คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [OS - Ravi & Leo] Gwiyomi -Gwi-Gwi-Gwiyomi
Gwiyomi -Gwi-Gwi-Gwiyomi
ช่วงนี้เลโอฮยองทำตัวแปลกๆ…
คือแต่ละคนในวงก็ชอบทำตัวเป็นเหล่งกำเนิดเสียงกันทั้งนั้น
มีเพียงคนเดียวที่ปกติจะนั่งฟังทุกคนอย่างเงียบกริบ
แต่การที่คนไม่ชอบส่งเสียงเริ่มพูดมากขึ้น แถมยังมาวนเวียนใกล้ๆเขาทั้งที่ไม่ชอบสกินชิพทำเอาวอนชิกคิดไม่ตก
สองสามวันมานี้
เขาคิดมาตลอดว่าฮยองต้องไปโดนอะไรกระแทกหัวมาแน่ๆ
“วอนชิก” เสียงหวานเบาเรียกเขาจากในห้องครัว
คือฮยองคนนี้ทำเสียงจากในห้องครัวก็ไม่แปลก
แต่ที่เรียกห้อยตามชื่อเขาต่างหากที่ทำให้วอนชิกคิดอยากจะพาไปหาหมอสักครั้ง “ชิก ชิก...ชิกชิก ชิก”
“ครับ” ขานรับ
แต่ไม่ทันใจคนที่เดินออกมาพร้อมกับช้อนใส่ซุปร้อน เป่าให้ๆเขาเบาๆก่อนจะยื่นมาจ่อปาก
เสียงเล็กๆนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “ชิมให้หน่อยว่าใช้ได้ไหม”
‘คือปกติฮยองก็ทำอาหารได้เองไม่เคยพึ่งคนอื่นเลยนะครับ’
วอนชิกคิด แต่สายตาคาดคั้นก็ทำให้เขางับช้อน ก่อนจะยกนิ้วให้แสดงอาการพอใจ
เลโอฮยองถึงหายกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง
‘อร่อยแฮะ’
แรกๆก็ไม่ค่อยใส่ใจ
คิดว่าฮยองคงกล้ามากขึ้น รู้สึกสนิทใจมากขึ้น แต่ถ้าฮยองของเขาแค่สบายใจในการอยู่ด้วยมันไม่น่าตามมาด้วย....อืม
นั่นแหละ
ในช่วงฤดูกาลเตรียมคัมเเบ็ค
สมาชิกที่ซ้อมท่าเต้นใหม่ๆอย่างเเข็งขันได้รับของขวัญจากพระเจ้าเป็นเวลาพัก 10 นาที ส่วนใหญ่ใช้เวลาทองนี้ไปกับการกลิ้งอยู่แถวๆพื้น ได้ยินเสียงหัวเราะเอ็นฮยองกับมักเน่อยู่มุมห้องหนึ่ง
เสียงกรนเบาๆของฮงบินที่นอนอยู่ใกล้ๆ เเละเสียงบ่นโวยวายเป็นป้าเเก่ของเคนฮยอง
วอนชิกที่นั่งหลับตาพิงผนังอย่างหมดเเรงฟังความเคลื่อนไหวต่างๆกลับไม่พบอีกเสียงหนึ่งในห้อง
คือเลโอฮยองก็ไม่ค่อยส่งเสียง เเต่น่าจะมีเสียงหายใจอีกสักเสียงหนึ่งให้ครบ 6
คน
เปิดเปลือกตาช้าๆสอดส่ายสายตาหาอีกหนึ่งเมนโวคอล
แต่กลับไม่เห็นเลย
“ชิกกี้...ชิกๆ” ยังไม่ทันจะได้ลุกไปตามก็ได้ยินเสียงเรียกแปลกๆที่ข้างตัวอีกครั้ง
เสียงหงุงหงิงตามมาด้วยความอุ่นวาบข้างตัว “เอาน้ำมาให้”
รู้สึกตัวอีกทีคนตัวขาวก็มานั่งเบียดอยู่ข้างๆพร้อมยื่นขวดน้ำมาตรงหน้า
โอ ออกไปเอาขวดน้ำมาให้เขาเลยหรอ
“ฮยองทานเถอะ เหงื่อออกมากกว่าผมอีก” ส่งยิ้มกลับแทนความขอบคุณ
แต่เลโอกลับยัดขวดน้ำใส่มือเขาแล้วก็ลุกหนีหายไปดื้อๆ วอนชิกจึงส่งสายตาไปถามลีดเดอร์แต่ก็ได้การส่ายหัวกลับมา
เป็นเคนเสียอีกที่พูดขึ้น
“ช่วงนี้เลโอฮยองเอาใจวอนชิกจัง” ซางฮยอกพยักหน้าเป็นอยู่เป็นฉากหลัง
