ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ BETWEEN US ✖ [SF/OS l KAIHUN ft. EXO]

    ลำดับตอนที่ #8 : :: Fraternity #พี่รหัสไคฮุน [2/2]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.31K
      29
      12 ก.ค. 58

     

     

     

     

     

    เซฮุนกอดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ซึ่งถูกบรรจุไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นไว้แนบอก เขานำมันไปวางข้างรถบัสเพื่อให้คนที่มีหน้าที่เก็บกระเป๋าจัดการต่ออย่างไม่เร่งรีบ

     

    เขามาก่อนเวลาที่รุ่นพี่นัดเกือบสี่สิบนาที ตอนนี้เด็กปีหนึ่งเริ่มทยอยมากันเรื่อยๆแต่ถึงอย่างนั้นคยองซูกับเทาก็ยังไม่โผล่มาเลย ส่วนพี่ปีสองกับปีสามก็ช่วยกันขนอุปกรณ์ต่างๆที่จะใช้ในการทำจิตอาสาขึ้นรถอย่างขะมักเขม้น ...ใช่แล้ว สาขาวิชาศิลปะการแสดงจากคณะนิเทศศาสตร์ที่เซฮุนเรียนอยู่กำลังจะออกต่างจังหวัดเพื่อทำค่ายอาสา และทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและรุ่นพี่ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

     

    ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาควรจะเข้าไปช่วยรุ่นพี่ขนของหรือจะยืนเงอะงะอยู่ตรงนี้ต่อไปดี แต่พอตัดสินใจว่าจะทำอย่างแรกเสียงทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ของพี่ว๊ากจอมโหดก็ดังขัดขึ้นซะก่อน

     

    "มาเร็วจังนะเซฮุน"

     

    "เอ่อ... ครับ" ตอบรับกลับไปพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆไปให้รุ่นพี่ผมเทา มือบางยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองเนื่องจากทำอะไรไม่ถูก นอกจากรุ่นพี่จงอินแล้วก็คงมีรุ่นพี่คนนี้อีกคนที่ทำให้เขารู้สึกเกร็งแบบนี้ แต่แตกต่างตรงที่เขาเกร็งจงอินเพราะเขินสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ไม่ใช่อย่างชานยอลที่เกร็งเพราะกลัวล้วนๆ

     

    "ไปตามหาไอ้จงอินให้หน่อย ไม่รู้ไปแอบหลับอยู่ไหน"

     

    " ครับ?"

     

    "หูหนวกหรือไง บอกให้ไปตามหาไอ้จงอินให้หน่อย ได้มั้ย!?"

     

    "ด..ได้ครับ แต่ว่าผมจะไปตามที่ไหน" ชานยอลผ่อนลมหายใจช้าๆราวกับกำลังทำใจให้เย็นเข้าไว้แล้วไม่พุ่งไปขบหัวรุ่นน้องตรงหน้าเสียก่อน

     

    ถ้าเขารู้จะให้ไป 'ตามหา' ทำไมวะครับ ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็อู้ไปนอนเฉย โผล่หัวมาจะตบกะโหลกให้หน้าสั่น

     

    "ลองไปดูที่ห้องซ้อมเต้นก่อน ถ้าไม่มีก็หาตามกิ่งไม้เอาละกัน"

     

    "ห๊ะ!?" เซฮุนคิดว่าวันนี้เขาอาจจะตื่นเช้าไป หรือไม่ก็นอนดึกไป สมองถึงได้ประมวลผลช้าแบบนี้ รุ่นพี่ชานยอลกำลังล้อเขาเล่นอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่เจอรุ่นพี่จงอินที่ห้องซ้อมเต้นเขาต้องไปเดินหาตามต้นไม้จริงๆน่ะเหรอ?

     

    จู่ๆภาพกระดาษสีขาวซึ่งมีตัวหนังสือที่ถูกบรรจงเขียนโดยใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาเพิ่งได้มันมาจากรุ่นพี่ซูโฮเมื่อวันก่อน ดูเหมือนรุ่นพี่คนนี้จะมีหน้าที่เขียนคำใบ้เกี่ยวกับพี่รหัสและแจกให้น้องๆ

     

    ข้อความที่ระบุถึงลักษณะและอุปนิสัยคร่าวๆ ของพี่เบอร์ 88 พี่รหัสของเขา ... โอเซฮุนจำมันได้ขึ้นใจ

     

    'โครตฮอต สันกรามคมชวนบาดใจ ดวงตาสื่อความหมาย เสน่ห์มากล้นแม้จะหน้าง่วงตลอดเวลา สุดท้ายมันนอนได้ทุกที่'

     

    นอนได้ทุกที่?!

     

    ไม่หรอกน่า จงอินคงไม่นอนได้ทุกที่แม้กระทั่งบนต้นไม้ ที่สำคัญคงไม่ใช่พี่รหัสเขาหรอก... มั้ง

     

    เหมือนเซฮุนกำลังหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่ารุ่นพี่จงอินไม่ใช่พี่รหัสของเขา ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่คำจำกัดความในกระดาษนั้นตรงกับจงอินแทบทุกอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าเขายังคงทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับผู้ชายคนนั้น หรืออะไรก็แล้วแต่ ทว่าลึกๆแล้วเขาก็อยากให้จงอินเป็นพี่รหัส ทำไมถึงได้รู้สึกสับสนในตัวเองแบบนี้นะโอเซฮุน

     

    คิดอะไรเพลินๆ จนรู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงหน้าห้องซ้อมเต้นของคณะแล้ว สองมือยกขึ้นทาบกับประตูกระจกก่อนจะชะโงกชะเง้อมองหารุ่นพี่ผิวแทนภายในห้องที่มืดสนิท สุดท้ายก็ตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไปมือข้างหนึ่งปะป่ายไปทั่วกำแพงเพื่อหาสวิตไฟ

     

    "...!!!"

