ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *** wish you *** [#TVXQ#] ; yaoi

    ลำดับตอนที่ #35 : จับ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 51




                        เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า  ดวงตาใสไล่มองไปทั่วบริเวณด้วยความงวยงง  ภาายในห้องสีหม่นร่างบางถูกปล่อยทิ้งไว้บนเตียงกว้างเพียงลำพัง  ยูชอนขยับลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวซ้ายแลขวา

                        "ชางมิน..."  ปากอิ่มเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงเมื่อไม่เห็นว่าคนที่ตัวเองเรียกหาอยู่ในห้อง

                        "เจ้าหนูเสาไฟฟ้าไม่อยู่หรอก..."  เสียงทุ้มคุ้นหูแต่เป็นเสียงที่ร่างบางไม่อยากได้ยินเอ่ยดังอยู่ใกล้ตัว

                        "ตอนนี้เหลือแต่พี่กับยูชอนสองคนเท่านั้น"  คำพูดของชายหนุ่มร่างสูงทำให้คนฟังรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที  ร่างบางรีบขยับหนีโดยไม่แม้จะหันไปมองทางต้นเสียง

                        "อ๊ะ!!?! "  แต่เหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว  วงแขนหนารอบคว้าเอวของร่างบางไว้และออกแรงกระชาก  จนยูชอนลงไปนอนกับเตียงตามเดิม  อิรุยกยิ้มมุมปากขณะที่คร่อมอยู่ด้านบนคนที่พยายามดิ้นรนหนี  มือแกร่งรวบสองแขนที่ผลักดันตนขึ้นไปไว้เหนือศรีษะด้วยพละกำลังที่ยากจะต่อต้าน

                        "ปล่อยผมนะ!?! "  สายตาที่จ้องมองคนบนร่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อทั้งสองมือถูกตรึงแน่น  ร่างบางทำได้แค่ส่งเสียงร้องห้ามออกมาเท่านั้น  และแน่นอนว่าชายหนุ่มร่างสูงคงไม่ปล่อยให้คนใตัร่างตนได้พร่ำร้องอะไรอีก  ริมฝีปากอิ่มถูกบิดจากริมฝีปากของอิรุ  ลิ้นร้อนไล่เลียไปทั่วด้วยอารมณ์ความต้องการ

                        "อ๊ะ!!...อื๊อ..."  ทันทีที่ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบเปิดอ้าออกอย่างลืมตัว  ลิ้นชื้นก็รุกเข้าสู่ด้านในโพรงปากอุ่นและหอมหวานอย่างรวดเร็วพลางไล่สำรวจไปจนทั่ว  การขัดขืนเริ่มน้อยลงเมื่อลมหายใจถูกช่วงชิงไปจนเกือบหมด  กระดุมเสื้อหลุดออกจากกันทีละเม็ดด้วยฝีมือของชายหนุ่มร่างสูง  เรี่ยวแรงที่มีอยู่ในตอนแรกค่อยๆ หดหายไปเหมือนกับหถูกคนที่อยู่บนตัวดูดกลืนไป

                        "ไม่นะ!! อย่า!! "  ร่างโปร่งร้องลั่นออกมาสุดเสียงพร้อมกทั้งดิ้นรนให้หลุดพ้น

                        "พี่ยูชอน! พี่ยูชอน! "  ชางมินโอบกอดคนที่นอนดิ้นอยู่ข้างๆ ตนด้วยความเป็นห่วง

                        "พี่ยูชอน! เป็นอะไรครับ"  เสียงเรียกปลุกให้ร่างบางซึ่งจมอยู่ในความฝันของตัวเองตื่นลืมตาขึ้น  ยูชอนหอบหายใจรัวเร็วเหมือนเพิ่งวิ่งมาเป็นระยะทางไกลแสนไกล  หยาดเหงื่อเกาะพราวอยู่ตามใบหน้า  ดวงตาใสไล่มองไปทั่วด้วยความรู้สึกตื่นกลัวที่ยังไม่จางหายไป

