ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHADOW ❥ [ HUN&HAN ] FT。KAISOO

    ลำดับตอนที่ #3 : shadow ❥ two

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 57




     


    TWO

    我不知道该怎么跟你说我爱你  

              
               

     

    ง่วง...

                   

                    คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่ต้องตื่นตั้งแต่หกโมงเพื่อออกจากคอนโดและเดินเท้ามายังโรงเรียน ปกติลู่หานไม่ใช่คนนอนดึกแต่เพราะเมื่อคืนที่กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนแล้วนั่นต่างหากคือเหตุผลทั้งหมด ทุกครั้งที่พยามจะข่มตาหลับภาพใบหน้าของเขาที่อยู่ห่างกับเด็กนั่นไม่ถึงคืบก็ลอยเข้ามาจนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็เที่ยงคืนอย่างที่บอก และเพราะเป็นแบบนี้ทำให้การตื่นตั้งแต่หกโมงเพื่อมาโรงเรียนกลายเป็นเรื่องยากสำหรับลู่หาน

     

     

                   “มาจนได้นะมึง
     

                    ทว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะเดินผ่านเข้าสู่รั้วของโรงเรียนเสียงอันไม่พึงประสงค์ของบางคนก็ดึงขึ้นจนอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไม่มอง กลุ่มนักเรียนชายประมาณสี่ห้าคนที่ดูจากเครื่องแบบแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขากำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับที่หนึ่งในนั้นเอื้อมมือมากระชากเนคไทของตัวเองจนร่างกายเซถลาไปตามแรงดึง

     

                    “เอ่อ...มีอะไรรึเปล่า

                    “มึงเป็นอะไรกับไอเซฮุน!”

     

                    ผู้ชายตัวสูงตรงหน้าไม่ได้ตอบคำถามของลู่หานแต่กลับกระชากเสียงถามถึงคนอื่นที่เขากำลังอาศัยอยู่ด้วยแทน และนั่นทำให้ลู่หานนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาเข้าไปช่วยเซฮุนไว้อย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะไม่ได้สนใจว่าใครเป็นใครแต่ผู้ชายที่เพียงแค่สบตาครู่เดียวเขาก็นึกออกว่าคือคนที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับเขากำลังปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เพียงแค่นี้ลู่หานก็รู้เหตุผลที่ผู้ชายคนนี้มาดักรอเขาแล้ว

                    “จะอยากรู้ไปทำไม

                    “กูให้มึงตอบไม่ใช่มาถาม!”

                    “เรา...เป็นรูมเมท

                    “กวนตีนนอกจากไอจงอินแล้วยังมีมึงมาเกี่ยวอีกคนอยากเดือดร้อนกันนักใช่มั้ย!!”

                    “...

                    “ตอบ!!”

                    “ใครจะไปอยากเดือดร้อนกันบ้างเล่าเมื่อวานก็แค่ผ่านไปเห็นเฉยๆ ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นเซฮุนถึงใครอยู่ตรงนั้นเราก็ช่วยหมดอีกอย่างเมื่อวานนายไม่คิดว่าตัวเองขี้ขลาดไปหน่อยเหรอรุมคนคนเดียวทั้งๆ ที่ตัวเองมีเป็นสิบนะ!!”

                    “มึง!!!”

     

                    ความกดดันและอะไรหลายๆ อย่างที่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นข้างหน้าทำให้ลู่หานพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปจนหมดและดูเหมือนว่าคำพูดพวกนั้นจะทำให้ผู้ชายตัวสูงตรงหน้าโกรธมากเสียด้วย สายตาแข็งกร้าวที่แวบหนึ่งมีความเจ็บปวดเจือปนมาด้วยทำให้ลู่หานรู้สึกกลัว ร่างกายที่เริ่มสั่นเทิ้มเรียกรอยยิ้มมุมปากจากผู้ชายอันตรายตรงหน้าลู่หานได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกที่ทำให้คนตัวเล็กตรงหน้าร้อนรนราวกับกลัวอะไรบางอย่างคือสิ่งที่เขาชอบ

     

                    “เอ่อ...”

                    “เมื่อกี้มึงพูดว่ากูขี้ขลาด!!!”

     

                    ทันทีที่ดวงตาเรียวเห็นมือที่ง้างหมัดเตรียมจะซัดหน้าตัวเองดวงตาทั้งสองข้างก็หลับปี๋อย่างช่วยไม่ได้ เหตุการณ์ที่ลู่หานกลัวตั้งแต่เมื่อกี้กำลังจะเกิดอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า หากทว่าไม่มีเสียงของบางคนดังขึ้นพร้อมๆ กับแรง กระชากจากด้านหลังจนร่างกายเซถลาไปชนกับแผงอกใบหน้าของเขาก็คงจะกลายเป็นกระสอบทรายไปเรียบร้อยแล้ว

                   

      “ขี้ขลาดอีกแล้วนะอู๋ อี้ฟาน

                    “เหี้ยโอเซฮุน!!”
                  

                    คนที่ลู่หานก็เพิ่งรู้ว่าชื่ออู๋ อี้ฟานลดหมัดที่กำลังจะปะทะหน้าของตัวเองลงอย่างหวุดหวิดหากเซฮุนไม่มาช่วยไว้ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดในตอนที่เซฮุนมาปรากฏตัวตรงหน้าและปกป้องลู่หานจากการโดนตัวเองทำร้าย อี้ฟานเกลียดคำว่าขี้ขลาดและเซฮุนกำลังตอกย้ำบางสิ่งบางอย่างกับเขาซึ่งมันบ่งบอกว่าตัวเองกำลังแพ้ 
     

    ถ้ามึงทำร้ายลู่หานแม้แต่ปลายเล็บอย่าหวังว่ากูจะยอมมึงอย่างที่ผ่านมา!”