     

    เมื่อตะปบปุ่มสวิตเปิดปิดได้แล้วแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กดมันอยู่ๆก็มีมือปริศนามาดึงข้อมือของเขาอย่างแรง เด็กตัวผอมยื้อตัวเองเอาไว้สุดๆพร้อมกับใช้มืออีกข้างเกาะขอบประตูไว้แน่น

     

    "ช่วยด้ว... !! อ่อยอ๊ะโอ๊ย" (ปล่อยนะโว้ย)

     

    เซฮุนดิ้นสุดแรงเมื่อเขาไม่อาจต้านทานแรงดึงไหวจนมือที่เกาะหนึบอยู่กับขอบประตูหลุดออก จะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือมือหยาบก็เข้ามาปิดปากเขาไว้อีก สุดท้ายก็ต้องอยู่นิ่งๆเพราะยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่วงแขนแข็งแกร่งก็ยิ่งโอบรัดแน่นขึ้นเท่านั้น

     

    โดยเฉพาะตรงหน้าท้องน่ะ... กอดแน่นซะจนเขาแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

     

    "เข้ามาทำไม ไม่รู้หรอว่านี่ถิ่นใคร" เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูจนรู้สึกขนลุกซู่ไปหมด น้ำเสียงนั้นฟังดูคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน แต่เขาก็นึกไม่ออกเพราะคนพูดตั้งใจดัดเสียงให้ผิดแปลกไปจากเดิม

     

    "อ่อยอ๋ม" (ปล่อยผม)

     

    ขยับตัวให้คลายความอึดอัด แต่ก็เท่านั้น...วงแขนแกร่งรั้งร่างของเขาเข้าไปจนแผ่นหลังแนบชิดสนิทกับแผงอกของอีกฝ่าย

     

    โอเซฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองจะบ้าตาย เขาแค่จะมาตามหารุ่นพี่จงอินแล้วทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ใครก็ได้ช่วยที ช่วยเอามือปลาหมึกนั่นออกไปที

     

     

     

    "โอ๊ย !!"

     

    ใช้จังหวะที่มือหนาค่อยๆคลายวงแขนและมือที่ปิดปากเขาออกกัดฝ่ามือหยาบนั่นพร้อมกับกระทุ้งศอกเข้าหน้าท้องอีกคนเต็มแรง พอทุกอย่างเป็นอิสระไร้การถูกพันธการก็วิ่งไปตะปบสวิตไฟเป็นอันดับแรก ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่คิดทำร้ายเขาด้วยความกล้าหาญ

     

    มันใช่เวลาหันไปมองหน้าเจ้าของมือปริศนามั้ย? หนีไปได้แล้วเซฮุน

     

    !!!

     

    "..."

     

    "พี่จงอิน!?"

     

    ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าคนที่ได้เห็นจะเป็นจงอิน ยืนงงได้ไม่นานก็รีบถลาเข้าไม่ดูอาการรุ่นพี่ซึ่งนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่ มือข้างนึงกุมท้องตัวเองไว้ส่วนอีกข้างแบออกด้วยความเจ็บจากการโดนกัด ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจนจนเซฮุนรนรานไปหมด

     

    "พี่ครับผมขอโทษ เจ็บมากมั้ยอ่ะ"

     

    "เจ็บดิ เดินไม่ไหวแล้วเนี่ยแบกไปที่รถด้วย" ร่างหนาลุกขึ้นมานั่งตัวงอพร้อมกับร้องโอดครวญไม่หยุด ยังไม่พอ มือใหญ่กางออกตรงหน้ารุ่นน้องให้เห็นรอยฟันที่ประทับอยู่บนฝ่ามือเขาเต็มๆตา "คนหรือหมา กัดขนาดนี้"

     

    "ก็พี่แกล้งผมก่อนนี่"

     

    ใบหน้าที่มักจะเผยให้เห็นความสดใสน่ารักในสายตาเขาอยู่เสมอ ตอนนี้กลับงอง้ำจนคนมองต้องหลุดยิ้มออกมา ยิ่งตอนกลีบปากอิ่มสีชมพูขยับบ่นมุบมิบยิ่งน่าหมั่นเขี้ยว เอื้อมมือออกไปหวังจะบีบแก้มใสแรงๆซักทีสองที แต่เด็กตรงหน้ากลับไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้น

     

    จงอินมองมือตัวเองที่ถูกเซฮุนคว้าไป ก่อนจะแตะๆถูๆฝ่ามือเขาซึ่งมีรอยฟันจางๆอย่างอ่อนโยน ลมอุ่นร้อนจากริมฝีปากบางที่รินรดลงมาทำให้หัวใจของชายหนุ่มผิวแทนกระตุกวูบ โดยเฉพาะตอนที่เซฮุนเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มจนตาเป็นสระอิทั้งยังฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆนั่นอีก...

