คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 20 ค้นพบในที่สุด {Found} {END}
“ซูยัง...ลูกของเธอ”
ซึงโฮยืนมองฮงกีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสายตาที่ใครก็ไม่อาจเข้าใจ เด็กคนนี้คือลูกชายของซูยัง ลูก.....ที่ซูยังตั้งท้องกับเขา ลูก....ที่เขาพยายามยัดเยียดให้เป็นของจุนฮยอง และเป็นคนที่เขาวิ่งหนีมาตลอดเวลา 5 ปี
“แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ” ซึงโฮกล่าวย้ำกับตัวเอง เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซูยังอีกไม่ว่าทางไหน
“โยซอบ เป็นไงบ้าง อ่ะ...”
“ว่าไง ฮงกีเป็นไงบ้าง อ๊ะ พี่ซึงโฮ”
กีกวังและดงอุนที่เปิดประตูห้องโพล่งเข้ามาแปลกใจเมื่อพบเพียงซึงโฮอยู่กับฮงกีตามลำพัง
“เอ่อ โยซอบล่ะครับ” กีกวังถาม
“อยู่ในห้องน้ำ” ซึงโฮตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเดินแทรกผ่านกีกวังและดงอุนออกไป
กีกวังรีบปรี่เข้าไปหาฮงกีอย่างเป็นห่วงทันที เขาและดงอุนคงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึง เสียงชักโครกในห้องน้ำดังขึ้นตามด้วยคนที่กีกวังถามหาเปิดประตูออกมา
“อ้าว กีกวังมาแล้วเหรอ”
“โยซอบ ฮงกีเป็นไง”
“คุณหมอบอกว่าอวัยวะภายในช้ำน่ะ โชคดีที่อาการไม่สาหัสมาก แต่ยังไม่ฟื้นเลย”
โยซอบตอบคำถามกีกวัง น้ำเสียงดูแย่ลงเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ฮงกีมานอนอยู่ตรงนี้
“ตั้งแต่มานี่ยังไม่ฟื้นเลยเหรอ”
กีกวังมองเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง เรื่องที่โยซอบเล่าผ่านโทรศัพท์ทำให้เขารู้ว่าสภาพจิตใจของเพื่อนคงแย่ไม่น้อย เขาเดินเข้าไปกอดเพื่อนรักอย่างปลอบใจ ดงอุนมองมิตรภาพของทั้งคู่ด้วยความนับถือ ไม่ว่าเมื่อไหร่ โยซอบและกีกวังก็มีกันและกันเสมอ
“อือ..ป๊ะป๋าโยซอบฮะ”
เสียงเรียกแผ่วที่ดังมาจากเตียงคนไข้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนหันไปมองด้วยความดีใจ
“ฮงกี!”
โยซอบโผเข้ากอดลูกชายที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาหลังอุบัติเหตุอย่างดีใจ เขาประคองแก้มป่องของฮงกีแล้วหอมฟอดใหญ่หลายฟอด อยากขอบคุณพระเจ้าเป็นพันครั้งที่ฮงกีตื่นขึ้นมาเสียที
“ป๊ะป๋า....ฮงกีเจ็บจัง”
“ป๊ะป๋าขอโทษนะฮงกี ขอโทษ ขฮโทษจริง ๆ”
ฮงกีหน้านิ่วรับความเจ็บปวดที่โถมเข้ามาหลังฟื้น จนโยซอบที่พร่ำโทษตัวเองอยู่รีบก้มหัวขอโทษใส่เด็กน้อยซ้ำ ๆ ถ้าเขารู้ว่ามันอันตรายขนาดนี้ เขาจะไม่มีทางยอมตามใจให้ฮงกีนั่งตักเด็ดขาด
“ป๊ะป๋าขอโทษฮงกีทำไมฮะ”
ฮงกีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยพูดขึ้น พยายามยกแขนสั้นขึ้นปรามป๊ะป๋าให้หยุดก่อนที่เด็กน้อยจะอายุสั้นไปกว่านี้เพราะถูกคนเป็นป๊ะป๋าก้มหัวให้
โยซอบนั่งคุยกับฮงกีอยู่แบบนั้นโดยมีกีกวังคอยจัดหาของว่างให้ลูกชายทาน ดงอุนก็ยังคงนั่งหน้ามึนมองคนอื่นทำหน้าที่ของตัวเองไม่เรื่อย ๆ ราวกับไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
“อ้อ โยซอบ คุณซึงโฮมานี่ทำไมน่ะ” กีกวังนึกขึ้นได้
“เขายังไม่กลับเหรอ” โยซอบขมวดคิ้วแปลกใจ
“ฉันเจอเขาเดินออกไปเมื้อกี้น่ะ”
“นึกว่าจะกลับไปพร้อมคุณจุนฮยองกับคุณฮยอนซึงซะอีก”
เพราะฮงกีไม่มีอันตรายมากถึงชีวิตตามที่หมอกล่าว ดูจุนและจุนฮยองจึงกลับไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อนจะกลับมาเยี่ยมคืนวันนี้ ส่วนฮยอนซึงก็ติดรถจุนฮยองกลับไปแล้วเช่นกัน โยซอบจึงเข้าใจว่าซึงโฮน่าจะกลับไปพร้อมกับน้องชาย
“พี่ฮยอนซึงมาเหรอ ทำไมกลับพร้อมพี่จุนฮยองล่ะ เขาดีกันแล้วเหรอ” พอมีชื่อฮยอนซึงขึ้นมา ดงอุนก็ชูแว๊บมีตัวตนขึ้นมากับเขาทันที กีกวังหันมองคนหน้าอาหรับอย่างไม่พอใจนัก ทำไมรู้สึกไม่สบอารมณ์ก็ไม่รู้
“ครับ คืนดีกันแล้ว คุณฮยอนซึงรู้เรื่อง..” โยซอบเริ่มเบาเสียงลงเป็นกระซิบแทน “เอ่อ...เรื่องนั้นหมดแล้วด้วย”
“แล้วพี่ฮยอนซึงเป็นไงบ้าง”
“นายไปถามเขาเองไหมล่ะ” กีกวังตอกกลับเมื่อเห็นว่าดงอุนสนอกสนใจเรื่องของฮยอนซึงเกินควร
“นั่นสิ ฉันไปหาพี่ฮยอนซึงก่อนนะ” พอกีกวังแนะเข้า ดงอุนก็พยักหน้าตอบรับทันที ร่างสูงโบกมือลากีกวังและโยซอบแล้วรีบวิ่งไปทางประตูทันที นี่เขาตั้งใจจะไปถามฮยอนซึงจริง ๆ นะเนี่ย
“ฮัลโหล พี่จุนเหรอครับ…”
แต่แล้วเสียงตอบรับโทรศัพท์ของกีกวังก็ทำให้การวิ่งของดงอุนเปลี่ยนเป็นก้าวช้า ๆ
“ ...คือผมอยู่โรงพยาบาลครับ..อ๋อ เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ฮงกีเกิดอุบัติเหตุน่ะครับ”
ร่างสูงเอื้อมมือไปจับลูกบิดอย่างอ้อยอิ่ง หูผึ่งฟังการสนทนาระหว่างกีกวังกับใครอีกคน
“ห๊า ...เอ่อ พี่ไม่ต้องมาหรอกครับ”
ใบหูกระดิกรับสัญญาณเสียง ลูกบิดเพิ่งถูกหมุนได้ไม่ถึงองศา แล้วประตูจะเปิดออกได้ยังไงกัน
“อ่า โอเคครับ ผมอยู่ที่โรงพยาบาล XXX ครับ ครับ ห้อง 319 ตึกคนไข้เด็กครับ”
ดงอุนชักมือกลับ ก้าวถอยหลังกลับมาหยุดข้างกีกวัง แล้วชะโงกหน้าถามอีกคน
“อะแฮ่ม....หมอนั่นจะมาเหรอ”
ทันทีที่กีกวังพยักหน้า ร่างสูงก็พาตัวเองกลับไปนั่งที่มุมห้องโดยลืมเรื่องของฮยอนซึงไปในทันที
ป๊ะป๋าเบอร์สองอมยิ้ม ก้มลงมองหน้าจอมือถือที่มืดสนิทแล้วยักไหล่อย่างเหนือชั้น กีกวังคนซื่อเสมองไปนอกหน้าต่างเมื่อหันไปพบว่าโยซอบอ้าปากค้างมองการกระทำของเขาอยู่....อีกีกวังอยู่กับซนดงอุนมากเกินไปแล้ว
พี่จุนโทรมาที่ไหนล่ะ?
