ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Matel...มาเทล

    ลำดับตอนที่ #2 : ผู้เดินทาง (แก้ไข+อัพ45%)

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 50




    ขอบคุณทุกคนสำหรับ โอกาส "ครั้งแรก" ของข้าพเจ้า

    อยากให้ทุกท่านได้อ่านแม้สักครั้ง  

                    แม้จะไม่ใช่เรื่องราวที่ยอดเยี่ยม 

    แต่เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าตั้งใจแต่งจากใจจริง

     ตอนนี้เริ่มรู้สึก "รัก" การเขียนมากขึ้นเรื่อยๆ แปลกใจที่เป็นคนไม่เคยตั้งใจทำอะไรให้สำเร็จสักที

    อยากให้ฝันเป็นตัวตนกับคนอื่นเค้าบ้าง

    ภาษาก็จะพยายามปรับปรุงไปเรื่อยๆ

                          ขอบคุณ mawmeow ผู้ที่ให้คำแนะนำดีๆจากใจจริงค่ะ

    สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาอ่าน ไม่ว่าท่านจะเม้นหรือไม่ก็ตามที 

    ขอเพียงกวาดสายตาจนถึงตรงนี้ ก็ดีใจแล้วค่ะ ^ ^




                     



                                                                             ขอบคุณจากใจจริง
                                                                        
                                                                             ....petite chiene....

    -------------------------------------------------------------------------

    ฟู่... เสียงถอนหายใจยาวจากชายหนุ่มร่างสูงดังขึ้น ดาบเล่มใหญ่ถูกตวักเข้าฝักอย่างเรียบร้อย พร้อมกับเสียงปัดมือเรียบง่ายพอเป็นพิธี

    นัยน์ตาฟ้ากวาดมองพื้นในบริเวณ แสงแดดจ้าสะท้อนกับของเหลวสีแดงสดบนพื้น สายลมแผ่วพัดกลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่วจนน่าสะอิดสะเอียน ร่างไร้วิญญาณบนแผ่นหินเย็นเยีบยถูกย่ำและก้าวผ่านอย่างไม่ใยดี

     

    ไม่ปลอดภัยแล้วสินะเสียงแหลมเล็กของสตรีร่างเล็กจากขั้นบันไดริมทางเอ่ยขึ้นกลบความเงียบที่โรยตัว ใบหน้าหน้ามนเงยขึ้นสูงจากเดิม เส้นผมดำไหวตามแรงลมช้าๆ แต่นัยน์ตาครามยังคงสงบนิ่งราวกับไม่เห็นภาพศพตรงหน้า



    เวลา..... เหลือน้อยลงทุกที สตรีเจ้าของวลีชันกายลุกขึ้นเดินไปตามทางของแผ่นหิน ก่อนหันกายกลับไปอีกทาง ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วใช่มั้ย รีเมย์?

     

    ร่างของชายหนุ่มเจ้าของนามหันตามต้นเสียงที่ยังยืนรอคำตอบ เจ้าเองก็น่าจะรู้ โซเวีย

    สีหน้าของเด็กสาวดูซีดและเหม่อลอยอย่างผิดปกติ...

    “…..อืม.... ข้ารู้ดีน้ำเสียงสงบนิ่งตอบกลับ

    โซเวียหันกลับไปมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายอีกครั้ง สีหน้าเฉยชา กับนัยน์ตาคู่งาม ไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใดเหมือนเช่นเคย หญิงสาวกระชับดาบในมือแน่นขึ้นก่อนถอนหายใจยาว


    ข้าจะไปเวนเทลตามที่ท่านสั่ง เสียงแผ่วเบาดังลอดผ่านลำคอ เข้าสู่โสตประสาทของผู้ฟัง

     

    ........แม้จะไม่แสดงออก......แต่เขารู้ดี.........สิ่งที่อยู่ในใจของ เด็กสาวตรงหน้าคืออะไร


     

    ดวงตะวันยังฉายแสงแดดที่ร้อนผ่าวผ่านใบไม้หนาเป็นแสงสลัว โซเวียเดินออกไปไกลตามทางเข้าสู่วิหารที่เปรียบดั่งบ้านที่เธอเติบโตมาตลอด เกือบ10ปี   ในหัวมีเพียงเรื่องภาระหน้าที่ที่ต้องทำให้ลุล่วง

     



    ไม่ว่าจะอย่าไรก็ตาม
    ………...ในฐานะตัวแทน...

