ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กระบี่สั่งตาย

    ลำดับตอนที่ #8 : ผู้อาวุโสสูงสุดพรรคขอทาน (2) (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 56


    หากมีการกล่าวขวัญถึงยอดฝีมือในยุทธภพแดนสยามรอบ100-200ปี �ที่ผ่านมา �1ในนั้นต้อง

    มีชื่อ"ยายสำอาง"นับรวมลงไปด้วย �มิเพียงพลังฝีมือ
    หากแต่ชาติกำเนิดของยายสำอางก็มิ

    ธรรมดา �
    ผู้ที่ทราบเรื่องราวล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า"แกมีชะตากรรมอาภัพอับโชค"
    ย้อนไปในวัยสาว ยายสำอางเป็นถึงลูกสาวของเศรษฐีเมืองสุพรรณบุรีด้วยที่ตัวท่านเศรษฐี
    นั้นหวงลูกสาวอย่างมากสาเหตุมาจากเป็นลูกคนสุดท้อง �ยายสำอางจึงถูกพ่อตนเองห้ามมิให้

    ออกไป
    ไหนอยู่แต่เพียงในเรือนชาน �พบเจอแต่บ่าวไพร่ข้าทาสผู้คนภายนอกก็มิเคยพบพาน

    ดั่งเหมือนบุพเพหรือแรงกรรม �มิมีผู้ใดสามารถบอกกล่าวได้ยายสำอางกับบ่าวหนุ่มในบ้าน
    กลับเกิดความรักใคร่สิเน่หา �จึงพากันหลบหนีออกมาจากบ้านของเศรษฐี �เดินทางไปยังเมือง

    อ่างทองข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา �ไปใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์สามีภรรยา �ชีวิตในช่วงแรกก็อยู่อย่างยาก

    ลำบากแต่ด้วยความรักอุปสรรคทุกสิ่งล้วนผ่านพ้น

    พอยายสำอางท้อง �คลอดลูกคนแรกออกมาชีวิตก็ยิ่งขัดสนยากลำบากมากขึ้น �แต่จำ
    ต้องทนอยู่กันต่อไปมิกล้าบากหน้ากลับยังบ้านเศรษฐี �ด้วยกลัวตัวท่านเศรษฐีจะมิยินยอมอภัย

    ในสิ่งที่ทั้ง2กระทำ �จวบกระทั่งยายสำอางตั้งท้องลูกคนที่2 �การกินอยู่ยิ่งยากลำบากมากขึ้น

    ตามลำดับจึงปรึกษากับสามีว่าจะกลับบ้านที่เมืองสุพรรณบุรี

    สองสามีภรรยาตกลงใจกันแล้วจึงเก็บข้าวของออกเดินทางกลับไปขอขมาท่านเศรษฐี �
    ยามนั้นเมฆฝนเริ่มตั้งเค้า �ระหว่างทางที่กลับเกิดมีฝนตกหนักจึงพากันไปหลบฝนยังกระท่อมริม

    ทาง �ยายสำอางพลันเจ็บท้องจะคลอดลูก �สามีเห็นท่าทางแล้วคงคลอดแน่จึงบอกยายสำอาง

    รออยู่ในกระท่อมตนเองจะออกไปหาหยูกยา �สามีออกไปได้ไม่นาน ยายสำอางทนมิไหวจึง

    คลอดลูกออกมาทั้งที่สามียังหายาอยู่

    ฝ่ายสามีเดินหายาด้วยความที่มองเห็นไม่ค่อยถนัดกลับถูกงูกัดตาย �อยู่ห่าง
    จากกระท่อมไม่ไกลนัก �ฟ้าสางสว่างดีแล้วยายสำอางฟื้นตื่นจากการคลอดลูกเห็นสามียังไม่

    กลับมา �จึงเช็ดตัวลูกน้อยที่เพิ่งคลอดแล้วห่อผ้าอุ้มเดินหาสามี �ยายสำอางเดินออกจาก

    กระท่อมไม่นานก็พบเจอสามีนอนตาย �ยายสำอางร้องไห้อยู่ข้างศพสามีจนไม่มีน้ำตา �จึงขุด

    หลุมฝังศพสามี �จัดแจงทุกอย่างจนเสร็จก้มกราบลาที่หน้าหลุมศพสามี �แล้วออกเดินทาง

    การเดินทางกลับบ้าน �ยายสำอางเดินทางไปสะอื้นไห้ไปตลอดการเดินทาง
    ยายสำอางอุ้มคนจูงคนสภาพทุลักทุเล �ตัดป่าออกทุ่งพะรุงพะรังจนมาถึงฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา �

    ยายสำอางหันไปสั่งลูกคนโตให้รอยายสำอางอยู่ที่ตรงนี้อย่าไปไหนเดี๋ยวจะรีบมารับ �ว่าแล้วก็

