ลำดับตอนที่ #104
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #104 : อัน ยงจิน
ชื่อจริง-นามสกุล : อัน ยงจิน ( Ahn Yongjin )
ชื่อเล่น : ยงจิน ( Yongjin )
อายุ : 16
กรุ๊ปเลือด : A
ระดับชั้น : ม.3 ( ซ้ำชั้น )
คำพูดติดปาก : " ผมก็ไม่ได้อยากจะโกรธคุณหรอกครับ " " แกล้งคนนี่มันสนุกจังเลย~" " อย่าเพิ่งรบกวนผมนะครับ " " จะให้ผมวาดรูปหรือทำอะไรเหรอครับ ? " " อย่าถามผมเรื่องแบบนี้เลยครับ "
ลักษณะการพูด : " ขอโทษนะครับ แต่คุณน่ะ...โดนผมหลอกแล้วล่ะ "
" ยูจิน เธอว่าวันนี้ฉันควรจะแกล้งใครดีนะ~"
" อย่าทำให้ผมต้องโกรธสิครับ "
" ยูจิน เธอว่าวันนี้ฉันควรจะแกล้งใครดีนะ~"
" อย่าทำให้ผมต้องโกรธสิครับ "
รูปร่างหน้าตา : เด็กหนุ่มร่างบาง ตัวพอๆ กับแฝดน้อง แต่นั่นเพราะเขายังสามารถโตขึ้นได้อีกต่างหาก...ผิวขาวจนเรียกได้ว่าซีด ใบหน้าเรียวยาว เรือนผมสีบลอนด์สะอาดตาซอยสั้นที่ถูกจัดทรงแบบยุ่งๆ ยาวระคอ ด้วยเชื้อชาติเกาหลีใต้ในสายเลือด ทำให้เขาดูหน้าหวานๆ จนเหมือนกับตุ๊กตาสักหน่อย ดวงตาคมเหมือนกับกรีดอายไลน์เนอร์อยู่ตลอดเวลา จมูกไม่โด่งมาก ใบหูเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ มีปานสีฟ้าเป็นรูปหยดน้ำปรากฏที่แก้มขวาของเขา แม้เขาพยายามจะลบมันเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมออก ปกติปานไม่ได้เป็นสีแบบนี้ ทำให้เขาดูเหมือนกับตุ๊กตาตัวตลก และนั่นก็เป็นจุดเด่นบนใบหน้าอย่างนึง แต่ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นนัยน์ตาของเขา ที่ข้างซ้ายเป็นสีเหลืองอำพัน และข้างขวาเป็นสีม่วงอะเมธีส ดวงตาทั้งสองเป็นสีที่ให้ความรู้สึกกลางๆ ไม่ไปทางโทนอุ่นและโทนเย็นเกินไป แต่มองนานๆ ก็แอบหลอนอยู่พอสมควร ด้วยดวงตาสองสีที่ตรงข้ามกันในวงจร ทำให้มันดูแปลกไปจากคนอื่นๆ ที่มีสีดวงตาเพียงสีเดียว
ส่วนสูง : 170
น้ำหนัก : 48
ฐานะ : อืม...จะอธิบายยังไงดี...เอาเป็นว่า ครอบครัวที่ให้กำเนิดคู่แฝดมาเนี่ย มีฐานะยากจน พ่อทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง แม่ทำงานเป็นลูกเรือของเรือโดยสารลำหนึ่ง ส่วนครอบครัวที่รับเลี้ยงทั้งคู่หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิต มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย พ่อเลี้ยงทำงานเป็นนักการทูตชาวอเมริกา ส่วนแม่เลี้ยงทำงานเป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ ลูกครึ่ง เกาหลีใต้ - จีนละกัน
ประวัติส่วนตัวคร่าวๆ : แต่เดิม ทั้งยงจินและยูจินเกิดมาในครอบครัวชาวเกาหลีใต้ที่มีฐานะอยู่ในระดับค่อนข้างยากจน ดวงตาสองสีของพวกเขาที่มีติดตัวตั้งแต่เกิดมามันผิดแปลกไปจากคนทั่วไป อีกทั้งพ่อและแม่ก็ไม่ได้มีสีดวงตาแบบนั้น ทำให้พ่อแม่มองว่าทั้งสองแฝดเป็นตัวประหลาดและรังเกียจราวกับไม่ใช่ลูกของตัวเอง แล้วเพราะพ่อแม่รังเกียจ จึงคิดจะเลี้ยงลูกแฝดให้โตพอสมควรก่อน แล้วจึงนำไปขายให้กับเศรษฐีรวยๆ ตัวเองจะได้ร่ำรวยมีเงินใช้เสียที แล้วยิ่งดวงตาที่แปลกประหลาดของเด็กแฝดด้วยแล้ว คงจะยิ่งได้เงินเยอะไม่น้อย แต่เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