                    “มึง!!!!”

     

                    คำพูดที่หลุดออกมาจากปากกระจับสวยของคนตัวสูงกว่าเรียกให้แก้มทั้งสองข้างของร่างเล็กรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หากไม่ติดว่าตอนนี้แผ่นหลังของเขากำลังติดกับหน้าอกของเซฮุนใบหน้าน่ารักคงจะมองเห็นได้ถนัดว่าเซฮุนกำลังทำหน้ายังไง

     

                    “เดินดิพี่

                    “ห๊ะ?!”

     

                    เพราะมัวแต่ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เซฮุนได้จับข้อมือของตัวเองและพาเข้ามาในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นอย่างนั้นฝ่ามือเรียวก็ออกแรงกระตุกข้อมือของคนที่กำลังเดินนำหน้าก่อนจะถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไปทันที

     

                    “นาย...กับคนเมื่อกี้มีอะไรมากกว่าที่บอกฉันเมื่อวานใช่มั้ย?”

     

                    ลู่หานรู้สึกว่าการทะเลาะกันของทั้งสองคนมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ทุกการกระทำและสายตาที่แสนเจ็บปวดของคนที่ชื่ออู๋ อี้ฟานอดที่จะทำให้ลู่หานสงสัยไม่ได้ไหนจะคำพูดที่เซฮุนพูดไว้ก่อนจะเดินออกมาอีก เหตุผลที่เซฮุนให้กับเขาเมื่อวานมันทำให้ลู่หานรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ เหมือนกับว่ามันก็แค่คำพูดที่ใช้เพื่อปิดบังเรื่องราวทั้งหมดแค่นั้นเอง

     

                    “คิดมากน่า มันก็แค่กร่างอย่างที่บอกเมื่อวานนั่นแหละ

     “อย่าให้รู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้นละกันฉันจะโทรฟ้องแม่นาย!”

                    “ตามใจ อ่อวันนี้อ่ะเรียนเสร็จแล้วคอยด้วย

                    “คอยทำไมต้องคอยด้วย?”

                    “ผมไม่ไว้ใจอี้ฟานถ้าเกิดมันมาดักรอพี่แบบวันนี้แล้วเกิดทำอะไรขึ้นมาแม่ผมได้ฆ่าที่ดูแลพี่ไม่ดีแน่

                    “ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยาก!”

                    “แค่ทำตามก็พอ”  

             เออๆ

     

             เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจเซฮุนก็เดินแยกไปอาคารเรียนของตัวเองทันทีโดยไม่ลืมที่จะหันมายักคิ้วกวนบาทาในสายตาของลู่หานอย่างที่เจ้าตัวชอบทำบ่อยๆ ตอนอยู่ที่คอนโดกับเขาแค่สองคน ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นกับต่อหน้าเขาตอนนี้อย่างกับคนละคนแน่ะ

     

     

      - Shadow 

     
     

     

                    “เชี้ยเซฮุนไมวันนี้มาช้านักว่ะ

                    “เกิดเรื่องนิดหน่อยว่ะ

                    “เรื่องเรื่องไรว่ะ

                    “ช่างเหอะละมึงมีไร

     

                    เซฮุนเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของจงอินแต่กลับเบี่ยงประเด็นไปคุยเรื่องอื่นแทน เขาแค่ไม่อยากให้จงอินต้องเป็นห่วง ตอนนี้ที่แค่จำเป็นต้องลากเพื่อนสนิทอย่างจงอินมาเกี่ยวก็ทำให้เซฮุนรู้สึกหนักใจไม่น้อยแล้วเหมือนกัน เซฮุนไม่รู้ว่าอี้ฟานจะหยุดทำให้เขารู้สึกลำบากใจเมื่อไหร่ ทุกครั้งที่เจอหน้ากันจะมีก็แต่ปัญหาและตอนนี้เซฮุนก็แค่เบื่อ เบื่อกับเกมที่อี้ฟานตั้งขึ้นมาเพื่อจะเอาชนะตัวเอง

     

                    “ยัยนั่นไม่บอกอะไรมึงเลยรึไงว่ะ

                    “มึงพูดเรื่องไรเนี้ยกูงง

                    “ซูจองจะกลับมาแล้ว อีก 1 เดือนยัยนั่นจะกลับมา

     

                    ชื่อของบุคคลที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีลอยเข้ามาในหูก่อนที่ห้วงความคิดหนึ่งจะแทรกเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ กลับมาสักทีสินะ ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของเซฮุนหลังจากได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหันหน้ามองออกไปนอกกระจกของห้องเรียน อยู่กับภวังค์ความคิดที่ตัวเองสร้างขึ้นมาพักใหญ่

     

                    จงอินเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำพูดอะไรจากเพื่อนตัวสูง เช่นเดียวกันกับที่สายตาไปปะทะกับรุ่นพี่ตัวเล็กซึ่งกำลังจะเดินผ่านหน้าห้องเรียนของตัวเองพอดี ไม่รอช้าขาทั้งสองข้างก็ก้าวเดินตรงไปยังเป้าหมายก่อนที่ริมฝีปากจะยกยิ้มให้กับคนตัวเล็กที่หันมาสบตากับตนพอดี

     

                    “อ้าวจงอิน

                    “หวัดดีครับพี่คยองซู

                    “ไม่นึกว่าจะเจอพอดีพี่เอาสมุดเลขมาให้อาจารย์คังนะ

     

                    คนตัวเล็กพูดพร้อมกับมองสมุดเลขกองใหญ่ในมือซึ่งตัวเองจำเป็นต้องเอาไปส่งอาจารย์คังในฐานะที่เป็นหัวหน้าห้องของสัปดาห์นี้ก่อนที่จะเงยหน้ามองรุ่นน้องผิวเข้มซึ่งกำลังยิ้มกับภาพที่เห็นจนทำให้คยองซูอดที่จะสงสัยไม่ได้
                 

       “จงอินยิ้มอะไรเหรอ?”

