ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *** wish you *** [#TVXQ#] ; yaoi

    ลำดับตอนที่ #36 : เครียด(?) -*-

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 51





                        ในห้องนั่งเล่นที่ดูกว้างขวางแคบลงถนัดตาเมื่อมีอีก 13 ชีวิตเพิ่มเข้ามาอยู่ด้วย  ทุกคนท่เคยมีสีหน้าระรื่นชื่นบานอยู่เสมอ  ตอนนี้กลับแสดงความเครียดขรึมออกมาให้เห็นอย่งชัดเจน

                        "พวกนายพอจะมีวิธีอะไรบ้างไหมที่จะตามหาตัวพวกยุนโฮเจอน่ะ"  แจจุงเอ่ยถามยอ่างร้อนใจ  สีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นกังวลอย่างมาก

                        "มืดแปดด้านเลยตอนนี้..."   ชินดงส่ายหน้าน้อยๆ และถอนหายใจออกมา

                        "ฉันว่านายใจเย็นๆ ก่อนนะแจจุง  รอจนกว่าพวกนั้นจะติดต่อมาว่าจะเอายังไง"   ฮันกยองเอ่ยขึ้นบ้าง

                        "แล้วพวกเราต้องรอจนถึงเมื่อไรกันล่ะ!!"  จุนซูกระชากเสียงถามด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

                        "ใจเย็นๆ ก่อนสิจุนซู"  ทึกกี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบห้ามปรามคนที่เปรียบเสมือนน้องรักทันที

                        "ถ้าขืนนายยังใจร้อนอยู่แบบนี้และจะคิดอะไรออกไหมล่ะจุนซู"  ฮีชอลที่สีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ เอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง

                        "งานนี้พวกเราคงจะทำอะไรกันมากไม่ได้จริงๆ นอกจากรออยู่เฉยๆ อย่างที่อันกยองว่า"  เยซองเสนอความคิดเห็นกับเขาบ้าง

                        "เอาแต่รออย่างเดียวมันก็ยังไงๆ อยู่นะ"  คังอินพูดแทรกขึ้นบ้าง

                        "นายมีแผนการอะไรดีๆ อย่างนั้นเหรอคังอิน"  ฮยอคแจกล่าวถามบุรุษร่างหนาพร้อมกับสายตาของอีกหลายชีวิตที่มองไปทางคังอิน

                        "ก็ทำนองนั้นแหละ..."  คังอินเอ่ยออกมาอย่างอวดๆ

                        "หวังว่าจะเป็นแผนการที่ไม่ไร้ประโยชน์นะครับ"  คยูน้อยที่นั่งเงียบมาตลอดตัดสินใจเปิดปากพูดบ้าง

                        "นั่นสิ...ท่าทางแบบนี้ไม่มีความน่าเชื่อเอาซะหรอกฮยอคแจ"  คิบอมหันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน

                        "เออ...งั้นก็ไม่ต้องมาถามอะไรจากฉันอีกก็แล้วกัน"  คังอินทำหน้าตายใส่เหล่าเพื่อนๆ ที่เหลือก่อนจะหันไปซุบซิบบางอย่างกับซีวอน

                        "โธ่! ตัวก็ใหญ่ทำเป็นขี้ใจน้อยไปได้"  คิบอมเอ่ยออกมาอย่างปลงๆ

                        "แล้วตกลงว่ามีแผนอะไรกันแน่ล่ะ  รีบๆ บอกพวกเรามาสักทีดิ"  เรียววุครบคะยั้นคะยอให้คังอินพู

                        "ช่ายๆ ดูสิพวกแจจุงกำลังรอฟังนายอยู่นะ"  ชองมินกล่าวเสริม  โดยมีดองแฮพยักหน้าเห็นด้วย

                        "แต่แนว่าไม่ต้องฟังหรอก  เพราะฉันฟังแล้วมันไม่ได้เรื่องอย่างที่คยูน้อยบอกจริงๆ น่ะแหละ"  ซีวอนพูดตอบแทนคังอินที่หันหลังให้กับเพื่อนร่วมวงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

                        "สรุปว่า...พวกผมจะพึ่งพาอะไรพวกพี่ๆ ได้บ้างครับ"  ชางมินเอ่ยแทรกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมองเหล่าสมาชิกซูจูด้วยความรู้สึกหน่ายใจ  ทั้งที่ก็มีปัญหามากพออยู่แล้วยังจะต้องมาเจอบุคคลที่ทำให้ต้องปวดหัวอีก