แม้จะไปโรงเรียน ทั้งคู่ก็ยังไม่วายโดนเพื่อนในห้องกลั่นแกล้งล้อเลียนเรื่องดวงตาสองสีของพวกเขา โดนหาว่าเป็นตัวประหลาดบ้าง โดนหาว่าเป็นตัวกาลกิณีบ้าง บางครั้งก็โดนรุมทำร้ายเพียงเพราะหมั่นไส้ที่ดวงตาของพวกเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ ฝาแฝดไม่อาจที่จะโต้ตอบอะไรได้เลย แรงของคนสองคนหรือจะสู้แรงของกลุ่มเพื่อนในห้องที่มีกว่าห้าคนขึ้นไปได้ยังไงกันล่ะ พวกเขาจึงเก็บกด สะสมความแค้นใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจ และความเครียดกังวลไปเรื่อยๆ
เนื่องจากแม่ต้องออกเรือไปบ่อยๆ ทำให้ไม่ได้อยู่กับครอบครัวหลายวัน นานๆ กลับที มีเพียงพ่อที่ทำงานก่อสร้างและกลับมาที่บ้านทุกๆ วัน ทำให้เวลาสองแฝดเครียดหรือกังวลใจ ก็ไปปรึกษากับพ่ออยู่เสมอ โดยก็ยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว พ่อแม่คิดยังไงกับพวกเขา
และแล้ว จุดสำคัญก็มาถึง เรื่องเกิดขึ้นตอนที่ฝาแฝดอยู่ชั้นมัธยมต้นปีสาม เมื่อทั้งคู่ไม่อยากไปโรงเรียนอีกต่อไป ไปแล้วก็โดนกลั่นแกล้งรุนแรงอีก วันนั้นพ่อไปทำงานแต่เช้า จึงมีแค่พวกเขาและแม่ แม่พยายามจะไล่ให้ทั้งสองไปโรงเรียน แต่พวกเขาก็ไม่ไป โดยระบายถึงความรู้สึกในใจของตัวเอง แม่ได้ยินแบบนั้นก็บันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายทั้งคู่ด้วยแส้จนพวกเขาร้องไห้ลั่นบ้าน พร้อมกับด่าทอว่าเป็นพวกเนรคุณ แปลกประหลาด ไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้ และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นการซ้ำเติมจากเพื่อนที่โรงเรียนอีกที แม่เฆี่ยนด้วยแส้จนพวกเขาต้องจำใจยอมไปโรงเรียนอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อไปถึง ก็ยังโดนพวกเพื่อนล้ออีก ทั้งยังจับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด พอพวกเพื่อนๆ เห็นบาดแผลโดนทำร้าย ก็ยังหัวเราะเยาะล้อเลียน แล้วก็ช่วยเพิ่มรอยเข้าไปอีก ในที่สุด ทั้งสองก็ทนไม่ไหว เอาคืนเพื่อนกลุ่มนั้นด้วยโต๊ะเก้าอี้ คัตเตอร์ และของอื่นๆ ใกล้ตัวจนปางตาย ต้องส่งเข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถว ทางโรงเรียนเรียกพ่อแม่มาคุยเป็นการใหญ่ในวันนั้น
แล้วคืนนั้นเอง พ่อแม่ก็เกิดมีปากมีเสียงทะเลาะกัน ด้วยความที่ฝาแฝดปรึกษากับพ่ออยู่บ่อยๆ ทำให้พ่อเริ่มเกิดสงสารลูกตัวเองขึ้นมาทีละนิดๆ จนเปลี่ยนใจไม่อยากขายลูกของตน แม่ก็อยากจะจับทั้งสองไปขายตอนนี้เลย เพราะนี่พวกเขาก็อยู่ชั้นมอสามแล้ว อีกทั้งยังสร้างปัญหาให้กับโรงเรียนด้วย แม่จึงเรียกตัว ( เรียกว่าจิกหัวลากมาจะดีกว่า ) ทั้งสองมาอยู่ในเหตุการณ์ ทะเลาะกันรุนแรงมาก จนทั้งพ่อและแม่แขนขาหักหัวแตกเลือดอาบสาหัส ในที่สุด แม่ก็ใช้มีดแทงพ่อจนเสียชีวิตแทบจะทันที ก่อนจะจุดไฟเผาบ้านหวังจะให้ตายกันยกครอบครัว สองฝาแฝดที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็เกือบจะไปไม่เป็น พวกเขาหาทางเอาตัวรอดกันอย่างชุลมุน ไม่ช่วยแม่ที่รังเกียจแม้กระทั่งลูกในไส้ตัวเอง จนในที่สุดพวกเขาก็หนีออกจากบ้านที่เกิดไฟไหม้ได้ แล้วก็สลบลงไปบริเวณบ้านหลังหนึ่ง