++++ Hide and Seek ++++
“ฮงกี ฮ้งกี๊ ฮ่งกี่ ....เปรี้ยวหวานมันอร่อย”
เสียงเพลงแต่งเองโดยเด็กอนุบาลห้องครูเบดังนำตัวมาตั้งแต่ประตูห้องยังไม่เปิดออก ผู้คนคณะใหญ่กรูเข้ามาห้องคนไข้จนเหลือที่ว่างไม่มาก เพราะเดิมก็มีดูจุน ดงอุน กับป๊ะป๋าทั้งสองของฺฮงกีอยู่แล้ว
“อูยอง....ฮีชอล” ฮงกีเรียกชื่อเพื่อนสนิททั้งสองอย่างดีใจ
ซึงโฮและซอนฮวามาพร้อมกับอูยองที่เพิ่งกลับจากโรงเรียน ข่าวเรื่องที่ฮงกีเข้าโรงพยาบาลเพราะช้ำในรู้ไปถึงหัวหน้าสามก๊กอย่างฮีชอลจนได้ เด็กเจ้าเล่จึงหลอกล่อให้ฮยอนอาพามาเยี่ยมด้วย
“ไงจ๊ะฮงกี หายไว ๆ นะ ฮีชอลบ่นคิดถึงตลอดเลย” แม่ของฮีชอลกล่าวหลังจากทักทายทุกคนในห้องแล้ว
“เจ็บมากไหมฮงกี” ฮีชอลเดินเข้าไปเขย่งถามเพื่อนที่ขอบเตียง อูยองเดินตามไปสมทบ
“ที่สุดเลย ฮงกีนึกว่าจะตายซะแล้ว” ฮงกีพลิกตัวเองมาเกาะขอบเตียงพูดคุยกับเพื่อนทั้งสอง ความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าทำให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าตัวเล็กยังเจ็บอยู่ไม่น้อย
“เหรอ จะตายเป็นยังไงเหรอ” ฮีชอลถามตาแป๋ว
“ไม่รู้สิ แต่เจ็บอ่ะ”
“อิจฉาจังเลย” ฮีชอลฟังแล้วตาวาว อยากรับรู้บ้างว่ามันเป็นยังไง ไอ้ที่ว่าจะตายเนี่ย สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่ได้ยินขึ้นมาทันที
“ใช่ อูยองอยากเป็นแบบนี้บ้าง” อูยองยกมือขึ้นแตะปาก เอียงคอพูดอย่างอิจฉาเช่นกัน
“นี่ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะครับ พวกเราน่ะจะตาย แต่คุณพ่อกับคุณแม่น่ะ คงสิ้นชีพดับดิ้นไปก่อนพวกเราแน่” กีกวังเข้าไปเตือนเด็ก ๆ
เสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นพร้อมกัน ท่ามกลางความงุนงงของสามก๊กน้อย คงจะมีแค่ซึงโฮที่เพียงแต่มองไปที่ฮงกีนิ่ง ดูจุนที่เห็นเข้าพอดีก็เคลื่อนตัวเข้าไปหาพี่ชายของฮยอนซึง
“พี่ซึงโฮ...เรื่องฮงกีพี่จะทำยังไง” ดูจุนที่รู้เรื่องทุกอย่างจากจุนฮยองแล้วถามขึ้นเบา ๆ ถึงซึงโฮจะทำผิดแต่เขาก็เห็นใจอีกคนไม่น้อย
อาการร้อนใจที่ดูจุนเห็นตอนที่ซึงโฮมาถึงโรงพยาบาลเป็นหลักฐานชัดว่ารุ่นพีคนนี้ไม่ได้เลวฝังในสันดาน จางซึงโฮก็เป็นห่วงฮงกีเช่นกัน แต่เรื่องของซูยังที่ไม่เคยถูกเยียวยาคงกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ในใจที่ทำให้ซึงโฮปฏิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลกชายของเธอ
“ลูกของนาย นายก็จัดการไปสิ” ซึงโฮตอบ
ดูจุนเห็นด้วยอยู่ในที ฮงกีมีเขาเป็นพ่อและมีโยซอบเป็นป๊ะป๋าก็เพียงพอแล้ว เขากับโยซอบตกลงกันแล้วว่าจะทำให้เรื่องที่ดูจุนเป็นพ่อของฮงกีนั้นเป็นเรื่องจริงแบบนี้ตลอดไป ไม่จำเป็นที่ซึงโฮจะต้องเข้ามารับผิดชอบอีก
ประตูห้องเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อจุนฮยองมาถึงพร้อมกับฮยอนซึง สองพี่น้องสบตากันนิ่ง ก่อนที่ซึงโฮจะหลบตาไปแล้วชิงพูดขึ้น
“ซอนฮวา กลับกันเถอะ”
ซอนฮวาพยักหน้าเดินตรงเพื่อเตรียมอุ้มลูกชาย
“อูยองขอนอนกับฮงกีได้ไหมฮะ” แต่อูยองขัดขืน แล้วขออนุญาติอยู่ต่อแทน เด็กน้อยคงคิดถึงฮงกีที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นอาทิตย์
“ฮีชอลด้วย” การร้องขอของอูยองส่งผลให้ฮีชอลทำตาม หรืออาจจะกลับกันก็ไม่รู้ พวกผู้ใหญ่ไม่มีใครเห็นเลยตอนที่ฮีชอลหันไปกระพริบตาส่งสัญญาณให้อูยองก่อนหน้านี้
“ก็ได้............ถ้าดูจุนจะดูแล”
ซึงโฮเหล่มองดูจุนแล้วตอบอนุญาติ เขาเหยียดยิ้มหยันส่งนรกบนดินไปให้กับผู้ชายที่ทำให้ซูยังไม่อาจรักเขาได้
ดูจุนอ้าปากหวอมองพ่อของอูยองตาค้าง อยากจะถอนความเห็นใจทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด ซึงโฮจะรู้สึกผิดกับฮงกีหรือไม่เขาไม่รู้ รู้แต่ว่าจนแล้วจนรอดรุ่นพี่คนนี้ก็ยังเกลียดเขาสม่ำเสมอ
ระ....ร้ายกาจที่สุด
“เชื่อมือพี่ชายผมเถอะครับ” ดงอุนพูดกับฮยอนอาเมื่อเห็นว่าเธออึกอัก ไม่กล้าปล่อยฮีชอลทิ้งไว้ ทำเอาดูจุนต้องหันขวับไปไปถลึงตามองน้องชายตัวเอง
นี่ก็อีกคน บัดซบมาก ไอ้ดงอุน
“นี่..เอาจริงเหรอ” กีกวังกล่าวเตือน เชื่อมือดูจุนได้ที่ไหนกันล่ะ แค่ฮงกีกับอูยองก็เอาแทบไม่อยู่ แต่นี่คิมฮีชอลเชียวนะ ต่อให้เป็นเขาเองที่ไม่มีปมกับเด็กก็ยังไม่กล้าเสี่ยง
“นายกับโยซอบก็อยู่นี่” ดงอุนเฉลย “พวกเราก็อยู่ด้วยครับ” แล้วหันไปยืนยันกับฮยอนอาอีกครั้งจนเธอเริ่มลังเล
“งั้น เดี๋ยวแม่เอาเสื้อผ้ามาให้ก็แล้วกันนะฮีชอล” ฮยอนอาตัดสินใจ แล้วอย่ารีบนำฮีชอลมาคืนเธอกลางดึกก็แล้วกัน
“ฮะ” เด็กเจ้าเล่ยิ้มกว้างรับคำแม่อย่างเป็นมั่นเหมาะ
“นายเอาอยู่นะ” จุนฮยองกระซิบถามเพื่อน
“นรกลอยมารำไรแล้วล่ะ” ดูจุนตอบกลับเสียงสะอื้น
มาครบ 3 ตัว หัวดูจุนไม่มีเงาแล้วครับ
++++ Hide and Seek ++++
ฟ้าเริ่มมืดลง ครอบครัวของซึงโฮกลับไปแล้วโดยทิ้งอูยองไว้ ฮยอนอาที่วกนำของใช้ส่วนตัวมาให้ฮีชอลก็กลับไปแล้วเช่นกัน โยซอบที่ยืนอำลาพี่สาวกาอินอยู่หน้าห้องต้องชะโงกหน้าตรวจสอบอาการของดูจุนทุกครั้งที่เกิดเสียงดังของเด็กทั้งสาม
“ฮงกีปลอดภัยดีแล้ว ตอนนี้พี่ก็ห่วงแต่คุณดูจุนนนี่ล่ะ” กาอินกล่าวกับโยซอบยิ้ม ๆ เมื่อเห็นหนุ่มรุ่นน้องใส่ใจกับอดีตเจ้านายตลอดเวลา
“อ่า...ครับ” โยซอบยิ้มอายที่กาอินสังเกตุเห็น ถึงจะเป็นห่วงดูจุนก็เถอะ แต่เขาไม่น่าเสียมารยาทกับพี่สาวแบบนี้เลย