                        "ของอย่างนี้มันก็ต้องให้เวลาคิดกันหน่อยสิ"  ชินดงบอกพลางเอามือจับคางตัวเองอย่างใช้ความคิด

                        "ฉันไว้ใจนายนะชินดงพยายามเข้าล่ะ"  ฮยอคแจพูดพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ

                        "โธ่โว๊ย!!!"  จุนซูลุกพรวดขึ้นอย่างกระทันหันก่อนจะจ้ำเดินหนีเข้าห้องไปพร้อมกับเสียงปิดประตูดังลั่น

                        "จุนซู..."  ฮยอคแจเห็นท่าทีของเพื่อนรัก็ถึงกับหน้าถอดสีขึ้นมาทันที  นึกสงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ

                        "ไม่เอาน่าฮยอค  ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงเพื่อน"  ฮีชอลเอ่ยบอกับฮยอคแจด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลพลางยหัวปลอบใจ

                        "ปล่อยเจ้านั่นไปสงบสติอารมณ์สักพักเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองน่ะแหละ"  ฮยอคแจพยักหน้ารับพี่รองของวง

                        "เฮ้อ..."  แจจุงมองดูท่าทางของแต่ละคนก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมา  คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ปรึกษาเจ้าพวกนี้

                        "ถ้าหากพวกนายมีแผนดีๆ ที่จะช่วยก็เสนอมา  แต่ถ้าไม่ก็อย่ามาเพิ่มความเครียดให้กับพวกฉันอีก"  เอ่ยบอกหน้าเคร่งน้ำเสียงจริงจัง

                        "อย่างน้อยก็วางใจได้หน่อยล่ะว่าทั้งสามน่าจะยังปลอดภัยอยู่..."  ทึกกี้พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยในขณะที่พูด

                        "แน่ใจได้ไง...บางทีตอนนี้ 3 คนนั้นอาจจะโดนทำร้ายก็ได้นะ"  คังอินกลับมาพร้อมด้วยคำพูดสร้างความตึงเครียด  เมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้าหมียักษ์แจจุงกับชางมินถึงกับหน้าถอดสีไปตามๆ กัน  จากที่เคร่งเครียดกันอยู่แล้วกลับยิ่งดูมีสีหน้าวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก

                        "คังอิน...ถ้านายจะกรุณาอยู่นิ่งๆ เงียบๆ  ก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรนายหรอกนะ"  ฮันกยองเหล่ตามองเจ้าคนปากเสียอย่างตักเตือน

                        "เห็นด้วยกับคำพูดของป๋าทุกประการเลยครับ"  คยูน้อยกล่าวเสริมร่วมด้วย

                        "+555 ^ ^ ตอบได้ดีนี่คยูน้อย"  คิบอมกุมท้องหัวเราะอย่างชอบใจ  แล้วเสียงข้าวของตกกระทบพื้นห้องก็ดังแว่วมาจากห้องของโลมา(คลั่ง)

                        "เฮ้ย! เกิดไรขึ้นน่ะ"  คิบอมที่กำลังหัวเราะอยู่ดีๆ ก็ต้องเบรคชะงักในทันที

                        "ท่าทางจุนซูจะเริ่มอาละวาดซะแล้วล่ะสิ"  ฮยอคแจเอ่ยขึ้นพลางเหลือบตามองไปยังบานประตูห้องของโลมา  แต่ก็เจอกับร่างของอีกสามคน  นำทีมโดยชองมินที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของจุนซูเป็นที่เรียบร้อยแล้วถูกขนาบข้างด้วยเรียววุคกับดองแฮ

                        "เร็วชะมัดเลย  ไปกันตอนไหนเนี่ย"  เยซองบ่นเปรยขึ้น

                        "นี่...พวกนายว่าจุนซูจะคลั่งไปอีกนานแค่ไหนกัน"  ชองมินเปิดประเด็นกับสองคนข้างๆ โดยที่หูกับลำตัวยังคงแนบติดอยู่กับบานประตู

                        "อืม...อันนี้ฉันก็เดาไม่ถูกเหมือนกันแฮะ  เพิ่งจะเคยเห็นโลมาอาละวาดก็งานนี้แหละ"  เรียววุคกล่าวบอกทำท่าคิดตาม  โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับชองมิน

                        "ฉันว่าพวกเราเข้าไปดูกันเลยดีไหม"  ดองแฮเสนอความคิดขึ้นมาบ้าง

                        "นี่พวกนายไม่ได้กลัวว่าจะโดนอะไรจากไอ้โลมาสติเพี้ยนกันบ้างเลยหรือไง"  เสียงฮชอลดังขึ้นจากทางด้านหลังของหนุ่มๆ ทั้งสาม

                        "ก็คนมันอยากรู้ เอ๊ย! เป็นห่วงนี่นา"  ชองมินแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

                        "รู้สึกว่าเสียงจะเงียบไปแล้วนะ"  ซีวอนเอ่ยพูดขึ้นขณะที่หูยังคงแนบกับประตูห้องโลมา

                        "ใครก็ได้ช่วยลากตัวไอ้เจ้าพวกนี้ไปที"  ฮีชอลเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ  พลางตีหน้าผากตัวเองเบาๆ ด้วยความระอาใจกับเหล่าสมาชิกของวง

                        "ทึกกี้นายเป็นหัวหน้าวงนะช่วยจัดการอะไรสักอย่างทีสิ"  คนถูกเรียกนั้นกลับยื่นหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสอย่างสนใจ

                        "ข้างนอกมันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอเฮียทึก"  เรียววุคเอ่ยถามกับบุคคลที่ได้ขึ้นชื่ว่าเป็นหัวหน้าวง

                        "อ๋อ! เปล่าหรอก...เพียงแต่เห็นคนเหมือนจุนซูอยู่ข้างนอกน่ะ"  ทึกกี้หันมาตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก

                        "เห! จะว่าไปในห้องก็ไม่มีเสียงอะไรตั้งนานแล้วนี่นา"  ชองมินพูดขึ้นด้วยท่าทางสงสัย  เมื่อได้ยินดังนั้นชางมินกับแจจุงก็รีบลุกขึ้นวิ่งออำไปนอกล้านอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกลัวว่าโลมาที่กำลังคลั่งอยู่ในตอนนี้อาจจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาได้

                        "ปล่อยไปสักพักเหอะ  เดี๋ยวมันก็อาการดขึ้นมาเองนั่นแหละ"  คังอินพูดเลียนคำบอกของฮีชอลขึ้นมาทันที  แล้วกะโหละกับศรีษะหนาๆ ของคนตัวหนาก็ถูกมือเรียวของอีกคนตะปบเข้าให้ฉาดใหญ่

                        "ถ้าไม่เป็นห่วงก็อยู่เงียบๆ ไปเลยไอ้หมียักษ์!"  ฮีชอลตะหวาดเข้าให้ก่อนจะรีบตามชายหนุ่มทั้งสองอกไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง

                        "หาเรื่องเก่งจริงๆ"  คิบอมยักไหล่พลางส่ายหัวอย่างปลงๆ

                        "ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเพิ่มภาระสิครับ"  คยูน้อยเอ่ยบอกสมทบด้วยอีกคน

                        ด้านนอกตัวบ้านโลมาในสภาพขาดสติกำลังวิ่งออกสู่ทางถนนใหญ๋โดยไม่หวั่นเกรงอันตรายจากยานพาหนะที่ขับเคลื่อนสวนกันไปมาเลยแม้แต่น้อย

                        "จุนซู!!"  แจจุงกับชางมินวิ่งเข้าไปรั้งตัวโลมาเอาไว้ก่อนที่จะวิ่งออกไปใจกล้างท้องถนน

                        "ทำอะไรก็หัดคิดหน้าคิดหลังซะบ้างสิ"  แจจุงกล่าวว่าคนที่กำลังขาดสติอยู่ในทันที

                        "ปล่อยสิ!! ฉันจะไปช่วยโบอา..ปล่อย!!"  จุนซูโวยวายลั่นพร้อมทั้งพยายามดิ้นให้หลุดเป็นอิสระ  หมัดหนักๆ ของใครอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าของโลมาในทันทีอย่างไม่รอท่าทีใดๆ

                        "นายจะโวยวายให้มันได้อะไรกันฮะจุนซู!!"  ฮีชอลกรแทกเสียงใส่อยางเหลืออดในท่าทีของจุนซู  แจจุงและชางมินมองคนอายุมากกว่าด้วยสีหน้าอึ้งๆ  ส่วนคนโดนหมัดในตอนนี้ได้นิ่งเงียบสงบลงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอย่างหมดเรี่ยวแรง