โชคดีที่วันต่อมา หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ มาสำรวจดูบ้านหลังนั้นพอดี จึงเจอกับทั้งสองที่นอนสลบอยู่ เธอพาพวกเขามาอยู่ในบ้าน ( คงต้องเรียกคฤหาสน์แล้วล่ะมั้ง ) อันแสนหรูหราก่อนจะถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฟื้นมาแล้ว เมื่อเธอรู้เรื่องทั้งหมด จึงตัดสินใจกับสามีชาวอเมริการับทั้งสองมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมทันที นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเสียที เนื่องจากทั้งคู่ยังคงหวาดระแวงจากเรื่องในครอบครัวไม่หาย พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงจึงให้ทั้งสองบำบัดสุขภาพจิตกับจิตแพทย์ก่อนจนจิตใจเริ่มอยู่ในสภาพเกือบปกติในอีกเกือบปีต่อมา หลังจากนั้น พวกเขาก็ถูกส่งมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยเรียนมอสามอีกปีหนึ่งเพราะที่โรงเรียนเก่า พวกเขายังไม่ทันจบมอสามก็เกิดเรื่องเสียก่อน ทุกวันนี้ ทั้งสองก็มีความสุขดีกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก็ยังจำเรื่องราวเลวร้ายในอดีตได้ดีไม่มีวันลืม
แม้จะไปโรงเรียน ทั้งคู่ก็ยังไม่วายโดนเพื่อนในห้องกลั่นแกล้งล้อเลียนเรื่องดวงตาสองสีของพวกเขา โดนหาว่าเป็นตัวประหลาดบ้าง โดนหาว่าเป็นตัวกาลกิณีบ้าง บางครั้งก็โดนรุมทำร้ายเพียงเพราะหมั่นไส้ที่ดวงตาของพวกเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ ฝาแฝดไม่อาจที่จะโต้ตอบอะไรได้เลย แรงของคนสองคนหรือจะสู้แรงของกลุ่มเพื่อนในห้องที่มีกว่าห้าคนขึ้นไปได้ยังไงกันล่ะ พวกเขาจึงเก็บกด สะสมความแค้นใจ ความน้อยเนื้อต่ำใจ และความเครียดกังวลไปเรื่อยๆ
เนื่องจากแม่ต้องออกเรือไปบ่อยๆ ทำให้ไม่ได้อยู่กับครอบครัวหลายวัน นานๆ กลับที มีเพียงพ่อที่ทำงานก่อสร้างและกลับมาที่บ้านทุกๆ วัน ทำให้เวลาสองแฝดเครียดหรือกังวลใจ ก็ไปปรึกษากับพ่ออยู่เสมอ โดยก็ยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว พ่อแม่คิดยังไงกับพวกเขา
และแล้ว จุดสำคัญก็มาถึง เรื่องเกิดขึ้นตอนที่ฝาแฝดอยู่ชั้นมัธยมต้นปีสาม เมื่อทั้งคู่ไม่อยากไปโรงเรียนอีกต่อไป ไปแล้วก็โดนกลั่นแกล้งรุนแรงอีก วันนั้นพ่อไปทำงานแต่เช้า จึงมีแค่พวกเขาและแม่ แม่พยายามจะไล่ให้ทั้งสองไปโรงเรียน แต่พวกเขาก็ไม่ไป โดยระบายถึงความรู้สึกในใจของตัวเอง แม่ได้ยินแบบนั้นก็บันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายทั้งคู่ด้วยแส้จนพวกเขาร้องไห้ลั่นบ้าน พร้อมกับด่าทอว่าเป็นพวกเนรคุณ แปลกประหลาด ไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้ และอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นการซ้ำเติมจากเพื่อนที่โรงเรียนอีกที แม่เฆี่ยนด้วยแส้จนพวกเขาต้องจำใจยอมไปโรงเรียนอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อไปถึง ก็ยังโดนพวกเพื่อนล้ออีก ทั้งยังจับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด พอพวกเพื่อนๆ เห็นบาดแผลโดนทำร้าย ก็ยังหัวเราะเยาะล้อเลียน แล้วก็ช่วยเพิ่มรอยเข้าไปอีก ในที่สุด ทั้งสองก็ทนไม่ไหว เอาคืนเพื่อนกลุ่มนั้นด้วยโต๊ะเก้าอี้ คัตเตอร์ และของอื่นๆ ใกล้ตัวจนปางตาย ต้องส่งเข้าโรงพยาบาลกันเป็นแถว ทางโรงเรียนเรียกพ่อแม่มาคุยเป็นการใหญ่ในวันนั้น