“พี่กาอิน กลับเถอะ” เสียงแหลมของโจควอนที่ไปยืนรออยู่หน้าลิฟท์ดังเร่ง หนุ่มหน้าขาวมองซ้ายขวาอย่างระแวง ถ้าซึงโฮกลับมาพบเขาตอนนี้ มีหวังชื่อเสียงการทำงานได้ขาดสะบั้นแน่
“ทำไม กลัวใครมาเจอเหรอ”
กาอินแยกเขี้ยวตอบกลับ พลางโบกมือลาแล้วรีบวิ่งไปหาโจควอนทันที นี่ถ้าไม่เห็นว่าตัวเธอเป็นคนทำให้อีกคนต้องเสียจรรยาบรรณของอาชีพ กาอินจะไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วยกันหรอก ถึงจะถูกใจกับนิสัยของโจควอนอยู่มากก็ตาม
โยซอบมองจนทั้งคู่ขึ้นลิฟทืไปแล้วรีบเปิดประตูกลับเข้าไปช่วยดูจุนรับมือกับพวกฮงกีทันที
++++ Hide and Seek ++++
ดงอุนและกีกวังปลีกตัวมาเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาล หลังจากลงมาส่งจุนฮยองกับฮยอนซึงที่ไม่สามารถอยู่เฝ้าได้เพราะห้องเต็ม ห้องคนไข้ของฮงกีกลายสภาพเป็นฐานทัพบรรชาการของแก๊งค์สามก๊กน้อยไปแล้วอย่างสมบูรณ์
“ตกลง รุ่นพี่นายไม่มาแล้วเหรอไง” ดงอุนที่รอจังหวะอยู่นานแล้วถามขึ้น เขาตามติดกีกวังอย่ตลอดวัน ไม่เห็นจะมีเงาอีจุนโผล่มาสักกะแว๊บเดียว
“เอ่อ”
กีกวังไม่รู้จะหาคำตอบไหนมาแก้ตัวดีเมื่อดงอุนมองหน้าอย่างจับผิด ที่จริงก็แค่กุเรื่องขึ้นมาเพื่อลองใจดงอุนดูเท่านั้นเอง ไม่รู้จะทำไปทำไมเหมือนกัน รู้แค่ไม่พอใจที่ดงอุนเอาแต่ถามถึงฮยอนซึง ก็เลยขุดชื่อของอีจุนขึ้นมา เพราะคิดว่าดงอุนคงไม่ปล่อยให้เขาพบกับรุ่นพี่คนนี้แน่ ไม่รู้สินะ รู้สึกเหมือนดงอุนหวงเขานิด ๆ
“รึว่านายไปแอบนัดกันที่อื่นแล้ว”
“บ้าเหรอ จะไปนัดตอนไหน” กีกวังรีบยกมือโบกปฏิเสธ ทำไมต้องกลัวดงอุนเข้าใจผิดกันนะ
แล้วทำไมดงอุนต้องมาเค้นถามด้วยล่ะ
การที่กีกีกวังเอียงคอคิดสงสัยและมองหน้าดงอุนตาแป๋วด้วยความแปลกใจทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนวูบที่หน้าขึ้นมา ร่างสูงกระแอมเสียงแก้เก้อจนกีกวังรู้สึกตัวว่าจ้องนานเกินไป ป๊ะป๋าอีกคนของฮงกียกมือขึ้นเกาหัว เงยหน้าขึ้นมองระเบียงห้องคนไข้ที่มีเงาวูบไหวไปมา
“นายปล่อยพี่นายไว้อย่างนั้นจะดีเหรอ” กีกวังถามอย่างนึกเป็นห่วง จากความเร็วของเงา เขาคิดว่าฮีชอลกับอูยองคงกำลังวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วห้องแล้วตอนนี้
“ไม่เห็นเหรอว่าเขาอยู่กับหัวใจเขา” ดงอุนพูด “หมายถึงโยซอบเพื่อนนาย” แล้วก็ขยายความออกมาอัตโนมัติเมื่อกีกวังที่หันกลับมาฟังกระพริบตาปริบไม่เข้าใจ
“เห็นดีกันเร็วแบบนี้ คืนวานต้องมีอะไรแหง ๆ” ร่างสูงกลายร่างเป็นนักวิเคราะห์ขึ้นมา ก้าวเท้านำให้กีกวังคอยเดินฟังไปเรื่อย ๆ
“อะไร” ร่างเล็กนิ่วหน้าสงสัย
“นี่อย่าบอกนะว่านายไม่สังเกตุว่าเพื่อนนายน่ะใส่ชุดเหมือนเมื่อวานเด๊ะ”
กีกวังมองดงอุนที่พูดพลางยักคิ้วใส่ “หือ……ห๊า” เขาอ้าปากเปล่งเสียงแสดงความเข้าใจปนตกใจไปพร้อมกัน
“นั่นแหละ ๆ อย่างที่นายกำลังคิด” ดงอุนตอบพลางเอานิ้วจิ้มหัวอีกคน
“บ้าเหรอ โยซอบไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นนะ”
“ฉันบอกเหรอว่าเพื่อนนายใจง่าย....พวกเขาแค่ยอมรับหัวใจกันเองต่างหาก” หนุ่มหน้าแขกแก้ความเข้าใจผิดของกีกวัง เขาพูดตรงไหนที่แปลว่าโยซอบใจง่าย
“แต่....อึ๋ย.....” กีกวังเคลื่อนตาขึ้นบนพลางนึกภาพระหว่างดูจุนและโยซอบ
“นี่นายนึกภาพอยู่เหรอ” ดงอุนถามกลับราวกับว่านั่งอยู่กลางใจกีกวังเลยทีเดียว
“ป่ะ เปล๊า” เขาว่ากันว่าคนโกหกมักเสียงสูง อีกีกวังขึ้นคีย์ไหนไปแล้วไม่รู้
“ภาพชัดดีไหม” ดงอุนแกล้งถาม
“ขาวจั๊วะ....เฮ้ย...ไม่ใช่ ๆ ไม่ ๆๆๆๆ”
กีกวังตาโตตกใจที่หลุดพูดในสิ่งที่คิด หน้าของเขาขึ้นสีแดงจัด รีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธแรง ๆ กีกวังต้องทำท่านี้อยู่เรื่อยเมื่ออยู่ต่อหน้าดงอุน
โถ่เอ้ย! ทำไมซนดงอุนถึงรู้ทันตลอดเลย
“ฮ่า ๆ ๆ” ดงอุนหัวเราะเสียงดัง สาวเท้าขึ้นไปดักหน้าแล้วหันมาพูดกับอีกคน
“นายมันอ่อน เพื่อนนายถึงไหนแล้ว แต่นายยังไม่มีแม้กระทั่งจูบแรก”
“ก็บอกแล้วไงว่าแค่จูบแรก ฉันหาได้ตามทางอยู่แล้ว” กีกวังเหวกลับเ เริ่มชักสีหน้าเด็กไม่พอใจ อีกแล้วนะ ซนดงอุนตอกย้ำเรื่องนี้อีกแล้ว
“เหรอ...แล้วไหนอ่ะ ตามทางแถวนี้มีมะ” ดงอุนแสร้งมองหาตรงโน้นทีตรงนี้
“มีสิ” กีกวังกัดฟันตอบอย่างหัวเสีย นี่เขาเริ่มโกรธจริง ๆ แล้วนะ
“ไหน” แต่ดงอุนก็ยังกวนอารมณ์ต่อไป จนกีกวังคิดว่าคงสนุกมากสินะที่แกล้งเขาได้
“นี่ไง”
หมับ
เห๊ะ!
ดงอุนตาเหลือกเมื่อถูกป๊ะป๋าอ่อนหัดของฮงกีเหนี่ยวคอลงมาแล้วประกบปากกันแน่น รู้ได้เลยว่าอีกคนจูบไม่เป็นด้วยซ้ำ ร่างสูงชำเลืองมองหน้าอีกคนที่อยู่แนบชิดอย่างตกตะลึง กีกวังหลับตาปี๋แค่เอาปากมาแปะกันเท่านั้นเอง ไอ้เรื่องนั้นเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่จังหวะหัวใจของเขาที่เต้นแรงขึ้นนี่สิที่ทำให้เขาตกใจ
นี่เรา....ชอบคน ๆ นี้มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
ก่อนที่ดงอุนจะหลับตาลงเพราะความเคลิ้มในสัมผัสแบบปากต่อปาก คนตัวเล็กก็ถอนใบหน้าออกไปแล้ว ดวงตาใสกวาดมองต่ำอย่างสับสน ดงอุนเข้าใจ อีกคนดี กีกวังคงกำลังสงสัยในสิ่งที่ตัวเองทำ
“อ่ะ เอ่อ” กีกวังกลืนน้ำลายลงคอ จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก งงในการกระทำของตัวเอง
“เป็นไง จูบแรกของนาย” ดงอุนถามเสียงเรียบ
“ฉะ...ฉัน...”
