เรื่องราวมากมายถูกย้อนเข้ามาในหัวผม ทันทีที่ร่างของผู้หญิง 2 คนเดินเข้ามาใกล้ มันเหมือนฟิล์มที่ฉายย้อนกลับแล้วก็เริ่มฉายใหม่อีกครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.5 ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กที่ไม่รู้อะไร เที่ยวเล่นจีบผู้หญิงไปวันๆ ไม่เคยคิดเรื่องไกลตัวเลย ในช่วงนั้นเป็นต้นเทอม 2 ผม มาซายะ เชโอ ก็แอบชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เธอนั่งข้างๆผม โดยมีทางเดินคั่นอยู่ ที่นั่งถูกจัดเป็นคู่ๆ ผมนั่งกับเพื่อนสนิทของผม เธอก็นั่งกับเพื่อนสนิทของเธอ แต่พอดีที่คู่ของเราอยู่แถวเดียวกัน เลยทำให้ผมได้รู้จักเธอมากขึ้น จนทำให้ผมชอบเธอ เธอชื่อโคซาว่า มายูมิ เธอเป็นคนเงียบ เรียบร้อย ก็เสป็กของผมมันเป็นแบบนั้นหนิ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบเธอ แต่เพื่อนๆก็ชอบล้อผมกับเธอเพราะเห็นเรา 2 คนค่อนข้างสนิทกัน แล้วเธอก็ดันไปตรงกับเสป็กที่ผมเคยบอกไว้ ก็คือคนเงียบๆ แต่เธออ่อนแอไปหน่อย เข้าห้องพยาบาลบ่อยมาก ผิดกับฝาแฝดของเธอ โคซาว่า มาโยมิ ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะมีร่างกายที่แข็งแรง เล่นกีฬาเป็นเลิศ มีความมั่นใจในตัวเองสูง แล้วก็ยังเรียนเก่งมากด้วย เป็นหัวหน้าห้อง อุปนิสัยต่างกับยูมิลิบลับ ยัยนี่ค่อนข้างร่าเริง เหมือนกับว่าวันๆมีแต่เรื่องดีดีอย่างงั้นแหละ นอกจากนิสัยและทรงผมแล้ว สองคนนี้เหมือนกันแทบแยกไม่ออก หน้าก็บล็อกเดี่ยวกัน เสียงก็เหมือนกันเด๊ะ ดีนะที่โยมิไปยืดผม ไม่งั้นเรียกผิดเรียกถูกแน่ๆ แต่มีสิ่งนึงที่ผมไม่ชอบในตัวโยมิเลย ก็คือโยมิชอบทำตัวเหมือนไม่ชอบฝาแฝดตัวเองเอาซะเลย ชอบข่มยูมิทุกอย่าง ทั้งที่จริงๆแล้วโยมิ เอ่อ ให้พูดตรงๆ โยมิดีกว่าทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอยังต้องการอะไรอีกนะ “ อ่ะ นี่เป็นแล็คเชอร์ของวิชาชีวะนะ ฉันเอามาให้ เห็นเมื่อวานนายไปซ้อมบาสในคาบนี้ ก็ถ้าไม่อ่านระวังจะเรียนไม่ทันนะ ”โยมิที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเข้ามาทักผม อยู่ดีดีก็จดแล็คเชอร์มาให้เฉยเลย มันน่างงมั้ยนั่น “ อ่ะ ขอบใจ ” แล้วเหมือนจะในทันทียูมิก็เดินมาทางผม “ นี่เช ฉันเอาแล็ค เอ่อ.....” “ เอ่อ ไม่มีไรหรอก ” เธอรีบเก็บสมุดไว้ด้านหลัง “ อะไรหนะ เอามาดูซิ ” แล้วผมก็แย่งมันมาจนได้ เอ๊ะ แล็คเชอร์วิชาชีวะหนิ ผมหันมองหน้าเธอ “ ฉันเห็นนายมีของโยมิแล้ว มันคงไม่จำเป็นสำหรับนายแล้ว ” “ เอ่อ ไม่เห็นเป็นไรเลย อ่านหลายๆเล่มจะได้เข้าใจมากขึ้นไง ขอบใจนะ ” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เธอ ทั้งที่ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย ผมหันไปมองทางโยมิก็เห็นว่าเธอมองอยู่ก่อนแล้ว ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่นัก เย็นวันนั้นขณะที่ผมกำลังเก็บรองเท้าที่ล็อกเกอร์อยู่นั้นโยมิก็เดินเข้ามาหาผม เธอส่งผ้าซับเหงื่อให้ผมผืนหนึ่ง เธอจ้องหน้าผมก่อนจะพูดได้อย่างไม่ละอายว่า “ ฉันชอบนาย ” “ หา ทะ เธอว่าไงนะ ” ไอ้ปกติเค้าต้องยืมก้มหน้าแดงดิ แล้วนี่ไรวะ ยืนจ้องหน้าไร้ซึ่งความอายเลย ยัยบ้าเอ๊ย “ ฉันบอกว่าฉันชอบนาย แล้วนี่ก็ ให้ แค่นั้นแหละ ไปละนะ ” เหอ เค้าทำผมงงเลย วันต่อมาเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โยมิทำตัวเป็นปกติ ไม่ใช่สิเธอดีกับผมดีกับผมมาก มากขึ้นๆเรื่อยๆ จนผมชักจะเชื่อแล้วสิว่าบางทีเธออาจจะชอบผมจริงๆก็ได้ แต่แล้วเย็นวันนึง ขณะที่ผมกำลังกลับไปเอาของที่ลืมในห้องเรียน ผมก็ต้องยืนค้างเมื่อเจอกับความจริงบางอย่าง “ ฉันรู้ ว่าเธอหนะชอบเชโอใช่มั้ยหละ ” “ O _ O ” “ เธอเอาอะไรมาพูดหนะ โยมิ ” นั่นสิเธอพูด อะไรของเธอหนะ ยูมิเนี่ยนะจะมาชอบผม ไม่มีทาง 1 “ เอาเถอะ ตอนนี้เธอไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ว่าอะไรที่เธอต้องการฉันจะแย่งมันมาให้หมด แย่งทุกอย่าง แม้แต่ผู้ชายของเธอฉันก็จะแย่ง ” “ นี่เธอไม่ได้ชอบเชโอจริงๆหรอกหรอ ” “ เค้าโชคร้ายเองที่มาชอบเธอ ไม่ว่าเธอจะชอบเค้าหรือไม่ แต่เค้าชอบเธอ ฉันมั่นใจเพราะฉะนั้นฉันจะเปลี่ยนให้เค้ามาชอบฉันให้ได้ อะไรที่เป็นของเธอฉันจะแย่งมันมาให้หมด ” “ ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้ด้วยหละ โยมิ ” “ ทำไมหนะหรอ แค่นี้เธอยังไม่พอใจอีกรึไง พ่อก็รักเธอ แม่ก็รักเธอ ทุกคนรักเธอทั้งๆที่ฉันดีกว่าเธอทุกอย่าง มันไม่ยุติธรรมเลย เธอมันขี้โกง ” ความจริงนั้นมันทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน ผมพอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่า โยมิคงอิจฉาที่พ่อกับแม่รัก ยูมิมากกว่า เลยพยายามแย่งทุกอย่างไปจากยูมิ พอรู้ว่าผมชอบยูมิเลยจะใช้ผมเป็นเครื่องมือ ฮึ ยัยบ้าเอ๊ย ตอนนี้ผมเกลียดเธอจัง เธอเห็นผมเป็นอะไรหนะ คิดจะหลอกก็หลอก คิดว่าผมหลอกง่ายขนาดนั้นเชียวหรอ ผมไม่ยอมง่ายๆหรอก ผมไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้ใครง่ายๆแน่ หลังจากวันนั้นผมก็ค่อยๆตัดเยื่อใยจากโยมิ บางครั้งก็ทำเป็นสวีทกับยูมิต่อหน้าเธอ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น อาจเพราะความสะใจก็เป็นได้ เพราะมันก็เหมือนหมายความว่าผมชนะ เธอทำให้ผมชอบไม่ได้ คงจะประมาณนั้นหละมั้ง เหอ มีอยู่หลายครั้งที่ผมพูดทำร้ายจิตใจเธอ มันเป็นอย่างนั้นจนกระทั้งปิดเทอม ในช่วงนั้นยูมิไม่ค่อยได้ไปโรงเรียน เธอเข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร โลกของผมมืดลงไปช่วงนึง เนื่องจากขณะที่ผมกำลังขับมอร์เตอร์ไซค์กลับบ้าน ในตอนดึกของคืนวันนั้น ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถของผม โชคร้ายที่รถคู่กรณีเกิดบรรทุกก๊าซพิษมา เลยทำให้ตาผมใช้การไม่ได้ ต้องให้การรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ในตอนแรกผมรู้สึกกลัวมาก มันทรมานมากที่ต้องอยู่ในความมืดคนเดียว เพื่อนๆก็มาเยี่ยมผมเป็นระยะๆ พ่อกับแม่ทำงานอยู่ที่ฝรั่งเศสมาเยี่ยมผมก็นับครั้งได้เลย ทุกๆวันผมก็ได้แต่อยู่กับนางพยาบาล แม้เธอจะชวนผมคุยทุกครั้งที่เอายามาให้ แต่มันก็เท่านั้น เวลาที่เหลือผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากฟังเพลงแล้วก็ฟังข่าวจากวิทยุ ผมทำอะไรน่าเบื่อแบบนั้นเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์ ก่อนที่มันจะเริ่มเปลี่ยนไป “ ตึก ตึก ตึก ....... ตึกตึก ... ตึก ” เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกกับพื้น มันหยุดตรงที่หน้าห้องผม แล้วก็เงียบหายไป ระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อตาใช้งานไม่ได้ ประสาทรับเสียงของผมดูเหมือนจะใช้การดีขึ้น มันจำได้ทุกเสียงที่ได้ยินบ่อยๆ ผมสามารถแยกเสียงรองเท้าของนางพยาบาลแต่ละคนได้ และผมก็มั่นใจว่าคนที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ที่หน้าประตูนี้ต้องไม่ใช่นางพยาบาลหรือหมอคนไหนแน่ๆ นี่ก็ 5 นาทีแล้วนะ ทำไมเค้าไม่เข้ามาซักที ยืนทำไรอยู่หน้าประตูหนะ “ เชิญครับ ” แกร๊ก ฟังจากเสียงรองเท้าที่ตามมา ดูเหมือนคนที่เดินเข้ามาจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาซะเลย “ จะไม่บอกหน่อยหรอครับ ว่าคุณเป็นใคร คุณเห็นผม แต่ผมไม่เห็นนะ ผมหนะไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใคร ” “ แต่หูนายดูท่าว่าจะใช้ได้ดีขึ้นนะ ” ยูมิ “ ยูมิ ” “
” “ ยูมิหรอ ” “ ใช่เธอจริงๆด้วย ทำไมเพิ่งมาเยี่ยมฉันหละ รู้มั้ย ฉันอยู่ที่นี่เหงาแค่ไหน ทั้งมืด ทั้งหนาว ทั้งโดดเดี่ยว เธอกลับไม่เคยมาเยี่ยมฉันเลย มาทำไมเอาป่านนี้ ไม่มาตอนฉันตายซะเลยหละ ” “ อ่ะ เอ่อ ฉันซื้อข้าวต้มมาฝาก กินเลยนะ นายกินข้าวรึยัง ” > < ยังเหมือนเดิมเลยนะเงียบๆ ชอบเปลี่ยนเรื่องเวลาตัวเองจนมุม ผมยกมือขึ้นควานหามือยูมิ “ ฉันยังไม่หิวมา นั่งคุยกันก่อนดีกว่า เอ๊ะ นี่เธอเปลี่ยนนาฬิกาใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เห็นบอกชอบเรือนนั้นมากไม่ใช่หรอ ” ฉึด เค้ารีบชักมือออก “ อ่ะ อืม ลองเปลี่ยนดูบ้างหนะ นี่มันก็บ่าย 2 แล้วนะนายยังไม่ได้กินข้าวอีกหรอ เดี๋ยวฉันเทข้าวต้มให้กินดีกว่า ” “ พยาบาลที่นี่เสิร์ฟอาหารกี่โมงกันเนี่ย ” “ อ๋อ เค้ามาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วหละ แต่ฉันยังไม่หิวก็เลยให้เค้าเก็บไปก่อน ” “ ทำงี้ได้ไง นายไม่กินอาหารให้ตรงเวลา เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก กินได้แล้ว” “ ไม่เอา เดี๋ยวเธอก็ไปแล้ว กินข้าวเสียเวลาเปล่าๆ มานั่งคุยกันดีกว่า ” “ ไม่ได้ กินก่อนแล้วค่อยคุย งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาอีกก็ได้ ” “ ไม่ใช่แค่พรุ่งนี้ เธอมาทุกวันเลยไม่ได้หรอ บ้านก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง มาเยี่ยมฉันหน่อยนะ มาคุยเป็นเพื่อนหน่อย อยู่ที่นี่เหงาจะตาย ” “ ฮะ เอางั้นเลยหรอ เอ่อ ก็ได้ ถ้าว่างนะ ” “ เย่ โอเค กินเลยฉันหิวแล้ว ” “ อ่ะ เหอ จริงๆเลยนาย ” “ เอ่อ แล้วปกตินายกินยังไงหนะ ” ^________ ^ “ ถามได้ พยาบาลก็ต้องป้อนสิ คราวนี้เธอก็ต้องป้อนฉัน ” “ อ้าว เป็นงั้นไป ” “ ไม่งั้นเธอจะให้ฉันทำไงเล่า ” ฮิฮิ “ โอเค โอเค ” “ อ้า ” ผมรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองติงต๊องมาก อาจเพราะดีใจเกินไปหละมั้ง ผมอ้าปากซะกว้างจนได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย มันทำให้ผมเขินขึ้นมา “ อ่ะ ร้อน ..” “ ร้อนหรอ เอ่อ งั้นฉันเป่าให้นะ ” “ เอ่อ ” เค้าจะเป่าให้ผมหรอ เหอ ใจเต้นเลยผม “ ถ้านายไม่รังเกียจนะ ” “ ไม่หรอก ไม่เลย ทำไมฉันต้องรังเกียจเธอด้วยเล่า ” “ โอเค ” เราคุยกันเรื่องสารพัดสารเพ แค่ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเธอมันก็ทำให้ผมนอนยิ้มได้ทั้งคืนแล้ว หลังจากนั้นเธอก็มาหาผมเกือบทุกวัน “ เธอคุยเก่งขึ้นมากเลยรู้มั้ยยูมิ ” “ เอ่อ หรอ แล้วดีมั้ยหละ ” “ ดีสิ แต่เธอไปทำอะไรมารึเปล่า ฉันรู้สึกเหมือนเธอเป็นคนใหม่เลย เป็นยูมิที่ฉันไม่เคยรุจัก เป็นยูมิที่ร่าเริงแล้วก็พูดเก่ง ” “ หละ แล้วนายชอบรึเปล่าหละ ” “ นี่คือ ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอกนะ ทำไมต้องพูดด้วยเสียงอย่างนั้นด้วยเล่า ” “ ฉัน ฉัน เปล่า ” “ แล้วก็ฉันชอบยูมิคนนี้มากกว่าด้วยซ้ำนะ ” 3 “ อะ เอ่อ งั้นก็ดีแล้ว ฉันกลับบ้านหน่อยนะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านจะห่วงเอา ” “ เอ่อ....ยูมิ ” “ หืม ” “ โยมิเป็นไงบ้าง ” “ อ่ะ ฮะ ยะ โยมิหนะหรอ ก็สบายดีหนิ ไม่ได้เป็นอะไร ยังอยู่ดี ” _ _ บอกตรงๆเลยนะ ผมค่อนข้างรู้สึกผิด เพราะ ในวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค โยมิเอากล่องจิ๊กซอว์มาให้ผม เธอบอกว่าเห็นผมชอบต่อจิ๊กซอว์เลยซื้อมาให้ แต่ตอนนั้น อยู่ดีดีผมก็รู้สึกฉุนขึ้นมา เมื่อคิดว่าเธอกำลังเห็นผมเป็นตัวตลก ผมเลยพูดออกไปด้วยเสียงตะคอกว่า “ พอซักทีเถอะนะ โยมิ ต้องให้ฉันพูดอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจ ฉันไม่ได้ชอบเธอ เลิกทำดีกับฉันซักที ฉันไม่ต้องการ เลิกมายุ่งกับฉันเข้าใจมั้ย มันน่ารำคาญ ” แล้วผมก็โยนกล่องจิ๊กซอว์นั้นลงพื้น ชิ้นส่วนของมันที่เคยอยู่ในกล่อง ก็หล่นกระจายเต็มพื้น ผมเดินออกมาจากตรงนั้นซักพักก็เริ่มรู้สึกผิดนิดๆ ว่าที่ผมพูดไปนั้นมันแรงเกินไปรึเปล่า ผมเลยย้อนกลับไปดู เลยเห็นเธอกำลังนั่งเก็บชิ้นส่วนที่อยู่บนพื้นใส่กล่องอยู่ ผมหยิบชิ้นจิ๊กซอว์หนึ่งชิ้นขึ้นมา มันอยู่ที่ปลายเท้าของผม ซึ่งผมก็อยู่ไกลจากเธอพอสมควร ไม่รู้ว่ามัน กระเด็นมาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ผมไม่กล้าที่จะเอาไปให้เธอ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ผมเย็นชาขนาดนั้นได้ยังไง ผมเลยเก็บชิ้นส่วนนั้นไว้ ‘ ถือว่าฉันรับของแล้วละกันนะโยมิ ’ แล้วผมก็ต้องรีบเดินไปเพราะกลัวเธอจะมาเห็นซะก่อน “ อืม ก็ดีแล้ว ...... ไม่มีอะไรแล้วหละ บ๊ายบาย แล้วพรุ่งนี้มาอีกนะ ” “ จ้ะแล้วพรุ่งนี้จะมาอีก บ๊ายบาย ” จากตอนแรก ที่ผมแค่ชอบเธอเพราะหน้าตาที่น่ารักและบุคลิกที่น่าแหย่ ตอนนี้ผมกับหลงรักตัวตนของเธอเข้าแล้ว ผมคิดว่ากริยาเงียบๆที่ผมรู้จักคงไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของโยมิ ยูมิที่ผมคุยอยู่ด้วยนี่ตาหาก