ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ++Chapter 1++
Chapter 1
กลางดึกของคืนหนึ่งเสียงรถยนต์สุดหรูโลดแล่นบนท้องถนนอย่างรวดเร็วโดยคนขับหน้าหล่อ ที่ตอนนี้แม้หน้าจะบึ้งตึงแค่ไหนก็ยังคงหล่ออยู่ ยังไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงขับรถเร็วแบบนี้ถึงแม้ว่าในตอนนี้บนถนนสายหลักจะมีรถน้อยลงแล้วก็ตาม
เอี๊ยดด!!! ปัง!!
เสียงจอดรถดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงปิดประตูรถของเจ้าของรถที่พอจอดเสร็จก็ไม่รีรอที่จะให้รถนิ่งสนิทเสียก่อน
ก่อนหน้านั้น
“ฮารุ ลูกอยู่ไหน” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังก้องอยู่ในโทรศัพท์
“ผมอยู่ที่คอนโดครับ แม่” ชายหนุ่มที่ชื่อ “ฮารุ” ตอบกลับปลายสาย
“ฮารุ..ฮึก ฮึก”เสียงสะอื้นดังมาจากปลายสาย ทำให้ชายหนุ่มรีบถามกลับอย่างเป็นกังวลทันที
“แม่ครับ เกิดอะไร ขึ้นครับ ใครเป็นอะไรแล้วแม่ร้องไห้ทำไมครับ” ชายหนุ่มเร่งเร้าปลายสายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเริ่มร้อนรนแล้ว
“ฮึก ฮารุ คือ น้อง น้องของลูก ฮึก ฮิโระ โดนรถชนลูก ฮืออออ” พอพูดจบปลายสายก็ปล่อยโฮทันที
“อะไรนะครับ!! เจ้าฮิโระ โดนชน บ้าชิบ!!” ฮารุสบถออกมาหลังจากที่สายถูกตัดไป แล้วเขาก็รีบออกจากคอนโดหรูทันที เพื่อตรงไปที่โรงพยาบาลที่น้องชายเขารักษาตัวอยู่
กลับมาที่โรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน
“แม่ครับ น้องเป็นไงบ้างครับ แล้วเข้าไปนานรึยัง แล้วรู้รึยังครับว่าใครชน” ด้วยความเป็นห่วงน้องชายมากเขาถึงต้องถามคำถามรวดเดียวกับมารดาของเขา
“ฮึก ยังเลยลูก แต่ว่าน้องน่ะเข้าไปสักพักแล้วละ หมอยังไม่ออกมาเลย” หลังจากบอกลูกชายคนโตเสร็จเธอก็โผเข้ากอดชายหนุ่มทันที ด้วยความที่อ่อนแรง และร้องไห้อย่างหนักทำให้เป็นลมหมดสติไป ร้อนถึงต้องหามเข้าห้องผู้ป่วยเพื่อให้นอนพัก
เวลาผ่านไป สองชั่วโมงแล้วหลังจากที่ฮารุมาถึง หมอก็ยังไม่ออกมา
“โถ่ โว้ย ใครมันชนว่ะ” ฮารุสบถเสียงดังทำให้ทุกคนที่สัปหงกอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตกใจ และมองมาที่เขาเป็นแนวเดียว นั่นก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียวยังมีคนอื่นๆอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของน้องชาย หรือแม้กระทั่งคนขับรถของที่บ้าน
แอ๊ด เสียงของประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดโดยหมอที่รักษา “ฮิโระ” เดินออกมาพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่เขนเตียงคนไข้ออกมาซึ่งหน้าจะเป็นน้องชายเขานั่นแหละ ไม่ทันที่หมอจะเอ่ยถามหาญาติผู้ป่วย เขาก็ตรงเข้าไปหาหมอทันที
“หมอครับ น้องผมเป็นไงบ้าง” ฮารุเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้น้องชายคุณปลอดภัยแล้วครับ ที่ต้องรอดูต่อไปคือเรื่อง แขนและขาของน้องชายคุณที่หักไป” หมอบอกกับฮารุพร้อมทั้งแนะนำเรื่องการรักษาให้เขาฟังพร้อมๆกับย้ายห้องผู้ป่วย หลังจากรู้ว่าฮิโระปลอดภัยแล้วเหล่าเพื่อนๆก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนทันที
[Haruki Talk ]
ห้องผู้ป่วย V.I.P 1009 ฮิโรยูกิ คาเซงาว่า
ครับผมฮารุ หรือ ฮารุกิ คาเซงาว่า คงจะยังไม่รู้จักกันสินะครับเพราะผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ปีนี้ผม 20 แล้วละครับ อยู่ปี3 มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งคณะที่ผมเรียนก็คงไม่พ้นบริหารหรอกเพราะต้องดูแลกิจการทางบ้าน
ถึงผมจะรักสนุกแค่ไหนแต่การเรียนผมก็เป็นเลิศครับ อย่างที่รู้กันนั่นละว่าผมเป็นพี่ชายของคนที่นอนอยู่ในห้องผู้ป่วยห้องนี้ ผมนั่งมองหน้าคนที่หน้าตาเหมือนผมทุกอย่าง ต่างก็แค่สีผมที่เจ้าน้องตัวดีของผมไปทำมา ผมเป็นแฝดกันครับ หน้าเลยเหมือนกัน แต่ผมเป็นพี่เพราะผมเกิดก่อนเจ้านี่ไม่กี่นาทีครับ(ของผมเกิดที่ญี่ปุ่นนะเลยไม่ได้นับความเป็นพี่น้องแบบคนไทย แต่แม่ผมไทยแท้นะครับ)