                     “ก็พี่ตัวเล็กแค่นี้แต่กลับถือกองสมุดจนมันจะบังหน้าพี่มิดแล้วเนี้ย

              ยังไม่มิดสักหน่อย

     

                    คยองซูรู้สึกขัดใจกับคำพูดของรุ่นน้องผิวเข้มได้ไม่นานนิ้วมือเรียวก็เอื้อมมาฉวยเอากองสมุดในมือไปจนหมด เรียกให้ตาทั้งสองข้างที่โตอยู่แล้วโตกว่าเดิมจนคนที่มองอยู่หลุดหัวเราะออกมา
     

                    “เอาคืนมาละก็หยุดหัวเราะได้แล้ว

                    “ผมถือให้ดีกว่านะ

                    “เฮ้ยไม่เป็นไร พี่ถือเองได้น่า

                    “ตามมาเถอะครับ

     

                    จงอินไม่ไดฟังคำพูดของคยองซูเลยอีกทั้งยังเดินถือกองสมุดออกมาโดยที่มีรุ่นพี่ตัวเล็กคอยส่งเสียงต่อว่าตลอดทาง จะถือเองบ้างละ ไล่ให้เขากลับไปเรียนบ้างละ แต่ในเมื่อจงอินเต็มใจที่จะทำสุดท้ายคนข้างกายจึงขี้เกียจที่จะพูดต่อและยอมเดินตามตนไปยังห้องพักครูอย่างจำยอมแทน

     

                    “ยังไงก็ขอบคุณนะ

                    “ครับวันหลังถ้าโดนใช้อีกก็บอกผมนะ

                    “ไม่เอาหรอกพี่เกรงใจนะ แล้วนี่ก็กลับไปเรียนได้แล้วเกิดไปสายละโดนทำโทษไม่รู้ด้วยนะ

                    “ถ้าอยู่กับพี่ยอมไปสายเลย

                    “ห๊ะ?”

                    “ไม่มีอะไรครับ อ่อตอนพี่ตกใจนี่น่ารักมากเลยนะ

     

                    เมื่อพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะบอกตั้งแต่เมื่อกี้นี้ออกไปจงอินก็เดินหนีคนตัวเล็กที่กำลังยืนหน้าร้อนผ่าวพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นมาแนบลู่กับแก้มใสที่บัดนี้มีเลือดฝาดจนดูน่ารักเพราะคำพูดของตัวเองทันที ไม่ใช่แค่คยองซูที่รู้สึกขัดเขินกับคำพูดนั้นแต่คนพูดเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเลยต่างหาก J

     

     

     

     

     

                    หลังจากหมดคาบสุดท้ายนักเรียนต่างก็เริ่มทยอยลงจากอาคารเรียนของตัวเองลู่หานและคยองซูก็เช่นกันทั้งสองกำลังกวาดอุปกรณ์การเรียนที่เกลื่อนบนโต๊ะลงกระเป๋าดินสอของตัวเอง มือเรียวของลู่หานเอื้อมไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่แขวนไว้ข้างโต๊ะก่อนจะนำมาสะพายหลังอย่างใจเย็น เช่นเดียวกับคยองซูที่เสร็จก่อนแล้ว

     

                    “วันนี้เรียนพิเศษอีกเหรอ

                    “อื้อทำไมอ่ะมีอะไรรึเปล่า?”

                    “ไม่อ่ะกูแค่เบื่อๆ อยากไปเดินห้างอ่า

                    “งั้นเสาร์นี้ไปกัน

                    “ไม่เอาอ่าจะไปวันนี้ มึงหยุดเรียนไม่ได้เหรอ

     

                    เสียงเล็กบ่นกระปอดกระแปดกับเพื่อนรักก่อนจะเดินไปกอดแขนคยองซูและใช้หัวถุยๆ ของตัวเองถูไถแขนเพื่อนสนิทอย่างต้องการอ้อนที่พอคยองซูมองแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ก็ลู่หานตอนนี้นะอย่างกับลูกหมาแน่ะ

     

                    “ได้ไงเล่า อีกอย่างกูก็นัดจงอินไว้ด้วยถ้ามึงยังอ้อนอยู่แบบนี้กูอาจไปสายได้นะ

                    “โห่มึงทิ้งเพื่อนละไปหาไอเด็กรุ่นน้องนั่นอ่ะนะ คยองซูใจร้ายยยย

     

                    หลังจากได้ยินชื่อรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของเซฮุน ลู่หานก็สะบัดแขนเพื่อนรักออกจากตัวเองทันที

     

                    “ก็น้องเค้าเรียนพิเศษที่เดียวกับกูอ่ะ เลยไปเรียนด้วยกันใจร้ายตรงไหน

                    “ก็ตรงที่มึงเลือกมันละทิ้งกูไงงง

                    “ลู่หานอย่าดื้อน่า ละเนี้ยต้องกลับกับเซฮุนไม่ใช่เหรอถ้าไม่รีบลงไปเดี๋ยวน้องเขาคอยนานทำไง

                    “ช่างมันดิไม่รู้แหละถ้าวันนี้ไม่ได้ไปยังไงวันเสาร์นี้มึงก็ต้องไปกับกู

                    “โอเคๆ...

