คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบกันครั้งแรก
CAFÉ STORY
PART 1 : พบกันครั้งแรก
“ฮึ้ม ฮืมม ฮึมมม...”
หญิงสาวร่างบางฮึมเพลงเบาๆในลำคอ พร้อมกับเทเมล็ดกาแฟที่เธอเพิ่งไปซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตลงไปในเครื่องคั่ว ทุกๆเช้าเธอจะต้องตื่นออกจากบ้านไปซื้อวัตถุดิบมาทำเค้กและกาแฟ ของทุกอย่างในร้านสดใหม่แถมยังราคาไม่แพงมาก ทำให้ร้านนี้เป็นที่นิยมของพนักงานออฟฟิศในละแวกนั้น
คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล เป็นร้านขนาดเล็กที่ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีร้านตั้งอยู่ ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ลูกค้าขาประจำที่มาอุดหนุน รายได้ที่หญิงสาวได้รับจากลูกค้าเหล่านี้มากพอที่จะใช้จ่ายมันอย่างพอกินพอใช้ ทั้งๆที่เธอจบบริหารมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแต่เธอก็ยังไม่ไปทำงานอย่างอื่น..
เพราะคาเฟ่แห่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอได้รับมาจากแม่..
แม่..ผู้หญิงที่เธอรักและเทิดทูนมากที่สุด จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ.. เป็นความผิดของเธอเอง ถ้าในวันนั้นเธอไม่ปล่อยให้แม่ไปซื้อของคนเดียว แม่ก็คงไม่ต้องไปอยู่บนนั้นหรอก..
พลันคิดเรื่องนี้ขึ้นมา มือของหญิงสาวก็หยุดการกระทำทุกอย่างลง เธอทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหลังเคาน์เตอร์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยปิดลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำใสๆไหลรินลงมา เธอคิดถึงแม่เหลือเกิน.. เธอเกลียดการอยู่คนเดียว ความเหงาในตอนกลางคืนเธอยิ่งเกลียดมัน ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่แม่ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ อยากจะย้อนเวลากลับไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นอีกสักครั้ง..
กริ๊งๆ
ประตูไม้สีน้ำตาลถูกเปิดออกด้วยแรงใครคนหนึ่ง กลิ่นหอมของเค้กและเมล็ดกาแฟพวยพุ่งเข้าจมูกเขาเต็มๆ สองขายาวก้าวเข้ามาในร้าน ใบหน้าของผู้มาเยือนดูหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะวันนี้น้องชายแสนรักดันไม่อยู่บ้าน เขาเลยต้องออกมาซื้อเค้กร้านโปรดด้วยตัวเอง คนใช้ที่มีก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด ร่างโปร่งเดินไปหยุดอยู่ที่ตู้เค้ก เขาก้มตัวลงยื่นหน้าเข้าไปจนเกือบติดกระจก ตาเรียวกำลังไล่สายตาไปตามชั้นเค้กต่างๆอย่างตั้งใจ แต่ยังไม่ทันเลือกเค้กได้สายตาของเขาก็ดันไปเห็นอะไรบางอย่าง บางอย่างที่อยู่หลังตู้กระจก..
ร่างสูงเหยียดตัวขึ้นแล้วยื่นตัวไปดูบางอย่างที่อยู่หลังตู้กระจก ภาพที่เขาเห็นคือสาวน้อยตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่พื้น ร่างโปร่งยิ้มออกมานิดๆแล้วเริ่มสังเกตเธอ ดูจากผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ่อนก็รู้ได้เลยว่าสาวน้อยคนนี้ต้องเป็นคนขายแน่นอน
ร่างสูงไม่คิดจะปลุกเธอให้ตื่นเลยซักนิด เขายังจ้องเธอต่อไป ใบหน้ารูปไข่มีปากจิ้มลิ้มสีชมพูเรื่อ จมูกโด่งที่รับกับหน้าและดวงตาที่ตอนนี้เขาเริ่มอยากรู้แล้วว่าถ้าลืมขึ้นมาจะสวยขนาดไหน
เหมือนสาวน้อยคนขายจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เปลือกตาอ่อนขยับเปิดขึ้นแล้วกระพริบๆ พอการมองเริ่มชัดขึ้น สายตาก็ต้องสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนของคนตรงหน้า
นี่มันอะไร? ทำไมผู้ชายหัวทองคนนี้ต้องมายืนยิ้มจ้องหน้าเธอ?