     

    มันจะมากไปละ ... จะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี

     

     

    ทั้งสองปล่อยให้ความเงียบปกคลุมตลอดทางที่เดินกลับมาที่รถ จงอินเดินนำรุ่นน้องตัวบางไปโดยไม่พูดอะไร ไม่มีการหันมาแกล้งอะไรอีกหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปั่นป่วนไปหมด เมื่อคืนจงอินและเพื่อนๆอีกหลายคนช่วยกันเตรียมของสำหรับค่ายวันนี้จนเกือบตี 4 พอทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เลือกจะหนีไปนอนในห้องซ้อมเต้น แทนที่จะกลับหอหรือนอนเบียดกับเพื่อนคนอื่นในห้องกิจกรรม

     

    ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบถึงเวลาที่นัดน้องๆไว้แล้ว แต่พอจะออกจากห้องซึ่งใช้เป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราว ใบหน้าคุ้นเคยก็โผล่เข้ามาตรงประตูเสียก่อน แน่นอนว่าคนอยู่ในห้องที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดแถมยังหลบอยู่มุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากบานประตูมากนักมองเห็นการกระทำของเด็กคนนั้นทุกอย่าง

     

    เมื่อคนน่าแกล้งปรากฏตัวตรงหน้าคนขี้แกล้ง มีหรือที่คิมจงอินจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป กะจะแกล้งให้กลัวแล้วก็เฉลยแบบเท่ๆ ว่า 'พี่เองไม่ต้องกลัวนะ'

     

    แต่ก็นั่นแหละ ... พังหมด! พังตั้งแต่เซฮุนตะโกนเรียกคนให้ช่วย ทั้งกระทุ้งศอกใส่ท้องเขาซะจุกแถมยังกัดฝ่ามือเขาอีก

     

    ทว่าการโดนทำร้ายร่างกายก็ไม่ได้แย่เสียเดียว ถ้ามันทำให้จงอินได้เห็นอีกมุมหนึ่งของโอเซฮุน ตอนที่เด็กนั่นเห็นว่าเป็นเขาแล้วรีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง ไม่ปฏิเสธเลยว่ามันรู้สึกดีชะมัด

     

     

     

    .

    .

    ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการเดินทางไปยังที่พัก แต่พอลงจากรถแล้วแทนที่จะได้เข้าไปเก็บของ ก็ต้องมายืนกลางแดดแล้วรอให้พี่มินซอกซึ่งอยู่ปี 4 เรียกชื่อว่าใครได้อยู่ห้องเดียวกัน มันไม่มีอะไรน่ากังวลเลยถ้าการแรนดอมรูมเมทในครั้งนี้เป็นชั้นปีเดียวกัน

     

    "คยองซู ตามชานยอลไป" แต่ทว่าคู่ที่เรียกไปแล้วต่างก็เป็นปีหนึ่งกับปีสองทั้งหมดที่ถูกจับให้อยู่ห้องเดียวกัน

     

    เซฮุนเอื้อมมือไปลูบหลังเพื่อนตัวเล็กที่แสดงสีหน้าบึ้งตึงราวกับไม่พอใจการจับคู่รูมเมทในครั้งนี้ แต่สุดท้ายคยองซูก็โดนชานยอลล็อกคอแล้วลากให้เดินตามไปจนได้ ... ก็เป็นซะอย่างนี้ คยองซูถึงได้มาบ่นถึงความวอแวของรุ่นพี่ชานยอลให้ฟังบ่อยๆ

     

    "จงอิน มาเอากุญแจ" เด็กหนุ่มตัวผอมละสายตาจากสองคนนั้นแล้วหันมาสนใจรุ่นพี่มินซอกอีกครั้ง หวั่นใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินชื่อรุ่นพี่คนนี้ถูกเรียกออกไป ภาวนาอยู่ในใจว่าชื่อต่อไปขออย่าให้เป็นเขาเลย... แต่ทว่าในวินาทีต่อมาก็ต้องอ้าปากค้างเพราะเซนท์ของเขามันแรงจนไม่อยากจะเชื่อตัวเอง

     

     "เซฮุน พักห้องเดียวกับจงอิน"

     

    เบนสายตาไปเห็นรุ่นพี่จงอินที่ยืนยิ้มกริ่มพร้อมกับหมุนพวงกุญแจในมือเล่นด้วยความสนุกสนาน ก็ได้แต่รอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคำอธิษฐานที่ไม่สัมฤทธิ์ผล ก่อนจะเดินตามรุ่นพี่ผิวแทนไปในที่สุด

     

     

     

    "พี่จะทำอะไรครับ!?" แววตาใสราวกับลูกแก้วลอกแลกจนผิดสังเกตเพราะอยู่ๆจงอินก็ถอดเสื้อออกทันทีที่ไขกุญแจเข้ามาให้ห้องได้ "เดี๋ยว! แล้วพี่จะแก้ผ้าทำไมเนี่ย" ในตอนนี้เซฮุนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เพราะรุ่นพี่ผิวแทนไม่ได้หยุดแค่ถอดเสื้อ แต่มือหนากำลังสารวนอยู่กับการถอดเข็มขัดกางเกงด้วย

     

    เสียงหัวเข็มขัดที่ดังอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประสาทเสียเท่ากับเจ้าของผิวแทนตรงหน้าเลย ไม่ได้อยากจะมองผิวเนื้อหรือมัดกล้ามตามหน้าท้องและต้นแขนนั่นเลยนะ... แต่มาแก้ผ้าต่อหน้ากันแบบนี้ไม่กระดากอายบ้างหรือไง ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้มัน... ในห้องนอน ... สองต่อสอง

     

    "ยืนมองอยู่ได้รีบเก็บของดิ หรือว่า..." เซฮุนก้าวถอยหลังตามจังหวะที่จงอินก้าวเข้ามา จนกระทั่ง...

     

    กึก!!