คือ ยูมิตัวจริง เป็นคนที่ผมรัก ผมรักเค้าที่เค้าเป็นเค้าในตอนนี้ “ นี่เธอทำอะไรอยู่หนะนั่งเงียบเชียว ” “ อ่าวตื่นแล้วหรอ ” “ ตื่นตั้งนานแล้วกำลังคิดอยู่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่ อ่านหนังสืออยู่หรอ ” “ ป่าวหรอกนั่งต่อจิ๊กซอว์อยู่หนะ ” “ จิ๊กซอว์ โห เสียดายจัง ฉันก็ชอบต่อนะ ต่อเก่งด้วยถ้า ฉันมองเห็นฉันคงช่วยเธอได้ ” “ พูดไรอย่างนั้นเล่า บ้าหรอ เดี๋ยวนายก็มองเห็นแล้วเอางี้ เดี๋ยวพอนายหายดีแล้วเรามาต่อกันซักรูป โอเคมั้ย ” “ อืม แล้วที่เธอต่ออยู่นี่รูปอะไรหรอ ” “ รูปต้นซากุระหนะ ” “ เธอชอบซากุระหรอ ” “ อืม ” “ ฉันก็ชอบนะตอนมันร่วงลงจากต้นดูโรแมนติกชะมัด ” “ นายก็ชอบมันเหมือนกันหรอ งั้นเดี๋ยวตอนนายหายฉันจะเอาซากุระมาเยี่ยม ” “ จ้ะ ” เอากับผมสิครับ โม้ไปนั่น ผู้ชายที่ไหนมานั่งสังเกตตอนซากุระร่วง ผมไม่เคยมองด้วยซ้ำว่ามีซากุระต้นใหญ่อยู่หน้ารร.จนเธอมาพูดนี่แหละ ผมก็ได้แต่เออออตามไป “.........................” เอาแล้วไง หัวข้อสนทนาเริ่มเข้าสู่หมวดดอกไม้ไปยันทุ่งทานตะวัน เธอรู้จักดอกไม้เยอะมาก พูดมาเกือบทั้งร้านดอกไม้แล้วมั้ง แต่ผมว่าดอกไม้อะไรก็คงไม่สวยแล้วก็เบ่งบานได้งดงามเท่ากับเธออีกแล้วหละ “ แล้วเธอต่ออยู่กี่ตัวหนะ ” “ 250 ” “ อืม ไม่มากไม่น้อย กำลังดี ต่อเสร็จแล้วจะเอาไปให้ใครรึเปล่าหนะ ” “ ป่าวหรอก ต่อฆ่าเวลาไปงั้นแหละ ทำไมหรอ ” “ งั้น ฉันขอได้ปะ ” “ หืม ได้สิงั้น เดี๋ยวต่อเสร็จแล้วฉันเอาใส่กรอบให้ด้วย ” “ ไม่ต้องหรอก แค่นี้เธอก็ทำอะไรให้ฉันมากพอ แล้วที่จริงฉันไม่ควรขอของจากเธออีกด้วยซ้ำ อ่ะ........” นิ้วเรียวบางเย็นเฉียบของเธอแตะลงเบาๆบนริมฝีปากของผม ผมนิ่งอึ้งไปนิดนึง ก่อนจะเอามือไปจับข้อมือของเธอ มันเลยทำให้ผมรู้ว่าหน้าของเธอตอนนี้คงอยู่ห่างจากผมไม่มากนัก ความรู้สึกมันบอก และก็ไม่ต้องใช้ตา ผมก็จูบเธอได้อย่างไม่ลังเล เพราะผมไม่ได้ใช้ตามองเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สิ่งที่มันมองเห็นเธอตอนนี้มีแค่หัวใจ แล้วมันจะลำบากอะไร ก็แค่ให้หัวใจบอกทิศทางให้ปากของผมประกบกับปากของเธอ “ เชโอ ” เธอผลักตัวออกแล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของผม “ เอ่อ ยูมิฉัน ” “ ฉันกลับก่อนนะ ” “ ยูมิฉันขอโทษ ยูมิ ” ผมลุกออกจากเตียง แล้วก็สะดุดกับเก้าอี้ล้ม พอดีกับที่เสียงประตูเปิดออก “ โอ๊ย ยูมิ ” แล้วเสียงประตูก็ปิดลง ผมทำสิ่งที่ผิดพลาดไปใช่มั้ย ยูมิต้องโกรธที่ผมฉวยโอกาสกับเธอแน่ๆคราวนี้เธอก็จะไม่มาเยี่ยมผมอีกแน่ๆ “ ฉันชอบเธอนะยูมิ....... ชอบที่สุด ฉันขอโทษที่ไม่กล้าพูดต่อหน้าเธอ ฉันมันขี้คลาดมันไม่กล้าพอ ........โธ่เว้ย ” “ ทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นพลาดแบบนี้เลย ” ^ _______ ^ “ ยูมิ ”เค้าพยุงผมขึ้นมานั่งบนเตียง “ ฉันนึกว่าเธอออกไปแล้วซะอีก เห็นปิดประตู ” “ ก็เปิดแล้วก็ต้องปิดสิ แต่ตัวไม่ได้ออกไปจากห้องซะหน่อย ” “ งั้นเมื่อกี้.............” “ เอ่อ นาย..พูดจริงหรอ” “ อืม ฉัน ..ชอบเธอ
จริงๆ ” “ เอ่อ ฉันว่า รอให้ตานายหายดีแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันดีกว่านะ ” “ อืม โอเค แล้วก็เรื่องเมื่อกี้ฉันขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ” “ อืม ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก” “ แล้วเธอวิ่งหนีไปทำไม” “ เอ่อ ..คือฉัน แค่ตกใจหนะ นี่ฉันอ่านหนังสือพิมพ์ให้นายฟังดีกว่า นายจะได้ทันโลก ไม่ใช่ว่าพอตาหายโลกเค้าก็เปลี่ยนไปแล้ว” “โหพูดซะเวอร์เชียว มันจะอะไรนักหนา กะอีแค่เดือน 2 เดือน” “ 5 55+ งั้นฉันอ่านอย่างอื่นให้ฟังก็ได้” และดูเหมือนเธอจะอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งให้ผมฟังนะ “ และแล้วเมื่อ มาเกโตะ รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ ยูซามิ ถึงแม้จะรู้ว่าที่เธอทำอย่างนั้นเพื่อความหวังดี แต่มาเกโตะก็รับไม่ได้เพราะตัวจริงของยูซามิเป็นคนที่มาเกโตะเกลียดมาก ความดีที่ยูซามิเคยทำไม่ได้ลดทิฐิของมาเกโตะที่เคยมีให้ลดน้อยลงเลย ” น้ำเสียงเธอเบาลงในช่วงท้ายก่อนจะเงียบหายไป “ ทำไมหรอแล้วเป็นไงต่อจบยังไงอ่ะ ” “หลังจากวันนั้นที่ความจริงเปิดเผย มาเกโตะก็ไม่เคยปรายตามองคนที่เค้าเคยพูดว่ารักอีกเลย ส่วนยูซามิก็ตรอมใจตาย กลายเป็นดาวซักดวงอยู่บนท้องฟ้ารอวันที่มาเกโตะจะเปลี่ยนใจ ยกโทษให้กับเขา ” “ว้า นั่งฟังมาตั้งนาน ทำไมจบเศร้าจังเธอว่ามั้ย ไม่น่าจบอย่างนี้เลยเนอะ ” “ ..............” “ ยูมิ ” “ อ่ะ เอ่อ คะ คือฉัน ” น้ำเสียงอันสั่นเทาของเธอทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเธอกำลังร้องไห้ “ เธอร้องให้ทำไมหนะ ยูมิ ไม่เห็นต้องอินขนาดนั้นเลยหนิ 555+ เธอนี่ติ๊งต๊องจริงๆเลย ” “ ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อกี้นายว่าไงนะ” “ ฉันว่าเรื่องนี้มันจบเศร้าไปหน่อยนะ ว่ามั้ย ” “ อืม เห็นด้วย แล้วถ้าเป็นนายหละ ถ้านายเป็นมาเกโตะนายจะทำยังไง ” “ อืม ถ้าฉันเป็นมาเกโตะหรอ อืม อย่างน้อย ยูซามิก็สวยดุจนางฟ้าใช่มั้ย เอามาทำเมียก่อนแล้วค่อยทิ้งละกัน 555+” “ ทะลึ่ง เชโอนาย พูดอย่างนี้ได้ไง หลบหลู่เค้านะ นายใจร้ายมากเลยด้วย ” เอาแล้วไง ดูท่าว่าเธอจะคิดว่าผมพูดจริงนะเนี่ย ผมก็แค่พูดเล่นเฉยๆไม่เห็นต้องคิดมากเลยหนิ “ นี่ฉันแค่พูดเล่นน่า ” “..............” “ นี่ยูมิทำไมเงียบเลยหละ ” “ ถ้านั่นคือคำตอบของนายหละก็ถ้า ฉันเป็นยูซามิ ฉันก็จะเลือกไม่ให้นายรู้ความจริง เลือกที่จะปิดบังจนวินาทีสุดท้ายที่ฉันจะทำได้ นายนอนพักนะฉันกลับหละ ” “ จะกลับแล้วหรอ ” “ อืม บ๊ายบาย ” ทั้งที่ผมยังงงกับคำพูดของเธออยู่ แต่ก็ทำไรไม่ได้ ยังไม่ทันคิดอะไรเธอก็เดินออกไปแล้ว เช้าวันนั้นโลกของผมก็กลับมาสดใส ตาของผมกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ผมก็บอกให้นางพยาบาลปิดผ้าไว้ก่อน โดยให้ปิดไว้แค่ชั้นเดียว ผมไม่ได้บอกยูมิว่าวันนี้ผมจะเปิดผ้าปิดตาออกแล้ว ก็ผมอยากให้เธอเซอร์ไพรส์หนิแต่ไม่คิดว่าคนที่จะเซอร์ไพรส์กลับกลายมาเป็นผมเอง “ วันนี้กินอะไรดีหละ เช ฉันซื้อมาให้นายเลือกตั้งหลายอย่างแหนะ ” เมื่อผมรู้ตำแหน่งที่เธออยู่เลยพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังหันหลังอยู่ “ เอาอะไรก็ได้จ้ะ ” ผมลืมตาออก ภาพภายใต้ผ้าปิดตา1ชั้นไม่ได้ชัดเจนอะไรมากแต่มันก็ทำให้ผมเห็นว่า “ ยูมิ เธอเปลี่ยน ทรงผมตั้งแต่เมื่อไหร่หนะ ” “ เพล้ง ” เธอหันมาพอเห็นผมมองได้แล้วก็ทิ้งแก้วน้ำในมือเฉยเลย “ อ่ะ หนะ นายมองเห็นแล้วหรอ ” ผมแกะผ้าออกแล้วยิ้มกว้าง “ ครับผม เซอร์ไพรส์มั้ยเอ่ย ” “ อ่ะ เอ่อ อืม” ท่าทางจะตกใจมากเลยนะเนี่ย ดูตื่นๆ “อ๊ะ” “ ยูมิระวังหน่อยสิ ที่เท้าเธอหนะ ดูสิซุ่มซ่ามอีกแล้ว แก้วบาดขาเลยเห็นมั้ย คราวนี้ตาฉันพยาบาลเธอบ้างแล้ว ” ผมทายาให้เธอแล้วก็เห็นบางอย่างที่แปลกไป “ ฉันพึ่งรู้ว่าเธอมีปานที่เท้าด้วย ” วืด เค้ารีบชักเท้ากลับทันที “ เอ่อ เช คือฉันนึกขึ้นได้ว่าติดธุระหนะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเจอกันที่รร.ตอนเปิดเทอมเลยละกันนะ บ๊ายบาย ” “ อ้าวยู ” ตึ้ง แล้วเธอก็ไปเฉยเลย ผมนั่งดูทีวีที่ไม่ได้ดูมานานอยู่บนเตียง แล้วก็มองไปรอบๆห้องที่ผมอยู่มาเป็นเดือนก่อนจะสะดุดกับจิ๊กซอว์ที่อยู่บนโต๊ะ มันเกือบจะเสร็จแล้วหละ เหลืออีกแค่ไม่กี่ชิ้นผมเลยเอามาต่อต่อ แต่แล้ว เอ๊ะ มันหายไปชิ้นนึง ผมหาทั้งใต้โต๊ะ ใต้เตียง ถามนางพยาบาลที่เก็บห้อง ก็ไม่เจอชิ้นสุดท้าย และในวินาทีนั้นเอง ใจผมก็หนาวเหน็บเข้าถึงขั้วหัวใจ ผมรีบค้นกระเป๋าอย่างลนลาน แล้วก็เจอจิ๊กซอว์ร์ที่ผมหยิบมาในวันนั้นขอร้องหละพระเจ้าไม่ใช่ใช่มั้ย ยูมิก็คือยูมิ ผมเอามืออันสั่นเทาประกอบจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย โชคร้ายที่มันต่อได้พอดี ไม่จริงใช่มั้ย.......ยูมิแค่เปลี่ยนนาฬิกาใหม่ ยูมิแค่เปลี่ยนทรงผม ยูมิแค่ไม่เคยบอกว่ามีปานตรงข้อเท้า ยูมิก็แค่เอาจิ๊กซอว์ของฝาแฝดมาต่อเล่น เธอก็แค่เผยนิสัยที่เหมือนกับโยมิออกมาเท่านั้นเอง.................. ตอนนี้ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของมาเกโตะแล้วหละ พระเจ้า..........