ภายในห้องพักมีเครื่องวัดหัวใจและสายอะไรต่อมิอะไรอยู่มากมาย ซึ่งผมก็บอกไม่ถูกหรอกเพราะผมไม่ได้เป็นหมอนิ ผมละอยากรู้จริงๆ ว่าใครมันชนน้องผมทั้งๆ ที่พวกผมไม่ค่อยจะมีปากเสียงกับใครอยู่แล้ว
พวกผมรักสงบ แต่เวลาโดนท้าพวกผมก็สู้นะครับ เพราะว่ามันสนุกเวลาได้จัดการพวกกระจอกๆ สงสัยน้องผมต้องโดนพวกนั้นเล่นทีเผลอ ผมหวังว่ามันจะฟื้นเร็วๆ จะได้รู้สักทีว่าพวกไหนผมจะได้ไปเก็บมัน บังอาจมากที่มาทำหน้าที่เหมือนผมขนาดนี้เขียวไปหมด
เห็นผมกับมันเป็นผู้ชายด้วยกันแบบนี้ไม่คิดละสิว่าจะสนิทกัน อันที่จริงมันก็เพราะความเป็นแฝด นั่นอีกอ่ะแหละทำให้พวกเราเข้าใจกัน บางครั้งก็ไม่ต้องพูดเราสองคนก็รับรู้ได้ทันทีว่าใครต้องการอะไร ผมเป็นห่วงมันมาก เพราะมันอ่ะไม่ค่อยระวังตัว เฮ้อ ฟื้นเร็วๆนะไอ้น้องชาย
[End Talk]
ห้องผู้ป่วยอีกห้อง
“คุณแม่เป็นไงบ้างครับ ป้าน้อย” ฮารุที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามแม่บ้านที่ดูแลแม่เขาอยู่ทันที
“คุณท่าน ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ คุณฮารุ”แม่บ้านคนนั้นตอบกลับ
“ครับ งั้นผมฝากป้าดูคุณแม่ก่อนนะครับผมจะกลับไปเอาของที่คอนโด แล้วจะมาเฝ้าเจ้าฮิโระ”ฮารุพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปยังลานจอดรถชั้นล่าง เพื่อกลับคอนโดของเขาทันที
ที่เลือกอยู่คอนโดก็ไม่ใช่อะไรมากหรอกเพราะทั้งเขาทั้งคนที่นอนเจ็บอยู่ ต่างก็ชอบเที่ยวจึงไม่อยากจะรบกวนคนที่บ้านต้องตื่นมาเปิดประตูให้เท่าไหร่
และที่สำคัญมันสะดวกกับการไปมหาลัยมากที่สุด วันไหนไม่มีเรียนค่อยกลับบ้านไม่ก็เสาร์ อาทิตย์ แต่มีสำคัญมากกว่านั้นคือเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ จะสบายกว่าอยู่บ้านเพราะอยู่บ้านเสียงดังแล้วพ่อกับแม่จะบ่นเอานะสิ
หลังจากกลับจากคอนโดเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บบางส่วนมาไว้ใส่เพื่ออยู่เฝ้าคนป่วย เขาก็รีบกลับมาที่ โรงพยาบาลทันที เผื่อว่าผู้เป็นแม่จะฟื้นหรือไม่ก็น้องชายเขาจะฟื้นขึ้นมา
ห้องผู้ป่วย(ห้องฮิโระ)
แอ๊ดด เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายที่แม้จะดูสูงวัย แต่เขายังคงดูหล่อ ใบหน้าที่บ่งบอกว่าเหนื่อยล้าเล็กน้อยกับการทำงาน เดินมาหยุดที่ปลายเตียงของคนไข้ที่เป็นลูกชายคนเล็กของเขา
นี่เขาไปประชุมที่ญี่ปุ่นแค่สองวัน เจ้าลูกชายของเข้าก็โดนรถชน ใครมันทำแบบนี้กับลูกเขาไม่ตายดีแน่ แต่เขาก็ทำได้แค่คิดในใจ ก่อนที่จะเดินออกไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ช้างๆเพื่อไปดูอาการของภรรยาที่เป็นลมเพราะร้องไห้มากไป
เพียงแค่เปิดประตูก็เจอเข้ากับลุกชายคนโตที่หอบกระเป๋าเดินสวนทางจะเข้าข้างในห้องผู้ป่วย
“สวัสดีครับโต้ซัง” ฮารุเอ่ยทักทายผู้เป็นพ่อ ซึ่งพ่อเขาเป็นคนญี่ปุ่น (โต้ซังมาจาก โอโต้ซัง ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าพ่อ)
“อืม แล้วรู้รึยังว่าใครชนน้อง”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามทันที
“ยังครับ ตอนนี้ให้สายผมสืบอยู่”ผู้เป็นลูกจ้องตากับพ่อแล้วตอบคำถามทันที
“ดี เอาให้ชัดเจนละ แล้วค่อยคุยกันฉันไปดูแม่แกก่อน”ผู้เป็นพ่อตบบ่าลูกชายเบาๆก่อนจะเดินออกไปยังอีกห้อง
[ Haruki Talk ]
ครับมาที่ผมอีกรอบตอนนี้ผมไปเอาเสื้อผ้ามาแล้ว ผมไม่ได้พิศวาสมันมากหรอกแต่ที่ต้องมานอนเฝ้าน่ะเพราะป้องกันคนที่ชนมันจะมาซ้ำมันมากกว่า ระหว่างที่รอมันฟื้นมาฟังประวัติพวกผมดีกว่าครับ
ผมอย่างที่รู้กันว่าชื่ออะไรอายุเท่าไหร่ไปแล้วมาต่อกันดีกว่าครับ ผมกับฮิโระ นะดูจากชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นลูกครึ่งแน่นอน แม่ผมไทย โต้ซังของผมเป็นญี่ปุ่น ตอนเด็กๆพวกเราเกิดที่โน่น โตที่โน่น ตอนเกิดโต้ซังบอกว่าวันนั้นที่ญี่ปุ่นอากาศแปรปรวนมากแต่พอผมกับน้องออกจากท้องแม่มาแล้วทุกอย่างสงบเงียบมากเลยละ