                        "ฝะ..ฝันเหรอ..."  มือหนาเข้าลูบผมอย่างปลอบโยนพร้อมกับจุมพิตซับเหงื่อบนหน้าผากมน

                        "ฝันร้ายเหรอครับ"  ชางมินเอ่ยถามเสียงนุ่มระคนอ่อนโบน

                        "อ่ะ..อืม..."  ร่างบางพยายามผ่อนลมหายใจลง  มือเรียวที่สั่นเทาเล็กน้อยเอื้อมจับมือหนาไว้แน่นก่อนจะวางทาบมือนั้นลงบนใบหน้าของตัวเองและซุกหน้าเข้าหาฝ่ามืออุ่น

                        "ไม่ต้องกลัวนะครับ  ผมอยู่ข้างๆ นี่แล้ว"  ร่างสูงกอดกระชับเพื่อให้ไออุ่นแก่อีกฝ่าย  ยูชอนพยักหน้าน้อยๆ อยู่ในอ้อมกอดของชางมิน

                        "..ชางมิน...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวนะ  ฉันขอร้อง"  น้ำเสียงออกจะสั่นเครืออยู่บ้างเอ่ยบอก

                        "ครับ.. ผมจะไม่ทิ้งพี่ไว้คนเดียวเด็ดขาด"  ร่างสูงยิ้มบางพร้อมกับสัมผัสพวงแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา

                        "อ๊ะ!! จริงสิ..ชางมินไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ..."  ยูชอนทำตาโตเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้  พลางยกมือขึ้นมาวัดอุณหภูมิตรงหน้าผากของชางมินด้วยสีหน้าท่าทางห่วงกังวล

                        "ผมค่อยยังชั่วแล้วล่ะครับ...เพราะได้พยาบาลดี"  ชางมินยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า

                        "...ไม่หรอก..."  ร่างบางหลุบสายตาหนีโดยทันทีใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่ออ่อนๆ

                        "แค่ได้พี่มาอยู่ข้างๆ ผมก็หายป่วยแล้วล่ะครับ"  ร่างสูงพูดอมยิ้ม  คนฟังอยู่แอบยิ้มบางอย่างมีความสุขพร้อมกับซบหน้าเข้าหาอกอุ่นกว้าง

                        "รักชางมินจังเลย..."  เสียงบอกนั้นชัดเจนบ่งบอกถึงความรู้สึกของคนพูดว่ามีมากแค่ไหน

                        "ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์รักผม"  ชางมินฝังจมูกลงกับกลุ่มเส้นผมหอมอย่างรักใคร่

                        "...หิวหรือยังล่ะ...เดี๋ยวฉันไปทำข้าวต้มให้ดีกว่านะ"  ยูชอนเอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทีที่สดใส

                        "ครับ"  ตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง  ร่างบางแตะริมฝีปากอิ่มลงบนหน้าผากของร่างสูงแล้วลุกเดินออกมาจากห้อง    ชางมินเผยยิ้มกว้างอย่างถูกใจพลางมองตามหลังคนที่เดินพ้นประตูห้องไปแล้ว
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ---------------------------------------------------
    -------------------

                        ภายในตัวห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดให้บริการกับประชาชนจึงไม่ค่อยมีผู้คนสักเท่าไร  เนื่องด้วยยังเป็นช่วงเวลาที่เช้าเกินไป  แต่เป็นเวลาที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินเลือกดูข้าวของกันไปตามร้านต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในห้าง 

                        "ยูชอน! ดูอันนี้สิน่ารักอ่ะ"  ยุนโฮสะกิดแขนคนที่ให้มาเป็นเพื่อนพลางชี้ไปยังตุ๊กตารูปผึ้งตัวใหญ่

                        "จริงด้วย!!"  ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วยมองดูตุ๊กตาแล้วยิ้มบาง

                        "เหมือนแจเลย..."