                        "โบอา..."  ชื่อของคนรักเป็นเพียงคำพูดเดียวที่หลุดลอดออกมาให้ได้ยิน

                        "ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงโบอา  แต่ขืนถ้านายยังทำตัวแบบนี้ต่อไปคนที่จะเป็นอะไรไปซะก่อนจะกลายเป็นนายเองนะรู้ไหม"  ฮีชอลพูดบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวโลมาอย่างเป็นห่วง

                        "จริงอย่างที่ฮีชอลบอก  ทุกคนก็ร้อนใจไม่แพ้ไปกว่านายหรอกนะจุนซู"  ฮันกยองที่ตามมาสมทบทีหลังเอ่ยขึ้น

                        "ร้อนใจงั้นเหรอ!! ฉันเห็นแต่นั่งกันอยู่เฉยๆ มากกว่า!"  โลมายังไม่หมดอาการฉุนเฉียวง่ายๆ

                        "ทุกคนเขาพยายามทำให้พวกเราไม่เครียดกันต่างหากล่ะ!!"  แจจุงตะโกนใส่หน้าโลมาเสียงแข็ง  ทนไม่ไหวกับท่าทีของอีกคนพลางกระชากคอเสื้อจุนซูอย่างเอาเรื่อง

                        "แค่หมัดเดียวของพี่ฮีชอลคงจะไม่พอสินะ!"  บอกพร้อมกับง้างมือขึ้นหมายจะปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้า

                        "พี่แจจุง!"  ชางมินพยายามรั้งตัวพี่ใหญ่ของวงดงบังฯ ที่ตอนนี้ได้ขาดสติไปพร้อมๆ กับจุนซูบ้างแล้ว

                        "ถ้ายุนโฮกับโบอามาเห็นพวกนายในสภาพนี้จะทำหน้ายังไงกันนะ"  ชินดงตั้งใจพูดออกมาเสียงดังฟังชัดพลางมองหน้าแจจุงและจุนซู

                        "นั่นน่ะสิ..โตๆ กันแล้วก็หัดทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่กันหน่อยสิพวกนาย"  ฮีชอลพูดบอกสีหน้าเคร่ง

                        "เอาเถอะ...ฉันว่าตอนนี้พวกนายเข้าไปสงบสติกันบ้านก่อนดีกว่า  เดี๋ยวคนแถวนี้จะสงสัยเอาหรอก"  ฮันกยองเอ่ยบอกขึ้นเมื่อคนรอบข้างเริ่มหันมาให้ความสนใจกันบ้างแล้ว

                        "ยกพลกลับมากันแล้วล่ะ"  ซีวอนวิ่งลงมาจากชั้นสองของตัวบ้านหลังจากไปสังเกตการณ์ตรงระเบียงมา

                        "เรียววุค! ดองแฮ! เก็บของให้เรียบร้อยพี่ฮีชอลมาแล้ว"  เมื่อได้ยินเสียงจากซีวอนชองมินถึงกับเกิดอาการลนลานขึ้นมาทันที  มือไม้ควานเก็บถุงขนมที่อยู่ตรงกลางวงนั่งของตัวเองกับเพื่อนอีกสองคน

                        "อ๋า! ฉันยังไม่อิ่มเลยนะชองมิน"  ดองแฮยังคงเคี้ยวขนมตุ้ยไม่ยอมช่วย

                        "เลิกกินได้แล้วดองแฮ! เดี๋ยวก็โดนพี่ฮีชอลเล่นเอาหรอก"  ชองมินคว้าถุงขนมออกมาจากมือของดองแฮทันที

                        "เรียววุคเร็วๆ เข้าสิ!"  จากนั้นก็หันไปเร่งเพื่อนอีกคน

                        "อ๊า! อย่ามาเร่งกันสิชองมิน"  แล้วทั้งสามก็ง่วนอยู่กับการทำลายหลักฐานอย่างรวดเร็ว

                        "มา..ช่วย"  สิ้นคำบอกคุณหัวหน้าวงเอสเจก็หยิบถุงขนมาจากมือของเรียววุคจากนั้นก็เทเข้าปากตัวเองรวดเดียวหมด

                        "เฮียทึกกี้!"  สามพระหน่อฟิวชั่นพร้อมใจกันประสานเสียงไม่พอใจคุณหัวหน้าวง  พอดีกันนั้นถุงขนมก็ลอยออกจากมือของชองมินอย่างกระทันหัน  เจ้าฟังทองมองตามถุงขนมก็พบกับร่างโลมาหน้าตาไม่รับบุญก็ถึงกับอึ้งขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้งกับเพื่อนฟิวชั่น

                        "จุนซู..."