ส่วนการกลับมาอยู่ที่ไทยก็ตอนพวกผมอยู่มัธยมปลายแล้วละ นานมากๆที่อยู่ญี่ปุ่น แต่ปิดเทอมก่อนหน้าจะมาอยู่ถาวรพวกเราก็กลับมานะ มาหาคุณยาย คุณตาแล้วก็ญาติๆทางฝั่งแม่บ้างส่วนบางเทอม
ผมสองคนจะถูกส่งไปอเมริกา เพื่อไปฝึกภาษา ง่ายๆคือซัมเมอร์ ไปพักอยู่กับญาติๆอีกอ่ะแหละครับ แต่ผมเลือกค่ายที่ต้องไปพักกับเขาเลยไม่ได้อยู่บ้านซักเท่าไหร่ ค่ายสนุกมากเลย แต่แปลกค่ายชื่อมันออกจะเป็นแนวพัฒนาสังคม แต่กลับกันพวกผมไม่ได้ออกไปพัฒนาที่ไหนแต่กลับได้เรียนศิลปะป้องกันตัวทุกอย่าง ยิงปืนยังได้ฝึก มิหนำซ้ำนะยังต้องฝึกหัดคอมพิวเตอร์ชั้นสูง
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับเพราะสนุกที่ได้ทำกิจกรรม เด็กที่เข้าค่ายกับพวกเรามีทุกประเทศเลยมั้งเยอะมากแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น หลังจากหมดซัมเมอร์พวกผมก็ต้องกลับมาเตรียมสอบเข้ามัธยมที่เมืองไทยแล้วและก็ไม่ได้เข้าร่วมค่ายอีกเลย ผมเสียดายมาก
กลับมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้ก็เกือบสว่างแล้วละ แต่ผมไม่ง่วงนะ นั่งโม้ไปกับอ่านชีทที่แบ่งงานมาจากเพื่อน(เพื่อนโยนมามากกว่า)ฆ่าเวลาไม่อยากหลับเพราะกลัวมันตื่นมาแล้วโวยวาย เพราะผมเป็นคนหลับแล้วปลุกยากมาก
"แค่ก ๆ" เสียงไอ ดังขึ้นมาเบาๆ แต่ผมที่อยู่ใกล้ๆอยุ่แล้วย่อมได้ยิน ผมวางชีททันทีแล้วลุกขึ้นไปดูมัน มันฟื้นแล้วครับ กระพริบตาปริบๆเลย
“น้ำ ขอน้ำ” เสียงแหบพร่าของฮิโระที่เพิ่งฟื้น ร้องขอน้ำเพราะคอแห้งมากนั่นเองละมั้งผมว่านะ
“อืมๆ นี่ๆ ค่อยๆ จิบละ เดี๋ยวสำลัก” ผมบอกมันเบาๆพร้อมกับจับแก้วน้ำให้ด้วย มันไม่มีปัญญาหรอกตอนนี้ เพราะข้างเดี้ยงอีกข้างสายน้ำเกลือ เหอๆ เห็นสภาพแล้วก็สงสารมัน
“ขอบใจ” มันเอ่ยเบาๆเพราะมันพูดแรงไม่ได้ กระเทือนปากที่ช้ำอยู่ สักพักหมอก็เข้ามาครับ ผมกดเรียกเองแหละ เขาสั่งไว้นิ ว่ามันฟื้นให้ตามหมอด้วย แต่มันฟื้นเร็วดีนะ
[ End Talk ]
หลังจากที่ฮิโระฟื้นทั้งหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการ อีกรอบเพื่อเอาไปวินิจฉัยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง
“คนไข้ฟื้นตัวเร็วมากเลยนะครับ แค่นี้ก็หายห่วงแล้วละครับ เหลือแต่แขนขาที่หัก รวมกับกายภาพบำบัดก็ประมาณสามเดือนครับ ถึงจะหายเป็นปรกติ”หมอบอกก่อนจะออกไปจากห้อง
ตอนนี้ในห้องของฮิโระมีทั้งโต้ซัง แม่ ที่ฟื้นแล้ว ฮารุ และ เหล่าคนงานในบ้านที่มาดูแลทั้งคนเจ็บทั้งคนเป็นแม่คนเจ็บก่อนที่คนทั้งหมดจะขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนเหลือไว้เพียงฮารุที่อยู่เฝ้าน้องชายต่อ ซึ่งฮารุมารู้ทีหลังว่าโต้ซังนั้นประชุมเสร็จก็บินกลับมาทันที บ้านนี้เขาก็เป็นแบบนี้ละ มีกันอยู่แค่ไม่กี่คน ก็ต้องรักกัน
วันต่อมา ที่โรงพยาบาลอีกเช่นเคย แต่กลุ่มคนเยี่ยมเป็นเหล่าผองเพื่อนสนิทของทั้งสองคนนั่นเอง
“เฮ้ย หวัดดี ฮารุ ฮิโระฟื้นยังว่ะ” เพื่อนคนแรกที่เข้ามาในห้องถามอาการคนป่วยทันทีและตามด้วยคนอื่นๆอีกสามคน
“ฟื้นแล้วเมื่อเช้า เพิ่งกินยาแล้วนอนหลับไปเอง” ฮารุเอ่ยตอบเพื่อนๆ
“อืม แล้วนายรู้ยังว่าใครชนมัน” เพื่อนอีกคนในกลุ่มถามขึ้น
“ยังเลย แต่สืบอยู่ ฉันต้องการละเอียดๆ เลยช้าหน่อย แต่ไม่เป็นไร” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆแต่แววตาไม่ได้สบายด้วยเลย หากใครที่สนิทกันจะรู้ว่าแววตาแบบนี้ของเขานั้นมุ่งมั่นและอันตรายมาก
“แล้วฮิโรยูกิจะหายดีเมื่อไหร่เหรอ” สาวน้อยหนึ่งในกลุ่มคนมาเยี่ยมเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“ถ้าหายขาดก็คงจะประมาณ สามเดือนน่ะหมอบอกมาแบบนี้” ฮารุหันกลับไปตอบหญิงสาว
“นานจัง แล้วเรื่องเรียนละ” หญิงสาวคนเดิมยังคงถามต่อ