     

                    แผ่นหลังบางโดนฝ่ามือของคยองสัมผัสก่อนจะออกแรงดันให้ร่างกายของลู่หานเดินไปข้างหน้าหลังจากที่ทำให้เพื่อนสนิทยอมอ่อนข้อให้ได้

     

                    “…งั้นกูไปแล้วนะ กลับดีๆ ละ

                    “เออไอเด็กนั่นไม่ฆ่ากูหรอกน่า

     

                    ลู่หานมองตามแผ่นหลังเล็กของเพื่อนสนิทที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปจนลับตาลู่ก่อนจะกวาดสายตามองหาเด็กรุ่นน้องที่บอกให้ตัวเองคอยหลังจากที่เรียนเสร็จทันทีหากทว่าในสายตาตอนนี้กลับไม่มีเด็กผมสีควันบุหรี่นั่นเลย

     

                    “บอกให้เราคอยแต่ตัวเองไปอยู่ไหนละไอเด็กบ้า

     

                    เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเบอร์ของเด็กนั่นด้วยแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด มือเรียวล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกหาคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อสักครู่นี้ รอไม่นานปลายสายก็กดรับก่อนที่ลู่หานจะกรอกเสียงลงไป

     

                    “คยองซูมึงเจอจงอินรึยัง

                    [ อื้อทำไมเหรอ? ]

                    “กูขอคุยกับเด็กนั่นหน่อย

                    [อ่าโอเค จงอินลู่หานจะคุยด้วยนะ… ]
                   

                    เสียงของจงอินที่ลอดผ่านมาทางโทรศัพท์ยิ่งทำให้ลู่หานรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆ ที่เซฮุนกับจงอินก็เรียนห้องเดียวกันอีกทั้งยังเป็นถึงเพื่อนสนิทแต่ทำไมไอเด็กผมสีควันบุหรี่นั่นถึงยังไม่ลงมาอีก จะแกล้งพูดให้เขารอแบบนั้นเหรอ?

     

                    [...ฮะ?]

                    “เซฮุนอยู่ไหน

                    [เหมันไม่เข้าเรียนตั้งแต่เช้าแล้วนะ ผมนึกว่ามันจะหนีไปนอนเล่นที่คอนโดซะอีก]     

                    “ไม่เข้าเรียนตั้งแต่เช้าแล้วเนี้ยนะแล้วนายปล่อยให้เพื่อนรอดสายตาไปได้ยังไง!”

                    [ก็หลังจากที่ผมกลับมาจากเอาสมุดเลขไปส่งกับพี่คยองซูมันก็ไม่อยู่แล้วอ่ะ]

     

                    หลังจากที่จงอินกลับมาจากเอาสมุดเลขไปส่งกับคยองซูเขาก็ไม่เจอเซฮุนนั่งอยู่ในห้องแล้ว โทรไปก็ไม่รับอีกทั้งยังปิดเครื่องหนีอีก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเซฮุนไม่ได้เข้าเรียนเลยทั้งวัน

     

                    “แล้วนายพอจะรู้มั้ยว่าหมอนั่นจะไปไหนได้

                    [ไม่รู้ดิ ปกติแล้วมันก็ไปกับพวกผมแล้วก็พวกไอจงแดนะแต่ถ้าหายไปคนเดียวแบบนี้ละก็ไม่รู้จริงๆ ]

                    “’งั้นเบอร์ละเบอร์เซฮุนฉันขอหน่อย

                    [เอ่อแปปนะฮะ...010xxxxxxxx]

                    “โอเคแค่นี้นะ

     

                    ติ๊ด!

     

                หลังจากที่ได้เบอร์โทรศัพท์ของเซฮุนแล้วนิ้วเรียวก็จัดการมันลงไปในโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะยกขึ้นมาแนบหู รอจนสายตัดไปก็ยังไม่มีคนรับคิ้วเรียวก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน ความคิดที่เริ่มตีกันยุ่งเหยิงไปหมดว่าเด็กนั่นหายไปไหนการที่บอกให้เขามารอแบบนี้แล้วตัวเองก็ผิดสัญญามันเป็นนิสัยของเซฮุนอย่างนั้นเหรอ?   

     

                    “ไอเด็กบ้านั่นหายไปไหนกันนะ!!!”
     

                    เมื่อโทรเป็นครั้งที่10เซฮุนก็ยังไม่รับสายและลู่หานคิดว่ามันมากพอแล้วขาเล็กทั้งสองข้างก็ก้าวเดินมุ่งหน้าไปยังคอนโดทันที ในความคิดของลู่หานมันไม่ใช่ความเป็นห่วงหากทว่ามันคือความกลัว กลัวว่าเซฮุนจะไปมีเรื่องกับคนอื่นแบบที่ทำกับอี้ฟาน อย่างน้อยถ้าแค่แกล้งเขาให้คอยเล่นมันก็น่าดีใจกว่าไม่ใช่รึไง

     

                    แต่แล้วเมื่อประตูห้องภายในคอนโดถูกเปิดออกโดยฝ่ามือบาง ความว่างเปล่าราวกับว่ายังไม่มีใครเข้ามาหลังจากที่ทั้งคู่ออกไปตั้งแต่เมื่อเช้าเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเซฮุนไม่ได้แกล้งเขาให้คอยเล่นและที่สำคัญเซฮุนก็ยังไม่กลับมาที่คอนโดเลย ความวิตกกังวลมีมากกว่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนฝ่าเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาขนาดใหญ่ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดโทรออกหาเบอร์ล่าสุดที่ยังไม่มีคนรับอีกครั้ง ทว่าก็เหมือนเดิมเสียงรอสายที่ยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีคนมารับจนมันตัดไปเองอีกครั้งและอีกครั้ง...

     

                    “ไอเด็กเซฮุนถ้านายกลับมาเราได้เห็นดีกันแน่!!”

     

                   


     

                    “มีอะไรรึเปล่าจงอิน?”