     

     



     

     

     

    เฮ้พ่อหนุ่ม จะนอนตรงนั้นอีกนานมั้ย ใกล้จะถึงเวนเทลแล้วนะเสียงตะโกนของชายชรา ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของรถม้า

    บรรยายกาศวุ่นวายของตลาดชานเมือง กับกลิ่นอายของฟางและกลิ่นเหม็นเขียวลอยฟุ้งไปทั่ว


    หา ถึงแล้วเหรอ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงยุ่งเหยิงจนดูน่าขันยันกายขึ้นจากกองฟางใหญ่บนเกวียนขนของ ใบหน้าอ่อนวัยมีสีหน้ากวนอารมณ์ พอกับดวงตาสีน้ำตาลแสดที่ฉายประกายเป็นมิตร

    เด็กหนุ่มยกมือขึ้นบัดเศษฟางออกจากหัวอย่างลวกๆ พลางหันซ้ายขวากวาดสายสำรวจไปทั่วบริเวณที่ไม่คุ้นตา

    นี่อยู่แถวไหนแล้วน่ะลุงผู้ถูกเรียกหันตามเสียง ก่อนจะเอ่ยคำตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

     


    แถวชานเมือง.... ถ้าจะเข้าไปเวนเทล ก็คงต้องเดินต่อไปเอง ทางในเมืองมันไม่กว้างนักหรอกนะ

    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูง ก่อนกระโดดลงจากเกวียนอย่างคล่องแคล่ว
    ขอบใจนะลุง ไว้เจอกันคราวหน้าข้าจะตอบแทนท่านบ้าง ว่าพลางจัดแจงปัดฝุ่นออกจากเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เปื้อนฝุ่นทรายแล้วหันมายิ้มยิงฟันด้วยดวงหน้าอารมณ์ดี


    ชายแก่หัวเราะเบาๆพร้อมกับส่ายหัวพลาง
    ไว้คราวหน้าน่ะนะ หึๆ บางทีข้าอาจจะตายแก่ตายก่อนได้เจอเจ้าอีกครั้งก็ได้....... เอาเป็นว่าข้าถามชื่อเจ้าไว้ก่อนดีมั้ย


     

    ฝ่ายคนได้รับคำตอบก็ยักไหล่เนิบๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยชื่อของตนอย่างว่าง่าย

    ยูรัส เซเฟอร์   ชายชราผงกหัวอย่างพอใจในความซื่อของบุรุษตรงหน้า รอยยิ้มสบายๆปรากฎบนใบหน้าคล้ำและเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ข้าจะจำไว้



    ยูรัสหันกายไปทางเข้าสู่เมืองก่อนจะโบกมืออำลาแล้วกล่าวคำขอบคุณเป็นครั้งสุดท้าย ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งก็หายลับไปในฝูงชน...


     

    นัยน์ตาสีเข้มมองภาพด้านหน้าอย่างหงุดหงิด ตลาดยามบ่ายคลาคล่ำไปด้วยฝูงชน เสียงตะโกนจากทางเดินทั้งสองฝั่งดังจนน่ารำคาญ เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งแสงแดดที่สร้างความร้อนอย่างไม่มีคำว่าปราณี ทางเดินยาวผ่านกลางเมืองไม่มีแม้แต่เงาของผืนผ้าใบ

    ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งไร้เงาเมฆจะเคลื่อนตัวมาบังแสงอันอบอ้าว ไม่ว่าดูตรงไหน ก็ไม่มีวี่แววจะเป็นเมืองใหญ่อันเป็นอันดับ2ในซิลล่า
    เวลมาร์ช 

     

    ในที่สุดความอดทนที่มีน้อยนิดก็หมดลง ยูรัสตัดสินใจปลีกตัวออกจากทางเดินกลางตลาดเข้ามาที่ทิ้งกายลงที่ข้างทางเดิน  หยาดเหงื่อเม็ดโตไหลอาบใบหน้า เด็กหนุ่มเปิดกระเป๋าเดินทางของตนออก พร้อมยื่นมือเข้าไปหยิบขวดบรรจุน้ำออกมาดื่มดับกระหาย