“ก็ออกจากโรงพยาบาล เมื่อไหร่ก็ไปเรียนได้แล้วละ แต่ต้องกลับมาทำกายภาพอีกไง” ฮารุยังคงตอบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเดิม เขาไม่รู้หรอกว่าหล่อนจะถามเอาอะไรมากมาย เพราะไม่เคยเห็นหน้าเลยไม่รู้ว่ามาได้ยังไง
“อืม เข้าใจแล้วละ” หญิงสาวตอบ
“เฮ้ เดี๋ยวก่อนเธอเป็นใครไม่เคยเห็นหน้าเลย มาได้ไง” ฮารุหันกลับไปทางหญิงสาวทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม พร้อมกับคิดในใจ แล้วนี่ตอบคำถามยัยนี่ไปตั้งเยอะ เพิ่งมานึกได้ว่าไม่รู้จักหล่อนเลย
“เอ่อ..ฉะ ฉัน” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ผิดจากตอนที่ถามอาการเมื่อครู่
“เอ้า ตอบสิ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่นิยมทำร้ายผู้หญิง” ฮารุหันไปถามย้ำอีกครั้งพร้องสบถออกมาเบาๆแต่ก็ทำให้เพื่อนที่นั่งข้างๆได้ยิน “ใครปล่อยให้ยัยนี่เข้ามาฟระ”
“เอ่อ ฮารุ คือเขาขอเข้ามากะพวกเราเองแหละ”เพื่อนคนที่ได้ยินชัดที่สุดอธิบายให้เขาฟังว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาได้ยังไง “คือฉัน ฉัน..”แต่ยังไม่ทันจะพุดอะไร ฮารุก็ขัดขึ้นมาอีกรอบ
“โอ๊ย ฉันอะไรนักหนาเนี่ย เร็วๆ”น้ำเสียงตะคอกแต่ก็ไม่ดังไปกว่ากระซิบ
“ฉันเป็นคนชนฮิโรยูกิเอง!!” หญิงสาวตอบเสียงดังฟังชัด ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เพื่อนๆที่มาเยี่ยมต่างตกใจ และฮารุก็ด้วย แต่เขาก็สติไวกว่า เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง
“เธอ ว่าไงนะ เธอขับชนน้องฉัน” ฮารุถามกลับอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่ ฉันเอง แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะ ฉันกำลังหาของที่หล่นอยู่ที่เบาะด้านข้างแล้วไม่ทันมองว่ามีคนเดินข้ามถนนมา ก็เลยเป็นอย่างที่รู้กัน ฉันไม่ได้ตั้งใจหนีนะ ฉันตกใจเลยรีบกลับไปที่บ้านก่อน” หญิงสาวตอบย้ำพร้อมอธิบายสาเหตุเสร็จสรรพ
“ที่น้องฉันต้องมานอนเจ็บ แบบนี้ แล้วซ้ำแม่ฉันยังเป็นลมเพิ่งกลับบ้านไป เพราะเธอ ถามจริงใบขับขี่ซื้อมาไงห๊ะ!” ฮารุตะคอกกลับอย่างสุดจะทนเขากดโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปแจ้งทั้งที่บ้านว่ารู้แล้วใครทำและโทรแจ้งลูกน้องที่ให้ไปสืบว่าเลิกสืบ แต่สายตายังคงจับจ้องที่หญิงสาวอย่างไม่กระพริบ
“เธอ..”ฮารุเรียกหญิงสาวทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย “เฮ้อ ไม่ต้องตกใจ ฉันแค่จะถามว่าเธอจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง” ฮารุเอ่ยถาม
“ฉัน ฮึก..จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและ ฮึก จะคอยดูแลคนป่วยให้ ฮึก” หญิงสาวตอบไปสะอื้นไปเพราะว่าตกใจเสียงของฮารุ
“เฮ้ย เธอร้องไห้ โอเคฉันขอโทษที่ตะคอก แต่ตอนนี้เธอหยุดร้องก่อน ฉันไม่ใช่คนตัดสินใจ รอให้พ่อกับแม่ฉันมาก่อน” พูดจบฮารุก็หันกลับไปมองที่เตียงคนไข้ต่อโดยปล่อยให้หญิงสาวยืนสะอื้นอยู่ด้านหลัง สักพักเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมก็ขอตัวกลับเพราะว่ายังไงก็ไม่ได้คุยกับคนป่วยอยู่แล้วค่อยมาวันหลังก็ได้
“เธอ ชื่ออะไร” ฮารุหันกลับมาสนใจหญิงสาวทันทีที่เพื่อนๆกลับไปแล้ว
“ฉันชื่อ มายเลิฟ เรียกว่ามายก็ได้”หญิงสาวตอบ
+++++++
คุยกันสบาย ๆ ฮับ เรื่องนี้เรื่องแรกที่ลองแต่งอย่างจริงจัง อยากแต่งให้จบสักเรื่องหลังจากที่พยายามมานาน ก็ออกมาแล้วนะฮับ ตอนแรก ไม่ถูกใจก็ติ ถูกใจก็ชมนะฮับ หวังว่าคงจะสนุกไปด้วยกัน
++++++
+ANG EL+
กลางดึกของคืนหนึ่งเสียงรถยนต์สุดหรูโลดแล่นบนท้องถนนอย่างรวดเร็วโดยคนขับหน้าหล่อ ที่ตอนนี้แม้หน้าจะบึ้งตึงแค่ไหนก็ยังคงหล่ออยู่ ยังไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงขับรถเร็วแบบนี้ถึงแม้ว่าในตอนนี้บนถนนสายหลักจะมีรถน้อยลงแล้วก็ตาม
เอี๊ยดด!!! ปัง!!
เสียงจอดรถดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงปิดประตูรถของเจ้าของรถที่พอจอดเสร็จก็ไม่รีรอที่จะให้รถนิ่งสนิทเสียก่อน
ก่อนหน้านั้น
“ฮารุ ลูกอยู่ไหน” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังก้องอยู่ในโทรศัพท์
“ผมอยู่ที่คอนโดครับ แม่” ชายหนุ่มที่ชื่อ “ฮารุ” ตอบกลับปลายสาย
“ฮารุ..ฮึก ฮึก”เสียงสะอื้นดังมาจากปลายสาย ทำให้ชายหนุ่มรีบถามกลับอย่างเป็นกังวลทันที
“แม่ครับ เกิดอะไร ขึ้นครับ ใครเป็นอะไรแล้วแม่ร้องไห้ทำไมครับ” ชายหนุ่มเร่งเร้าปลายสายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเริ่มร้อนรนแล้ว
“ฮึก ฮารุ คือ น้อง น้องของลูก ฮึก ฮิโระ โดนรถชนลูก ฮืออออ” พอพูดจบปลายสายก็ปล่อยโฮทันที
“อะไรนะครับ!! เจ้าฮิโระ โดนชน บ้าชิบ!!” ฮารุสบถออกมาหลังจากที่สายถูกตัดไป แล้วเขาก็รีบออกจากคอนโดหรูทันที เพื่อตรงไปที่โรงพยาบาลที่น้องชายเขารักษาตัวอยู่
กลับมาที่โรงพยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน
“แม่ครับ น้องเป็นไงบ้างครับ แล้วเข้าไปนานรึยัง แล้วรู้รึยังครับว่าใครชน” ด้วยความเป็นห่วงน้องชายมากเขาถึงต้องถามคำถามรวดเดียวกับมารดาของเขา
“ฮึก ยังเลยลูก แต่ว่าน้องน่ะเข้าไปสักพักแล้วละ หมอยังไม่ออกมาเลย” หลังจากบอกลูกชายคนโตเสร็จเธอก็โผเข้ากอดชายหนุ่มทันที ด้วยความที่อ่อนแรง และร้องไห้อย่างหนักทำให้เป็นลมหมดสติไป ร้อนถึงต้องหามเข้าห้องผู้ป่วยเพื่อให้นอนพัก
เวลาผ่านไป สองชั่วโมงแล้วหลังจากที่ฮารุมาถึง หมอก็ยังไม่ออกมา
“โถ่ โว้ย ใครมันชนว่ะ” ฮารุสบถเสียงดังทำให้ทุกคนที่สัปหงกอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตกใจ และมองมาที่เขาเป็นแนวเดียว นั่นก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียวยังมีคนอื่นๆอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของน้องชาย หรือแม้กระทั่งคนขับรถของที่บ้าน
แอ๊ด เสียงของประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดโดยหมอที่รักษา “ฮิโระ” เดินออกมาพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่เขนเตียงคนไข้ออกมาซึ่งหน้าจะเป็นน้องชายเขานั่นแหละ ไม่ทันที่หมอจะเอ่ยถามหาญาติผู้ป่วย เขาก็ตรงเข้าไปหาหมอทันที
“หมอครับ น้องผมเป็นไงบ้าง” ฮารุเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้น้องชายคุณปลอดภัยแล้วครับ ที่ต้องรอดูต่อไปคือเรื่อง แขนและขาของน้องชายคุณที่หักไป” หมอบอกกับฮารุพร้อมทั้งแนะนำเรื่องการรักษาให้เขาฟังพร้อมๆกับย้ายห้องผู้ป่วย หลังจากรู้ว่าฮิโระปลอดภัยแล้วเหล่าเพื่อนๆก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนทันที
[Haruki Talk ]
ห้องผู้ป่วย V.I.P 1009 ฮิโรยูกิ คาเซงาว่า
ครับผมฮารุ หรือ ฮารุกิ คาเซงาว่า คงจะยังไม่รู้จักกันสินะครับเพราะผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ปีนี้ผม 20 แล้วละครับ อยู่ปี3 มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งคณะที่ผมเรียนก็คงไม่พ้นบริหารหรอกเพราะต้องดูแลกิจการทางบ้าน
ถึงผมจะรักสนุกแค่ไหนแต่การเรียนผมก็เป็นเลิศครับ อย่างที่รู้กันนั่นละว่าผมเป็นพี่ชายของคนที่นอนอยู่ในห้องผู้ป่วยห้องนี้ ผมนั่งมองหน้าคนที่หน้าตาเหมือนผมทุกอย่าง ต่างก็แค่สีผมที่เจ้าน้องตัวดีของผมไปทำมา ผมเป็นแฝดกันครับ หน้าเลยเหมือนกัน แต่ผมเป็นพี่เพราะผมเกิดก่อนเจ้านี่ไม่กี่นาทีครับ(ของผมเกิดที่ญี่ปุ่นนะเลยไม่ได้นับความเป็นพี่น้องแบบคนไทย แต่แม่ผมไทยแท้นะครับ)
ภายในห้องพักมีเครื่องวัดหัวใจและสายอะไรต่อมิอะไรอยู่มากมาย ซึ่งผมก็บอกไม่ถูกหรอกเพราะผมไม่ได้เป็นหมอนิ ผมละอยากรู้จริงๆ ว่าใครมันชนน้องผมทั้งๆ ที่พวกผมไม่ค่อยจะมีปากเสียงกับใครอยู่แล้ว