                        "............"  ไม่มีคำพูดใดๆ ตอบกลับเสียงเรียก  จุนซูทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วก็หยิบชิ้นขนมขึ้นกินไปเรื่อยๆ  และดูเหมือนว่าจะไม่หยุดง่ายๆ อีกต่างหาก  เจ้าสามฟิวชั่นจึงได้แต่มองตามตาละห้อย  จากนั้นทั้งแจจุงและชางมินก็ได้ไปร่วมวงกินขนมกับจุนซูบ้างโดยมีสามสหายทีนั่งมองตาปริบ

                        "ท่าจะเป็นเอามากเลยนะเจ้าพวกนี้"  ฮีชอลเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้หวังจะได้รับคำตอบจากใคร

                        "นั่นสิ...พี่เองก็เป็นเอามากเหมือนกันเลย  เล่นซะเมื่อกี้โลมานอนตายหงายท้องกันเลยทีเดียว"  เยซองบอกหน้าตาย

                        "แถมยังทำซะหมียักษ์หยุดคึกอีกด้วยนะ"  ซีวอนบอกเสริมประสานกับเยซองอีกเสียง

                        "แล้วพวกนายอยากจะตายตามไอ้สองตัวนั่นด้วยไหมล่ะ"  ฮชอลถามกลับน้ำเสียงเรียบ  เยซองแล้งทเป็นหันไปสนใจอย่างอื่นแทนฮีชอลจึงเบนสายตาไปที่ซีวอน  ซึ่งแน่นอนว่าซิมบ้าจึงรีบเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นชีตร้าทันที  แวบเดียวก็ชิ่งไปนั่งข้างทึกกี้เรียบร้อยแล้ว

                        "เฮอะ! ไอ้พวกบ้าเอ๊ย..."  ฮีชิอลสบถขึ้นเบาๆ  ก่อนจะทอดสายตามองไปที่สมาชิก TVXQ ทั้งสามคนอย่างเป็นห่วง

                        "ชินดง...นายไม่มีวิธีไหนจะช่วยพวกนั้นเลยเหรอ"  ฮยอคแจเกาะแขนชินดงอ้อนๆ

                        "กำลังคิดอยู่นี่ไงเล่า..."  หนุ่มร่างใหญ่บอกกลับมาเสียงเข้มพร้อมทำหน้าเครีบดจัดพยายามสืบค้นหาวิธีต่างๆ จากรอยหยักในสมองของตัวเอง

                        "แค่นี้ก็ต้องดุด้วย..."  ฮยอคแจก้มหน้าลงพลางเอ่ยเสียงเบาอย่างน้อยใจ

                        "เอาน่า  นายก็น่าจะรู้นี่เวลาชินดงกำลังใช้ความคิดอยู่น่ะจะเป็นยังไง"  คิบอมรีบเข้าไปปลอบอยางรวดเร็วพลางลูบหัวเพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ

                        "เนียน!!"    คยูน้อยพูดสั้นๆ ง่ายๆ ได้ความหมายตรงตัวทุกประการ

                        "ฉันเปล่าเนียนนะคยูน้อย!"  คิบอมรีบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว

                        "ฉันก็พูดขึ้นมาลอยๆ เอง  ยังไม่ทันระบุว่าเป็นนายเลยอย่าร้อนตัวสิ...บอม"  คยูน้อยยักคิ้วเล็กน้อยใส่เพื่อนคู่หู

                        "อ่ะ..ไอ้เจ้านี่หนิ..."  คิบอมพยายามจะเถียงกลับ

                        "อย่าเถียงเลยก็เห็นอยู่ตำตาว่านายน่ะเนียนกับฮยอคน้อย"  ป๋าว่าเสริมเข้าให้อีกคนเล่นเอาคิบอมหน้าเสียเถียงอะไรกลับไปไม่ถูก

                        "รู้สึกจะเกิดศึกชิงนายขึ้นแล้วนะ..ฮยอค..."  คังอินโผล่มาจากมุมมืดหลังโซฟาเอ่ยกระซิบบอกเสียงยานลากยาว  ฮยอคแจเงยหน้าขึ้นมองหมียักษ์ตรงหน้าด้วยแววตาฉงน