แล้วคืนนั้นเอง พ่อแม่ก็เกิดมีปากมีเสียงทะเลาะกัน ด้วยความที่ฝาแฝดปรึกษากับพ่ออยู่บ่อยๆ ทำให้พ่อเริ่มเกิดสงสารลูกตัวเองขึ้นมาทีละนิดๆ จนเปลี่ยนใจไม่อยากขายลูกของตน แม่ก็อยากจะจับทั้งสองไปขายตอนนี้เลย เพราะนี่พวกเขาก็อยู่ชั้นมอสามแล้ว อีกทั้งยังสร้างปัญหาให้กับโรงเรียนด้วย แม่จึงเรียกตัว ( เรียกว่าจิกหัวลากมาจะดีกว่า ) ทั้งสองมาอยู่ในเหตุการณ์ ทะเลาะกันรุนแรงมาก จนทั้งพ่อและแม่แขนขาหักหัวแตกเลือดอาบสาหัส ในที่สุด แม่ก็ใช้มีดแทงพ่อจนเสียชีวิตแทบจะทันที ก่อนจะจุดไฟเผาบ้านหวังจะให้ตายกันยกครอบครัว สองฝาแฝดที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็เกือบจะไปไม่เป็น พวกเขาหาทางเอาตัวรอดกันอย่างชุลมุน ไม่ช่วยแม่ที่รังเกียจแม้กระทั่งลูกในไส้ตัวเอง จนในที่สุดพวกเขาก็หนีออกจากบ้านที่เกิดไฟไหม้ได้ แล้วก็สลบลงไปบริเวณบ้านหลังหนึ่ง
โชคดีที่วันต่อมา หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ มาสำรวจดูบ้านหลังนั้นพอดี จึงเจอกับทั้งสองที่นอนสลบอยู่ เธอพาพวกเขามาอยู่ในบ้าน ( คงต้องเรียกคฤหาสน์แล้วล่ะมั้ง ) อันแสนหรูหราก่อนจะถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฟื้นมาแล้ว เมื่อเธอรู้เรื่องทั้งหมด จึงตัดสินใจกับสามีชาวอเมริการับทั้งสองมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมทันที นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเสียที เนื่องจากทั้งคู่ยังคงหวาดระแวงจากเรื่องในครอบครัวไม่หาย พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงจึงให้ทั้งสองบำบัดสุขภาพจิตกับจิตแพทย์ก่อนจนจิตใจเริ่มอยู่ในสภาพเกือบปกติในอีกเกือบปีต่อมา หลังจากนั้น พวกเขาก็ถูกส่งมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ โดยเรียนมอสามอีกปีหนึ่งเพราะที่โรงเรียนเก่า พวกเขายังไม่ทันจบมอสามก็เกิดเรื่องเสียก่อน ทุกวันนี้ ทั้งสองก็มีความสุขดีกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก็ยังจำเรื่องราวเลวร้ายในอดีตได้ดีไม่มีวันลืม
ชมรม : ศิลปะ
อุปนิสัย : ยงจินเป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยของศิลปินอยู่ในตัวอย่างชัดเจน เขาชอบที่จะเข้าหาผู้คนโดยวิธีการกลั่นแกล้งรวมหัวกับน้องสาวฝาแฝด ร่าเริง รักสนุก ขี้เล่น เฮฮา เกรียน ( ยิ่งถ้าเจออาจารย์ที่ถูกใจจะเกรียนใส่หนักมาก ) ตัวแสบของโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรมากนอกจากสร้างความรำคาญใจ เป็นคนสุภาพ จะแกล้งคนก็ยังพูดจาดี สุภาพตามแบบคนกรุ๊ปเลือด A ใจเย็น โกรธยาก แต่ถ้าโกรธแล้ว เขาจะด่าแบบเชือดนิ่มๆ ไม่หลุดคำหยาบแต่เจ็บยิ่งกว่า แถมยังควบคุมยากด้วย อย่าให้เขาโกรธเลยจะดีที่สุด...