    ให้ตายเถอะ แย่ชะมัดเขาสถบกับตัวเองเบาๆ อากาศร้อน พื้นก็ร้อน น้ำก็ร้อน อารมณ์ก็เลยไปตามอุณหภูมิสภาพแวดล้อมที่รายล้อมกาย


            
    แย่จริง
    ! ให้ตายสิพ่อบ้า ลูกชายจะออกเดินทางทั้งที ไม่มีแม้แต่ม้าซักตัว ข้าวของก็ให้ซื้อเอง งบก็มีหน่อยเดียว แม้แต่ตอนส่งยังไม่มีคำอวยพรซักนิด


    อย่าทำชาวบ้านเค้าเดือดร้อนอีกล่ะ ไอ้ลูกบ้า


    ประโยคอำลาของผู้เป็นพ่อดังขึ้นในห้วงความคิด ทำเอาอารมณ์ที่เริ่มสงบนิ่งประทุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง

     

    นี่ถ้าไม่ได้เจอคุณลุงคนนั้น ป่านนี้เขาอาจจะกลายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้วด้วยซ้ำ ไอ้สัมภาระบ้าๆนี่ก็คอยฉุดแรงทุกครั้งที่ก้าวเดินจนขาสั่นแทบจะหมดแรงตายคาข้างทาง เรื่องแรงไม่ใช่ว่าไม่มี แต่จะให้เดินข้ามประเทศใน3วัน มันเกินกำลังคนธรรมดาเดินดิน ต้องกินต้องนอนอย่างเขา

     

    เด็กหนุ่มบ่นในใจก่อนจะเอนกายพิงกับกำแพงด้านหลัง พร้อมปราดสายตามองภาพด้านหน้าอย่างชั่งใจ

     

    ไว้คนน้อยลง ค่อยเดินเข้าไปอีกทีละกัน...

     

    ในขณะที่กำลังจะเลื่อนลอยเข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงที่ไม่คุ้นหูก็ดังฉุดสติกลับคืน

     

     

    ไอ้หนู ….ไอ้หนู เสียงเรียกที่ทำเอาสะดุ้งตื่นอย่างไม่ทันตั้งตัว ยูรัสหันหน้ามองไปรอบๆกาย ก่อนจะสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อภาพตรงหน้าคืนชายหนุ่มร่างใหญ่ กำยำ และรอยแผลเป็นยาวบากหน้าจนให้ความรู้สึกสยองอย่างไม่ต้องสงสัย


    คะ....ครับว่าพลางฉีกยิ้มแห้งๆ 


    ให้ตายสิ วันนี้ไม่ได้นอนเต็มอิ่มซะที
    !


    แกน่ะ....เข้าเมืองมาเมื่อกี๊ใช่มั้ย?ตาลุงหน้าโหดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กลับฟังไม่น่าเป็นมิตรสักนิด ดวงตาของบุรุษด้านหน้าดูน่าหวั่นเกรง แต่ว่าเขากลับชินชากับเรื่องแบบนี้ แน่ล่ะลูกบลั๊ฟเบบี้อ่อนเชิงแบบนี้เจอมานักต่อนักแล้ว



    ครับ ทำไมครับเด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูงด้วยสีหน้าสงสัย พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า ชายร่างใหญ่มองดูเขาอย่างพินิจแล้วมองปราดต่อไปที่กระเป๋าสีน้ำตาลใบใหญ่ข้างๆ



    มาสมัครเรียนใช้มั้ย ยูรัสนิ่งไปกับคำถามที่ถูกต้องอย่างน่าตกใจ ชายร่างใหญ่เหมือนจะดูสีหน้าออกว่าตนเดาถูก ก็ยิงคำถามถามต่อแบบชนิดว่าไม่เหลือเวลาให้ยิงคำถามกลับ



    เฟเรเซียใช่มั้ย โรงเรียนเวทชื่อดังอันดับ1ของซิลล่าที่มีลูกเจ้าลูกนายเค้าเรียนกัน แล้วก็ลือกันว่าสอบเข้ายากเป็นที่หนึ่ง แกน่ะจะไปสมัครใช่มั้ย?