“อืมมม” เมื่อไรเขาจะเลิกจ้องเนี่ย! เธอบ่นอุบอิบในใจ นี้เขาจ้องจนเธออึดอัดแล้วน่ะ! สาวน้อยเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาผู้ชายตรงหน้า เมื่อมองเห็นสภาพรอบๆ เธอก็เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องมาจ้องเอาๆ
“ฮ่าๆๆๆ เอ่ออ” ร่างบางรีบยันตัวเองขึ้นจากพื้นพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนความอายที่ให้คนแปลกหน้ามาเห็นเธอนั่งหลับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขายังเอาแต่จ้องโดยไม่พูดอะไรซักคำ หญิงสาวสบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอีกครั้งก่อนจะรีบก้มหน้าปัดๆผ้ากันเปื้อน เธอสูดหายใจเข้าอีกครั้งก่อนจะเปิดประโยคสนทนา
“รับ..อะไรดีค่ะ?” คำถามถูกส่งมาแต่คนพูดกลับไม่มองหน้าเขาเลย ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว ก่อนจะตอบกลับเธอไป
“ขอเป็นนิวยอร์คชีสเค้กชิ้นนึงครับ”
“จะนั่งทานที่นี้หรือว่าห่อกลับบ้านค่ะ?”
“ห่อกลับบ้านครับ”
เค้กชิ้นเล็กถูกหยิบออกมาจากตู้กระจกแล้วบรรจงใส่กล่องอย่างสวยงาม เธอยังก้มหน้าก้มตาทำงาน ส่วนเขาก็มองตามร่างเล็กนั้นไปเรื่อยๆ
“นี้เค้กของคุณค่ะ” กล่องสีขาวถูกเลื่อนไปข้างหน้า
“เท่าไรครับ?”
“สามพันวอนค่ะ”
ชายหนุ่มหยิบแบงค์พันวอนสามใบออกมาจากกระเป๋าตังค์หนังสีแดงราคาแพง เขายื่นมันไปให้คนขายที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเงินมาโดยที่ใบหน้ายังคงก้มลงเหมือนเดิม
ตืดๆ
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะหุบลง เขาเอื้อมมือไปคว้าถุงพลาสติกใสบนเคาน์เตอร์แล้วรีบหันหลังเดินออกจากร้านไป..
ทันทีที่ประตูไม้ปิดลงหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมา เธอค่อยๆคลี่ยิ้มให้กับตัวเอง นานแค่ไหนแล้วนะที่หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขนาดนี้ รอยยิ้มและนัยน์ตาน้ำตาลอ่อนยังวนเวียนอยู่ในหัว คิดแล้วก็อยากด่าตัวเองที่เอาแต่ก้มไม่ยอมมองหน้าเขาคนนั้น น่าเสียดายที่เธอคงไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก วันนี้คงเป็นวันดี..ผู้ชายดูดีขนาดนั้นถึงได้หลงมาเข้าร้านเค้กเล็กๆของเธอ...
****************************************************************
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์นมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งจิบชาอยู่บนโซฟาหนังสีดำ สูทสีเทาคัตติ้งเนี้ยบบ่งบอกถึงฐานะทางการเงินที่ยอดเยี่ยม ใบหน้านิ่งและดวงตาคมสีดำทำให้ชายผู้นี้ดูน่าเกรงขามกว่าคนอื่นทั่วๆไป
ปัง!!
เสียงปิดประตูดังไปทั่วห้อง 'ควอน ทงชิน' เงยหน้าขึ้นมามองลูกชายของตนที่กำลังเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาอีกด้านหนึ่ง เขาวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะเตี้ยสีดำข้างหน้าแล้วหันไปทางเจ้าลูกชายคนโตของบ้าน
“แกได้ติดต่อกับหนูแชรินบ้างไหม?” ทงชินเอยถามขึ้นเสียงเข้ม
“ก็นานๆที”คำตอบเรียบสั้นออกมาจากปากลูกชาย
“แกควรติดต่อเขาให้บ่อยๆนะ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานกัน หรือถ้าแกว่างก็บินไปเยี่ยมเค้าที่อเมริกาดูสิ พ่อว่าหนูแชรินเค้าชอบแกนะ”
“พ่อ!!” ชายหนุ่มตะโกนขึ้นมาพร้อมหันหน้ามาทางพ่อของตน
“ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ! ผมคิดกับแชรินแค่น้องสาวแล้วผมจะไม่มีวันคิดกับเธอมากกว่านั้นแน่”
“แต่ถ้าแกแต่งงานกับเขา บริษัทเราก็จะกลายเป็นบริษัทส่งออกรถที่หนึ่งของเอเชีย ครอบครัวหนูแชรินเป็นถึงอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเกาหลี แกควรจะแยกแยะ ว่านี่มันเป็นเรื่องของธุรกิจ”
“พ่อนั้นแหละที่ต้องแยกแยะ! ถ้าแต่งงานเพราะธุรกิจแล้วต้องมาเป็นพ่อม่ายแบบพ่อ..หึ ผมไม่แต่งหรอก!!”
“จียง!!!” ทงชินตะคอกเสียงลั่น เจ้าลูกชายตัวดีมันกล้ามาพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง!! ทำไมมันถึงไม่เข้าใจว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่ออนาคตมันเองแท้ๆ
ปัง!!!!!!
ไม่ทันที่คนเป็นพ่อจะได้พูดอะไรต่อ ลูกชายตัวดีก็บิดประตูออกไปแล้วเรียบร้อย..