คนที่ผมรักคือยูมิใช่มั้ย วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก ทันทีที่ผมมาถึงห้องเรียนผมก็ตรงดิ่งไปยังเพื่อนสนิทของยูมิทันที “ คาโอริ ปิดเทอมที่ผ่านมายูมิทำอะไรบ้างหนะ” “ เชโอ ได้ข่าวว่านายก็นอนโรงพยาบาลเหมือนกันหนิ เป็นไง หายดีแล้วหรอ ” “ อืม แล้วยูมิ ” “ อ๋อ ยูมิเค้าก็หายแล้วหละ วันนี้ก็คงมารร.ได้แล้ว เค้าไม่โกรธนายหรอกนะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเค้าหนะ เพราะเค้ารู้ว่านายก็นอนโรงพยาบาลเหมือนกัน ยูมิไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกไม่ต้องคิดมาก ” O O ยูมิก็นอนโรงพยาบาลตลอดเลยงั้นหรอ ฉึก เหมือนมีมีดมาปักกลางอกของผม ดั่งมีน้ำเย็นมาราดที่หัวใจ หน้าและตัวของผมตอนนี้มันชาไปหมดแล้ว ทั้งที่ตาก็มองเห็น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโลกของผมมืดลงอีกครั้งเลย “นั่นไงสองสาว คาซาว่ามาแล้ว ” พรึ่บ ผมหันไปมองภาพที่บาดใจอีกครั้ง ยูมิยังคงผมหยิกอยู่ คนที่ผมตรงคือโยมิ น้ำตาของผมมันเริ่มคลออย่างไร้สาเหตุ เมื่อผมเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวกับอาการสั่นของโยมิ ทันใดนั้นเธอก็หันหลังแล้ววิ่งหนีทันที แต่ผมเร็วกว่าดึงมือเธอไว้ทัน “ฉันขอโทษ เชโอ ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจหลอกนาย ฉันขอโทษ ” เธอพูดด้วยน้ำตาอาบแก้มส่วนผมก็จนคำพูดแม้แต่จะรั้งเธอไว้อีกครั้งก็ยังไม่กล้า เพราะตอนนี้ยูมิก็ยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ โยมิเลยวิ่งหนีไป “ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อยากจะบอกว่าไม่ต้องคิดถึงจิตใจของฉันหรอกนะเชโอ เพราะยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ฉันรู้ว่านายเคยชอบฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดกับนายแบบนั้นเลย และฉันก็รู้ว่าตอนนี้คนที่นายชอบก็ไม่ใช่ฉันอีกแล้ว ยังต้องลังเลอะไรอีกหละ ฉันก็พูดได้แค่นี้ ตัดสินกับชีวิตนายดีดีก็แล้วกันนะ ” ยูมิพูดกับผมโดยไม่ยอมสบตา ทำไม ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย วันนั้นผมพึ่งเคยเห็นโยมิโดดเรียนเป็นวันแรก เธอไม่ยอมเข้าเรียนตั้งแต่เช้า จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่เห็นเธอ ผมกำลังนั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ที่ริมน้ำ ที่ซึ่งดอกซากุระกำลังร่วงโรย โยมิทำทุกอย่างเพื่อต้องการชนะยูมิเท่านั้นหนะหรอ เธอหลอกผมเพื่ออะไรกัน “โธ่โว้ย” ผมเตะทรายตรงหน้าอย่างหัวเสีย แต่มันกลับกระเดนเข้าตาผมซะนี่ “ โอ้ยตาฉัน โอ้ยไรวะเนี่ย อ่ะ อือ” “ ไหนฉันดูซิ ” โยมิ ผมรู้ว่าเป็นเธอ ทำไมผมถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้นะ เธอเป่าทรายออกจากตาผม แล้วสายตาเราก็สบกัน “ เธอ .....หลอกฉันทำไม ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อสุดๆ “ หลอกหรอ TT ^ TT นายใช้คำว่าหลอกหรอ ฮึ ” เธอเบนหน้าไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าผม “ ฉันเนี่ยนะหลอกนาย เหอะ คนอย่างฉันหนะ ไม่เคยคิดใช้ชื่อยูมิเพื่อให้นายมาสนใจฉันหรอกนะ แต่แค่ฉันเดินเข้าไปนายก็โมเมว่าฉันเป็นยูมิแล้ว ..........” แล้วเธอก็เริ่มร้องให้น้ำเสียงที่พูดก็อ่อนลงจนผมใจหาย “....ถามหน่อยเถอะ ถ้าไม่บอกว่าฉันเป็นยูมิ นายก็จะไม่ดีใจที่ฉันไปเยี่ยมใช่มั้ย ถ้าไม่ใช่ยูมินายก็จะไม่ขอให้ฉันมาทุกวัน ถ้าไม่ใช่ยูมินายก็จะไม่อ้อนให้ฉันป้อนข้าวใช่มั้ยหละ ถ้ารู้ว่าเป็นฉัน ไม่ใช่ยูมิ วันนั้นนายก็คง ไม่จูบฉันหรอกใช่มั้ยเชโอ TT ^ TT ” และในทันทีผมก็จูบเธออีกครั้ง แม้สมองของผมจะบอกว่าเธอเป็นคนที่ผมเคยเกลียดมาก เป็นคนที่กำลังจะหลอกใช้ผมเป็นเครื่องมือ แต่หัวใจของผมมันกลับบอกผมว่าเธอเป็นคนที่ผมรัก ไม่ใช่ยูมิ ผมถอนจูบอันหนักหน่วงนั้นออก เมื่อเห็นน้ำตาที่เริ่มไหลเป็นทางอีกครั้ง เธอไม่ได้วิ่งหนีไป ไม่ได้ตบหน้าผม แต่เธอเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ “ พอเถอะโยมิ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ” เธอค้อนผมวงนึงก่อนจะทำท่าจะเดินไป ผมรั้งเธอไว้ “ช่างมานเถอะนะ ฉันไม่ใช่มาเกโตะและจะไม่เลือกทางเลือกโง่ๆอย่างมาเกโตะด้วย....” “ฉันขอโทษ” “ฉันอภัยให้เธอ....