    คราวนี้น้ำเสียงดูจะหาเรื่องเข้าเต็มร้อย  ยูรัสถอนหายใจเนือยๆ


    เอาเข้าไป พวกดักสอยนักเรียนเฟเรเซีย นักเลงหัวไม้ที่ชอบอัดนักเรียนที่ต้องการจะเข้าเรียน เฟเรเซียก่อนที่จะมีโอกาสได้สอบ ไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองจริงๆ ถือว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกัน?

     

    อันที่จริงก็ถูก แต่ครึ่งเดียวผู้ต่ำวัยกว่าฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร ผมจะไปเรียน แต่ไม่ใช่เฟเรเซียอันที่จริงเป็นเวนเทล

    คำตอบที่ได้ดูจะถูกใจลุงหน้าบาก ดูจากสีหน้าที่หายบึ้งตึง และรอยยิ้มที่เข้ามาแทนที่

    ฮ่าๆๆ  ที่แท้ก็เด็กเวนเทล ว่าแต่เจ้ามาจากไหนล่ะ


    ยูรัสได้แต่ยิ้มรับคำถาม ไม่รู้เหมือนกันว่าลุงแกเปลี่ยนไปมาก ขนาดจากสรรพนาม
    แกเป็นเจ้า ได้เร็วขนาดนี้

     

    ...นี่ถ้าเขาตอบว่าเป็นนักเรียกเฟเรเซีย แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น...


    อาณาจักรทางตะวันตกของซิลล่า คอนเวอร์เซีย’ ”


    อันที่จริงเจ้ารู้มั้ย เฟเรเซียน่ะมีแต่เด็กปวกเปียกประโยคเหน็บแนมเฟเรเซียดังออกมาจากปากของตาลุงหน้าบาก

     จริงๆตาลุงนี่ไม่คิดจะฟังคำตอบเลยนี่หว่า!! และจะถามไปทำไม คิ้วเรียวของเด็กหนุ่มขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ใบหน้าก็ยังคงฝืนยิ้มกลบเกลือนความจริง


    เฟเรเซีย น่ะ ถ้าเป็นพวกตระกูลดีพอมีหัวสมองกะเค้าก็เข้าได้แล้วเจ้ารู้มั้ย....เวนเทลน่ะต่างจากไอ้โรงเรียนบ้าเกียรตินี่เยอะชายร่างยักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

    หลักสูตรการสอนของเวนเทล ไม่เป็นรองใครแน่นอน เพราะว่า...เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ลุงหน้าบากก็หันมายิ้มโดยรวมแล้ว มันเหมือนกับแสยะมากกว่า ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ถ้าสอบได้ เดี๋ยวก็รู้เอง หึหึ แต่จะสอบได้รึเปล่านี่อีกประเด็น

     

    .....................ยูรัสได้แต่เงียบ นี่ถ้าเขาสอบไม่ติด คงจะต้องโดนพ่อด่าว่าไร้น้ำยา... แน่นอน มันถือเป็นความเสื่อมเสียสุดๆ เขาไม่มีวันยอมก้มหัวให้พ่อ ไม่มีวัน!

    ยังไงผมก็จะสอบให้ผ่านครับ

     

    บุรุษหน้าบากเหยียดยิ้มอย่างถูกใจ ข้าชื่อ โซเอล ไอเอิร์น ยินดีที่ได้รู้จักดูเหมือนว่าตาลุงโซเอลจะยังไม่รู้ตัวว่าไม่รู้จักชื่อเขาทั้งๆที่คุยกันตั้งหลายประโยค 

     

    วันนี้นอกจากไม่ได้นอน ยังเจอคนแปลกๆอีก.... เวลมาร์ช มันเป็นเมืองยังไงกันแน่

     

     

     --------------------------------------------------------------------------------



    ถ้าคุณคือคนที่อ่านจนกระทั่งถึงตรงนี้ ก็ขอขอบคุณอีกครั้ง


    จริงๆก็อยากถามเหมือนกัน ว่ามันแปลกรึเปล่า เนื้อเรื่องเร่งไปบ้างมั้ย?


    (รู้สึกเหมือนตัวเองจะใจร้อน ว้า....แย่จัง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×