“นายจูบฉัน” ดงอุนตอกย้ำในสิ่งที่อีกคนเพิ่งทำ
“กะ...ก็นายบอกว่าถ้าฉันหาใครไม่ได้นายก็จะจูบฉันเอง” กีกวังหันมารัวพูดพร้อมล็อคสายตาจ้องที่ดงอุน
ร่างสูงกระพริบตาผงะไปเล็กน้อย ใบหน้าอาหรับเกือบจะยิ้มแต่ก็กลืนเก็บไว้ ก่อนจะแกล้งทำจริงจังพูดขึ้นอีก
“นั่นฉันตั้งใจจะจูบเอง” เขาเว้นระยะเพื่อตรวจสอบอาการของอีกคนที่ตอนนี้พยายามจะซ่อนหน้าราวกับเป็นนางอาย
“...แต่นี่นายดันจูบฉันก่อน”
กีกวังรู้สึกร้อนผ่าวจนแดงเถือกทั้งตัว ดงอุนจะเอ่ยเรื่องที่เขาเริ่มก่อนทำไม ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่คิดบ้างหรือไงว่าเขาก็อายเป็น
“พอเหอะ กลับกัน” คนที่เปิดฉากจูบก่อนตัดบทไม่อยากฟังอะไรต่ออีก
หมับ
“อื้อ”
ก่อนที่กีกวังจะทันได้ออกตัวเดินไป ดงอุนก็ช้อนใบหน้าของอีกคนขึ้นแล้วนาบปากตัวเองลงบนกลีบปากอิ่มที่เขาเพิ่งได้สัมผัสเมื่อครู่ อาการตกใจของกีกวังทำให้ดงอุนลอบยิ้ม ร่างสูงขยับแง้มให้อีกคนเผยอปากขึ้นเล็กน้อย เรียวลิ้นอุ่นรุกล้ำเข้าไปควานไปทั่วโพรงปากเพื่อหยอกเย้ากับลิ้นเล็กที่ยังไม่ประสาราวกับว่าจะสอนให้อีกคนรู้ว่าการจูบของจริงมันเป็นอย่างไร
กีกวังหลับตาพริ้มลิ้มรสจูบอันหอมหวาน เขารู้สึกเบาหวิวเหมือนตัวจะลอยขึ้น มือเล็กยกขึ้นกุมมือของดงอุนที่ประคองใบหน้าเขาอยู่ ปลายเท้าเขย่งสูงขึ้นเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากหนาของอีกคนกำลังผละออกไป การจูบกินเวลาไปอย่างเนิ่นนาน ทั้งคู่เอียงหน้าปรับองศากันอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเริ่มขาดอากาศหายใจนั่นแหละ ทั้งสองร่างถึงได้ผละออกจากกัน
“แฮ่ก ๆ” กีกวังหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว ตาหวานยังฉ่ำเยิ้มด้วยความ เคลิบเคลิ้ม แบบนี้นะเหรอจูบ หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา
“แบบนี้ต่างหากล่ะ ที่เรียกว่า..........จูบ” ดงอุนที่ยังหลงอยู่ในรสจูบเมื่อครู่โน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของกีกวัง
ร่างเล็กที่รู้สึกถึงความใกล้ชิดถอยหลังออกมองหน้าอีกคนชัด ๆ สายตาสั่นไหวไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเอง เขาตัดสินใจหันตัวเดินหนีไปจากตรงนั้นด้วยความอาย
ไปทำแบบนั้นทำไม อีกีกวัง
“นี่”
ขาเล็กของกีกวังเริ่มก้าวช้าลงเมื่อเสียงดงอุนดังขึ้นข้างหลัง
“เราจูบกันแล้วนะ” ร่างสูงยังคงขยี้เรื่องที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน แล้วพูดต่อในสิ่งที่กีกวังต้องหันกลับมาฟังอย่างตั้งใจ
“ที่นี้ฉันก็ตอบคำถามของรุ่นพี่นายได้สักที……ว่าฉันจะดูแลนายในฐานะไหน”
กีกวังยืนกระพริบตามองดงอุนด้วยใจที่เต้นแรง เขาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองในสิ่งที่ร่างสูงพูดออกมาอย่างมีความนัยหรอกนะ แต่ด้วยประโยคแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ มันใกล้เคียงการสารภาพรักมากเหลือเกิน
บอกมาสิว่าจะดูแลฉันแบบไหน ซนดงอุน ฉันรอฟังอยู่
กีกวังยังคงมองดงอุนด้วยแววตาวูบไหว รอลุ้นคำตอบจากดงอุนด้วยความตื่นเต้น
“ว่าง ๆ ไปนอนบ้านฉันมะ”
แต่แล้วสิ่งที่ดงอุนพูดต่อออกมากลับไม่ใช่สิ่งที่เขาเฝ้ารอ
ห๊ะ?
“เรามาเจริญรอยตามคู่ของพี่ดูจุนกันเหอะ จุ๊กกรู้ว”
เพี้ยะ!
กีกวังถึงจุดระเบิดตัวเอง เจอแบบนี้เขาจะไม่ทนกับความกวนไม่รู้เวล่ำเวลาของดงอุน คนตัวเล็กหันกลับมาใช้มือฟาดเข้าเต็มแก้มดงอุนจนใบหน้าอาหรับหันไปตามแรง
“ไอ้บ้า” ร่างเล็กด่าใส่หน้าไปหนึ่งคำแล้วเดินหนีต่อไป พลางยกแขนขึ้นเช็ดปากตัวเองที่เสียจูบให้อีกคน
ถุย ฉันมันบ้าเองทีเผลอหลงคารมนาย ซนดงอุน
“ฮ่า ๆ ถือว่าฉันเอาคืนนะ” แทนที่จะโกรธ ดงอุนกลับหัวเราะเสียงดังแล้วตะโกนไล่หลังให้กีกวังได้ยิน
เอาคืนบ้าอะไร
ทั้งที่เดินหนีมาแล้วแต่กีกวังก็ยังตั้งใจฟังเสียงอีกคนแล้วตอบกลับในใจ
“เอาคืนเรื่องที่นายหลอกฉันว่ารุ่นพี่นายจะมาหา”
นี่รู้ทันอีกแล้วเหรอ
เท้ายังย่ำหนี แต่ใจก็ยังสนทนาด้วย
“แล้วก็เอาคืนที่ทำให้ฉัน....”