                        "ฮะ ฮะ ฮะ  ^ 0 ^ ใช่ไหมล่า!"  ยุนโฮยกมือขึ้นป้องปากพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

                        "แต่ว่า...มันไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ..."  ยูชอนเหลือบดูขนาดของตุ๊กตาผึ้งแล้วทำหน้าคิดหนัก

                        "อืม...นั่นสินะ  แล้วจะซื้ออะไรให้แจดีล่ะ"  หมีน้ยอทำท่าคิดตาม

                        "ทำไมยุนโฮไม่ถักพวกไหมพรมให้แจล่ะ"  ร่างบางลองเสนอความคิดของตัวเองออกมา

                        "อือ...เอางั้นเหรอ  แล้วแจจะชอบไหมล่ะ"  ยุนโฮดูมีสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย

                        "ต้องชอบอยู่แล้วล่ะ...อีกอย่างของขวัญที่ทำด้วยตัวเองน่ะ  มันดูมีค่ามากกว่าซื้อนะ"  ยูชอนแนะนำด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ

                        "ถ้างั้นก็ไปซื้อไหมพรมกันเถอะยูชอน"  หมีน้อยเอ่ยบอกเสียงใส  พลางจูงมืออีกคนเดินไปด้วยกันอย่างอารมณ์ดี


                        ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังช่วยกันเลือกไหมพรมหลากสีกันอย่างตั้งอกตั้งใจ  ตรงมุมมืดของแผนกขายของมีเงาร่างของใครคนหนึ่งซุ่มแอบและมองมาทางยุนโฮกับยูชอนที่ไม่ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคืบคลานมาใกล้ตัวอย่างเงียบๆ

                        "สีนี้เหมาะกับแจไหมอ่ะ ยูชอน"  หมีน้ยอหยิบไหมพรมสีเหลืองขึ้นมาส่องดูพลางถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน

                        "ไม่เหมาะนะ..."  ร่างบางทำหน้าคิดหนัก  คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

                        "แล้วจะเอาสีไหนดีล่ะ"  หมีน้อยขมวดคิ้วตามพร้อมกับยืนกอดอกเอียงคอมองดูเหล่าไหมพรมตรงหน้า

                        "สีนี้เป็นไง ^ ^ "  ไหมพรมสีแดงสดใสถูกยื่นส่งมาตรงหน้าหมีน้อยพร้อมกับรอยยิ้มบางของยูชอน

                        "สีนี้เหมาะกับแจเหรอ"  เอ่ยถามตาแป๋ว  ร่างบางพยักหน้าเห็นด้วยเร็วๆ

                        "โอเค! งั้นเอาสีนี้แหละ"  ยุนโฮเลือกหยิบไหมพรมสีแดงอย่างอารมณ์ดี  ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ของร้าน

                        "ยูชอน...แล้วฉันจะถักอะไรให้แจดีล่ะ"  ยุนโฮเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่กำลังเดินออกมาจากร้าน

                        "อืม...อะไรดีน้า"  ร่างบางทำหน้าคิดตาม  นิ้วชี้ยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากอย่างลืมตัวเพราะใช้ความคิด

                        "เป็นหมวกหรือเสื้อดีล่ะยูชอน"  หมีน้อยยกถุงที่ใส่ไหมพรมเอาไว้ขึ้นมาทาบกับหน้าอกตัวเองอย่างตัดสินใจไม่ถูก

                        "..เสื้อมันต้องใช้ถักเวลานานพอดูเลยนะ"  ยูชอนเอ่ยบอกพลางมองหน้าหมีน้อย

                        "ถ้างั้นก็หมวกแล้วกัน"  หมีน้อยกอดกระชับถงแน่นราวกับของรักของหวง  พลางยิ้มหวานออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มอีกคนในยามที่รับของขวัญชิ้นนี้  ร่างโปร่งเห็นสีหน้าเพื่อนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

                        ตลอดทางที่ยุนโฮและยูชอนเดินอยู่นั้นมีใครบางคนแอบเดินตามมาติดๆ โดยไม่ให้ทั้งสองรู้ตัวคล้ายกับว่ากำลังรอโอกาสบางอย่างอยู่

                        "ลูกเพ่! เอาไงต่อเด  จับเลยป่ะ"  เสียงทุ้มน่ากลัวเอ่ยขึ้นจากมุมอับสายตา

                        "เดี๋ยวก่อน... รออีกสักพัก"  คนในมุมมืดอีกหนึ่งเอ่ยพูดออกมาเสียงเบา  ดวงตาวาวมองจ้องสองหนุ่มไม่วางตา

                        "ได้เลยครับเพ่! จะให้ผมจัดการเมื่อไรบอกได้เสมอ..."  เสียงทุ้มน่ากลัวตอบรับอย่างมาดมั่น