                    “เซฮุนหายไปนะฮะ

                    “เซฮุนเนี้ยนะเพื่อนนายไม่ใช่เหรอทำไมไม่รู้ละว่าหายไปไหน

                    “ก็หลังจากที่เอาสมุดเลขไปส่งกับพี่ละกลับมาก็ไม่เจอมันแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ยังนั่งหัวโด่อยู่เลยอ่ะ

                    “อ่า...งั้นเหรอ

                    คำตอบของจงอินพลอยทำให้คยองซูนึกไปถึงคำพูดที่รุ่นน้องตัวสูงตรงหน้าพูดกับเขาก่อนที่จะแยกกันพลันใบหน้าก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาจนคนที่มองอยู่อดที่จะแปลกใจในท่าทางแปลกๆ ของรุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้

     

                    “พี่ร้อนเหรอ?”

                    “ห๊ะเปล่านี่เย็นจะตาย

                    “แต่พี่หน้าแดงๆ เหมือนร้อนเลย

                    คำพูดของรุ่นน้องตัวสูงเรียกให้ตาทั้งสองข้างของคยองซูเบิกโพล่งก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาถูที่หน้าของตัวเองเป็นพัลวันหวังให้สีแดงระเรื่อที่แก้มของตัวเองจางลงหากทว่าการกระทำนั้นกลับเรียกเสียงหัวเราะจากจงอินจนคยองซูรู้สึกแปลกใจ

     

                    “หัวเราะพี่อีกแล้ว

                    “พี่คิดว่าถูละมันจะออกรึไง

                    “ไม่รู้สิแต่ถ้ามีอะไรเปื้อนที่หน้าแค่ถูหรือล้างน้ำมันก็ออกไม่ใช่เหรอ

     

                    คำตอบที่ใส่ซื่อราวกับเด็กพร้อมกับดวงตากลมโตใสแป๋วที่จ้องมองมาทำให้จงอินที่กำลังหัวเราะกับภาพเมื่อกี้ต้องหยุดชะงักก่อนที่นิ้วเรียวจะยกขึ้นมาถูไถจมูกของตัวเองแก้เก้อแทน

     

                    “ผมว่าเราไปกันเถอะ

                    “อื้อไปกัน
                

                    ท่าทางน่ารักของรุ่นพี่ตัวเล็กข้างกายกำลังทำให้คิม จงอินเป็นบ้า ความใส่สื่อที่ไม่ได้เกิดจากการแสแสร้งคือสิ่งที่ร่างสูงหลงใหลเสพติดไปกับมันตั้งแต่แรกเห็น พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วเขาปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาหลายปีได้ยังไงกันนะ..?

     
     

     

     

     

                    “จงอินมาแล้ววววว

     

                    เสียงทักทายของผู้หญิงคนหนึ่งที่คยองซูก็ไม่รู้จักหากแต่ก็ยังพอจำได้ว่าคือเพื่อนในกลุ่มของรุ่นน้องข้างกายรีบวิ่งมาทางเขาก่อนจะสวมกอดเข้าที่แขนของจงอินและออกแรงดึงให้เดินไปหากลุ่มเพื่อนที่เหลือซึ่งยืนรออยู่และเขาซึ่งไม่รู้ว่าควรจะเดินตามไปรึเปล่าก็ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมมองแผ่นหลังของจงอินที่โดนลากไปก่อนจะรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจ

     

      “ทำไมมาช้านักละ?”

                    “นั่นนะสิพวกเราคอยนายจนจะไม่คอยอยู่แล้ว
     

                    เสียงเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของจงอินถามพร้อมกับก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว

     

                    “เซฮุนมันหายตัวไปนะ

                    “เซฮุนเพื่อนสนิทนายที่โรงเรียนน่ะนะคนที่ตัวสูงๆ ผิวขาวๆ ผมสีควันบุหรี่ใช่รึเปล่า?”

                    “อื้อคนที่เคยมาที่นี่เมื่ออาทิตย์ก่อนนะ

                    “อ้อคนนั้นน่ะเย็นชามากเลยรู้รึเปล่า….”

     

                    และคำพูดอีกมากมายที่จงอินยังคงยืนอยู่ตรงนั้นจนคยองซูเองรู้สึกอึดอัดและเดินเลี่ยงออกมาเพื่อหวังเข้าห้องเรียนแทน ความรู้สึกแปลกๆ ที่ราวกับโดนทิ้งตอกย้ำลงมาที่หัวใจจนคยองซูต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกและทุบมันเพื่อหวังให้ความรู้สึกบ้าๆ นี่หายไปสักที เหตุการณ์ตอนประถมเป็นเสมือนฝันร้ายที่เขาไม่เคยลืมและผู้ชายคนนั้น….คนที่เขาก็จำไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นยังไงเพราะมัวแต่ร้องไห้หากแต่ว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็อยากที่จะขอบคุณเหลือเกิน J  

                    .

                    .

                    .

                    .

                    .

                    19:00

     

                    “เหนื่อยชะมัด~”

     

                    เสียงใสบ่นกับตัวเองก่อนที่ฝ่ามือบางจะเอื้อมไปหยิบหนังสือบนโต๊ะเรียนมาใส่ยังกระเป๋านักเรียนของตัวเอง ตลอดเวลาที่อาจารย์สอนคยองซูไม่มีสมาธิกับมันเลยไม่รู้ว่าทำไมภาพของจงอินถึงเอาแต่ลอยเข้ามาในสมองจนคยองซูต้องคอยสะบัดศีรษะเพื่อหวังว่าภาพพวกนั้นมันจะลอยหายไปอยู่ตลอดเวลาและบางครั้งเพื่อนที่นั่งข้างกายก็เอาแต่ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า จนคยองซูอดที่จะเกรงใจไม่ได้ที่ทำให้เขาพลอยเสียสมาธิไปด้วย

     

                    “นายไหวแน่นะ

                    “ฉันไม่ได้ไม่สบายสักหน่อย

                    “แต่นายไม่เคยเป็นแบบนี้นะคยองซู

                    “ฉันไม่เป็นไรน่าแบคฮยอน

     