เขาไม่ชอบให้ใครมากำหนดกฎเกณฑ์ให้ว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เพราะเขาชอบที่จะตั้งกฎให้ตัวเองมากกว่า เป็นพวกชอบใช้สมองซีกขวามากกว่าสมองซีกซ้าย อินดี้ ชอบนอกกรอบ ไม่ค่อยทำตามแบบที่คนอื่นๆ เขาทำกัน ( โดยเฉพาะเรื่องการทำรายงานเดี่ยว ส่วนใหญ่จะแค่ก็อปปี้เพสใส่เล่มเฉยๆ แต่หมอนี่จะวาดรูปตกแต่งลงไปบนหน้ารายงานทุกหน้า วาดแบบอลังซะด้วย หรือถ้าให้วิ่งแข่ง ส่วนใหญ่จะซอยเท้ารัวๆ วิ่งกัน แต่หมอนี่จะวิ่งเหมือนกับกระโดดไปข้างหน้า โบกแขนโบกมือประดุจเป็นสาวน้อยเริงร่าในทุ่งดอกไม้ เป็นต้น ) ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เขาก็จะมองมันลึกกว่าที่คนทั่วไปเห็นเสมอ ( บางทีก็คิดเป็นเรื่อง 18+ ทั้งที่ความจริงมันไม่มีอะไรในกอไผ่เลย ) ชอบการออกแบบ ชอบการทำงานศิลปะทุกชนิด ถ้าเป็นงานศิลปะ รับประกันได้เลยว่าเขาจะทำเสร็จแน่ๆ แต่ถ้าเป็นพวกวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ งานที่ต้องพึ่งตัวอักษรเยอะๆ คงต้องรอสักชาติหน้าตอนบ่ายๆ เขาถึงจะเสร็จล่ะนะ...( เพราะเขาจะชอบหลับก่อน ) เป็นแฝดพี่ที่ดูแลตัวเองได้ดีกว่าแฝดน้องที่เป็นผู้หญิง ตั้งแต่การกินพวกผักผลไม้ การออกกำลังกาย การมาสค์หน้า และอื่นๆ อีกมากมายจนผู้หญิงแท้อย่างยูจินก็ต้องอาย ซ้ำยังเกลียดอะไรเหมือนกับผู้หญิงอีก แต่เขาสุภาพบุรุษนะ รู้จักให้เกียรติสาวๆ เสมอ !
ภายนอก เขาเป็นเด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงก็จริง แต่ลึกๆ ในใจเขา เขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างคิดมาก ขี้กังวล ไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆ ( เพราะแบบนี้จึงพูดกับคนอื่นๆ นอกจากยูจิน ด้วยคำสุภาพเสมอ แต่ยังไง เขาก็เข้าหาทุกคนด้วยความจริงใจปนกลัวๆ ตลอดนะ ) ถ้าถามเรื่องครอบครัวหรือโรงเรียนเก่ากับเขา เขาจะร้องไห้ขึ้นมาทันที และเพราะเขาเคยโดนรุมแกล้งอย่างรุนแรงมาก่อนนี่แหละ ตอนมาเรียนที่นี่ เขาจึงเป็นฝ่ายไปแกล้งคนอื่นบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนั้นมาแกล้งเขารุนแรงแบบที่เพื่อนโรงเรียนเก่าทำนั่นเอง เขาไม่ค่อยอยากบอกเรื่องนี้กับใครนักหรอก ส่วนใหญ่เขาจะนิ่งเงียบไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าไม่ควรถามเขาในเรื่องนี้มากกว่า
ในเรื่องความรัก หากยงจินมีความรักแล้ว เขาจะคอยดูแลคนรักห่างๆ อย่างห่วงๆ เขาจะเป็นคนกำหนดมันเอง ว่าความรักของเขาควรเป็นแบบไหน เขาควรจะทำอะไรให้คนรัก และคนรักควรจะทำอะไรให้เขา เขาจะวาดรูปคนรักของเขาหลายรูปมาก...ทั้งแบบเสมือนจริงและแบบการ์ตูน หลายรูปจนเอาไปแปะผนังห้องนอนก็ไม่พอ เมื่อไหร่ที่เขาทะเลาะกับคนรัก เขาจะเป็นฝ่ายนิ่งเงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายวีนไป ไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้นจนกว่าฝ่ายนั้นจะหยุดเอง ชอบแกล้งคนรักชนิดที่น่ารักกว่าตอนแกล้งคนปกติ แอบชอบใครแล้วจะแอบไปแกล้งหรือแอบให้ของขวัญคนนั้นตลอด ( ถ้าให้ของขวัญ เขาจะไม่บอกว่าเขาเป็นคนให้ จะมีคำใบ้ให้หาเอาเอง ) วิธีการสารภาพรักของเขาจะไม่ค่อยเหมือนใคร รักใครรักนาน ไม่เปลี่ยนใจบ่อยเท่าไหร่นัก ใครจะได้หัวใจของเขาไปครองกันนะ ?