                        "หึ...อีกไม่นานหรอกนายจะได้แสดงฝีมือแน่"  ริมฝีปากสีแดงแสยะยิ้มเย็น

                        "เคี๊ยก..เคี๊ยก..."  เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายแฝงไปกับสายลม

                        "ฉันล่ะเกลียดเสียงหัวเราะของนายจริงๆ เลย"  ร่างที่ยืนอยู่ในมุมลับสายตาเอ่ยพูดออกมาในตอนท้าย

                        "โทษครับลูกเพ่  มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว"  เจ้าของเสียงหัวเราะพูดบอกเสียงกร่อย

                        "ยูชอนแวะซื้อเค๊กก่อนนะ"  ยุนโฮเอ่ยขึ้นเมื่ออีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงร้านเบเกอรี่เจ้าประจำ  แต่แล้วเหล่ากล่องใส่ของใหญ่น้อยก็กรูกันหล่นกระแทกช่วงขาของชายหนุ่มก่อนจะจามมาด้วยเสียงดังเมื่อกล่องทั้งหมดถึงพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน  แถมด้วยร่างเล็กที่ลงตามกล่องใส่ของไปติดๆ

                        "อ๊ะ! ขอโทษครับคุณเนอะไรหรือเปล่า"  ยุนดฮรบเข้าไปดูอาการเจ้าของกล่องมากมาย

                        "ไม่เป็นไรค่ะ... แต่แว่นตาฉันมัน..."  บอกพลางคลำหาของที่หล่นหายยอ่างเร่งรีบ

                        "..นี่ครับ"  ร่างบางส่งยื่นแว่นตาเลนส์หนาให้กับหญิงสาว  เธอรับมันมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษทั้งสองหนุ่มยกใหญ่

                        "ขออภัยจริงๆ นะคะ.. ดิฉันไม่ทันระวังเองแหละค่ะ"

                        "ไม่เป็นไรหรอกครับ...ว่าแต่คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"  ยุนโฮเอ่ยถามพลางมองดูหญิงสาวตรงหน้า

                        สาวแว่นส่ายหน้าปฏิเสธเร้ซๆ  ก่อนจะกุลีกุจอพยายามเก็บเหล่ากล่องใบน้อยใหญ่ขึ้นซ้อนกันอย่างทุลักทุเลและยากลำบาก

                        "ยุนโฮช่วยเค้าหนอ่ยเถอะนะ"  ร่างบอกเสร็จก็เข้าไปช่วยเก็บกล่องด้วยอีกคน  หมีน้อยพยักนห้ารับพร้อมกับก้มลงหยิบกล่องที่กลาดเกลื่อนอยู่

                        "เดี๋ยวผมกับเพื่อนช่วยขนกล่องไปส่งให้ดีไหมครับ"  ยูชอนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นจำนวนกล่องที่กองสุมทับกันสูงเมื่อหญิงสาวยกมันขึ้นมาแนบตัว  และดูเหล่วกล่องจะคลอนแคลนไปมาพร้อมที่จะร่วงลงมาได้เสมอ

                        "อย่าเลยค่ะ...ดิฉันเกรงใจ"  เสียงหญิงสาวเอ่ยตอบกลับจากด้านหลังกล่องสูง

                        "อย่าเกรงใจไปเลยให้พวกเราช่วยดีกว่า"  หมีน้อยบอกพร้อมกับหยิบกล่องแบ่งออกมาถือเสยเอง  ร่างบางก็รีบเข้าไปหยิบแบ่งมาบ้าง

                        "ขอบคุณนะคะ..."  สาวแว่นยิ้มกว้างแล้วเดินนำทางไปยังที่จอดรถใต้ดิน  เธอเดินลึกเรื่อยเข้ามาจนกระทั่งถึงรถตู้ที่จอดอยู่ห่างไกลผู้คนเอามากๆ

                        "ทำไมมาจอดซะไกลแบบนี้เลยล่ะครับ"  ยุนโฮเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ

                        "เวลาขับออกจากห้างแล้วสะดวกดีน่ะค่ะ"  หญิงสาวตอบกลับพลางใช้มือเคาะเรียกคนที่อยู่ในรถ