                    เสียงใสเอ่ยหนักแน่นกับเพื่อนใหม่ที่เขาก็เพิ่งรู้จักหลังจากที่มาเรียนพิเศษที่นี่ได้เกือบ 1 เดือนก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นโบกไปมาเพื่อบอกว่าตัวเองกำลังจะกลับแล้ว ใบหน้าหวานพยักหน้าหงึกหงักและไม่เซ้าซี้กับอาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับคยองซูทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อนโดยที่ตัวเองก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

     

                    “กลับบ้านดีๆ นะ

                    “นายก็เหมือนกันนะแบคฮยอน

     

                    หลังจากที่แยกกับแบคฮยอนและเดินลงมาด้านล่างเรียบร้อย คยองซูก็กวาดสายตามองหารุ่นน้องที่เขาเพิ่งแยกตัวออกมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า ไร้ซึ่งเด็กผู้ชายผิวเข้มที่เขาคุ้นเคย เมื่อเห็นดังนั้นริมฝีปากรูปหัวใจก็พ่นลมหายใจออกมาก่อนที่จะตัดสินใจเลิกมองหาและผลักประตูออกไปด้านนอกเพื่อหวังที่จะกลับบ้านหากไม่ติดว่ามีฝ่ามือหนาของใครบางคนคว้าข้อมือของตัวเองไว้พร้อมๆ กับเสียงหอบหายใจที่แรงจนคยองซูรู้สึกตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามืออีกข้างของคนที่คว้าข้อมือเขาไว้ก็ยกขึ้นไปยันกับกำแพงเพื่อหาที่พิงโดยมีคยองซูอยู่ใต้ร่าง แก้มใสเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าคนที่กำลังทำให้ตัวเองตกใจได้อย่างชัดเจน จงอิน!       

     

                    “จ...จงอิน

                    “….”

                    “เอ่อ...จงอินมีอะไรรึเปล่า?”

                    “…”

                  

                    จงอินไม่ได้ตอบคำถามของรุ่นพี่ตัวเล็กแต่กลับจ้องมองเข้าไปยังดวงตากลมโตที่กำลังมองตอบเขาเช่นกัน

     

                    “ถ้าไม่พูดพี่จะไป...

                    “ตอนนั้นพี่เดินหนีออกมาทำไม

                    “...ก็นายคุยอยู่กับเพื่อนพี่เลยเดินออกมา

                    “เพราะผมหันไปแล้วไม่เจอพี่...อย่าทำแบบนั้นอีกผมขอร้อง

                

                    สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงถูกส่งมายังคยองซูโดยที่คนถูกมองก็ไม่เข้าใจว่ารุ่นน้องตรงหน้าต้องการสื่อถึงอะไร จงอินก็แค่กลัว...กลัวว่าพอหันไปจะไม่เจอรุ่นพี่ตัวเล็กกำลังยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว กลัวว่าอยู่ๆ คยองซูจะหายไปจากกรอบสายตาเขาอย่างวันนี้ อยากจะดึงเข้ามากอดแต่ก็ทำไม่ได้ รุ่นพี่ตัวเล้กตรงหน้าเขาตอนนี้ช่างน่าถะนุถนอมเหลือเกิน

     

                    “อื้อจะไม่ทำแล้ว ว่าแต่ทำไมนายเหมือนไปวิ่งมาแบบนี้ละ

                    “ก็ไปวิ่งมาจริงๆ อ่ะ พอเลิกเรียนผมก็รีบวิ่งไปหาพี่ที่ห้องแต่พี่ตัวเล็กๆ ก็บอกว่าพี่ออกจากห้องมาแล้วผมเลยวิ่งลงมาข้างล่างละเจอพี่นี่ไง

                    “อ่า...แล้วจะมาหาพี่ทำไมเหรอ?”

                    “พี่ไม่รู้เหรอ?”

                    “ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นา

     

                    พอเห็นถึงสายตาตัดพ้อจากรุ่นน้องตัวสูงคยองซูก็รีบก้มหน้างุดจนปลายคางเกือบแนบชิดไปกับอกของตัวเองอย่างที่ชอบทำเวลาเขินหรือไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย

     

                    “ต่อไป...

                    “???”

                    “…ผมจะไปส่งพี่ที่บ้านหลังเรียนพิเศษเสร็จทุกวัน

                    “เห้ยไม่เอาพี่เกรงใจอีกอย่างบ้านนายก็อยู่คนละเส้นทางกับบ้านพี่ละเรื่องอะไรนายต้องเสียเวลาตัวเองมาส่งพี่ละ

                  

                    หลังจากได้ยินคำพูดของจงอินแล้วคยองซูก็รีบเงยหน้าจากการก้มมองพื้นขึ้นมาทันที แค่ได้ยินว่าจงอินจะไปส่งเขาที่บ้านหัวใจที่เหมือนจะห่อเหี่ยวตอนโดนจงอินเมินก็กลับมาเต้นผิดจังหวะจนน่าใจหายแล้วหากทว่าพอนึกดีๆ แล้วบ้านของเขากับจงอินนั้นอยู่คนละเส้นทางกันจนอดที่จะเกรงใจขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีจนต้องปฏิเสธออกไป

     

     “บางทีพี่ก็ดื้อแฮะ

                    “ห๊ะ?”