พวกผมรักสงบ แต่เวลาโดนท้าพวกผมก็สู้นะครับ เพราะว่ามันสนุกเวลาได้จัดการพวกกระจอกๆ สงสัยน้องผมต้องโดนพวกนั้นเล่นทีเผลอ ผมหวังว่ามันจะฟื้นเร็วๆ จะได้รู้สักทีว่าพวกไหนผมจะได้ไปเก็บมัน บังอาจมากที่มาทำหน้าที่เหมือนผมขนาดนี้เขียวไปหมด
เห็นผมกับมันเป็นผู้ชายด้วยกันแบบนี้ไม่คิดละสิว่าจะสนิทกัน อันที่จริงมันก็เพราะความเป็นแฝด นั่นอีกอ่ะแหละทำให้พวกเราเข้าใจกัน บางครั้งก็ไม่ต้องพูดเราสองคนก็รับรู้ได้ทันทีว่าใครต้องการอะไร ผมเป็นห่วงมันมาก เพราะมันอ่ะไม่ค่อยระวังตัว เฮ้อ ฟื้นเร็วๆนะไอ้น้องชาย
[End Talk]
ห้องผู้ป่วยอีกห้อง
“คุณแม่เป็นไงบ้างครับ ป้าน้อย” ฮารุที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามแม่บ้านที่ดูแลแม่เขาอยู่ทันที
“คุณท่าน ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ คุณฮารุ”แม่บ้านคนนั้นตอบกลับ
“ครับ งั้นผมฝากป้าดูคุณแม่ก่อนนะครับผมจะกลับไปเอาของที่คอนโด แล้วจะมาเฝ้าเจ้าฮิโระ”ฮารุพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปยังลานจอดรถชั้นล่าง เพื่อกลับคอนโดของเขาทันที
ที่เลือกอยู่คอนโดก็ไม่ใช่อะไรมากหรอกเพราะทั้งเขาทั้งคนที่นอนเจ็บอยู่ ต่างก็ชอบเที่ยวจึงไม่อยากจะรบกวนคนที่บ้านต้องตื่นมาเปิดประตูให้เท่าไหร่
และที่สำคัญมันสะดวกกับการไปมหาลัยมากที่สุด วันไหนไม่มีเรียนค่อยกลับบ้านไม่ก็เสาร์ อาทิตย์ แต่มีสำคัญมากกว่านั้นคือเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ จะสบายกว่าอยู่บ้านเพราะอยู่บ้านเสียงดังแล้วพ่อกับแม่จะบ่นเอานะสิ
หลังจากกลับจากคอนโดเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บบางส่วนมาไว้ใส่เพื่ออยู่เฝ้าคนป่วย เขาก็รีบกลับมาที่ โรงพยาบาลทันที เผื่อว่าผู้เป็นแม่จะฟื้นหรือไม่ก็น้องชายเขาจะฟื้นขึ้นมา
ห้องผู้ป่วย(ห้องฮิโระ)
แอ๊ดด เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายที่แม้จะดูสูงวัย แต่เขายังคงดูหล่อ ใบหน้าที่บ่งบอกว่าเหนื่อยล้าเล็กน้อยกับการทำงาน เดินมาหยุดที่ปลายเตียงของคนไข้ที่เป็นลูกชายคนเล็กของเขา
นี่เขาไปประชุมที่ญี่ปุ่นแค่สองวัน เจ้าลูกชายของเข้าก็โดนรถชน ใครมันทำแบบนี้กับลูกเขาไม่ตายดีแน่ แต่เขาก็ทำได้แค่คิดในใจ ก่อนที่จะเดินออกไปยังห้องอีกห้องที่อยู่ช้างๆเพื่อไปดูอาการของภรรยาที่เป็นลมเพราะร้องไห้มากไป
เพียงแค่เปิดประตูก็เจอเข้ากับลุกชายคนโตที่หอบกระเป๋าเดินสวนทางจะเข้าข้างในห้องผู้ป่วย
“สวัสดีครับโต้ซัง” ฮารุเอ่ยทักทายผู้เป็นพ่อ ซึ่งพ่อเขาเป็นคนญี่ปุ่น (โต้ซังมาจาก โอโต้ซัง ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าพ่อ)
“อืม แล้วรู้รึยังว่าใครชนน้อง”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามทันที
“ยังครับ ตอนนี้ให้สายผมสืบอยู่”ผู้เป็นลูกจ้องตากับพ่อแล้วตอบคำถามทันที
“ดี เอาให้ชัดเจนละ แล้วค่อยคุยกันฉันไปดูแม่แกก่อน”ผู้เป็นพ่อตบบ่าลูกชายเบาๆก่อนจะเดินออกไปยังอีกห้อง
[ Haruki Talk ]
ครับมาที่ผมอีกรอบตอนนี้ผมไปเอาเสื้อผ้ามาแล้ว ผมไม่ได้พิศวาสมันมากหรอกแต่ที่ต้องมานอนเฝ้าน่ะเพราะป้องกันคนที่ชนมันจะมาซ้ำมันมากกว่า ระหว่างที่รอมันฟื้นมาฟังประวัติพวกผมดีกว่าครับ
ผมอย่างที่รู้กันว่าชื่ออะไรอายุเท่าไหร่ไปแล้วมาต่อกันดีกว่าครับ ผมกับฮิโระ นะดูจากชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นลูกครึ่งแน่นอน แม่ผมไทย โต้ซังของผมเป็นญี่ปุ่น ตอนเด็กๆพวกเราเกิดที่โน่น โตที่โน่น ตอนเกิดโต้ซังบอกว่าวันนั้นที่ญี่ปุ่นอากาศแปรปรวนมากแต่พอผมกับน้องออกจากท้องแม่มาแล้วทุกอย่างสงบเงียบมากเลยละ
