คุณกีกวัง”
     
     
    “คุณเอ่อ เพื่อนของคุณฮยอนซึง”
     
     
    “จุนฮยองครับ”
     
     
    “โยซอบล่ะครับ” กีกวังถามหาคุณพ่อตัวเล็ก
     
     
    “อืม สงสัยออกไปตามหาอีกแล้วมั้งครับ รายนั้นหาไม่หยุดเลย คุณเองก็คงเป็นห่วงฮงกีมาก” จุนฮยองเข้าใจว่าโยซอบคงออกไปตามหาฮงกีอีกครั้งแล้ว
     
     
    “ครับ ฮงกีก็ลูกผม” กีกวังเองก็เป็นห่วงไม่น้อย เขาเป็นห่วงทั้งฮงกีและเพื่อนของเขา โยซอบรักฮงกีเท่าชีวิต ถ้าหากฮงกีเป็นอะไรไป โยซอบก็คงอยู่ไม่ได้แน่
     
     
    “อ้าว พี่ดูจุนล่ะ เห็นขับรถออกไป ไปไหนอ่ะ?”
     
     
    “หือ ดูจุนกลับไปแล้วเหรอ”
     
     
    “ผมคงต้องหาโยซอบก่อนนะครับ จะไปช่วยหาฮงกี”
     
     
     
    อ้าว แล้วทำไมขาเดี้ยงแบบนั้นล่ะ
     
     
     
    “นี่นายน่ะ ให้ฉันช่วยมั้ย” ดงอุนวิ่งตามหลังกีกวังไปเมื่อเห็นว่าคนหัวทุยนั้นมีร่องรอยบาดเจ็บ และก่อนที่จุนฮยองจะเริ่มขยับตัวเพื่ออกตามหาฮงกีอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น 
     
     
     
     
    [??] ??? ? ? (Fiction in Fiction in Fiction) [??] ?? ??? (Fiction in Fiction in Fiction)
     
     
     
    เขามีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยก่อนเลือกที่จะรับสายแล้วนำโทรศัพท์มาแนบหู
     
     
    (จุนฮยอง)
     
     
    “……”
     
     
    (ฮยอนซึงเพิ่งโทรมาบอกฉัน ว่าพวกนายกำลังตามหาลูกของซูยัง)
     
     
    “........”
     
     
    (เลิกซะ! แล้วอย่าเอาฮยอนซึงมายุ่งกับเรื่องนี้อีก)
     
     
    “พี่ไม่มีสิทธิ์มาห้าม เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะพี่” จุนฮยองที่ทนฟังเงียบๆ มานานโต้กลับไปอย่างเหลืออด
     
     
    (……….)
     
     
    “เพราะพี่ทำแบบนั้นกับซูยัง”
     
     
    (มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันเข้าใจว่านายนอกใจฮยอนซึงไปหาผู้หญิงคนนั้น) ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเครียด แต่จุนฮยองไม่ได้รู้สึกถึงความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เลวแค่ไหน
     
     
    “พี่ก็ได้แต่โทษว่าพี่ทำเพื่อฮยอนซึง ถ้าฮยอนซึงรู้เรื่องนี้ละก็ พี่คิดว่าฮยอนซึงจะเจ็บปวดแค่ไหน…พี่ซึงโฮ” เขาเริ่มระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่เมื่อคนปลายสายมักเอาฮยอนซึงมาอ้างตลอดเวลา 
     
     
    เพราะเหตุผลนี้เอง ถ้าฮยอนซึงรู้เรื่องว่าใครคือคนที่ทำให้ซูยังท้อง แล้วเขาคนนั้นทำไปเพื่ออะไร 
     
     
    ฮยอนซึงจะทุกข์ใจแค่ไหนหากทราบว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ 
     
     
    และเพราะเหตุผลนี้เช่นกันที่ทำให้ตลอดมาความสัมพันระหว่างจุนฮยองกับฮยอนซึงกลับมาเป็นเพียงเพื่อนสนิทดังเดิม
     
     
    ยงจุนฮยองรู้สึกติดค้างกับอีซูยัง
     
     
    มันช่างน้าขำจริงๆ ที่ฮยอนซึงนั้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวและอ่อนโยน คอยเป็นห่วงคนอื่นๆ เสมอ แม้ว่าเขากับฮยอนซึงเลิกรากันไปจากฐานะแฟน ฮยอนซึงก็ยังเข้มแข็งและคอยดูแลเขาในฐานะเพื่อนมาได้จนถึงทุกวันนี้ 
     
     
    ในขณะที่สายเลือดเดียวกัน กลับไร้ซึ่งความรับผิดชอบและเห็นแก่ตัว....จางซึงโฮ!....พ่อของอูยอง!
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
     
     
     
    “เฮ้อ ลูกก็หาย พ่อก็จะตาย” เสียงคนตัวโตที่กำลังขับรถไปบ่นไป พลางหันไปมองยังโยซอบที่สลบอยู่ด้านข้างเป็นระยะๆ
     
     
     
    ตัวเล็กแค่นี้เองนะนายน่ะ หักโหมไปทำไม เป็นห่วงลูกก็จริง แต่ก็น่าจะนึกถึงตัวเองบ้าง
     
     
     
    “พี่ซูยัง” เสียงโยซอบที่ละเมอออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอให้ดูจุนได้ยินด้วย และแน่นอนว่าคนตัวโตถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียว
     
     
    “......”
     
     
    “ได้โปรด ปกป้องฮงกีด้วย”
     
     
    “…..”
     
     
    “ได้โปรด ให้ผมหาลูกของพี่เจอด้วย”
     
     
     
     
     
    ++++ Hide and Seek ++++
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×