     

    มือบางกำชายเสื้อตัวเองแน่น แผ่นหลังของเซฮุนกระแทกเข้ากับประตูตู้เสื้อผ้าซึ่งก็หมายความว่าเขาจนมุมซะแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นหินเพราะจงอินไม่มีทีท่าว่าหยุดเดินเข้ามาเลย

     

    "เดี๋ยวก่อน !!" ทำใจกล้ายกมือขึ้นดันแผงอกแกร่งไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ขี้แกล้งที่หลุดขำออกมาอย่างไม่เข้าใจ พอเห็นสายตาคมเลื่อนระดับลงถึงได้รู้ว่ามือของเขายังทาบอยู่ที่แผงอกแกร่งอยู่

     

    ครั้นจะชักมือออกแต่จงอินกลับคว้าข้อมือเขาไว้ มือบางเกร็งไปหมดเมื่อสัมผัสกับผิวเนื้อซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามโดยการชักนำของใครอีกคน... มุมปากหยักยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่อีกฝ่ายจะโน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

    "...หรือว่าจะอาบน้ำกับฉัน?"

     

    เซฮุนรีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะชักมือกลับ แต่ทว่าในวินาทีถัดมาความคิดที่อยากลองดีก็เข้ามาในหัว เขาระบายยิ้มซุกซนจนคนมองนึกแปลกใจ ร่างหนาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ายิ้มอะไร? ในตอนนั้นเองที่ได้คำตอบเป็นความเจ็บที่เล่นปราบอยู่บริเวณหน้าท้อง

     

    "โอ๊ยๆ อย่าหยิกดิ... ยอมแล้วเซฮุนปล่อยพี่เถอะ~" จงอินร้องขอเสียงอ่อนเมื่อมือที่หยิกท้องเขาอยู่ไม่มีแววว่าจะปล่อยหรือผ่อนแรงลงเลย

     

    "พี่ชอบแกล้งผมแรงๆตลอดเลย"

     

    "ไม่แกล้งแล้วครับ สัญญา" ใบหน้าหล่อเหลายังคงเหยเกเพราะความเจ็บ แตกต่างจากเด็กตรงหน้าที่ยิ้มซะโลกสดใสเมื่อได้ฟังประโยคอ้อนวอนจากคนเป็นรุ่นพี่ เกือบสิบวิได้กว่าเซฮุนจะยอมปล่อยมือที่หยิกเขาออก ณ จุดนี้คือเปลี่ยนจากเจ็บเป็นชาแล้วครับ... ที่สำคัญหยิกขนาดนี้มีเขียวแน่ๆ

     

    "พี่พูดเองนะ ลูกผู้ชายไม่คืนคำนะครับ"

     

    "แล้วมีใครเคยบอกมั้ย? ว่าคำสัญญาเป็นคำโกหกที่เชื่อไม่ได้" เอ่ยจบประโยคชายหนุ่มก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปอย่างหน้าตาเฉย ทิ้งให้รุ่นน้องยืนงงอยู่ตรงนั้น... เขาได้แต่ยกกำปั้นขึ้นมาชกอากาศราวกับจงอินยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยความหมั่นไส้

     

    อย่าให้ถึงทีของโอเซฮุนบ้างนะ!!

     

     

     

    .

    .

    ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในชนบทซึ่งจะเรียกว่ากันดานก็คงไม่ผิด เซฮุนกวาดสายตามองกำแพงรั้วที่สีหลุดลอกจนเห็นเนื้อของปูน เดินเข้าไปด้านใน เครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นก็มีสภาพไม่ต่างจากกำแพงด้านนอกมากนัก เหล็กที่ถูกสนิมขึ้นมาแทนที่ในบางจุดทำให้ดูแทบไม่ออกว่าก่อนหน้านี้มันเคยมีสีอะไรมาก่อน จะมีก็แต่อาคารเรียนที่ยังคงมีสีสดใสราวกับเพิ่งผ่านการทาสีไปไม่นาน ซึ่งก็คงจะมีนักศึกษาจิตอาสาอีกกลุ่มหนึ่งมาทาก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็มีการทาสีใหม่หลังจากได้ร้บเงินสนับสนุนแต่ที่ยังไม่ทารั้วกำแพงกับเครื่องเล่นพวกนี้อาจเป็นเพราะงบหมด

     

    แต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ พวกเขามาที่นี่เพื่อทำให้โรงเรียนแห่งนี้ดูดีมากขึ้น และนำอุปกรณ์กีฬารวมไปถึงหนังสือที่มีประโยชน์ต่อเด็กๆ เท่าที่จะหาได้มาบริจาคให้ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถทำให้ได้ และในปีต่อๆไปพวกเขาก็อยากจะมอบโอกาสดีๆแบบนี้ให้กับที่โรงเรียนเล็กๆที่อื่นๆอีก

     

    รุ่นพี่มินซอกคุยกับชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ได้ไม่นาน ก็ออกมาบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองตามที่แบ่งไว้ เซฮุนกับจื่อเทาช่วยกันยกถังสีไปในส่วนของสนามเด็กเล่นโดยมีคยองซูเดินตามมาติดๆ

     

    ต่างคนก็ต่างตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อนมากนักไม่อย่างนั้นคนที่มีอาการหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ตลอดเวลาอย่างคยองซูต้องระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ๆ

     

    “เป็นอะไรของมัน เห็นหน้างอตั้งแต่เก็บของเสร็จแล้ว”

     

    “...ไม่รู้สิ”

     