                        "เอาของมาแล้วเปิดประตูทีสิ"  ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากหน้ารถพร้อมกับบิดขี้เกียจ

                        "ฮ้าว...มาแล้วเหรอเจ๊"  ปากอ้ากว้างไม่ใช้มือปิดแต่อย่างใด  ก่อนจะเดินไปเปิดประตูที่ข้างตัวรถ

                        "เอ่อ...ช่วยยกกล่องไปเก็บไว้ข้างในให้หน่อยนะคะ"  หันมาขอร้องเสียงสุภาพพร้อมกับหลีกทางให้สองหนุ่มเดินเขน้าไปเก็บของได้ง่ายขึ้น  แล้วยุนโฮก็ปีนขึ้นบนรถเพื่อเอาของไปเก็บอย่างว่าง่าย  ยูชอนขยับเข้าไปยื่นส่งกล่องให้กับหมีน้อย  จังหวะนั้นหญิงสาวก็หันไปขยิบตากับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ  จากนั้นชายหนุ่มจึงรีบจัดการดันตัวร่างบางให้เข้าไปอยู่ในรถพร้อมกับตัวเองที่ตามเข้าไปด้วยอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะปิดประตูตามเสียงดัง  หญิงสาวที่รอท่าอยู่บนเบาะหลังพวงมาลัยรีบเหยียบคันเร่งออกสู่ถนนใหญ่

                        ริมฝีปากบางที่ถูกแต้มสชมพูอ่อนๆ ขยับเป็นจังหวะตามตัวหนังสือที่สายตาไล่อ่อน  สีหน้าท่าทางเป็นไปตามบทพูดที่ตนกำลังฝึกซ้อม  ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกของใครอีกคน

                        "เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณโบอา"  หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์  แขวนป้ายห้อยคอที่ถูกเขียนกำกับเอาไว้ว่า STAFF เอ่ยเรียกหญิงสาวที่กำลังซ้อมบทละครอยู่

                        "มีอะไรเหรอคะ"  โบอาหันมาถามตาแป๋ว

                        "คือว่ามีของขวัญจากแฟนคลับฝากมาให้คุณน่ะค่ะ  แต่ว่ามันเยอะมากเลยจะให้เอาไว้ตรงไหนดีคะ"  คนบอกทำสีหน้าลำบากใจน้อยๆ

                        "งั้นก็เอาไว้ที่รถโบอาเลยก็ได้"  พูดจบก็วางบทละครลง  ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือของตัวเองขึ้นมาพลางเดินนำสตาฟสาวไป

                        "อ๊ะ! ว่าแต่ของขวัญอยู่ไหนเหรอคะ"  หญิงสาวเบรคเท้ากระทันหันก่อนจะหันไปถามสตาฟสาว

                        "อ๋อ! ทางนี้ค่ะ"  ว่าแล้วก็เดินนำทางโบอาห่างออกไปจากกองถ่ายละคร

                        "ยังไม่ถึงอีกเหรอคะ"  โบอาขมวดคิ้วถามรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยเพราะว่าเดินมาไกลอยู่พอสมควรแล้ว  จากนั้นคนที่เดินนำหน้าจึงหยุดเท้าลงพร้อมกับหันมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้มแบบมีเลศนัย

                        "ถึงพอดีเลยค่ะ"  โบอาชะโงกหน้ามองหาของขวัญที่ว่าแต่ก็ไม่เจอ

                        "ไหนล่ะคะของขวัญ"  แล้วสตาฟสาวทำท่าเหมือนกับหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

                        "อยู่นี่ไงล่ะคะ"  ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับไว้พอดีมือได้ทางไปที่จมูกของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว  โบอาขืนตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลงโดยที่สาวสตาฟประคองตัวเอาไว้

                        "หลอกง่ายจังเลยนะคุณโบอาเนี่ย"  หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นสตาฟเอ่ยขึ้นเสียงเย็นพร้อมกับยิ้มกริ่ม

                        ดวงตะวันคล้อยลงต่ำพร้อมกับท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีส้มอมแดง  แสงสีทองทอลงมาส่องให้เห็นร่างชายหนุ่มที่เดินไปมายอ่างกระวนกระวายใจ