“กวิโยมี้~” พร้อมทำท่าปุอิ๊งปุอิ๊งที่ตัวเองมั่นใจ
เรียกเสียงฮาครืนจากสมาชิกในวงได้เป็นอย่างดี
สองอาทิตย์ถัดมาในวันที่อากาศมีลมพัดเย็น
วอนชิกนั่งหนาวอยู่บนดาดฟ้า ชอบใจที่มีลมผ่านหน้าเรื่อยๆ
ทิ้งตัวลงแผ่กว้างเงยมองสีน้ำเงินที่คลายความสับสนจากงานแต่งเพลง
ไม่รู้จะพาเนื้อเพลงไปในทิศทางใดการอุดอู้อยู่เพียงในห้องก็ไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการ
เลยมาผ่อนคลายอยู่บนดาดฟ้ากว้างนี้
เริ่มรู้สึกว่าสั่นถึงเข้าใจว่าตอนนี้มันหนาวเกิน
ก็มีผ้าห่มผืนนุ่มหล่นทับ วอนชิกตะกายตัวเองออกมาจากผ้าผืนโตแล้วสบตาเข้ากับพี่รอง
“โทษที” เสียงหวานเบาตอบมา “หาเสื้อหนาวนายไม่เจอ”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมกำลังคิดว่าจะไปหาอะไรมาใส่อยู่ดี ขอบคุณฮยองมากฮะ”
สักพักหลังจากวอนชิกจัดท่าทางให้ตัวเองนั่งได้สบายๆโดนมีผ้าห่มอุ่นๆโอบล้อม
ฮยองก็ซุกตัวเข้ามาในผ้านวมหนาแล้วนั่งพิงตัวเขาอย่างสบายอกสบายใจ
ไถตัวไปมาให้ได้ท่าที่สบายที่สุดแล้วก็วางศีรษะบนไหล่หนา
ฮยองหลับตาลงพริ้มพร้อมร้องเพลงออกมาเบาๆ แม้ว่าท้องฟ้าสีน้ำเงินจะพัดพาความขุ่นมัวออกไป
แต่เสียงหวานแหบข้างกายกำลังเติมช่องว่างที่ขาดหายในเพลงของเขาได้เป็นอย่างดี
วอนชิกจึงตัดสินใจหลับตาลงฟังเสียงนั้นพัดพาความรู้สึกของเขาให้ล่องลอยไปไกล
“กำลังกังวลอะไรอยู่เหรอ” หลังจากจบเพลงกล่อมเด็ก เลโอฮยองก็เงยหน้ามามองเขาก่อนจะเอ่ยปากถาม
เป็นฮยองที่เป็นห่วงเป็นใยทุกคนเช่นเคย
วอนชิกยิ้มให้กับความอบอุ่นที่แล่นในอกตัวเอง
“แต่งเพลง...แต่มันไม่ไปในทิศทางที่ต้องการฮะ
ขาด...สักอย่าง อะไรสักอย่างที่จะเติมเต็มช่องว่างพวกนั้นให้สมบูรณ์” ฮยองยังคงสบตาเขาแทนคำว่ากำลังฟังอยู่ “แต่...ขอบคุณฮยองมากฮะ
ผมรู้แล้วว่ามันขาดอะไรไป” พอเขาพูดจบก็กระชับอีกคนเข้ามาในอ้อมแขน
เลโอเองก็ก้มหน้าลงไปซุกไหล่ดังเดิม
“วอนชิก ฮยองใส่เสื้อตัวไหนดี” ในวันว่างจากตารางงานและการฝึกซ้อม
สองสมาชิกที่เลือกใช้เวลาในหอพักแทนการออกไปไหนก็ตัดสินใจจะดูหนังสักเรื่อง เลโอที่ออกจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันเอวส่งเสียงถามวอนชิกที่นั่งรออยู่หน้าโซฟาเเล้ว
"เเล้วเเต่ฮยองสิครับ" วอนชิกยิ้มขำๆ เอ
เเค่เลือกเสื้อเองจะมาถามเขาทำไมกัน
เเต่คำตอบที่กลับมาทำให้อกเขาเเน่นขึ้น...อีกครั้ง
"อยากให้วอนชิกเลือกให้...ได้ไหม"
นอกจากให้เลือกเสื้อยังให้เลือกหนัง
เเรปเปอร์ก็พยายามให้พี่ชายตัดสินใจ เเต่อีกคนที่ลงไปไถลลงไปกองกับพื้นเเล้วก็เพียงเงยหน้าช้อนตามอง
เท่านั้นเเหละวอนชิกก็เดินไปหากองดีวีดีโดยทันที