ส่วนการกลับมาอยู่ที่ไทยก็ตอนพวกผมอยู่มัธยมปลายแล้วละ นานมากๆที่อยู่ญี่ปุ่น แต่ปิดเทอมก่อนหน้าจะมาอยู่ถาวรพวกเราก็กลับมานะ มาหาคุณยาย คุณตาแล้วก็ญาติๆทางฝั่งแม่บ้างส่วนบางเทอม
ผมสองคนจะถูกส่งไปอเมริกา เพื่อไปฝึกภาษา ง่ายๆคือซัมเมอร์ ไปพักอยู่กับญาติๆอีกอ่ะแหละครับ แต่ผมเลือกค่ายที่ต้องไปพักกับเขาเลยไม่ได้อยู่บ้านซักเท่าไหร่ ค่ายสนุกมากเลย แต่แปลกค่ายชื่อมันออกจะเป็นแนวพัฒนาสังคม แต่กลับกันพวกผมไม่ได้ออกไปพัฒนาที่ไหนแต่กลับได้เรียนศิลปะป้องกันตัวทุกอย่าง ยิงปืนยังได้ฝึก มิหนำซ้ำนะยังต้องฝึกหัดคอมพิวเตอร์ชั้นสูง
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับเพราะสนุกที่ได้ทำกิจกรรม เด็กที่เข้าค่ายกับพวกเรามีทุกประเทศเลยมั้งเยอะมากแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น หลังจากหมดซัมเมอร์พวกผมก็ต้องกลับมาเตรียมสอบเข้ามัธยมที่เมืองไทยแล้วและก็ไม่ได้เข้าร่วมค่ายอีกเลย ผมเสียดายมาก
กลับมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้ก็เกือบสว่างแล้วละ แต่ผมไม่ง่วงนะ นั่งโม้ไปกับอ่านชีทที่แบ่งงานมาจากเพื่อน(เพื่อนโยนมามากกว่า)ฆ่าเวลาไม่อยากหลับเพราะกลัวมันตื่นมาแล้วโวยวาย เพราะผมเป็นคนหลับแล้วปลุกยากมาก
"แค่ก ๆ" เสียงไอ ดังขึ้นมาเบาๆ แต่ผมที่อยู่ใกล้ๆอยุ่แล้วย่อมได้ยิน ผมวางชีททันทีแล้วลุกขึ้นไปดูมัน มันฟื้นแล้วครับ กระพริบตาปริบๆเลย
“น้ำ ขอน้ำ” เสียงแหบพร่าของฮิโระที่เพิ่งฟื้น ร้องขอน้ำเพราะคอแห้งมากนั่นเองละมั้งผมว่านะ
“อืมๆ นี่ๆ ค่อยๆ จิบละ เดี๋ยวสำลัก” ผมบอกมันเบาๆพร้อมกับจับแก้วน้ำให้ด้วย มันไม่มีปัญญาหรอกตอนนี้ เพราะข้างเดี้ยงอีกข้างสายน้ำเกลือ เหอๆ เห็นสภาพแล้วก็สงสารมัน
“ขอบใจ” มันเอ่ยเบาๆเพราะมันพูดแรงไม่ได้ กระเทือนปากที่ช้ำอยู่ สักพักหมอก็เข้ามาครับ ผมกดเรียกเองแหละ เขาสั่งไว้นิ ว่ามันฟื้นให้ตามหมอด้วย แต่มันฟื้นเร็วดีนะ
[ End Talk ]
หลังจากที่ฮิโระฟื้นทั้งหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการ อีกรอบเพื่อเอาไปวินิจฉัยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง
“คนไข้ฟื้นตัวเร็วมากเลยนะครับ แค่นี้ก็หายห่วงแล้วละครับ เหลือแต่แขนขาที่หัก รวมกับกายภาพบำบัดก็ประมาณสามเดือนครับ ถึงจะหายเป็นปรกติ”หมอบอกก่อนจะออกไปจากห้อง
ตอนนี้ในห้องของฮิโระมีทั้งโต้ซัง แม่ ที่ฟื้นแล้ว ฮารุ และ เหล่าคนงานในบ้านที่มาดูแลทั้งคนเจ็บทั้งคนเป็นแม่คนเจ็บก่อนที่คนทั้งหมดจะขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนเหลือไว้เพียงฮารุที่อยู่เฝ้าน้องชายต่อ ซึ่งฮารุมารู้ทีหลังว่าโต้ซังนั้นประชุมเสร็จก็บินกลับมาทันที บ้านนี้เขาก็เป็นแบบนี้ละ มีกันอยู่แค่ไม่กี่คน ก็ต้องรักกัน
วันต่อมา ที่โรงพยาบาลอีกเช่นเคย แต่กลุ่มคนเยี่ยมเป็นเหล่าผองเพื่อนสนิทของทั้งสองคนนั่นเอง
“เฮ้ย หวัดดี ฮารุ ฮิโระฟื้นยังว่ะ” เพื่อนคนแรกที่เข้ามาในห้องถามอาการคนป่วยทันทีและตามด้วยคนอื่นๆอีกสามคน
“ฟื้นแล้วเมื่อเช้า เพิ่งกินยาแล้วนอนหลับไปเอง” ฮารุเอ่ยตอบเพื่อนๆ
“อืม แล้วนายรู้ยังว่าใครชนมัน” เพื่อนอีกคนในกลุ่มถามขึ้น
“ยังเลย แต่สืบอยู่ ฉันต้องการละเอียดๆ เลยช้าหน่อย แต่ไม่เป็นไร” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆแต่แววตาไม่ได้สบายด้วยเลย หากใครที่สนิทกันจะรู้ว่าแววตาแบบนี้ของเขานั้นมุ่งมั่นและอันตรายมาก
“แล้วฮิโรยูกิจะหายดีเมื่อไหร่เหรอ” สาวน้อยหนึ่งในกลุ่มคนมาเยี่ยมเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
“ถ้าหายขาดก็คงจะประมาณ สามเดือนน่ะหมอบอกมาแบบนี้” ฮารุหันกลับไปตอบหญิงสาว