    “เป็นอะไรกันไปหมดวะ” จื่อเทาหันมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา หลังจากแยกย้ายกันไปเก็บของพอกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง สองคนนี้ก็อารมณ์ขุ่นพร้อมที่จะขบหัวใครก็ตามที่เข้าใกล้จนเขานึกสงสัยว่าสาเหตุมันเป็นเพราะอะไร นี่ยังดีนะที่เซฮุนไม่ได้อารมณ์เสียขนาดนั้น หมอนี่แค่ดูไม่ร่าเริงเท่าเดิมราวกับมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลาก็เท่านั้น

     

    นาทีต่อมาความสงสัยก็เริ่มจางหายเมื่อได้ยินเสียงจิ๊ปากจากเพื่อนตัวเล็กตอนที่พี่ว๊ากทั้งสองคนเดินผ่านไป เซฮุนไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา เพื่อนคนนี้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาหมุนแปรงวนในถังสีเล่นราวกับกำลังหลบหน้าใครบางคน เท่านี้จื่อเทาก็เดาได้แล้วว่ารุ่นพี่สองคนนี้แน่ๆที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนของเขามีท่าทีแปลกๆแบบนี้

     

    “เห้ย ถามจริง... ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนไม่พอใจตอนพวกพี่เขาเดินผ่านไปด้วยวะ แค่ไปเก็บของหรือมีอะไรมากกว่านั้นกันแน่” คยองซูหันมาถลึงตาใส่เพื่อนชาวจีนพร้อมกับง้างมือทำท่าเหมือนจะโบกกะโหลกเต็มที่ข้อหาถามอะไรไม่เข้าท่า ส่วนเซฮุนเพียงแค่มองตามแผ่นหลังของจงอินไปเงียบๆ

     

    จงอินยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมหลังจากอาบน้ำแล้ว แต่ชายหนุ่มผิวแทนถลกแขนเสื้อทั้งสองขึ้นจนเหมือนกับเสื้อแขนกุด เขามองกล้ามเนื้อตามท่อนแขนของอีกฝ่ายยามที่ยกถังสีไปวางไว้ใกล้ๆกับกำแพงและเริ่มใช้ลูกกลิ้งจุ่มสี จากนั้นก็ทาไปตามแนวกำแพงอย่างตั้งใจ ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นเลยว่าผิวสีแทนมันเลื่อมไปด้วยเม็ดเหงื่อ กลุ่มผมด้านหน้าของชายหนุ่มเปียกลู่ไปตามโครงหน้าราวกับเพิ่งสระผมมา มันคงสร้างความรำคาญให้เจ้าของไม่น้อยมือหนาถึงได้ยกขึ้นเสยมันไปด้านหลังแบบนั้น ถ้าสาวๆได้เห็นท่าทางตอนนั้นพร้อมกับกล้ามแขนที่นูนขึ้นมาเป็นมัดๆคงได้พากันวี๊ดว๊ายแน่ๆ

     

    “เหอะ ก็รู้อยู่ว่าต้องออกมาทาสี แล้วจะอาบน้ำไปเพื่ออะไร” เซฮุนละสายตาออกจากรุ่นพี่จงอินที่มองด้วยความเผลอไผลอย่างไม่รู้ตัวตั้งนานสองนาน ก่อนจะผินหน้าไปทางเพื่อนตัวเล็กที่พึมพำประโยคเมื่อครู่ออกมาอย่างสนใจ

     

    “อาบน้ำ?” นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาอยากถามเหมือนกัน แต่ขอบคุณที่จื่อเทาชิงพูดตัดหน้าไปเสียก่อน

     

    อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่ชานยอลอาบน้ำก่อนจะออกมารวมตัวกันเหมือนกับรุ่นพี่จงอิน... อะไรของพวกเขานะ

     

    “ก็ใช่อ่ะดิ เข้าห้องได้ก็แก้ผ้าเฉยเลย บอกว่าจะอาบน้ำทั้งๆที่ก็ต้องมาทาสีอยู่ดี จะอาบทำไมไม่เข้าใจ” มือบางข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นทาบแก้มตัวเองเพราะอยู่ๆก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า ภาพท่อนบนเปลือยเปล่าของจงอินที่เพิ่งได้เห็นเมื่อเช้าผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบสะบัดหน้าไล่ภาพพวกนั้นออกไปให้หมด เขาล่ะอยากจะวางแปรงลงแล้วทึ้งหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด

     

    “จริงดิ สงสัยพี่แกร้อนมั้งเลยอยากอาบน้ำ”

     

    “เพราะเมื่อคืนพวกพี่เขาทำงานจนเกือบเช้ามั้ง เห็นว่านอนที่มอด้วย ก่อนมาที่พักคงยังไม่ได้อาบน้ำ” ประโยคสุดท้ายเซฮุนพูดเบาลงเมื่อเพื่อนทั้งสองหันมามองด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง จนเขาต้องรีบบอกไปว่ารุ่นพี่จงอินเล่าให้ฟัง สองคนนั้นถึงได้หันไปทาสีเครื่องเล่นต่อ

     

    เวลาล่วงไปจนถึงเกือบบ่ายสองทั้งกำแพงและเครื่องเล่นก็ถูกแต่งเติมด้วยสีสันหลากหลาย ทำให้ดูน่ามองมากกว่าเดิมหลายเท่าหากเทียบกับก่อนหน้านี้

     

    หลายคนแยกย้ายไปล้างสีที่เปื้อนตามตัวในห้องน้ำแต่เซฮุนเลือกที่จะล้างตรงก๊อกน้ำด้านนอกอาคารอันไร้ซึ่งผู้คน... สองมือรองน้ำที่ไหลรินลงมาก่อนจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น แต่พอจะเงยหน้าขึ้นมาผ้าขนหนูเย็นเฉียบซึ่งไม่รู้ลอยมาจากไหนก็แปะลงบนหัวเขา ทำให้บดบังภาพเบื้องหน้าจนมองไม่ถนัด