ภายนอก เขาเป็นเด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงก็จริง แต่ลึกๆ ในใจเขา เขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างคิดมาก ขี้กังวล ไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆ ( เพราะแบบนี้จึงพูดกับคนอื่นๆ นอกจากยูจิน ด้วยคำสุภาพเสมอ แต่ยังไง เขาก็เข้าหาทุกคนด้วยความจริงใจปนกลัวๆ ตลอดนะ ) ถ้าถามเรื่องครอบครัวหรือโรงเรียนเก่ากับเขา เขาจะร้องไห้ขึ้นมาทันที และเพราะเขาเคยโดนรุมแกล้งอย่างรุนแรงมาก่อนนี่แหละ ตอนมาเรียนที่นี่ เขาจึงเป็นฝ่ายไปแกล้งคนอื่นบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนั้นมาแกล้งเขารุนแรงแบบที่เพื่อนโรงเรียนเก่าทำนั่นเอง เขาไม่ค่อยอยากบอกเรื่องนี้กับใครนักหรอก ส่วนใหญ่เขาจะนิ่งเงียบไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าไม่ควรถามเขาในเรื่องนี้มากกว่า
ในเรื่องความรัก หากยงจินมีความรักแล้ว เขาจะคอยดูแลคนรักห่างๆ อย่างห่วงๆ เขาจะเป็นคนกำหนดมันเอง ว่าความรักของเขาควรเป็นแบบไหน เขาควรจะทำอะไรให้คนรัก และคนรักควรจะทำอะไรให้เขา เขาจะวาดรูปคนรักของเขาหลายรูปมาก...ทั้งแบบเสมือนจริงและแบบการ์ตูน หลายรูปจนเอาไปแปะผนังห้องนอนก็ไม่พอ เมื่อไหร่ที่เขาทะเลาะกับคนรัก เขาจะเป็นฝ่ายนิ่งเงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายวีนไป ไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้นจนกว่าฝ่ายนั้นจะหยุดเอง ชอบแกล้งคนรักชนิดที่น่ารักกว่าตอนแกล้งคนปกติ แอบชอบใครแล้วจะแอบไปแกล้งหรือแอบให้ของขวัญคนนั้นตลอด ( ถ้าให้ของขวัญ เขาจะไม่บอกว่าเขาเป็นคนให้ จะมีคำใบ้ให้หาเอาเอง ) วิธีการสารภาพรักของเขาจะไม่ค่อยเหมือนใคร รักใครรักนาน ไม่เปลี่ยนใจบ่อยเท่าไหร่นัก ใครจะได้หัวใจของเขาไปครองกันนะ ?
ของที่ชอบ :
อาหาร - อาหารเกาหลี ยิ่งรสเผ็ดๆ ยิ่งชอบ , อาหารมังสวิรัติ , อาหารเจ , น้ำผลไม้ , ปลา
สัตว์ - หมา แมว หนูแฮมสเตอร์ ปลา กระต่าย นก
สิ่งของ - พู่กัน สีทุกชนิด กระดาษ ผ้าใบ รูปปั้น ดินสอ ปากกา ยางลบ ดินน้ำมัน ( พูดง่ายๆ คือ อุปกรณ์ศิลปะ ) โรงเรียน
อาหาร - อาหารเกาหลี ยิ่งรสเผ็ดๆ ยิ่งชอบ , อาหารมังสวิรัติ , อาหารเจ , น้ำผลไม้ , ปลา
สัตว์ - หมา แมว หนูแฮมสเตอร์ ปลา กระต่าย นก
สิ่งของ - พู่กัน สีทุกชนิด กระดาษ ผ้าใบ รูปปั้น ดินสอ ปากกา ยางลบ ดินน้ำมัน ( พูดง่ายๆ คือ อุปกรณ์ศิลปะ ) โรงเรียน
ของที่เกลียด :
อาหาร - อาหารฟาสต์ฟู้ด , อาหารรสหวาน ( มันเลี่ยน ) , อาหารทอด ( อย่างน้อยที่สุดคือต้องย่าง ) , นม ( เพราะงี้ตัวถึงยังเท่าๆ แฝดน้องไ---) , หมูสามชั้น