ฉันจะไปทำอะไรนายได้อีกล่ะ
“ชอบนาย”
โครม
อีกีกวังสะดุดขาตัวเองล้มหน้าคว่ำหลังสิ้นคำสารภาพรักของดงอุน
++++ Hide and Seek ++++
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของดูจุนดังลั่นห้องพักคนไข้แบบไม่มีทีท่าว่าจะเกรงใจห้องข้างเคียง
“ชู่ว...ฮงกี นายบอกให้คุณลุงดูจุนเงียบหน่อยสิ” เสียงอูยองอู้อี้คุยกับฮงกี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่ะ ๆ ๆ” ยูนดูจุนยังคงหัวเราะไม่ยั้ง
“จุ๊ ๆ ๆ คุณลุงเทวดาฮะ ...เงียบหน่อยสิฮะ” เสียงฮงกีดังขึ้นอีกคน
“เสียงฮงกีนี่นา” ฮีชอลรีบวิ่งพรวดออกมาจากห้องน้ำทันทีเมื่อหูกระดิกได้ยินเสียงเพื่อนรัก “อยู่ไหนนะ” เด็กแสบชะเง้อหาตัวเพื่อนทั้งสองไปทั่วห้องจนสายตามาหยุดที่ดูจุนที่นั่งหัวเราะอยู่ เป็นการหัวเราะทั้งน้ำตา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
คุณลุงดูจุนตัวอ้วนแปลก ๆ
ฮีซอลค่อย ๆ เดินเข้าไปหาดูจุนที่นั่งห่อผ้าห่มตัวบวมอยู่บนเตียงคนไข้
นั่นขาอูยองนี่
“โป้งอูยอง” ฮงกีรีบทักอูยองทันทีหลังจากเห็นปลายเท้าน้อยโผล่ออกมาจากผ้าห่ม “อ๊ะ ฮงกีด้วย โป้งๆ” แล้วพอเลิกผ้าห่มขึ้นก็พบฮงกีอีกคน
“บอกแล้วว่าตรงนี้หาง่าย” อูยองที่เกาะอยู่แถวซี้โครงด้านซ้ายของดูจุนพูดขึ้นกับฮงกีที่เกาะอยู่ที่ซี่โครงด้านขวา
“ก็ฮงกีลุกไปไหนไม่ไหวนี่นา ยังเจ็บอยู่อ่ะ”
คนไข้ตัวเล็กบ่นเพื่อนกระปอดกระแปด ช่วยไม่ได้นี่นาที่ฮงกียังช้ำในอยู่มาก จะให้เล่นซ่อนแอบแบบเต็มที่เหมือนคนอื่นได้ไง อีกอย่างฮงกีก็คิดว่าฮีชอลเป็นยักษ์ที่เก่งทีเดียว นี่ขนาดให้ไปนับถอยหลังในห้องน้ำแล้วหาที่ซ่อนกันแล้ว ฮีชอลยังหาพวกเขาเจอในเวลาแค่ไม่กี่นาที
“อูยองต่ะหาก ไม่ยอมมุดเขามาเหมือนฮงกี ขาเลยโผล่เลย”
ฮงกีไม่คิดว่าที่ซ่อนของเขาจะธรรมดาจนหาพบได้ง่าย ๆ ที่ขนาดมุดตัวเข้าไปในเสื้อของคุณเทวดาแล้วให้ป๊ะป๋าโยซอบเอาผ้าห่มคลุมอีกรอบเชียวนะ เสื้อเชิ๊ตของดูจุนถึงกับกระดุมปริไปหลายเม็ดเพราะการมุดเข้าของฮงกี
“ฮ่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงดูจุนยังคงหัวเราะเรื่อยเปื่อยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ตาเบิกค้างจ้องมองเพดาน วิญญาณของเขาถูกส่งไปไกลเกินกว่าใครจะหาพบ
“อ่า พี่ดูจุน ไหวใช่หรือเปล่า” โยซอบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง พยายามใช้มือทั้งสองข้างนวดแก้มเรียกสติอีกคนให้กลับมา
โถ่เอ้ย เนี่ยนะ คนที่จะมาเป็นพ่อของฮงกี
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ”
เอาเป็นว่าตอนนี้ กระทั่งโยซอบก็คงฉุดดูจุนออกมาไม่อยู่แล้วล่ะ ยูนดูจุนผู้น่าสงสาร อีกนานแค่ไหนกันที่โรคกลัวเด็กจะหายขาดเสียที
++++ Hide and Seek ++++
“โอ้โห เมื่อคืนคงศึกหนักน่าดู” ฮยอนซึงที่กลับมาในตอนเช้าตะลึงกับสภาพห้องพักคนไข้ที่เปิดมาพบ
“คำว่าเละคงน้อยไปเลยล่ะ”
ดูจุนและโยซอบนอนหลับพิงหัวกันอยู่ข้างเตียงฮงกี ดงอุนกับกีกวังก็นอนหนุนแขนกันอยู่มุมหนึ่ง ใบหน้าทั้งคู่ถูกกตกแต่งอย่างงดงามด้วยสีเมจิกที่คาดว่าฮยอนอาคงเอาติดมือมาให้ลูกชายด้วย เศษกระดาษทิชชู่กระจุยกระจายเต็มพื้น โต๊ะเก้าอี้ไม่มีตัวไหนวางอยู่ตำแหน่งเดิม แล้วสภาพดูจุนในชุดที่กระดุมขาดไปหลายเม็ดนี่ก็ทำให้จุนฮยองนึกสะพรึง
“อูยอง...โป้ง”
“อ๋า ฮีชอลหาเจออีกแล้วอ่ะ”
เช้าขนาดนี้แล้ว ฮีชอลยังตื่นมาทำหน้าที่เป็นยักษ์ตามหาอูยองที่ใช้ตัวดูจุนที่หลับคอพับอยู่เป็นที่ซ่อนได้ หรือเด็ก ๆ ยังไม่หยุดเล่นซ่อนแอบกันตั้งแต่เมื่อคืนกันแน่ จุนฮยองและฮยอนซึงมองเด็กทั้งสองเล่นกันอย่างขยาดแทนผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่อยู่เฝ้าทั้งคืน ยากจะนึกถึงความวุ่นวาย หากแต่สภาพศพของแต่ละคนมันฟ้อง
“ก็นี่คือฮีชอลนะ แล้วฮงกีอยู่ไหน เรามาช่วยกันหาดีกว่า” ฮีชอลเท้าสะเอวอย่างเป็นต่อ จากนั้นเริ่มมองหาเพื่อนอีกคน
แล้วบนที่นอนนั่นล่ะ
ฮยอนซึงเดินเข้าเอาของว่างที่ซื้อมาไปวางพลางขบขันที่ฮีชอลคงแกล้งทำเป็นไม่เห็นฮงกี ทั้งที่ลูกชายของซูยังเพียงแค่เอาผ้าคลุมโปงอยู่บนเตียง ยังมองเห็นชุดคนไข้ด้านหลังเลยด้วยซ้ำ ร่างบางมองหน้าจุนฮยองที่เดินตามเข้ามาแล้วยิ้มอย่างรู้กัน...เด็กเล่นกัน...น่ารักเชียว
“ฮีชอล ฮงกีก็อยู่บนเตียงนั่นไง ฮงกีบอกไม่ใช่เหรอ ว่าเจ็บมากเดินไม่ค่อยไหว” อูยองชี้มือบอก
“ชู่ววว...อย่าเสียงดัง คุณลุงดูจุนตื่นแล้ว” ฮีชอลรีบห้ามเสียงเพื่อนเมื่อเห็นดูจุนเริ่มกระดิกตัว ยูนดูจุนกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
“เดี๋ยวเรากระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วฟรีคิกใส่ฮงกีเลยนะ” เสียงฮีชอลกระซิบกระซาบกับอูยองทำเอาฮยอนซึงสะดุ้ง
ระ รุนแรงไปไหม การเล่นของเด็กอนุบาลสมัยนี้
แล้วมันก็แทรกเข้าโสตประสาทของดูจุนที่เพิ่งตื่นขึ้นอย่างงัวเงียเช่นกัน
อะไร? ฟรีคิก? ใครจะเตะบอลแถวนี้
ดูจุนที่ยังตื่นไม่เต็มตามองไปตามเสียงที่แสนจะอยู่ใกล้ เขาเห็นฮีชอลและอูยองค่อย ๆ ไต่ขึ้นเตียงคนไข้ที่ฮงกีนอนอยู่ ฮีชอลที่ขึ้นไปได้เรียบร้อยยืดตัวยืนเท้าสะเอวร่าวกับผู้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรส หันไปจับมือดึงอูยองที่ยื่นมาขอแรงให้ช่วย
“ย๊า อีฮงกี กระเด็นไปซะเถอะ”
เมื่อทั้งสองตั้งท่าเรียบร้อยฮีชอลก็กล่าวแล้วเตะเข้าส่วนช่วงหัวของฮงกีทันที ในขณะที่อูยองจัดการฟรีคิกเข้าช่วงกลางลำตัว
ผั๊วะ....ผั่วะ
เฮ้ย
คราวนี้เองที่ดูจุนต้องแหกตาตื่นเต็มที่ รีบเข้าไปรับตัวฮงกีที่ทำท่าจะกลิ้งตกเตียงทันที ในขณะที่ฮยอนซึงที่นั่งมองมาตั้งแต่ต้นก็รีบตั้งรับเอาอะไรบางอย่างที่กระเด็นมาทางเขาด้วยแรงเตะจากแข้งน้อย ๆ ของฮีชอล
“ฮีชอล! อูยอง! เล่นอะไรกันเนี่ย ดีเท่าไหร่ที่ฉันรับช่วงตัวของฮงกีไว้ได้” ดูจุนเป่าปากโล่งอกเมื่อเข้ามารับตัวฮงกีได้ทัน
“ใช่ฮีซอล ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ดูซิ ฮงกีหัวหลุดเลย” ฮยอนซึงเป็นอีกคนที่ดุเด็กทั้งสอง
“ใครที่ไหนเขาเตะเพื่อนหัวหลุดตัวกระเด็นกันบ้างล่ะ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” จุนฮยองก็อีกคน เขาหันไปสั่งสอนเด็กน้อย เขาคิดว่าคราวนี้ฮีชอลและอูยองเล่นแรงเกินไปแล้ว
เดี๋ยวนะ ช่วงตัว? หัว?