     

    “อะไรเนี่ย” เด็กหนุ่มดึงผ้าผืนเล็กมาถือไว้ก่อนจะหันไปหาตัวต้นเหตุที่แกล้งเขาอีกแล้ว

     

    “ผ้าเย็นไง อุตส่าห์เอามาให้”

     

    “ซึ้งใจจังเลยครับ”

     

    “กวนประสาท” จงอินเปิดก๊อกน้ำก่อนจะวักน้ำล้างหน้าตัวเองแรงๆราวกับจงใจให้น้ำกระเซ็นใส่รุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ กะจะเอาผ้าเย็นมาให้ดีๆโดยไม่แกล้งอะไรแล้วนะ แต่น้ำเสียงอ้อล้อเมื่อครู่มันน่าหมั่นเขี้ยวเกินจะทน

     

    “ถ้าจะล้างหน้าแรงขนาดนั้นทำไมพี่ไม่เอาหน้าเข้าไปรองใต้ก๊อกเลยล่ะ” เซฮุนเดินถอยหลังมาสองก้าวไม่ให้น้ำกระเด็นมาโดนได้อีก ทว่าเขาคงคิดผิดไปนิดเพราะแทนที่เดินหนีออกไปเฉยๆแต่ดันพูดจากวนๆใส่จงอินเข้า...

     

    ลมหายใจของเด็กหนุ่มสะดุดกึกเมื่อใบหน้าคมได้รูปหันมาจ้องเขาไม่วางตา จากนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นจนทำให้รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    ชิบหายแล้วโอเซฮุน...

     

     

    “เห้ย!! พี่จงอินอย่า ... เปียกหมดแล้วเนี่ย” เจ้าของชื่อนึกสนุกกว่าเดิมเมื่อได้ยินรุ่นน้องตัวผอมร้องห้าม แต่ยิ่งเซฮุนยกผ้าเย็นนั่นขึ้นมาบังหน้าบังตัว เขาก็ยิ่งสาดน้ำใส่ไม่หยุด

     

    “ไม่หยุด โดนซะเถอะเซฮุน” สาดน้ำใส่อย่างเดียวไม่พอ มือหนาคว้าข้อมืออีกคนไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้

     

    คนที่หมดทางหนีหันไปมองค้อนใส่รุ่นพี่ ในหัวครุ่นคิดหาวิธีแก้เผ็ดกลับไปบ้าง แต่ในเมื่อถูกจับไว้แบบนี้ เบื้องหน้าก็มีเพียงแค่ก๊อกน้ำ เพราะฉะนั้น “พี่จะเล่นใช่มั้ย? ได้...”

     

    เซฮุนเอื้อมมือที่ว่างไปเปิดก๊อกน้ำด้านหน้าแล้ววักน้ำใส่จงอินบ้าง อยากแกล้งดีนักใช่มั้ย ถ้าจะเปียกก็เปียกไปด้วยกันนี่แหละ

     

    “เอาคืนหรอเซฮุน” จงอินแกล้งทำเสียงดุแต่เด็กตรงหน้ากลับไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาสาดน้ำใส่เอาอย่างเอาเป็นเอาตาย จนชายหนุ่มผิวแทนหลุดขำออกมา

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนสองคนที่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานราวกับตัวเองเป็นเด็กๆ เกือบห้านาทีที่พวกเขาสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา ปิดกั้นและกักขังอีกฝ่ายเอาไว้ให้จมอยู่กับโลกใบใหม่ที่มีเพียงเขาสองคน ตอนนี้พวกเขาไม่รู้อะไรแล้วนอกจากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสที่มอบให้กันและกัน...

     

     

    “รีบไปขึ้นรถได้แล้วไอ้สัส จีบกันอยู่ได้”

     

    ทุกอย่างชะงักไปหมดเมื่อเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของปาร์คชานยอลดังขัดขึ้นมาพังกำแพงส่วนตัวที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจนหมดสิ้น จงอินปล่อยข้อมืออีกคนออกก่อนจะปาดหยดน้ำออกจากใบหน้าพรางเสยผมที่เปียกลู่ไปด้านหลัง รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากหยักเมื่อครู่นี้หายไปในพริบตา เซฮุนเดาไม่ออกว่ารุ่นพี่จงอินกำลังมีคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งมือหนายกขึ้นมาชูนิ้วกลางใส่เพื่อนรักนั่นแหละ ผู้ชายคนนี้คงไม่พอใจที่เพื่อนเอ่ยแซวอะไรแบบนั้นออกมา เพราะพวกเขาไม่ได้จีบกันอย่างที่ถูกกล่าวหา... หรือไม่ก็ไม่พอใจที่รุ่นพี่ชานยอลเข้ามาผิดเวลาเสียเหลือเกิน

     

    และเซฮุนก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าเขาจะรู้สึกดีมากๆ หากมันเป็นเพราะอย่างหลัง...