                    “ผมอยากไปส่งและโปรดให้ความร่วมมือด้วยนะฮะ

                    “พี่บอกว่าไม่เอาไง พี่ไปเองได้ลำบากจงอินเปล่าๆ

                    “ถ้าพี่ไม่ยอมให้ผมไปส่งผมก็จะไม่กลับบ้านตัวเองเหมือนกัน

     

                    น้ำเสียงจริงจังพูดกับรุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้าจนคยองซูรู้สึกลำบากใจ เขาไม่อยากให้จงอินต้องไปส่งที่บ้านเหตุผลก็คือบ้านของเขาและจงอินอยู่คนละเส้นทางกัน และถึงแม้จะสะดวกตรงสามารถใช้รถไฟหรือรถบัสในการเดินทางแต่เวลาและเงินที่ต้องเพิ่มขึ้นคยองซูคิดว่ามันไร้สาระไปหน่อย อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ชายคงไม่มีใครคิดจะมาทำร้ายเขาหรอก

     

                    “จงอินนายกำลังทำให้พี่ลำบากใจนะ

                    “พี่ก็แค่ตอบตกลงเองครับ

                    “เรื่องนั้น...

                    “…เฮ้อก็ได้แต่มีข้อแม้นะ

     

                    สุดท้ายคยองซูก็พ่ายแพ้ให้กับสายตาอ้อนวอนของจงอินจนยอมตอบตกลงไปในที่สุด หากทว่าเขาก็มีข้อแม้อยู่เหมือนกัน

     

                    “อะไรละครับ?”

                    “ใน5วันที่เจอกันนายไปส่งพี่แค่2วันในนั้นได้มั้ย?”

                    “ไม่ได้หรอกครับถ้าไปส่งก็คือไปส่งทุกวัน

                    “ขอร้องเถอะอย่างน้อยก็ให้พี่เกรงใจนายน้อยกว่านี้เถอะนะ มันลำบากใจน่ะรู้รึเปล่า 3 วันก็ได้

                    “แค่วันเดียวที่ผมจะไม่ไปส่งพี่โอเคมั้ยครับ?”

                    “วันเดียวเหรอ....ก็ได้

     

                    และก็เป็นอีกครั้งที่คยองซูยอมทำตามใจจงอินแม้จะขัดใจตัวเองอยู่บ้างก็ตาม ส่วนจงอินเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจก็ยกมือของตัวเองที่ทาบทับกับกำแพงไว้ออกก่อนจะเปลี่ยนมาคว้าข้อบางของรุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้าแทน

     

                    “อ๊ะ!”

                    “จับมือกันฮะจะได้ไม่หลง J”

                    “อ...อื้อ~”

     

                    และก็เป็นอีกวันที่คยองซูเดินกลับบ้านพร้อมกับจงอินโดยที่มีฝ่ามือหนาคอยกอบกุมข้อมือบางของตัวเองไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลย ความอบอุ่นที่ได้รับยังตราตรึงอยู่ที่ข้อมือไม่หายไปไหน น้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยความเป็นห่วงเวลามีคนเดินมาชนตัวเองหรือแม้แต่ฝ่ามือหนาที่เอื้อมมาโอบไหล่ไว้ไม่ให้ใครมาชนง่าย และเอาตัวเองปกป้องแทน ทุกสิ่งทุกอย่างที่จงอินกระทำตกอยู่ในเป้าสายตาของคยองซูทั้งสิ้นจนบางครั้งก็เผลอหน้าแดงไปกับการกระทำพวกนั้นจนจงอินสงสัยอยู่บ่อยๆ คยองซูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเพราะเราก็เพิ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อวานและถึงแม้จะเคยเดินผ่านกันบ่อยๆ ก่อนหน้านั้นแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทกัน ตอนนี้คยองซูแค่สงสัย....สงสัยว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับหัวใจของตัวเองมันคืออะไรกันนะ? J

     

     

      - Shadow 

                                   

                     “อื้อ...เซฮุน...

                     

                    เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มมุมปากจากโอ เซฮุนได้ไม่นานปากกระจับสวยก็ก้มลงไปฉกชิมความหอมหวานจากริมฝีปากบางที่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนที่เท่าไหร่แล้วเหมือนกัน  ฝ่ามือหนาเคลื่อนย้ายไปตามสัดส่วนโค้งเว้าตามชุดเดรสรัดรูปที่หญิงสาวจงใจแต่งมาเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับตัวเองเป็นเท่าตัว

     

                    อ๊ะ...เราเข้าไปในห้องดีมั้ยค่ะ?...อื้ม…”

     

                    เซฮุนยอมเงยหน้าจากซอกคอขาวก้มลงมองหญิงสาวใต้ร่างที่ตัวเองตรึงไว้กับกำแพงห้องก่อนที่นิ้วเรียวจะเอื้อมไปเปิดประตูและแทรกตัวเข้าไปด้านใน กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ทั้งสองคนกำลังขาดสติ ยิ่งได้สัมผัสเรือนร่างภายใต้ชุดเดรชรัดรูปนี้ความร้อนรุ่มในร่างกายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เซฮุนลืมบางอย่างไป...ร่างที่กำลังหลับใหลอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่คือสิ่งที่เซฮุนลืม

     

                    ...อืม...อ๊ะ

                   

                    ทันทีที่แผ่นหลังของหญิงสาวสัมผัสกับเตียงนุ่มกระดุมเสื้อเชิ้ตก็ถูกปลกออกโดยนิ้วเรียวของคนใต้ร่างทันที ริมฝีปากที่ยังดูดดุนกันจนเกิดเสียงดังยิ่งสร้างความร้อนรุ่มให้กับคนที่กำลังขาดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

     

                    ฝ่ามือหนาเอื้อมไปด้านหลังหญิงสาวก่อนจะปลดเปลื้องเดรชสวยที่ตอนนี้ช่างเป็นอุปสรรคสำหรับเซฮุนเหลือเกิน ใบหน้าเรียวไล้ต่ำลงมายังเนินอกที่โผล่พ้นบราเซียลูกไม้ สูดดมความหอมหวานที่ได้รับจากตัวหญิงสาวอย่างคนมัวเมา เวลายังคงล่วงเลยไปในขณะที่กิจกรรมของทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหากทว่าไม่มีเสียงของบางคนดังขึ้นเสียก่อน….