                        "ทำไมยังไม่กลับกันมาอีกนะ  นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย"  แจจุงเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ

                        "พี่แจใจเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ  บางทีพวกพีๆ เขาอาจจะเที่ยเพลินกันก็ได้"  ชางมินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น  แต่จริงๆ แล้วตัวเองน่ะแหละที่อยากจะออกไปตามหาร่างบางให้ได้เสียเดี๋ยวนี้

                        "...หรือไม่ก็อาจจะหลงทางกลับบ้านไม่ถูกก็ได้นะครับ"  โลมาแหย่ขึ้นเพื่อจะทำให้บรรยาศตคงเครียดคลายลง

                        "โตจนป่านนี้แล้วเนี่ยนะ  พูดไม่คิดเลย"  แจจุงปรายตาดุไปยังโลมาตัวป่วน

                        "งั้นก็โดนคุณอิรุตกไปแล้วมั้ง..."  คราวน้พูดออกมาอย่างเกิดอาการหมั่นไส้เล็กน้ยอ

                        "เงียบไปเลยจุนซู"  ชางมินเองก็ส่งสายตาเคืองๆ ให้เช่นเดียวกัน  โลมาทำนห้าขัดใจนิดๆ แต่ก็ยอมทำตามเพราะไม่อยากโดนรุมสกัม

                        แจจุงยังคงเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้น  พลางมองชะโงกหน้าเพื่อมองหาคนทั้งสอง  แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่าสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง  ชายหนุ่มก้มมองดูเบื้องหน้าปลายเท้าเป็นกล่องขนาดเล็กที่ถูกหุ้มด้วยกระดาษลายการ์ตูนหลากสีนั้นพร้อมกับประดับด้วยริบบิ้นสีเลืองที่จัดผูกเป็นโบว์อย่างดีดูน่ารักไม่หยอก  แจจุงก้มลงไปหยิบเจ้ากล่องของขวัญนั้นขึ้นมาพลางส่องมองดูอย่างพิจารณา

                        "เฮ้! ใครก็ไม่รู้เอาไอ้นี่มาวางไว้"  ตะโกนเรียกทุกคนพร้อมกับชูกล่องของขวัญให้ทุกคนดู  แล้วกระดาษแผ่นเล็กที่แนบมากับกล่องก็หล่นร่วงลง  โดยมีข้อความกำกับไว้ว่า To TVXQ

                        "จุนซูหยิบเจ้าแผ่นกระดาษใบน้อยขึ้นมาอ่านสลับกับมองกล่องของขวัญปริศนาอย่างสนอกสนใจเอามากๆ  โลมาเขยิบตัวเข้าไปใกล้คนถือกล่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                        "...ส่งถึงพวกเราล่ะ...ลองแกะดูไหม.."  ไม่รอช้าแจจุงรีบจัดแจงดึงริบบิ้นออกอยางรวดเร็ว  พร้อมกับแกะกระดาษห่อของขวัญออกอย่างลวกๆ  เผยให้เห็ฯตัวกล่องสี่เหลี่ยมที่มีคราบเลือดแห้งๆ ติดอยู่ตามจุดต่างๆ  คนที่ถือกล่องเอาไว้มือสั่นขึ้นมาเล็กน้อย  เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีเลย

                        แจจุงกลั้นใจเปิดฝากล่องออกดูก็ถึงกับผงะในทันทีเพราะเห็นถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างใน  มือเรียวค่อยๆ หยิบบางอย่างขึ้นมาจากกล่องก่อนจะยกให้ทุกคนดู  พิงค์ทูร์มาลีนรูปหัวใจที่ถูกร้อยสลับกับแซมไพร์รูปดาวเป็นสร้อยข้อมือถูกบดบังความแววาวด้วยคราบเลือดที่ติดอยู่จนเกือบจะทั่วทั้งเส้น  เรียกเอาสีหน้าตกใจจากทุกคนได้ไม่น้อย  โดยเฉพาะชายหนุ่มฉายาโลมาเมื่อได้เห็นสร้อยข้อมือที่ทำขึ้นเพียงชิ้นเดียว  เพื่อคนๆ เดียวซึ่งเป็นเหมือนหัวใจดวงสำคัญ  สีขาวซีดแผ่กระจายไปตามใบหน้าที่เคยขี้เล่น  รู้สึกเหมือนกับโดนแรงอันมหาศาลกระตุกดึงเข้าเต็มที่จนวูบชาไปทั้งตัว