     

    ดวงตากลมกรอกมองรุ่นพี่ทั้งสองอย่างทำตัวไม่ถูก ได้แต่หลุบตามองสภาพตัวเองและคนข้างๆที่เปียกซกไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ เขาต้องโดนเพื่อนๆกับรุ่นพี่แซวแน่ๆ แค่จินตนาการถึงสายที่มองมาก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเล่นไปกับพี่จงอินเลยโอเซฮุน

     

    “กลัวหรือไง” เซฮุนหันไปมองเจ้าของมือหนาที่วางอยู่บนศีรษะเขาก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย นี่เขาดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงนะ ทำไมรุ่นพี่จงอินถึงได้รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่อย่างกับอ่านใจออกตลอดเลย “ใครแซวเดี๋ยวตบคว่ำให้หมด” เสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอเบาๆหลังจากเอ่ยประโยคติดตลกนั้นออกมาจนเด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย รุ่นพี่คนนี้ก็มีมุมปกป้องคนอื่นเหมือนกันแฮะ

     

    “แล้วถ้าพี่มินซอกแซวล่ะครับ” เซฮุนกลั้นขำเมื่อเห็นอีกคนชะงักไป ไม่มาดมั่นเหมือนกับไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

     

    “อย่าเล่นของสูงดิ” ใช้มือข้างที่วางอยู่บนหัวกลมยีผมเปียกๆนั่นด้วยความหมั่นไส้ “ปล่อยให้เท่ซักแปปไม่ได้เลยนะ” แล้วดูดิ... ขนาดตัดพ้อใส่ไอ้เด็กนี่ยังส่งยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้อยู่เลย

     

     

    จะมากไปแล้ว โอเซฮุน

     

     

     

     

     

    x

     

     

     

     

     

    ทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากปล่อยให้พักผ่อนได้ตามอำเภอใจเพราะต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการทาสีเมื่อตอนกลางวัน แต่เด็กหนุ่มตัวผอมดูเหมือนจะเหนื่อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัวเนื่องจากต้องคอยสู้รบกับรุ่นพี่จงอินที่คอยแต่จะแกล้งเขาอยู่เรื่อย

     

    “ฟังให้ดีนะ กิจกรรมต่อไปจะเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องจริงๆแล้ว” เสียงซุบซิบดังขึ้นทันทีที่เอ่ยจบประโยคจนต้องตะโกนบอกให้เงียบก่อน “ฟังกติกาให้เข้าใจ แล้วก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง”

     

    “ทุกคนจะต้องทำกิจกรรมนี้เป็นคู่ และคู่ที่ว่าก็คือรูมเมทที่พี่จับให้เมื่อเช้าตอนมาถึงที่พัก จำกันได้ใช่มั้ย?” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นรุ่นพี่มินซอกก็ให้แยกย้ายไปนั่งกับคู่ตัวเอง

     

    เด็กหนุ่มตบบ่าเพื่อนตัวเล็กเบาๆที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาอีกแล้วเมื่อได้รู้ว่าต้องทำกิจกรรมร่วมกับใคร... หน้างอได้ไม่ถึงนาทีคยองซูโดนรุ่นพี่ชานยอลลากออกไป ส่วนจื่อเทาก็ไปหารุ่นพี่แบคฮยอนซึ่งเป็นรูมเมทกัน ทิ้งให้เซฮุนยืนเคว้งอยู่คนเดียวเมื่อเพื่อนๆแยกกันไปคนละทิศละทาง กวาดสายตามองหารุ่นพี่ผิวแทนท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันเจอข้อมือของเขาก็โดนฉุดดึงไปเสียก่อน

     

    “เห้ย อะไรเนี่ย” เด็กหนุ่มตัวบางถลาไปตามแรงดึง ก่อนจะสะบัดแขนออกตามสัญชาตญาณ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะมือปลาหมึกนี่กุมข้อมือเขาซะแน่น

     

    “ตามมาดิ ดื้อจังวะ” รุ่นพี่ขี้แกล้งหันมาขมวดคิ้วใส่จากนั้นก็ดึงรั้งให้เดินตามไปอีกครั้ง เซฮุนขยับปากพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นเต็มสองตาแล้วว่าเจ้าของมือหนาเป็นคนที่กำลังตามหาอยู่ พรางแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังกว้างนั่นทั้งๆที่โดนลากอยู่เนี่ยแหละ เรียกชื่อก็ได้มั้ยล่ะ? โผล่มาแบบนี้ก็ต้องมีตกใจกันบ้างอ่ะ

     

     

    เมื่อเห็นทุกคนจับคู่กันเรียบร้อยแล้วสตาฟก็เริ่มแจกผ้าสีขาวให้คู่ล่ะหนึ่งผืน เซฮุนชูขึ้นมาให้จงอินดูเป็นเชิงถามว่าเอามาทำอะไร แต่อีกคนเพียงแค่ยักไหล่ส่งไปให้เพราะไม่รู้เหมือนกัน

     

    “ใช้ผ้าที่แจกให้ผูกข้อมือของคู่ตัวเองติดกันไว้ ห้ามแกะเด็ดขาด ดูแลคู่ของตัวเองให้ดีๆ” เอ่ยยังไม่ทันจบดีบางคนก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาเพราะไม่อยากจะผูกติดข้อมือไว้กับอีกคน หนึ่งในนั้นต้องเป็นคยองซูเพื่อนของเขาแน่ๆ

     

    นึกเป็นห่วงเพื่อนได้ไม่นานจงอินก็ดึงผ้าไปจากมือเขาจนต้องหันไปมองอย่างงงๆ พออีกฝ่ายพยายามใช้ผ้าผืนนั้นผูกข้อมือของเราให้ติดกัน ถึงได้เข้าใจอะไรๆมากขึ้น เซฮุนรีบช่วยจับปลายผ้าอีกด้านไว้เมื่อจงอินทำท่าจะก้มลงไปกัดปลายผ้านั่นเพราะใช้มือข้างเดียวผูกไม่ถนัด ชายหนุ่มปรายตามองรุ่นน้องเพียงครู่ก่อนจะตั้งใจผูกผ้าอีกครั้ง

     