                        "นายว่าอะไรนะคังอิน"  เอ่ยถามกลับไปตาใส  เพราะมัวแต่เป็นห่วงเพื่อนจนคิดกังวลอยู่เลยไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์รอบข้าง

                        "ช่างมันเถอะ..."  ร่างหนาบอกก่อนจะกลับไปอยู่ในซอกมืดตามเดิม

                        "ให้ตายสิมีแต่พวกไม่เต็มกันทั้งนั้นเลย"  ทึกกี้บ่นพลางวางมือโอบรอบไหล่ของฮยอคแจหน้าตาเฉย  แล้วมือเรียวของใครอีกคนก็เข้าตะปบทีมือของผู้ที่ถูกเรียกว่าลีดเดอร์

                        "นายน่ะแหละตัวดีอีทึก"  ฮีชอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

                        "หวงก้างแฮะ..."  ซีวอนบ่นอุบอิบคนเดียวเมื่อเห็นอากัปกริยาของฮีชอล  แล้วของที่อยู่ใกล้มือพี่รองก็ลอยละลิ่วระทบเข้ารับศรีษะของร่างสูงเต็มๆ

                        "พูดมาก"  พูดจบก็ลากตัวฮยอคแจที่ยังคงไม่เข้าเข้าใจสถานการณ์เช่นเดิมไปนั่งให้ห่างจากพวกมือไว

                        เสียงฟ้าคะนองสาดดังไปทั่วโรงงานร้าง  แสงสว่างจากสายฟ้าเป็นเพียงความสว่งเยวที่มีเพราะตายในตัวโรงานนั้นมืดสลัวไร้แสงไฟใดๆ  รูปปากเรียวที่แดงด้วยลิปสติกเหยียดยิ้มแสยะ  ดวงตาใต้แพรขนตาดัดและทามาสคาร่าหนาเตอะจ้องมองดู 3 ร่างเพรียวบางซึ่งถูกจับใส่กุญแจมือขังไว้ในห้องเล็กๆ ซึ่งคล้ายกับกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมด้วยสายตาพออกพอใจ

                        "เราจะเริ่มทรมานอะไรกันก่อนดีล่ะ"  เสียงหวานใสแต่แฝงไว้ซึ่งความร้ายกาจเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัวและมีเพียงเสียงสายฝนพรำเท่านั้นที่ดังประกอบรับกับเสียงของหญิงสาว

                        "ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกน่า"  สีของของลิปสติกถูกเติมแต่งเพิ่มให้ดูสดแดงขึ้นกว่าเดิม  เล็บบนเรียวมือที่ขยับจับกระจกเงานั้นมีสีไม่ต่างไปจากสีลิปสติกเลย

                        "แล้วจะเอายังไงล่ะ"  เสียงหญิงสาวในตอนแรกดังขึ้นอีกครั้ง

                        "...ฉันอยากจะเริ่มจากของเล็กๆ ก่อนน่ะ"  ตอบกลับพลางหยิบขวดยาทาเล็บสีแดงเข้มมามองอย่างพินิจพิจารณา

                        "งั้นก็เริ่มจัดการสักทีสิ"  สายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับแย้มรอยยิ้มร้ายส่งตรงไปหาสามเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

                        "แต่ว่า...จะใช้มีดคัตเตอร์หรือว่าใบมีดโกนดีนะ...ถึงจะเหมาะ..."  ทำท่าลังเลใจเล็กน้อยขณะวางขวดยาทาเล็บลงบนโต๊ะข้างตัว

                        "มีคัตเตอร์สิ...ถนัดมือกว่าเยอะ..คิก..."   เสียงหัวเราะใสดังขึ้นอย่างชอบใจ

                        "ก็ดี"  แล้วขวดยาทาเล็บก็พลันตกจากโต๊ะมากลิ้งอยู่บนพื้นด้านล่างก่อนที่จะถูกเหยียบอย่างจงใจจนขวดแก้วแตกกระจาย  น้ำยาภายในก็กระเด็นสาดนองพื้นคล้ายกับสีเลอดสดๆ

                        "เฮ้อ...เอาแล้วไงล่ะ  เหนื่อยแน่งานนี้ฉัน"  ชายหนุ่มรูปร่างสูงทัดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอากัปกริยาของหญิงสาว

                        "คิก...เอาน่า  นายไม่เหนื่อยเท่าไรหรอก"  มือเรียวแตะบ่าของชายหนุ่มเบาๆ  ก่อนจะละเดินจากไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×