แล้วฉันก็ยอมแพ้เธอแล้วด้วยไม่ว่าเธอจะทำแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร ฉันไม่อยากรู้แล้ว แต่มีสิ่งนึงที่ฉันอยากจะบอกเธอนะถึงแม้เธอจะไม่ได้รักฉันเลยแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา........” “ ฉันรักนาย ” O _ Oเธอกระโดดกอดขอผมเฉยเลย ผมก็ได้แต่ยืนอึ้ง “ เอ่อ เธอ ” “ นายยังขาดอีกประโยคนึงนะ เชโอ ” “ อ่ะ อืม ฉันก็รักเธอ ” แล้วเธอก็กอดผมแน่นขึ้น ผมกอดเธอตอบ เรายืนกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเริ่มมีคนมอง ฮิฮิ แล้วผมก็ขอเธอคบ แล้วเราก็คบกัน ช่วงนั้นผมมีความสุขมาก โยมิเพิ่มสีสันให้กับชีวิตของผม เธอช่วยติวหนังสือให้ผมด้วย ส่วนผมก็สอนเธอเล่นกีต้าร์ เราคบกันได้ 1 เดือน แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ผมเดินเล่นกับเธออยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในโตเกียว “ ปาด้าดาดับ ปาปาดาดับ” โยมิรับโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมมองใบหน้านั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นรอยยิ้มของเธอ “ ฮะ อะไรกันคะ ก็แม่บอกโยมิว่ายูมิเป็นแค่ไข้หวัดไม่ใช่หรอคะ แล้วนี่มันอะไรกันหนะแม่ฮ............” แล้วผมก็เห็นเธอน้ำตาคลอ “ เกิดไรขึ้นหนะโยมิ เธอเป็นอะไรไป ” ผมรีบแย่งโทรศัพท์ไปพูด คุณแม่ของโยมิบอกให้เราไปที่โรงพยาบาลในตอนนี้ ผมรีบขับมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาลโดยมีโยมิซ้อนท้าย ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณป้าบอกว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟังที่โรงพยาบาล ส่วยโยมิก็เอาแต่ร้องไห้ พอถึงโรงพยาบาล คุณป้าก็เข้ามากอดโยมิทันที “ ไม่จริงใช่มั้ยคะแม่ มันเกิดอะไรขึ้นหนะ ” “ โยมิ ถึงเวลาที่ลูกจะได้รู้อะไรบางอย่างแล้วหละจ้ะ” “ อะไรบางอย่าง อะไรกันคะแม่” “ ยูมิฝาแฝดของลูกหนะ เค้า เค้ามีโรคประจำตัวตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เกิดหมอก็บอกว่ายูมิจะอยู่ได้ไม่เกิน 20 ปี แต่แม่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ เค้ายังไม่ 18 ด้วยซ้ำ แม่ขอโทษที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจลูกเพราะแม่คิดว่าเวลาของยูมิมีน้อยมาก แม่ก็อยากให้เค้าได้มากที่สุด” ผมกำมือโยมิแน่น “ ทำไมแม่ไม่เคยบอกหนู” “ ยูมิเค้าบอกว่าเค้าอยากใช้ชีวิตอย่างคนปกติที่สุดหนะลูก พักนี้อาการของยูมิทรุดตัวหนักมาก แต่แม่ก็ไม่คิดว่าจะมาจากไปเร็วขนาดนี้ หมอบอกว่าสภาพจิตใจ เป็นตัวหลัก ยิ่งเค้ามีความสุข สุขภาพจิตดี เค้าจะอยู่ได้นานขึ้น แม่เลยพยายามตามใจเค้าทุกอย่าง แม้แต่ที่เค้าขอร้องไม่ให้บอกลูกด้วย อ่ะ นี่จ๊ะ ยูมิเค้าเขียนถึงลูก” ตอนนี้โยมิแทบยืนไม่ได้แล้ว ผมต้องพาเธอมานั่งที่เก้าอี้ เธอเปิดจดหมายด้วยมืออันสั่นเทาและน้ำตาที่อาบแก้ม ถึง โยมิ อย่าโกรธฉันเลยนะที่ไม่ได้บอกเธอ ฉันดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นฝาแฝดกับเธอ ถึงบางครั้งแต่จะไม่ชอบฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าเธอก็ห่วงและคอยดูแลฉันมาตลอด โยมิ ฉันรักเธอ รักมากและรู้ว่าเธอก็รักฉัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันบอกว่าฉันกำลังจะตายเธอก็จะยกเชโอให้ฉัน555+ ฉันรู้นิสัยเธอดีโยมิ และฉันก็ไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น เห็นเธอมีความสุขนั่นคือความสุขของฉัน ฉันอยากจะเขียนถึงเธอให้มากกว่านี้แต่ร่างกายฉันมันยากที่จะควบคุมแล้ว ขอให้เธอโชคดีนะโยมิ ฝากดูแลพ่อแม่ด้วย อยู่อย่างมีความสุขแทนฉันด้วยนะโยมิ มายูมิ หลังจากวันนั้นถึงวันนี้วันที่เผาศพของมายูมิ ผมก็ไม่เห็นรอยยิ้มของเธออีกเลย วันนั้นวันที่ผมกำลังจะกลับบ้านเพราะเป็นวันสุดท้ายของพิธีสวด “เชโอ” “หืม” “ ฉัน คือ เสร็จจากงานนี้แล้วฉันตกลงกับ ซาโยะว่า