ดูจุน ฮยอนซึง และจุนฮยองที่เริ่มเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหันมองหน้ากันเอง
“เจี๊ยกกกกกกกกก ลูกพ่อ!” / “หัววววววววววว” / “เฮ้ยยยยยยยยย”
เมื่อนึกขึ้นได้ทั้งสามคนต่างก็ประสานเสียงกันขึ้นมาอย่างตกใจ นี่มันแย่ยิ่งกว่าที่ฮงกีสลบไปเพราะอวัยวะภายในบอบช้ำเสียอีก อีฮงกีหัวหลุดจากตัว
“ฮงกีลูกพ่อ! มะ ม่ายยยย” ยูนดูจุนคร่ำครวญประคองช่วงตัวของฮงกีด้วยมือที่สั่นเทา
เสียงกรีดร้องของผู้ใหญ่ทั้งสามดังเสียดแก้วหูจนคนที่หลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น พี่ดูจุน” โยซอบถามดูจุนที่ตื่นตระหนกอยู่ หันไปบนเตียงเห็นอูยองและฮีชอลยืนเด่นเป็นสง่าเอานิ้วอุดหูอยู่
“ฮะ...ตัวฮงกีอยู่นี่” ดูจุนละล่ำละลักยื่นลำตัวของฮงกีให้โยซอบดู
“นะ....นี่หัว” ส่วนฮยอนซึงก็ชี้ให้ทุกคนดูหัวของฮงกีบนตัก
ทั้งสามคนที่เพิ่งตื่นขึ้นเพราะเสียงโวยวายขมวดคิ้วงงมองตามการชี้นำ
“พูดอะไรน่ะพี่ นั่นมันหมอนนี่ แล้วนั่นก็หัวตุ๊กตา” ดงอุนบอก
ดูจุนก้มลงมองหมอนที่สวมชุดคคนไข้ในอ้อมกอดตัวเอง แล้วหันไปตาโตมองหัวตุ๊กตาที่จุนฮยองค่อย ๆ หยิบขึ้นมาดูชัด ๆ อีกครั้ง
“คึคึ ฮ่าฮ่า หัวตุ๊กตานั่น ฮีชอลฝากให้คุณแม่พามาให้เองแหละ”
ฮยอนซึงกับจุนฮยองหน้าหงายไปเพราะเสียรู้เด็ก ในขณะที่เสียงหัวเราะของสองปีศาจน้อยบนเตียงก็ดังเสียดแทงใจยูนดูจุนเป็นยิ่งนัก
ไอ้เด็กนี่!
“แล้วฮงกีไปไหนล่ะ” กีกวังถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้
“นั่นสิพี่ดูจุน” โยซอบหันไปถามดูจุนที่กำลังมองฮีชอลอย่างเข่นเขี้ยว จะว่าไปทุกคนก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท
“ฮงกีออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วฮะ คุณพ่อมาฮงกีใส่เก้าอี้มีล้อไปเดินเล่น” คำตอบของอูยองสร้างความแปลกใจให้ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
++++ Hide and Seek ++++
ซูยัง....
แววตาเข้มของซึงโฮทอดมองฮงกีที่นั่งป่ายมือไปมาอยู่กลางสวนที่จัดเอาไว้ได้บรรยากาศผ่อนคลาย เขาตั้งใจมาเยี่ยมแต่เช้าเพื่อพาเด็ก ๆ ออกมาตากลมเพราะคิดว่าการเล่นกันอยู่แต่ในห้องมันอุดอู้ อูยองและฮีชอลไม่ยอมตามมาด้วยเพราะเห็นว่าในห้องคนไข้เป็นโลกใหม่ที่ไม่เคยเจอ ผิดกับฮงกีที่ตาวาววับทันทีเมื่อถูกชักชวน
“คุณลุงซึงโฮฮะ”
ซึงโฮเดินเข้าไปหาลูกชายของซูยังเมื่อถูกเรียก
“ว่าไง” เขาทรุดตัวลงนั่งแล้วถามขึ้น
“นี่ฮะ ของขวัญ”
พ่อของอูยองผงะไปเมื่อฮงกียื่นมือที่ถือช่อใบไม้มาให้
“ขอบคุณที่พาฮงกีลงมาเที่ยวฮะ ฮงกีขอให้ป๊ะป๋าโยซอบพามาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ป๊ะป๋าไม่ยอม บอกว่าดึกแล้ว”
ซึงโฮยื่นมือไปรับของขวัญชิ้นนั้นมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่น่าประหลาดใจ เม้มปากมองหน้าเด็กน้อยอย่างรู้สึกผิดในความเป็นพ่อที่ไม่ยอมแสดงตัวได้
ฉันสัญญากับตัวเองและครอบครัวไว้แล้ว ลูกของฉันจะมีแค่อูยอง
จางซึงโฮรู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดเข้ามา ความไร้เดียงสาของเด็กห้าขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้เขาต้องน้ำตาคลอเบ้า ซึงโฮลูบเรือนผมที่พริ้วไสวเพราะแรงลมของฮงกีให้เข้าที่ ลูกชายของซูยังกำลังยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ร่างสูงยิ้มให้บาง ๆ แล้วเข็นรถเข็นให้ฮงกีได้ชมบรรยากาศของสวนจนทั่ว
แต่ฉันจะดูแลเธอเท่าที่ฉันจะทำได้ก็แล้วกัน อีฮงกี
ซึงโฮคิดว่าเขาคงทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ไม่ว่าเขาพยายามแค่ไหน แต่อีซูยังก็รักเพียงแค่ยูนดูจุนเท่านั้น ดังนั้นการให้ฮงกีอยู่ในฐานะลูกของดูจุนถือเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าสมควรที่สุด
“ป๊ะป๋าตื่นแล้วเหรอฮะ”
ซึงโฮหยุดเดินเมื่อพบโยซอบและคนอื่น ๆ ที่จัดการล้างหน้าเปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยแล้วยืนรออยู่ด้านหน้า ฮยอนซึงอุ้มอูยองยืนอยู่หลังจุนฮยองที่มีฮีชอลอยู่นั่งอยู่บนไหล่
“ฉันกลับล่ะ” ซึงโฮส่งมอบให้โยซอบจับรถเข็นของฮงกีไว้แล้วบอกตัดบทเมื่อเห็นฮยอนซึงเดินเข้ามาใกล้
“อูยองกลับพร้อมพ่อเลยไหม หรือจะอยู่เล่นกับฮงกีก่อน”
เมื่ออูยองพยักหน้ารัวตอบตกลงคำถามที่สองที่เขาถาม ซึงโฮก็ก้มหน้าเดินออกจากตรงนั้นทันที
ฮยอนซึงเห็นดังนั้นก็รีบวางอูยองลงข้าง ๆ รถเข็นของฮงกีแล้ววิ่งตามพี่ชายออกไป กีกวังรีบเข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอูยองยืนเพราะถูกทิ้งลงกระทันหัน ในขณะที่ดูจุนและดงอุนแกล้งทำตัวไม่มีตัวตน
“เดี๋ยวพี่ซึงโฮ อยู่ต่ออีกหน่อยสิ” ฮยอนซึงเอ่ยขึ้นเมื่อวิ่งตามมาทันพี่ชาย
“พี่ไม่กล้าสู้หน้านาย....” คนเป็นพี่หยุดเดินแล้วตอบกลับโดยไม่มองหน้าฮยอนซึง
“แต่พี่ซึงโฮ” ฮยอนซึงพยายามจะรั้งพี่ชายไว้
“อย่าโทษตัวเองเรื่องซูยัง” ซึงโฮพูดขึ้น ใบหน้ายังคงมองทอดยาวไปทางอื่น “ไม่ว่าจะมีเรื่องนายหรือไม่ พี่ก็คงทำอย่างนั้นกับซูยังอยู่ดี” เขากล่าวคำอธิบายโดยปราศจากคำถาม
“ทุกอย่างมันเกิดจากความเลวของพี่….พี่กลับล่ะ”
ซึงโฮพูดในสิ่งที่เขาติดค้างกับน้องชาย ไม่อยากให้ฮยอนซึงต้องโทษตัวเองเพราะสิ่งที่เขาอ้างมาตลอด เขาทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ตัว ถึงจะมีเรื่องของฮยอนซึงมาเกี่ยวข้อง แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอมาตั้งแต่แรก
ฮยอนซึงพูดอะไรไม่ออก คำพูดของซึงโฮเหมือนเป็นการปลดปล่อยตัวเขาออกจากกรงมืดแห่งการโทษตัวเอง เขามองแผ่นหลังพี่ชายที่เดินจากไปเงียบ ๆ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักที่สองพี่น้องจะสามารถมองหน้ากันได้เหมือนเดิม เพราะตอนนี้ซึงโฮได้เดินเข้าไปอยู่ในกรงขังนั้นแทนฮยอนซึงแล้ว....กรงขังแห่งความรู้สึกผิด
“เล่นโป้งแปะกันเถอะ” เสียงฮีชอลดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฮยอนซึงหันกลับไปมองที่กลุ่มเพื่อน
“แต่ฮงกียังเจ็บอยู่นะ” ฮงกีท้วงขึ้น อยู่บนรถเข็นแบบนี้จะเล่นได้ยังไงล่ะ
“งั้นพวกเราอยู่ทีมเดียวกัน ฮีชอล อูยองแล้วก็ฮงกี” เด็กตาโตชี้นิ้วไปที่เพื่อนและตัวเอง “ส่วนคุณพวกลุงดูจุนเป็นคนซ่อนนะ ฮีชอลจะเข็นเก้าอี้ติดล้อนี่เอง” จากนั้นก็ทำการจัดสรรทีมเสร็จสรรพ
“อูยองด้วย เข็นด้วย”
ฮยอนซึงยิ้มมองหลานชายที่อยากทำอะไรเหมือนเพื่อนไปทุกครั้ง ร่างบางเดินกลับมาเข้ากลุ่มอีกครั้ง
“ไม่ได้ อูยองต้องคอยหา ฮีชอลเข็น ส่วนฮงกีเป็นคนโป้ง” เอาเป็นว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน จงเชื่อฟังคิมฮีชอล
“ถ้าพวกคุณลุงดูจุนแพ้ ต้องเลี้ยงเบอร์กอร์พวกเรา 10 มื้อด้วย” แล้วฮีชอลก็ยังฉลาดขนาดกำหนดของรางวัลอีกด้วย
“ฮีชอลเก่งจังเลย ฮงกีอยากจะเก่งให้เหมือนสักครึ่งของฮีชอลจัง” ฮงกีที่นั่งฟังอยู่ปรบมือชื่นชมเพื่อนตาโตออกมาอย่างเปิดเผย เด็กน้อยก็อยากเล่นอยู่หรอกโป้งแปะน่ะ แต่เพราะตัวเองยังเจ็บอยู่ก็เลยคิดว่าจะอดเสียแล้ว
“อย่านะ!”