หยิบไม่ดูแล้วคว้าสักเรื่องยัดใส่เครื่องเล่น
ก่อนจะพลิกดูหน้าปกหนังอีกครั้ง
อา...เขาไม่รู้เลยว่าหยอบหนังรักที่หวานเลี่ยนจนฮงบินทำท่า ‘นิ้วงอไปหมด’ ตอนมาเล่าให้เขาฟัง
พอดนตรีขึ้นเลโอฮยองก็ขยับตัวมาชิดข้างๆ
วางหัวลงป๊อกที่ไหล่เขาอย่างที่ช่วงนี่ทำบ่อยๆ
หลับตาร้องคลอไปตามทำนองเพลงรักสดใสประกอบหนัง วอนชิกจึงมีหน้าที่กดรีโมตตั้งค่าดูหนัง
วอนชิกไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย
(นั่นคือสิ่งที่เขาบอกทุกคน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับเขาสักเท่าไหร่) แต่ฉากที่นางเอกจับนิ้วก้อยของพระเอกไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะหมุนหายไป
ลับตาในฝูงชน เขาก็รู้สึกถึงน้ำตาอุ่นๆที่ไหลผ่านแก้ม พยายามจะเช็ดออกโดยไม่ขยับมากนักเพื่อๆม่ให้คนที่พิงไหล่รู้
สูดน้ำมูกเบาๆ
ถึงแม้จะพยายามให้เงียบแล้ว
แต่ฉากถัดมาก็ทำให้เขาร้องไห้โฮอยู่ดี วอนชิกหันไปกอดพี่ชายข้างๆตัวแล้วหันหลังให้จอโทรทัศน์
ซุกหน้าลงกับหลังของอีกคน เขาไม่อยากจะรู้แล้วว่าต่อจากนี้ทั้งสองตัวละครจะได้พบกันอีกไหม
แบบนี้มันเศร้าเกินไป
แทคอุนที่เผลอหลับไประหว่างหนังเล่นก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะอยู่ดีๆก็ถูกรวบเข้าไปกอดเต็มแรง
รู้สึกว่าหลังชื้นๆ สติที่ฟื้นทีละนิดทำให้เขายื่นมือไปลูบหลังอีกคน
ปลอบน้องชายที่ร้องไห้ไม่หยุดข้างตัว “โอ๋ วอนชิกอ่า” แต่อีกคนก็ไม่มีที่ท่าจะหยุดง่ายๆ
ไม่แน่ใจว่าน้ำตาหรือน้ำมูกที่กำลังเปียกแผ่นหลังเขาอยู่
เพียงครู่ ก่อนจะคว้าหน้าอีกคนไว้เต็มสองมือ
หันไปให้มองจอ “สองคนได้เจอกันแล้ว”
วอนชิกถึงได้พยายามสูดน้ำมูกต่อ
หน้าแดงไม่น้อยจากความเขินอายและน้ำตา ตอนแรกคงตั้งใจจะหลบแต่ความตื่นเต้นของหนังก็ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาดูต่ออยู่ดี
ได้ยินเสียงเลโอฮยองพึมพำใกล้ๆไหล่เขาว่า
“ชิกกี้น่ารักจัง”
อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่สาเหตุที่เลโอทำทั้งหมด
อ้อนเท่าที่จะทำได้(ก่อนที่ตัวเองจะทนเขินไม่ไหว) เรียกวอนชิกด้วยชื่อที่แปลกไป
ทำเสียงหงุงหงิงบ้าง สกินชิพแล้วช้อนตามองบ้าง ทั้งหมดนี้ก็แค่อยากให้แรปเปอร์ในวงเอ่ยชมเขาว่า
“น่ารัก” สักครั้ง ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงอยากได้ยินคำว่าน่ารักผ่านริมฝีปากเรียวนั่น ในเมื่อมันยังไม่มาถึง
เขาก็จะทำต่อไปเรื่อยๆล่ะกัน
.
.
.
ไม่ค่อยยาวอีกแล้ว
555
อย่าพึ่งเบื่อยุคพลอคนน่ารักกันนะคะ เขาน่ารักมากจีๆ
ไม่รู้จะทอล์คอะไรเพิ่ม ถ้าชอบไม่ชอบยังไงก็อย่าลืมบอกกันนะคะ <3
ความคิดเห็น