ฉันจะไปเรียนต่อที่สวิส กับซาโยะนะ พ่อกับแม่ก็จะไปด้วยเราจะไปอยู่ที่นั่นเลย .......”O O ผมพูดอะไรไม่ออก “ ฉันคงไปนานมากและอาจจะไม่กลับมาญี่ปุ่นอีกเลย ฉันไม่อยากให้นายรอ........” “ เธอพูดอะไรหนะ โยมินี่มันอะไรกัน” ใจของผมตอนนี้มันหล่นไปที่ตาตุ่มแล้ว “ ฉันรู้ว่าเธอฉลาดพอที่จะเข้าใจที่ฉันพูด ” น้ำเสียงของเธอตอนนี้ไม่เหมือนตอนแรกเลย มันแข็งกร้าวซะใจของผมมันชาสนิทเลย “ ไม่ ฉันไม่เข้าใจ เธอก็รู้ว่าฉันมันโง่ ฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรา2คน” “ ฉันไม่ใช่ ยูซามิ แล้วนายก็ไม่ใช่มาเกโตะ นายก็เห็นแล้วหนิ ทุกอย่าง นายรู้หมดทุกอย่างรู้มาตั้งแต่แรกด้วย ตอนนี้ ยูมิตายแล้ว ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคบกับนายต่อ ......เฮ้อ ต้องให้ฉันพูดตรงๆใช่มั้ย ได้ เราเลิกกันเถอะเชโอ” ไม่จริง ........ นี่มันอะไรกันผมไม่เชื่อหรอกว่าตลอกเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักผมเลย “ เธอเคยรักฉันบ้างไหม ”โยมิหันมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาสุดๆ “ แล้วนายคิดว่ายังไงหละ” มัดชัดเจนแล้ว ตอนนี้เรี่ยวแรงของผมมันน้อยเกินกว่าที่จะสามารถรั้งเธอไว้ได้อีกต่อไป เค้ากำลังจะจากผมไป ไปอย่างไม่มีวันกลับมา ตอนนั้นผมเจ็บมาก เจ็บเกินกว่าจะรักใครได้อีก ผมได้แต่คิดว่าเรื่องของผมกับเธอมันจบลงแล้ว จบลงอย่างไม่มีวันเริ่มต่อได้อีกเหมือนกับคำว่า the end จนกระทั่งวันนี้ 1 ปีที่ผ่านไปมันไม่ได้ทำให้ผมลืมเธอได้เลย ผู้หญิง 2 คนที่กำลังเดินเข้ามาหาผม คนหนึ่งคือซาโยะ ส่วนอีกคนก็คือโยมิ.....ซาโยะบอกให้โยมิไปทำอะไรซักอย่างแล้วตัวเองก็เดินเข้ามาหาผม “ หวัดดี เชโอ” “ อืม พวกเธอกลับมาแล้วหรอ” “ อืม นายเป็นไงบ้าง” “ ก็ คงสบายดีมั้ง พวกเธอกลับมาทำอะไรกันหรอ” “ ^ ____ ^ อ่ะ อ่านซะ มันอาจจะทำให้นายเข้าใจอะไรมากขึ้น ” ซาโยะส่งสมุดบันทึกเล่มนึงมาให้ผม พอผมเปิดอ่านถึงได้รู้ว่ามันเป็นของโยมิ และพอผมอ่านมันไปได้ซักพักมันก็ทำให้ผมได้รู้ความจริงบางอย่าง “ นี่มัน.........” ผมปิดบันทึกเล่มนั้นลง “ โยมิรักนายมากนะ รักมาตลอด แต่เธอเลือกที่จะไปเพราะรู้สึกผิดกับยูมิมาก จนเจ็บทุกครั้งที่เห็นหน้านาย ตราบาปครั้งนั้นมันทำให้โยมิไม่กล้าที่จะคบกับนายต่อไป ตลอดเวลาที่โยมิอยู่ที่นั่นเค้าคิดถึงนายตลอดเลยนะ มาถึงตอนนี้ฉันเลยอยากจะถามนายว่า นายยังรักโยมิอยู่รึเปล่า” “ เวลา 1 ปีลดความทรงจำนั้นไม่ได้หรอกซาโยะ ภาพโยมิยังคงชัดในความทรงจำของฉันเสมอ” “งั้น ฉันก็คงต้องบอกนายว่า ฉันไม่ได้พาโยมิมาเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำหรอกนะ แต่ที่พาเค้ามาหานายเนี่ยเพราะอยากให้นายสร้างความทรงจำที่ดีอันใหม่ให้เค้าตะหาก” “หมายความว่าไง” “ พระเจ้าให้โอกาสนายแล้ว ท่านลบความทรงจำอันเลวร้ายออกจากหัวโยมิแล้ว ตอนนี้โยมิจำใครไม่ได้เลย เธอความจำเสื่อมจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนก่อน.........นาย จะทำให้เธอรักนายอีกครั้งได้มั้ยเชโอ” O _ O ผมอึ้งมากกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า แล้วโยมิก็เดินเข้ามา “ ซาโยะ เอ่อ ผู้ชายคนนี้ ” “ ผมชื่อ เชโอครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” โยมิยิ้มกว้างให้ผมครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดว่าคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีกแล้ว “ ค่ะ ฉันชื่อโยมิ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งค่ะ” O _ O อีกครั้งหรอ “ อีกครั้งหรอครับ” ผมหันไปมองหน้าซาโยะ เธอก็แบมือแล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า เธอไม่ได้บอกอะไรเลยนะ “ ค่ะ เราเคยรู้จักกันไม่ใช่หรอคะ ” “ ครับ เราเคยรู้จักกัน แต่ผมคิดว่าคุณคงลืมไปแล้ว มารู้จักกันใหม่นะครับ” “ ค่ะ ^ _________ ^ ” ผมเคยคิดว่าเรื่องของผมกับเธอมันจบลงแล้ว แต่ผมว่าผมคิดผิดเพราะมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง
.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น