เสียงผู้ใหญ่ทุกคนดังแทบจะพร้อมกันเป็นเสียงเดียว แต่เสียงของดูจุนฟังจะชัดเจนที่สุด เขายิ้มแหยให้กับฮงกีเมื่อเด็กน้อยเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ พลางคิดในใจคิด...อย่าแม้แต่จะเก่งให้เหมือนสักเสี้ยวเดียวนะฮงกี
พวกผู้ใหญ่ต่างกันมองกันเองโดยไม่รู้จะตอบคำถามจากสายของเด็ก ๆ ได้ยังไง ฮงกีกับอูยองน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ฮีชอลที่หรี่ตามองอย่างสงสัยในเสียงห้ามปรามเป็นพิเศษนี่ดูจะฉลาดเกินเด็กไปหน่อยแล้ว.....ให้ตายสิ คิมฮยอนฮาเลี้ยงลูกด้วยอะไร
“หน่ะ นับเลยฮงกี” ดูจุนพูดออกมาเลิ่กลั่กหาทางรอด เอาเป็นว่าเล่นก็เล่นเถอะ
พอดูจุนตอบตกลงถือว่าเป็นเสียงตอบแทนคนอื่น ๆ ไปด้วย เด็กทั้งสามก็หลับตาแล้วนับถอยหลังอัตโนมัติ
10
9
.
.
“มานี่เลย” ดูจุนที่ดูมีสติอย่างไม่น่าเชื่อรีบทำเนียนปลดมือโยซอบออกจากรถเข็นแล้วไปหาที่ซ่อนด้วยกัน
“ไปล่ะเหวย” ส่วนดงอุนก็รีบฉุดแขนกีกวังไปอีกทาง
“ไปเถอะ” ตามด้วยจุนฮยองที่ดันหลังฮยอนซึงไปด้วยกัน
++++ Hide and Seek ++++
“นี่นาย ตรงนี้จะรอดเหรอ” กีกวังถามดงอุนเสียงเบาเพื่อกันไม่ให้พวกฮงกีได้ยิน เสียงเก้าอี้ติดล้อดังขึ้นไกล ๆ
“เอาน่า...เชื่อมือ” ดงอุนตอบกลับอย่างมั่นใจ
ทั้งสองคนหลบอยู่ตรงกลางของพุ่มไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบเป็นวงกลม นั่งชันเข่าหันหน้าเข้าหากัน ยิ่งได้ยินเสียงอะไรใกล้เข้ามาทั้งคู่ก็ยิ่งหุบปากเงียบกริบจ้องหน้ากันเอง
“คิก...นี่เราทำอะไรกันอยู่เนี่ย” กีกวังขำเมื่อเริ่มตลกในตัวเอง โตตั้งเท่านี้แล้วมาเล่นอะไรแบบนี้
“เงียบ ๆ สิ” ดงอุนปราม
เสียงเด็กทั้งสามดังเจื้อยแจ้วมาใกล้ขึ้น ดงอุนรีบดึงกีกวังเข้ามาใกล้แล้วเอนตัวลงนอนแอบให้มิดชิดขึ้น กีกวังตกใจหัวใจทำงานหนักอีกครั้ง ย้อนนึกถึงสิ่งที่ร่างสูงบอกเมื่อคืนนี้ เขามองหน้าอีกคนนิ่งงัน
ดงอุนมองตอบด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่อาจอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกันได้ เขาและกีกวังพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ยังไงกัน จากคนที่คลั่งไคล้ฮยอนซึงอย่างสุดใจ เข้ามาทำความรู้จักกับกีกวังเพื่อหวังผล ตีสนิทจนพ่อของอีกฝ่ายไว้ใจ และตอนนี้ก็อยากเป็นคนที่ดูแลผู้ชายคนนี้ในฐานะคนรัก
“โป้ง!……ป๊ะป๋ากีกวังกับคุณอาดงอุน”
ก่อนที่ดงอุนจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ซนดงอุนและอีกีกวังก็ถูกหาเจอจนได้
++++ Hide and Seek ++++
“นั่งได้ไหมคุณนายจาง พิงฉันก็ได้นะ” จุนฮยองบอกกับฮยอนซึงที่ยืนชะเง้อมองไปด้านนอกที่ซ่อน
พวกเขาค่อย ๆ เดินหาที่ที่เหมาะสมจนพบซอกเล็กของตึกคนไข้ที่อยู่ติดกับสวนพักผ่อน จุนฮยองนั่งลงบนพื้นแล้วพิงกำแพงอย่างปล่อยตัว ไม่ได้จริงจังกับการเล่นเท่าร่างบางที่กำลังระแวดระวังกลัวเด็ก ๆ จะหาเจอเหลือเกิน
ฮยอนซึงก้มมองจุนฮยองที่ดึงมือตัวเองเบา ๆ ร่างบางทรุดลงนั่งข้าง ๆ แล้วเอนหัวลงพิงอีกคน รู้สึกอิ่มใจที่ได้อยู่กับจุนฮยองแบบนี้ นึกย้อนกลับไปเมื่อวันก่อนที่เขาทนทุกข์ใจอยู่แล้วมันต่างกับตอนนี้ลิบลับ
“นี่จุนฮยอง”
คนที่ถูกใช้เป็นที่พิงยกแขนขึ้นโอบกอดร่างบางทางด้านข้างเป็นการตอบรับว่าได้ยินที่อีกคนเรียก
“ฉันขอโทษนะ ที่คิดจะกับเลิกนาย” ฮยอนซึงรู้สึกผิดเมื่อนึกถึงข้อความที่ตนพิมพ์ขึ้น แต่ถูกส่งไปด้วยมือของพี่ชาย
“ไม่หรอก ฉันเข้าใจ” จุนฮยองตอบกลับ จากนั้นก็ตามด้วยประโยคยอมรับความจริงที่ว่า “ฉันผิดเอง” เขาไม่โทษฮยอนซึงเลย ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดจากการที่เขาเอาแต่ปิดบังความจริง ถ้าฮยอนซึงจะผิดหวังในตัวเขามันก็ไม่แปลก
“แต่นายปิดเพราะนาย......รักฉันนี่”
“ถูกต้องที่สุด” จุนฮยองตอบด้วยรอยยิ้ม ยกแขนขึ้นลูบหัวฮยอนซึงอย่างแผ่วเบา
“แล้วถึงนายจะบอกเลิกฉัน ฉันก็ไม่ยอมเลิกอีกแน่”
ร่างสูงกล่าวยืนยันถึงความรู้สึกของตัวเอง เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ฮยอนซึงต้องหลุดมือแล้วกลายสภาพเป็นเพื่อนอีก สำหรับเขาแล้ว จางฮยอนซึงต้องอยู่ในฐานะ’คนรัก’เท่านั้น
จุนฮยองก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากของคนรักอย่างเอาใจ ทั้งคู่นั่งอิงซบกันอย่างมีความสุข ในที่สุดจุนฮยองและฮยอนซึงก็ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องเลิกกันถึง 5 ปี และในที่สุดฮยอนซึงก็รู้ทุกอย่าง นั่นทำให้จุนฮยองไม่ต้องมีความลับกับร่างบางอีกต่อไป หลังจากนี้จะไม่มีเหตุผลไหนที่จะสามารถทำให้พวกเขาต้องแยกจากกันได้อีก
“ฮงกี ฮีชอล ตรงนี้ ๆ”
ฮยอนซึงหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ปล่อยอารมณ์ซึมซับไออุ่นจากจุนฮยองโดยไม่สนใจเสียงของอูยองที่ดังขึ้น
“โป้ง! คุณอาฮยอนซึงกับคุณอาจุนฮยอง”
แล้วทั้งสองก็ถูกพบ
++++ Hide and Seek ++++
“พี่ดูจุน เหมือนว่าจะเหลือแต่คู่เราแล้ว” โยซอบพูดขณะที่แอบมองผ่านช่องทางที่มองเห็นพวกกีกวังเดินตามหลังกลุ่มสามก๊กน้อยอยู่
“นั่นสิ เจ้าพวกนั้นซ่อนยังไงให้หาง่ายขนาดนั้นเนี่ย” ดูจุนที่แอบดูอย่เช่นกันกล่าวเย้ยหยันผู้แพ้ทั้งหลายที่ถูกพบ