“นานจัง แล้วเรื่องเรียนละ” หญิงสาวคนเดิมยังคงถามต่อ
“ก็ออกจากโรงพยาบาล เมื่อไหร่ก็ไปเรียนได้แล้วละ แต่ต้องกลับมาทำกายภาพอีกไง” ฮารุยังคงตอบด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเดิม เขาไม่รู้หรอกว่าหล่อนจะถามเอาอะไรมากมาย เพราะไม่เคยเห็นหน้าเลยไม่รู้ว่ามาได้ยังไง
“อืม เข้าใจแล้วละ” หญิงสาวตอบ
“เฮ้ เดี๋ยวก่อนเธอเป็นใครไม่เคยเห็นหน้าเลย มาได้ไง” ฮารุหันกลับไปทางหญิงสาวทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม พร้อมกับคิดในใจ แล้วนี่ตอบคำถามยัยนี่ไปตั้งเยอะ เพิ่งมานึกได้ว่าไม่รู้จักหล่อนเลย
“เอ่อ..ฉะ ฉัน” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ผิดจากตอนที่ถามอาการเมื่อครู่
“เอ้า ตอบสิ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่นิยมทำร้ายผู้หญิง” ฮารุหันไปถามย้ำอีกครั้งพร้องสบถออกมาเบาๆแต่ก็ทำให้เพื่อนที่นั่งข้างๆได้ยิน “ใครปล่อยให้ยัยนี่เข้ามาฟระ”
“เอ่อ ฮารุ คือเขาขอเข้ามากะพวกเราเองแหละ”เพื่อนคนที่ได้ยินชัดที่สุดอธิบายให้เขาฟังว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาได้ยังไง “คือฉัน ฉัน..”แต่ยังไม่ทันจะพุดอะไร ฮารุก็ขัดขึ้นมาอีกรอบ
“โอ๊ย ฉันอะไรนักหนาเนี่ย เร็วๆ”น้ำเสียงตะคอกแต่ก็ไม่ดังไปกว่ากระซิบ
“ฉันเป็นคนชนฮิโรยูกิเอง!!” หญิงสาวตอบเสียงดังฟังชัด ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เพื่อนๆที่มาเยี่ยมต่างตกใจ และฮารุก็ด้วย แต่เขาก็สติไวกว่า เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง
“เธอ ว่าไงนะ เธอขับชนน้องฉัน” ฮารุถามกลับอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่ ฉันเอง แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยนะ ฉันกำลังหาของที่หล่นอยู่ที่เบาะด้านข้างแล้วไม่ทันมองว่ามีคนเดินข้ามถนนมา ก็เลยเป็นอย่างที่รู้กัน ฉันไม่ได้ตั้งใจหนีนะ ฉันตกใจเลยรีบกลับไปที่บ้านก่อน” หญิงสาวตอบย้ำพร้อมอธิบายสาเหตุเสร็จสรรพ
“ที่น้องฉันต้องมานอนเจ็บ แบบนี้ แล้วซ้ำแม่ฉันยังเป็นลมเพิ่งกลับบ้านไป เพราะเธอ ถามจริงใบขับขี่ซื้อมาไงห๊ะ!” ฮารุตะคอกกลับอย่างสุดจะทนเขากดโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปแจ้งทั้งที่บ้านว่ารู้แล้วใครทำและโทรแจ้งลูกน้องที่ให้ไปสืบว่าเลิกสืบ แต่สายตายังคงจับจ้องที่หญิงสาวอย่างไม่กระพริบ
“เธอ..”ฮารุเรียกหญิงสาวทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย “เฮ้อ ไม่ต้องตกใจ ฉันแค่จะถามว่าเธอจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง” ฮารุเอ่ยถาม
“ฉัน ฮึก..จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและ ฮึก จะคอยดูแลคนป่วยให้ ฮึก” หญิงสาวตอบไปสะอื้นไปเพราะว่าตกใจเสียงของฮารุ
“เฮ้ย เธอร้องไห้ โอเคฉันขอโทษที่ตะคอก แต่ตอนนี้เธอหยุดร้องก่อน ฉันไม่ใช่คนตัดสินใจ รอให้พ่อกับแม่ฉันมาก่อน” พูดจบฮารุก็หันกลับไปมองที่เตียงคนไข้ต่อโดยปล่อยให้หญิงสาวยืนสะอื้นอยู่ด้านหลัง สักพักเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมก็ขอตัวกลับเพราะว่ายังไงก็ไม่ได้คุยกับคนป่วยอยู่แล้วค่อยมาวันหลังก็ได้
“เธอ ชื่ออะไร” ฮารุหันกลับมาสนใจหญิงสาวทันทีที่เพื่อนๆกลับไปแล้ว
“ฉันชื่อ มายเลิฟ เรียกว่ามายก็ได้”หญิงสาวตอบ
+++++++
คุยกันสบาย ๆ ฮับ เรื่องนี้เรื่องแรกที่ลองแต่งอย่างจริงจัง อยากแต่งให้จบสักเรื่องหลังจากที่พยายามมานาน ก็ออกมาแล้วนะฮับ ตอนแรก ไม่ถูกใจก็ติ ถูกใจก็ชมนะฮับ หวังว่าคงจะสนุกไปด้วยกัน
++++++
+ANG EL+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น