สัตว์ - งู กิ้งก่า ปลาไหล ไส้เดือน หนูท่อ แมลงสาบ ( ช่างตรงข้ามกับแฝดน้องอย่างสิ้นเชิง )
สิ่งของ - รูปถ่ายครอบครัว ตัวอักษรเยอะๆ ( อ่านทีไรหลับทุกที ) สมุดของพวกกรรมการนักเรียน
อาหาร - อาหารฟาสต์ฟู้ด , อาหารรสหวาน ( มันเลี่ยน ) , อาหารทอด ( อย่างน้อยที่สุดคือต้องย่าง ) , นม ( เพราะงี้ตัวถึงยังเท่าๆ แฝดน้องไ---) , หมูสามชั้น
สัตว์ - งู กิ้งก่า ปลาไหล ไส้เดือน หนูท่อ แมลงสาบ ( ช่างตรงข้ามกับแฝดน้องอย่างสิ้นเชิง )
สิ่งของ - รูปถ่ายครอบครัว ตัวอักษรเยอะๆ ( อ่านทีไรหลับทุกที ) สมุดของพวกกรรมการนักเรียน
กลัว : เทเลทับบี้ ( ยงจิน : ไม่รู้จักเกม Slendytubbies รึไงกันครับ ! ดูหน้าพวกมันสิ ทำมาเป็นยิ้มใสๆ ซื่อๆ ร้องเพลงเริงร่าหลอกเด็ก ทั้งที่ความจริงมันหลอนชิบเลยนะครับ...) ไฟ ความมืด การถูกรังเกียจ การถูกนินทา ความรุนแรง ของมีคม
อธิบายเพิ่มเติม :
- ทั้งเขาและยูจินสามารถพูดภาษาเกาหลี อังกฤษ และจีนได้ ( ส่วนไทยกับญี่ปุ่นพูดได้มั้ย ขึ้นอยู่กับไรท์เลยค่ะ ) แถมยังสามารถพูดโน้มน้าวใจคนได้ด้วย ( พ่อเลี้ยงเป็นนักการทูตไง )
- ว่างๆ เขาและยูจินจะชอบไปแกล้งคนในโรงเรียนเสมอ
- หรือไม่ก็จะนั่งวาดรูป และปั้นเป็นรูปนู่นนี่นั่น ครั้งหนึ่งเคยแกะสลักปูนปลาสเตอร์ล้อเลียนใบหน้าของผอ.แล้วก็โดนกรรมการนักเรียนหักคะแนนในเวลาต่อมา
- ยงจินชอบที่จะคิดอยู่เสมอ ว่าถ้าเขาแกล้งแบบนี้ แต่ละคนจะมีปฏิกิริยายังไง และนั่นทำให้เขาสามารถคิดวิธีแกล้งได้หลายรูปแบบ
- ปกติคู่แฝดจะชอบทุกคน
- แต่ถ้าเกลียด จะเกลียดคนที่รุนแรงเกินเหตุ ขี้อิจฉา ไม่จริงใจ ชอบใส่ร้ายและทำร้ายคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล แบบ...อยู่ๆ ก็มาดักตีดักตบ
- ถ้าเขาเกลียดใคร ยูจินก็จะเกลียดเหมือนกัน
- แล้วพวกเขาก็จะกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงแบบไม่ได้แค่แกล้งขำๆ
- แต่ไม่ต้องห่วง ทั้งคู่มีความอดทนสูงจะตายไป
- ถ้าทั้งคู่เจอทะเล พวกเขาจะวิ่งไปเล่นอย่างไม่รีรอ พวกเขาชอบมันมากเลยล่ะ
- เพราะเขากับยูจินมีน้ำหนักส่วนสูงเท่ากัน ทั้งคู่จึงชอบสลับตัวกันบ่อยๆ เพื่อตบตาคนอื่นเล่น
- ถ้ายงจินเจอสิ่งที่เขากลัวมาอยู่ใกล้ๆ ตัว เขาจะร้องไห้โวยวายออกมา ( ประมาณว่า " ไม่เอานะครับ ! อย่าเอามันเข้ามาใกล้ผม ! ฮึกๆ ฮือออ " )
- เอาจริงๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยอะไรกับเรื่องความรักเท่าไหร่หรอก พวกเขาอยากจะเกรียนไปวันๆ มากกว่า แต่มีคู่รักคอยช่วยบรรเทาความทุกข์หน่อยก็จะดีมาก
- ทั้งเขาและยูจินสามารถพูดภาษาเกาหลี อังกฤษ และจีนได้ ( ส่วนไทยกับญี่ปุ่นพูดได้มั้ย ขึ้นอยู่กับไรท์เลยค่ะ ) แถมยังสามารถพูดโน้มน้าวใจคนได้ด้วย ( พ่อเลี้ยงเป็นนักการทูตไง )