“พี่พูดยังกับพี่เก่งนักล่ะ”
“แน่นอนว่าฉันเก่ง.....โดยเฉพาะตอนหานี่ล่ะเก่งนัก ดูอย่างที่นายพาฮงกีไปแอบสิ พวกฉันยังหาเจอเลย”
“ส่วนผมก็ไม่เก่งเรื่องแอบสินะครับ พี่ถึงหาเจอ”
สิ่งที่ดูจุนพูดทำให้โยซอบนึกยิ้มขำ ใช่สิ ทั้งที่เขาตั้งใจนำฮงกีมาซ่อยให้ห่างจากพ่อของเด็กน้อย แต่สุดท้ายพวกดูจุนก็หาเจอจนได้ ถึงดูจุนจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของฮงกี แต่บทสรุปของมันก็ทำให้ฮงกีได้พบกับซึงโฮอยู่ดี
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ที่ฉันหานายเจอ ทั้งนาย ทั้งฮงกี”
ดูจุนกล่าวแล้วหันมาสบตาโยซอบกรุ้มกริ่ม การตามหาฮงกีทำให้เขาพบคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนที่ทำให้เขาหลุดจากภาวะจิตตกเพราะเด็กเล็ก คนที่เขาลงทุนถึงขนาดไปขโมยฮงกีมา ว่ากันตามตรง เขายังไม่ไปรับการลงโทษจากคุณนายยงด้วยซ้ำที่ไปทำเรื่องรับรองฮงกีเป็นลูกตัดหน้าแม่ของจุนฮยองที่อยากอุปการะอยู่ก่อนนี้
โยซอบสบตาตอบ คนตัวเล็กเดินเข้าไปกอดดูจุนหลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม
“ขอบคุณนะครับที่ตามหาฮงกี”
ดูจุนกอดตอบโยซอบ ก้มมองอีกคนอย่างรู้สึกดีในวิธีการขอบคุณ โยซอบใช้นิ้วไต่ไปบนแนวรังดุมชวนให้คนตัวโตตาวาวเพราะเริ่มรู้สึกเสน่หาขึ้นมาหน่อยแล้ว ร่างหนากอดรัดป๊ะป๋าของฮงกีเขาหาตัวมากขึ้น เขาก้มลงหอมที่เรือนผมแล้วไล่ลงมาที่ข้างแก้ม
“แต่พี่รู้หรือเปล่า.....” โยซอบที่หลับตายอมให้อีกคนสูดความหอมจากตัวกล่าวขึ้น “.....มันนานนะ กว่าฮงกีจะโตเป็นผู้ใหญ่”
เอ่อะ
ดูจุนชะงักไป ผละจมูกเป็นสันออกจากพวงแก้มใสพลางนึกถึงมิติที่ตัวเองล่องลอยไปเมื่อคืน แค่คิดก็สยองแล้ว คงเพราะเจอเด็กทีเดียวสามคน แม้แต่โยซอบก็ยังพยุงสติเขาไว้ไม่อยู่ ร่างสูงก้มมองโยซอบแล้วต้องหรี่ตาลงอย่างสงสัยเมื่อก้มลงมองเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มที่คนในอ้อมกอดส่งมา
“นี่นายแซวฉันเหรอ” ดูจุนถามเมื่อเริ่มรู้ตัว
“ฮ่าฮ่า” โยซอบระเบิดขำออกมาก๊อกใหญ่ ชอบจริง ๆ ที่เห็นดูจุนมีอาการกลัวเด็ก สมน้ำหน้าแล้วล่ะ เป็นแบบนี้แล้วยังกล้ามารักฮงกีเป็นลูกอีก
“เดี๋ยวเถอะ” ดูจุนเตือนอีกคนอย่างหมั่นไส้ ได้ทีแล้วแกล้งกันใหญ่เชียว
“อ๊ะ....เอ่อ ขอโทษครับ แห่ะ”
ดูจุนดันโยซอบเข้าติดกำแพงแล้วมองตาอย่างมีเลศนัย คนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเข้าใจความหมายแล้วรีบขอโทษเป็นการใหญ่ ดูจุนใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากบางแล้วไล้ลงไปตามลำคอ เคลื่อนลงมาผ่านหน้าอก สะดือ จนมาหยุดที่หูกางเกง ถึงจะเป็นสัมผัสที่ผ่านชั้นเสื้อผ้า แต่ก็ทำเอาโยซอบถึงกับต้องกัดปากด้วยความสะท้าน ดูจุนก้มลงกระซิบที่ข้างหูด้วยประโยคที่ทำให้โยซอบต้องตาโต
“ฉันว่า...พวกนั้นหาเราไม่เจอหรอก....เรามาทำอย่างอื่นกันดีกว่า”
ดูจุนไม่พูดเปล่า เขายกตัวโยซอบขึ้นไปวางบนพื้นที่ราบนุ่ม โดยมีเขาปีนขึ้นไปนอนเบียดอีกที ดวงตาแห่งความมุ่งมั่นจ้องมองเข้าไปถึงดวงใจส่วนลึกของโยซอบที่ขืนตัวอยู่พอเป็นพิธีเพื่อเป็นการบอกว่าจะไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้อีกคนบ่ายเบี่ยงไปไหนได้
“อื้อ.....”
โยซอบต้องรีบผลักอกดูจุนออกเมื่อคนตัวโตรุกหนักขึ้นด้วยการเบียดใบหน้าเข้ามาขโมยจูบแบบอย่างเอาแต่ใจ
“อย่าสิพี่ดูจุน เราเล่นซ่อนแอบกันอยู่นะ” ร่างเล็กตาใช้สายตาปรามอีกคนให้รู้ตัวว่าตอนนี้พวกเขากำลังเล่นเกมอยู่กับพวกของฮงกี
“น่า....พวกนั้นหาไม่เจอหรอก” ดูจุนอ้อน
“บ้าเหรอ....ในห้องพักคนไข้เนี่ยนะ”
คงอีกนานกว่าสามก๊กน้อยหาพวกเขาเจอ ในเมื่อเกมนี้เริ่มเล่นกันที่สวนข้างล่างนั้น ใครจะคิดว่ายูนดูจุนจะมีจะสมองเจิดจรัสชักชวนโยซอบกลับขึ้นมาหลบที่ห้องพักคนไข้ของฮงกีแทน
ยูนดูจุนอาจมีอัจริยภาพในการเล่นซ่อนแอบแฝงอยู่ ไม่ว่าจะในฐานะผู้หาและผู้ซ่อน
ป๊ะป๋าโยซอบกับคุณเทวดาอยู่ไหนอ่ะ?
{END}
ขอได้รับความขอบคุณ
จาก
Hide and Seek: หัวใจโป้งแปะ
++++ Hide and Seek ++++
TALK
ปุ่งๆๆๆๆ *จุดพรุ*
25/03/2014 จบแล้วในที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคน ทุกวิวที่เข้ามา ทุกคอมเม้นต์ที่ฝากไว้ ทั้งในบ้านบีสต์ เด็กดี และเอ๊กส์ทีน
ทุกคนล้วนแล้วแต่มีส่วนในฟิคฯเรื่องนี้ค่ะ เพราะกำลังใจจากผู้อ่านก็คือแรงขับเคลื่อนให้ดาวเขียนเรื่องนี้ได้จนจบค่ะ
ดาวเขียนเรื่องนี้นานเพราะหยุดเขียนไปเลยช่วงนึง รู้สึกผิดมากค่ะ กลับมาเขียนใหม่ก็รื้อพล็อตเก่าอยู่นานเหมือนกัน
แต่แรงฮึดมันมาตอนที่มีคนคอยเตือน คอยทวง และคอยให้กำลังใจ จนกระทั่งปั่นตอนจบออกมาได้
Next Station คือ rewrite เรื่องนี้ค่ะ เพราะมันเป็นพล็อตที่รักมาก ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด
แล้วสเปฯจะมีมาให้นะคะ หวังว่าคงอยากอ่านกัน ^^
รักโป้งแปะ
รักสามก๊กเดอะแก๊งค์
ปล. ฝาก That Time ไว้เป็นตัวเลือกด้วยนะคะ แพร์ริ่งชัดเจนคือดูซอบ แต่ที่ความจริงมันคือ.........???
{จิ้มไปยลแด๊ทไทม์กันนะคะ}
ความคิดเห็น