    ยกลูกคนเล็กเหนือหัวตนเอง �ลุยลอยข้ามแม่น้ำแม้ลำบากก็พอทนไหว �ครั้นถึงฝั่งด้วยความรีบ

    ร้อนจึงวางลูกคนเล็กไว้ตรงริมฝั่งเพราะอีกใจก็เป็นห่วงลูกคนโต �รีบลุยน้ำย้อนกลับโดยเร็ว



    สัตว์โลกล้วนเกิดมาชดใช้กรรม �มิผิดจากที่กล่าวไม่มีใครหลีกหนีพ้นเวรกรรม �
    ยายสำอางก็เฉกเช่นเดียวกัน �ยายสำอางลุยน้ำมาถึงกลางแม่น้ำ �พลันได้ยินเสียงนกเหยี่ยวดัง

    ก้องหู �ด้วยความตกใจกลัวจึงหันกลับไปริมฝั่งที่ตนเองวางลูกคนเล็กไว้ �นกเหยี่ยวก็บินโฉบลง

    มาโฉบพาลูกคนเล็กยายสำอางไป �ยายสำอางทำอะไรไม่ถูกพลันยกไม้ยกมือร้องตะโกน

    ลูกคนโตยืนดูอยู่ที่ริมฝั่ง �ไม่รู้ความกลับเห็นยายสำอางโบกไม้โบกมือร่ำร้อง
    ตะโกน �ด้วยความเป็นเด็กก็คิดว่าแม่เรียกให้ไปหา �จึงก้าวเท้าเดินลงน้ำลูกคนโตยายสำอางก็

    ถึงแก่ความตาย �ยายสำอางเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด �ก็ร้องสุดเสียงร่ำไห้อย่างบ้าคลั่งกลางแม่น้ำ

    พอยายสำอางขึ้นฝั่งที่ลูกคนเล็กโดนเหยี่ยวโฉบ �ก็เดินทางกลับไปยังบ้าน
    ระหว่างทางก็ร้องไห้ตลอดเวลา �คิดในใจจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง �จวบจนยาย

    สำอางเดินทางมาถึงยังหน้าบ้าน �กลับพบเจอแต่ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกเต็มบ้าน �ตัวเรือนก็มิมีเห็น

    แต่เพียงเสาบ้านสีดำ �ไร้ผู้คนยืนอยู่สักพักมีคนเดินผ่านทางมาจึงเข้าไปสอบถาม �จึงรับรู้เรื่องที่

    สะเทือนจิตใจอีกครั้ง

    "น้องสาว �บ้านท่านเศรษฐีถูกโจรปล้น �ฆ่าตายยกครัวกวาดทรัพย์พร้อมเผาบ้าน �บ่าวไพร่

    ข้าทาสบ้างตายบ้างหลบหนี �ที่นี่ถูกปล่อยรกร้างมาเป็นแรมปี �แม้ท่านเจ้าเมืองส่งทหาร

    ออกติดตามจับโจรมาได้ก็สั่งประหารชีวิตให้ตายตกตามกันจบสิ้นคดีความแล้ว"

    ยายสำอางพอทราบเรื่องราวทั้งหมด �บวกกับที่ตนเองประสบเคราะห์กรรม �
    ทำให้ยายสำอางหมดสิ้นความอดทนอดกลั้น �กลายเป็นคนเสียสติบัดนั้นเป็นต้นมา � � � � � � � �
    เมืองสุพรรณบุรี �ยามนั้นมีแม่ชีเดินทางแสวงบุญผ่านทางมาพร้อมกับลูกศิษย์
    พบเจอยายสำอาง �แม่ชีผู้นั้นนาม"แม่ชีมาลัยพร" �เป็นผู้สำเร็จธรรมชั้นสูงเพียบพร้อมด้วย

    ปัญญาบารมีและวิชาการต่อสู้ �แม่ชีมาลัยพรสอบถามผู้คนเกี่ยวกับยายสำอางจนทราบเรื่องราว

    แม่ชีมาลัยพร �เกิดความสงสารขึ้นในใจจึงตั้งจิตสำรวมคิดถึงเรื่องเวรกรรม
    ทำบุญร่วมชาติกันมา �จึงได้มาพบพานกับยายสำอาง �แม่ชีมาลัยพรจึงกระทำการฝืนชะตาฟ้า

    ใช้กำลังภายในพลังลมปราณเมตตาบารมี �ถ่ายทอดสู่ยายสำอาง

    พลังลมปราณเมตตาบารมี �ดั่งน้ำทิพย์ชะโลมจืตใจยายสำอาง �ทำให้สติที่หาย
    ไปของยายสำอางกลับมาอีกครั้ง �พูดจารับฟังรู้เรื่องเหมือนคนปกติ �แม่ชีมาลัยพรจึงสนทนากับ