                        "...มีแค่นี้เหรอครับ"  ชางมินถามขึ้นบ้าง  แจจุงจึงจัดการเทของที่มีอยู่ทั้งหมดให้ร่างสูงดู

                        เศษผ้าสองชิ้นที่เป็นรอยจงใจตัดขาดปลิวไปตามแรงลมทันที  แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะไล่ตามเพราะทั้งเน้อผ้าและสีเป็นแบบเดียวกันกับที่ยุนโฮกับยูชอนสวมใส่ออกกันไปข้างนอกบ้านในวันนี้  แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากชายหนุ่มทั้งสามได้มากที่สุดกลับเป็นรูปถ่ายของคนสามคนที่นอนสลบอยู่อย่างไม่ได้สติ  อีกทั้งภาพถ่ายยังเกรอะกรังเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับใบมีดโกนกรีดฝังทับไว้กลางรูป  มือเรียวหยิบแผ่นกระดาษที่พูกพับไว้อย่างดีพลางคลี่มันออกด้วยมืออันสั่นเทา

                        'นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น  เกมต้องมีผู้เล่น...'  ตัวหนังสือขนาดใหญ่ถูกเขียนด้วยเลือด  ทำเอาคนที่มองดู่อยู่ถึงกับขยำกระดาษทิ้งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

                        "ต้องเป็นพวกแอนตี้แฟนแน่ๆ"  ชางมินเปรยขึ้นอย่างใช้ความคิด  แต่มือหนากลับกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

                        "เฮอะ! พวกแอนตี้แฟนอย่างนั้นเหรอ  อยู่ไหน! ฉันจะไปจัดการมันเอง"  แจจุงเอ่ยขึ้นอย่างขาดสติพร้อมกับจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้น

                        "แล้วพี่รู้เหรอว่าจะหาตัวพวกนั้นได้ที่ไหน"  ชางมินพูดขึ้นเรียกเอาสติของอีกคนกลับคืนมา  แจจุงได้แต่ก้มหน้านิ่งทำอะไรไม่ถูกแล้ว

                        "แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ  ปล่อยไปเฉยๆ แบบนี้อย่างนั้นเหรอ..."

    ท้                    องฟ้าในตอนใกล้ค่ำดูแดงกว่าปกติมาก  สายลมพัดกรรโชกกลุ่มเมฆสีเข้มที่ลอยต่ำเริ่มเข้ารวมตัวกัน  ความกดดันของอากาศส่งผลให้เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น  แสงแวบวับของกระแสไฟฟ้าแรงสูงซึ่งทอดเชื่อมระหว่างผืนดินและแผ่นฟ้าปรากฏอยู่ทั่วก่อนที่เมฆสีดำครึ้มจะกลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำมากมายที่ร่วงติดต่อกันเป็นสายคล้ายกับผืนผ้าม่าน

                        "ฉันว่าเราโทรไปปรึกษาเฮียซูมานกันดีกว่าไหม"  แจจุงลองเอ่ยเสนอกับสองหนุ่มที่มีอาการเซื่องซึมไม่ต่างกัน  จุนซูมองสร้อยข้อมือที่ยังคงเปรอะเปื้อนเลือดในมือเหมือนกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว  ปากก็พร่ำพูดแต่ประโยคเดิมๆ ซ้กไปซ้ำมา

                        "...ทำไม...ทำไมต้องเป็นโบอาด้วย...ทำไมกัน..."

                        "ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่าครับไม่งั้นอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้"  ชางมินเอ่ยบอกพลางมองจุนซูอย่างเห็นใจ  ทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกปวดร้าวไม่แพ้กัน

                        "ถ้างั้นลองปรึกษากับพวกทึกกี้ดูก่อนละกัน"  ชางมินพยักหน้าเห็นด้วย  จากนั้นแจจุงจึงกดโทรศัพท์หาบุคคลดังกล่าว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×