- ว่างๆ เขาและยูจินจะชอบไปแกล้งคนในโรงเรียนเสมอ
- หรือไม่ก็จะนั่งวาดรูป และปั้นเป็นรูปนู่นนี่นั่น ครั้งหนึ่งเคยแกะสลักปูนปลาสเตอร์ล้อเลียนใบหน้าของผอ.แล้วก็โดนกรรมการนักเรียนหักคะแนนในเวลาต่อมา
- ยงจินชอบที่จะคิดอยู่เสมอ ว่าถ้าเขาแกล้งแบบนี้ แต่ละคนจะมีปฏิกิริยายังไง และนั่นทำให้เขาสามารถคิดวิธีแกล้งได้หลายรูปแบบ
- ปกติคู่แฝดจะชอบทุกคน
- แต่ถ้าเกลียด จะเกลียดคนที่รุนแรงเกินเหตุ ขี้อิจฉา ไม่จริงใจ ชอบใส่ร้ายและทำร้ายคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล แบบ...อยู่ๆ ก็มาดักตีดักตบ
- ถ้าเขาเกลียดใคร ยูจินก็จะเกลียดเหมือนกัน
- แล้วพวกเขาก็จะกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงแบบไม่ได้แค่แกล้งขำๆ
- แต่ไม่ต้องห่วง ทั้งคู่มีความอดทนสูงจะตายไป
- ถ้าทั้งคู่เจอทะเล พวกเขาจะวิ่งไปเล่นอย่างไม่รีรอ พวกเขาชอบมันมากเลยล่ะ
- เพราะเขากับยูจินมีน้ำหนักส่วนสูงเท่ากัน ทั้งคู่จึงชอบสลับตัวกันบ่อยๆ เพื่อตบตาคนอื่นเล่น
- ถ้ายงจินเจอสิ่งที่เขากลัวมาอยู่ใกล้ๆ ตัว เขาจะร้องไห้โวยวายออกมา ( ประมาณว่า " ไม่เอานะครับ ! อย่าเอามันเข้ามาใกล้ผม ! ฮึกๆ ฮือออ " )
- เอาจริงๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยอะไรกับเรื่องความรักเท่าไหร่หรอก พวกเขาอยากจะเกรียนไปวันๆ มากกว่า แต่มีคู่รักคอยช่วยบรรเทาความทุกข์หน่อยก็จะดีมาก
TALK WITH ME
Q : สวัสดีค่ะ อยากให้ตัวละครของตัวเองได้รับบทแบบไหนเหรอคะ? (ถ้าไม่ได้บทที่ต้องการจะเป็นอะไรไหมเอ่ย?)
A : ฝาแฝดที่คอยกลั่นแกล้งเล่นสนุก เป็นสีสันให้กับตัวละครทุกคนค่ะ ถถถถถ // โดน ผปค. คนอื่นถีบ
Q : อยากให้ตัวละครคู่กับคนแบบไหนเหรอคะ?
A : ใครก็ได้ที่เป็นผู้ชายค่ะ ! // โดนไรท์ฟาด // อืม...เอาเป็นคนที่มีเสน่ห์หลากหลาย ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นๆ รักในศิลปะเหมือนกับเขา เวลาโดนเขาแกล้งมักจะแสดงปฏิกิริยาน่ารักๆ ออกมาน่ะค่ะ
Q : ทำไมถึงมาสมัครเอ่ย?
A : เพื่อนลากมาค่ะ ( ผปค.ชิงุเระจัง ) แล้วเห็นไรท์บอกมีบททุกตัวด้วย ( ทำหน้าไม่ค่อยชอบนิยายที่สมัครกันเยอะแล้วคัดคนเท่าไหร่ ) เลยมานี่แหละค่ะ
Q : ถ้าไม่ติดไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?
A : ไม่ติดนี่คือคู่หลักใช่มั้ยคะ ? ถ้าใช่ก็ไม่คิดจะให้เป็นอยู่แล้วล่ะค่ะ...แต่เป็นก็ดีนะ 55555555
Q : ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ ; v ;
A : ค่า !!!
Q : ต้องการติ-ชมอะไรหน่อยไหมเอ่ย?
A : อย่าดองก็พอเนาะ
Q : ขอบคุณที่มาสมัครค่ะ *โค้งงามๆ*
A : ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น