*******************************************************************
ตั้งแต่เล็กเขามักจะเห็นพ่อและแม่ทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ สำหรับเด็กแล้ว ความรักของคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มันคือความอบอุ่นที่เขาอยากมีเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ได้ไปเที่ยวกับพ่อและแม่ ดูหนังด้วยกัน ไปทะเลกับครอบครัว
ทุกอย่างที่ว่ามานั้น..อย่าได้หวัง..แค่อยู่ด้วยกันให้เกินห้าชั่วโมงยังเป็นเรื่องยากของพ่อและแม่ จียงและซึงรีเติบโตมาแบบมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนบนโลกล้วนปรารถนาอยากจะมี แต่พวกเขาไม่เคยรู้สึกดีกับมันซักนิด ทุกคนที่เข้ามาคบหามีแต่หวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เพราะสาเหตุนี้ทำให้สองพี่น้องสนิทกันอยู่แค่สองคน พอเรียนมัธยมต้นพ่อกับแม่ก็อย่ากัน แม่บินไปแต่งงานใหม่ที่ประเทศอังกฤษปล่อยให้เขากับซึงรีอยู่กับพ่อ หลายคนบอกว่าจียงเป็นเด็กก้าวร้าวเพราะไม่มีแม่คอยสั่งสอน แต่ถ้าใครได้รู้จักเขาดีๆละก็จะรู้ว่าภายในของผู้ชายคนนี้เป็นคนที่อ่อนโยนมาก
จียงถูกเลือกให้เป็นผู้บริหารคนต่อไปของ G.D.D บริษัทส่งออกรถที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีต่อจากทงชิน และมันทำให้เขาถูกจับคลุมถุงชนเพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดบริษัท แต่เขาคิดว่าเขาโตพอที่จะตัดสินชีวิตของตัวเองแล้ว พ่อไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้เขาแต่งงานกับใครก็ตามที่เขาไม่ได้รัก
ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินในเวลาเย็น แลมโบกินีสีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์สุดหรู ไฟสีเหลืองเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัติทันทีที่รถผ่านประตูรั่ว คฤหาสน์โมเดิร์นส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ จียงขยับตัวลงจากรถสปอร์ตราคาแพง ผมสีทองที่ไม่ได้เซ็ทถูกลมพัดให้เสียทรงเล็กน้อย ชายหนุ่มเดินแกว่งถุงพลาสติกใสเข้ามาภายในบ้าน เขารีบตรงดิ่งไปยังห้องครัวแล้วแกะกล่องกระดาษสีขาวออกอย่างระมัดระวัง เค้กชิ้นเล็กที่ควรจะอยู่ในท้องตั้งแต่ตอนเช้าถูกจัดใส่จานแก้วใบสวย เขาไม่ลืมที่จะหยิบส้อมแล้วเดินไปในห้องรับแขก
จียงนั่งทานนิวยอร์คชีสเค้กอย่างอารมณ์ดี ใครจะรู้ว่าผู้ชายอย่างเขาถ้าได้กินเค้กร้านนี้ก็สามารถลืมทุกอย่างได้เลย จียงให้ซึงรีไปซื้อเค้กมาให้เขาทานเกือบทุกวัน แต่แปลกที่ไม่ว่าเขาจะอัดของหวานเข้าไปเท่าไหร่ รูปร่างก็ไม่ได้อ้วนขึ้นซักนิด
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างเขาเริ่มคิดถึงเรื่องในวันนี้ คนขายเค้ก..เขาคิดมาตลอดว่าคนที่ทำเค้กออกมาได้อร่อยขนาดนี้จะต้องมีประสบการณ์มามากแล้ว แต่คนทำกลับเป็นสาวน้อยร่างเล็กคนนั้น อายุของเธอน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขาก็เป็นได้.. จียงกินไปยิ้มไปอย่างลืมตัว เขาว่าต่อไปซึงรีคงไม่ต้องออกไปซื้อเค้กมาให้เขาแล้วล่ะ
***********************************************************
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาภายในบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก บนเตียงไม้ในห้องนอนมีร่างบางที่อยู่ในชุดกระโปร่งสีชมพูกำลังนอนหลับยิ้มพริมอยู่ ไม่ว่าในความฝันของเธอจะเป็นอะไรแต่อย่างน้อย คืนนี้ก็ไม่มีความเหงามารบกวนจิตใจ
‘กริ้งๆ’
...
‘อืมมม’
...
‘รับ..อะไรดีค่ะ?’
...
‘ขอเป็นนิวยอร์คชีสเค้กชิ้นนึงครับ’
...
.....
.......
*จบไปกับตอนแรกค่ะ!! ไรเตอร์พยายามขยี้หัวให้คิดคำบรรยายที่จะทำให้เห็นภาพ ไม่รู้ออกมาชอบกันรึป่าว? เห้อๆ อันนี้แถมๆๆคฤหาสน์สุดหรูตระกูลควอน!!>_<
ความคิดเห็น