    ยายสำอาง �พร้อมรับตัวยายสำอางเ้ป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาธรรมะและการต่อสู้ �

    ยายสำอาง แม้สำเร็จวิชาจากแม่ชีมาลัยพร �แต่ด้วยผลกรรมยายสำอางแต่ปาง
    ก่อนมีมากล้น �จึงจำต้องชดใช้คราวหนึ่งยายสำอางผ่านทางพบเจอขอทานเฒ่ากับขอทานหนุ่ม �

    ละแวกชายป่าไผ่แถวเมืองสุพรรณบุรีใกล้เมืองอยุธยา �ขอทานเฒ่าถูกงูกัดยายสำอางเห็นแล้ว

    คิดถึงคราวที่สามีถูกงูกัดตาย �ยายสำอางใช้ลมปราณเมตตาบารมีรวมรั้งพิษงูขับดันออกมาทาง

    รอยงูกัด �แต่พิษตกค้างมากยายสำอางต้องการช่วยเหลือจึงก้มลงดูดพิษงูทันที

    พอขอทานเฒ่าได้สตินางจึงส่งยาลูกกลอนให้กิน �เพื่อฟื้นฟูร่างกายที่
    อ่อนเพลียจากพิษงู �ขอทานหนุ่มเอ่ยขอบคุณยายสำอาง �แต่ยายสำอางได้ยินเพียงเสียงดวงตา

    กลับมองมิเห็นขอทานหนุ่ม �จึงเอ่ยถามขอทานหนุ่มว่า

    "มืดค่ำแล้วหรือขอทานน้อย"

    "ยังเพลอยู่เลย �ท่านป้า"

    ยายสำอางพอทราบคำตอบพลันทอดถอนใจ �ปลงอาลัยต่อชะตาชีวิตของตนเอง ที่เกิดมามี

    กรรมมากล้น �จึงกล่าวอย่างท้อใจว่า

    "ขอทานน้อย �ป้าคนนี้คงต้องพิษงูตาบอดแล้ว"
    ขอทานเฒ่าทราบเรื่องก็ตกใจ �แต่ยายสำอางกลับไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่เกิด บอกแก่ขอทานเฒ่า
    "ขอท่านอย่าคิดกระไรเลย �ชั่วชีวิตของข้าพบเจอเรื่องเลวร้ายมามากแล้ว �เพิ่มอีกเรื่องคง

    ไม่เลวร้ายกระไร"

    ขอทานเฒ่ารับฟังยายสำอางจบจึงกล่าวขึ้นว่า

    "ชีวิตเราผู้เฒ่าล้วนเป็นท่านเก็บกู้ �เราไม่ตอบแทนล้วนผิดวิสัย"
    --------------------------------------------------------------------- � � �มาต่อกัน(2)

    ยายสำอาง ไม่รอฟังที่ขอทานเฒ่าเอ่ยเตรียมตัวจะออกเดินทางทันที �ขอทาน
    เฒ่าจึงร้องเรียกยายสำอางอีกรอบ พร้อมสั่งให้ขอทานหนุ่มหาไม้เท้ากับกระสอบป่านมา3ใบ

    ขอทานเฒ่ารีบแนะนำตัวว่าเป็น ประมุขพรรคขอทาน มีนามว่า"บุญธรรม" �ส่วนขอทานหนุ่มเป็น

    ศิษย์ของตนชื่อ "บุญโทน"

    ขอทานเฒ่าบุญธรรม �สอบถามความเป็นมาของยายสำอาง �ยายสำอางเล่า
    เรื่องราวของตนเองแก่ขอทานเฒ่าบุญธรรม พอทราบความเป็นมาของยายสำอาง ขอทานเฒ่า

    จิตใจพลันร้อนระอุบอกกล่าวแก่ยายสำอางว่า

    "หากแม่นางไม่ถือสา �ตัวข้าขอสาบานเป็นพี่น้องกับท่าน �นับแต่นี้จงคิดว่าข้าเป็นพี่ชาย

    �ของแม่นาง"

    ยายสำอาง อยู่ตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ยามนี้ตนเองกลับมีพี่ชายภายในใจล้วนเกิดความยินดี

    ขอทานเฒ่าบุญธรรม �เรียกศิษย์ของตนให้มาคารวะอาจาร์ยอาหญิง

    บุญโทน �ปฏิบัติตามที่อาจาร์ยสั่งตรงเข้ามาคารวะยายสำอางพร้อมเรียกหา
    ว่า"อาจาร์ยอาหญิง" �คารวะเสร็จจึงหันไปกล่าวกับอาจาร์ยตนว่า
    "ท่านอาจาร์ย มีเรื่องมงคลควรฉลองรับขวัญอาจาร์ยอาหญิง �ข้าจะออกไปหาอาหารและ