     

                    “โอ เซฮุน!!!!!”
     

     

                    กินซะแล้วเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง เดี๋ยวนี้!!!!”

                                                                                                                                               

                  แก้วที่บรรจุไปด้วยน้ำขิงถูกวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนที่นิ้วเรียวจะดันมันไปตรงหน้าร่างสูงที่มีสภาพเกือบดูไม่ได้ หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นกลับไปเพราะคำพูดเด็ดขาดของลู่หาน เซฮุนก็เอาแต่โวยวายและหาว่าเขายุ่งเรื่องส่วนตัวของตัวเองจนเกินไป เขาไม่เถียงถ้าเด็กนั้นจะพูดแบบนี้เพราะตัวเองกำลังทำแบบนั้นจริงๆ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ความประพฤติของเซฮุนต่างหาก ลู่หานไม่เข้าใจ....การบอกให้เขารอที่โรงเรียนหมายถึงการที่ตัวเองไปเมาแอ๋กลับมาให้เขาตามเช็ดตามล้างแบบนี้เหรอ? ไหนจะผู้หญิงคนนั้นอีก ชีวิตวันไนต์แสตนด์นะทำไมเขาจะไม่รู้จักเพียงแต่แด็กนี่คิดว่ามันถูกแล้วเหรอไงถึงได้ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นนะ

    พี่นี่ยิ่งกว่าแม่อีกให้ตาย!”

                   “เลิกบ่นแล้วเล่ามาให้หมด!!”

     

                    เซฮุนกลอกตาไปมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวค้ำหัวเขาอยู่ตอนนี้ ก่อนจะขยับปากพูดในสิ่งที่คนตัวเล็กตรงหน้าเขาอยากรู้แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกค้างกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มากก็ตาม 

     

                    “ก็แค่ไปดื่มมานิดหน่อย...ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็อย่างที่เห็น

                    “จงอินบอกว่านายโดดเรียนตั้งแต่เช้า ก่อนหน้านั้นไปไหนมา!”

                    “พี่อย่ายุ่งได้ป่ะอยู่ส่วนพี่ไปดิ ที่ผมให้พี่อยู่นี่ก็เพราะแม่หรอกนะเลิกมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวผมได้แล้ว ผมไม่ชอบ!”

                   

                    น้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดพร้อมกับสายตาที่บ่งบอกว่ารำคาญเขาเต็มทนทำให้ลู่หานหน้าชา ความรู้สึกที่ถูกเมินข้ามความเป็นห่วงทำให้เขาไปต่อไม่ถูก อีกทั้งความเงียบที่ก่อตัวขึ้นหลังจากนั้นก็ให้ความรู้สึกได้ไม่เลวเลย

     

    “…พูดแบบนี้เหรอนายบอกให้ฉันรอแล้วพอนายหายไปก็มาพูดแบบนี้เหรอ!!!”

     

                    หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นก็เหมือนว่าเซฮุนจะนึกขึ้นได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงๆ แบบนั้นออกไปแต่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เขาควบคุมสติตัวไม่ได้ การประคองตัวเองให้ยืนขึ้นยังยากเลย

     

                    “เรื่องนั้น....

                    “ฟังนะโอ เซฮุน...

      “…ถ้ามีคนบอกให้ฉันรอแต่อยู่ๆ เขากลับหายไปแบบนายฉันไม่ยุ่งไม่ได้

                    “ผม…”

                    “...ส่วนเรื่องส่วนตัวของนายไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นหรืออะไรก็แล้วแต่....ฉันขอโทษที่เข้าไปยุ่งแต่ต่อไปมันจะไม่มีอีกแล้ว เบอร์โทรเข้าล่าสุดในโทรศัพท์นายคือเบอร์ฉันเองตอนนายหายไปฉันขอมันจากจงอินแต่ถ้านายไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัวก็ลบมันไปได้เลยและฉันก็จะลบในเครื่องของฉันเหมือนกัน พอใจแล้วใช่มั้ย?”

                    “เรื่องที่บอกให้พี่รอ...ผมลืมจริงๆ

                    “อยู่ส่วนของนายและฉันจะอยู่ส่วนของฉัน แค่นี้ใช่มั้ยที่ต้องการ?”
     

                    ลู่หานเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำพูดที่หลุดออกมาจากปากกระจับสวยนั่นเพราะเขาคิดว่าตัวเองรู้ตั้งแต่ที่เห็นเซฮุนกับผู้หญิงคนนั้นในห้องแล้ว และที่สำคัญก็คือเขาไม่ได้ผูกพันกับเซฮุนขนาดที่จะรู้สึกเสียใจกับคำพูดพวกนั้นจะมีก็เพียงแต่ความรู้สึกผิดหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจก็เท่านั้น

     

                    “พี่ฟังดิ...

                    “แม้แต่ในโรงเรียนก็ไม่เคยรู้จักกัน ถ้าเป็นแบบนี้นายจะสบายใจเซฮุน J”

     

     

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                   

                    

     

    - Shadow  -

     

     

    ♡ Talk
              ครบ100% แล้วขอโทษที่สั้นไปนะ TT ตอนหน้าจะพยายามให้มันยาวกว่านี้
    แต่ตอนี้ทำไมออกมาแบบนี้ก็ไม่รู้555555 ส่วนเรื่องที่เซฮุนหายตัวไปตอนหน้าจะเฉลอนะ
    เซฮุนลืมพี่ลู่จริงๆ แต่เพราะแอลกออฮอล์ไง ไม่รู้จะพิมพ์อะไรแล้วแค่เม้นกันหน่อยนะ :)
    Ps.อย่าลืมเม้นฮั่บ

    Shalunla ~


     

    MARUKO &
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×