    �สุรา �ท่านทั้ง2โปรดรอข้ากลับมา"

    "ดี ดี ความคิดดีมากศิษย์รัก �ฮ่า ฮ่า"

    หลังการดื่มกินผ่านไป �ยายสำอางขอตัวกับขอทานเฒ่า �นั่งบำเพ็ญเดินลมปราณทบทวนวิชา

    ยามดึกคืนนั้นยายสำอาง �นั่งกำหนดจิตเข้าสู่ภาวะลืมตัวตนพลันเกิดไอสีขาวกระจายออกราย

    ล้อมรอบตัว �ยิ่งนานไอสีขาวกลับลอยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ �ขอทานหนุ่มบุญโทน �ที่นอน

    หลับอยู่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติสะดุ้งตัวตื่น

    พอตั้งสติได้สายตากลับมองเห็นแต่ไอสีขาวปกคลุมทั่วบริเวณ �จึงรีบตรง
    เข้าหาอาจาร์ยของตนเองทันที �ขอทานเฒ่าตื่นมานั่งมองยายสำอางอยู่นานแล้ว �ก่อนที่ศิษย์

    ตนจะตื่นเสียอีก �เห็นบุณโทนเดินเข้ามา �รีบบอกแก่ลูกศิษย์ว่า

    "เจ้าจงอย่าส่งเสียงรบกวน �อาจาร์ยอาหญิงของเจ้า �จิตของนางกำลังทะลุเข้าสู่วิญญาณ �

    �หากผ่านพ้นไปได้ �ตัวของนางจะก่อเกิดพลังจิตที่ใช้บังคับพลังธาตุทั้ง4"

    บุญโทน รับฟังสิ่งที่อาจาร์ยบอกกล่าวด้วยสีหน้างุนงง �เอ่ยถามอย่างสงสัยใจว่า
    "ท่านอาจาร์ย เคยบอกกล่าวแก่ศิษย์ว่า ปล่อยจิตว่างมิต้องใส่ใจ �หากโชควาสนานำพาจิต

    �จะทะลุเข้าสู่จิตใจ �ก่อกำเนิดพลังภายในซึ่งศิษย์ก็ทำสำเร็จเหตุใดจึงมีวิญญาณอีก"

    ขอทานเฒ่าบุญธรรม �ฟังคำถามที่ลูกศิษย์กล่าวขึ้นอย่างสงสัย �จึงอธิบายรายละเอียดแก่ศิษย์

    ของตนว่า

    "อันมนุษย์เรานั้นเมื่อกำเนิดเกิดมานั้นมีองค์ประกอบในตัวตนอยู่3ส่วน �คือ ร่างกาย จิตใจ

    �วิญญาณ �ส่วนแรกที่เกิดขึ้นเราเรียก ร่างกาย ส่วนนี้จะใช้เวลาสร้างในครรภ์ของสตรี

    �ส่วนที่สองเราเรียก จิตใจ ส่วนนี้จะมีเมื่อใกล้คลอดออกจากครรภ์ของสตรี

    �ส่วนที่สามเราเรียก วิญญาณ ส่วนนี้จะมีเมื่อออกมาจากครรภ์ของสตรี

    �ร่างกายเป็นกายหยาบ �จิตใจเป็นกายทิพย์ �2ส่วนนี้มิอาจอยู่ร่วมกันได้จึงต้องมีตัวเชื่อม

    �ผสานมิให้กายหยาบกับกายทิพย์แยกออกจากกัน �คือ วิญญาณ"

    ขอทานเฒ่า ระหว่างอธิบายให้ลูกศิษย์ฟังก็หันไปมองยังยายสำอาง �ที่เวลานี้ตามเนื้อตัวล้วน

    โปร่งแสง �เห็นเช่นนั้นแล้วจึงยิ้มด้วยความยินดีแก่น้องสาวร่วมสาบานของตน �ก่อนจะกล่าวต่อ

    "หากมองโดยนึกภาพตาม � �ชั้นที่1ของเราเป็นร่างกาย � � ชั้นที่2ของเราเป็นจิตใจ � � �

    �ชั้นที่3ของเราเป็นวิญญาณ �หากไร้ซึ่งวิญญาณหรือวิญญาณดับสูญ �ร่างกายและจิตใจก็

    �จะค่อยๆดับสูญตามวิญญาณ �ชาวยุทธที่ฝึกฝีมือจนถึงขั้นสุดสูงล้วนปรารถนาบังคับจิต

    �เข้าสู่วิญญาณแต่ก็ทำได้ยากยิ่ง �โดยมากจะหยุดอยู่แค่การรวมกายใจแต่หากหลอมรวม

    �กาย ใจ และวิญญาณ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้จึงจะไร้ที่สิ้นสุด"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×