    “เจ็บหรือเปล่า?” เซฮุนส่ายหน้าปฏิเสธอย่างขลาดอาย

     

    แม้จงอินจะไม่ได้ผูกผ้าแน่นเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัดแต่ข้อมือของเราก็แนบสนิทจนไม่เหลือช่องว่าง เด็กหนุ่มตัวขาวผินหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่มองมาราวกับกำลังเป็นห่วงว่าเขาจะเจ็บจากแรงมัดของผ้า เขาพยายามอย่างหนักที่จะไม่สนใจความรู้สึกแปลกๆซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งยามที่สบตาคมคู่นั้น แต่ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น... ตอนที่ปลายนิ้วของเราสัมผัสกัน

     

    ความรู้สึกเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าสถิตแล่นปราบไปตามเรียวนิ้ว และมันวิ่งเข้าสู่หัวใจจนก้อนเนื้อที่เคยเต้นเป็นจังหวะปกติกระตุกแรงอย่างควบคุมไม่อยู่...

     

    สมองของเขาไม่รับรู้แล้วว่าต่อจากนั้นรุ่นพี่มินซอกพูดว่าอะไรบ้าง ผ้าสีแดงในป่า ห้ามออกนอกบริเวณที่เชือกกั้นไว้ กลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน โอเซฮุนจำได้เพียงเท่านี้ แล้วก็ไม่สามารถประติดประต่อได้ด้วยว่าจริงๆแล้วเขาต้องทำอะไรในกิจกรรมนี้กันแน่

     

    สติสตังหายไปไหนหมดแล้วเซฮุน

     

     

     

    .

    .

    “จงอิน มึงรู้ไม่ใช่หรอวะว่าผ้าสีแดงไรนั่นอยู่ตรงไหนบ้าง” เจ้าของชื่อปรายตามองเพื่อนสนิทกับรุ่นน้องตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เพื่อนของเขาคงหาเรื่องสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้คยองซูไม่หยุดหย่อนตลอดการหาผ้าสีแดงแน่ๆ และแน่นอนว่าเขารู้ว่าผ้าพวกนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง แต่บอกไปแล้วคู่มันหาจนครบ 5 ผืนเร็ว แบบนั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ

     

    จุดประสงค์ของกิจกรรมนี้คือให้รุ่นพี่กับรุ่นน้องสนิทกันอย่างนั้นหรือ? จริงๆแล้ว... มันเป็นกิจกรรมเพื่อให้ พี่รหัส กับน้องรหัสสนิทกันต่างหาก มีเพียงเหล่าเฟรชชี่เท่านั้นแหละที่ไม่รู้อะไรเลย และคิมจงอินก็ขอสนับสนุนให้เพื่อนรักเลิกทำให้น้องรหัสของมันเกลียดตัวมันเองซักที

     

    “ในป่าแบบนี้จะเอาไปซ่อนยังไงได้วะนอกจาก... บนต้นไม้” บอกใบ้ไปมั่วๆเสร็จสรรพก็ดึงเซฮุนให้เดินตามเขาไปอีกครั้ง เมื่อกี๊แอบเห็นคยองซูหน้าเหวอไปพักหนึ่ง มันคงไม่พากันปีนต้นไม้หรอกใช่มั้ย

     

    ดวงตาคมดุจเหยี่ยวกวาดมองความวุ่นวายของพี่รหัสน้องรหัสหลายๆคู่ที่ช่วยกันหาผ้าสีแดงให้ครบ 5 ผืนตามที่กำหนด พรางส่ายหน้าเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ากิจกรรมนี้จะช่วยให้สนิทกันมากนักหรอก ก็แค่ช่วยๆกันหาให้เจอจะได้ออกไปจากป่านี่ซะ แต่ล่ะคู่จะคุยกันซักกี่ประโยค? แน่นอนว่ามันต้องมีช่องว่างและความอึดอัดระหว่างกันอยู่บ้างสำหรับคนไม่สนิทกันแถมยังต้องผูกข้อมือติดกันไว้แบบนี้ จงอินเห็นบางคู่แกะมันออกแล้วด้วยซ้ำ

     

    หันกลับไปมองน้องรหัสตัวเองที่เดินตามเขาเงียบๆมานาน เด็กนั่นเอาแต่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหยุดเดินและมองอยู่ จนกระทั่งเขาเรียกนั่นแหละ อีกคนถึงได้เลิกสอดส่องข้างบนนั้น แล้วหันมามองหน้าเขาเสียที

     

    “โอเซฮุน”

     

    “ครับ?”

     

    “มองหาอะไร?” เอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย แววตาของเซฮุนลอกแลกไปมา ริมฝีปากอิ่มอ้าขึ้นเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดซักทีจนเขาเริ่มหมั่นเขี้ยวขึ้นมาอีกแล้ว เลื่อนมือข้างที่ไม่ได้ผูกติดกันไปบีบปากอีกคนจนยื่นออกมาเหมือนปากเป็ดพรางนึกขำอยู่ในใจ “อย่าบอกนะว่าหาผ้านั่นบนต้นไม้?”

     

    จงอินระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อน้องรหัสแสนซื่อของเขาพยักหน้ารับจนผมนุ่มสลวยฟูฟ่อง ทั้งที่เขายังไม่ได้ปล่อยมือจากปากเด็กตรงหน้าด้วย เซฮุนกระพริบตาปริบๆในแววตาใสเปี่ยมไปด้วยความงงงวยว่าเขาหัวเราะทำไม? ในวินาทีต่อมาชายหนุ่มก็รู้สึกถึงมือนุ่มที่เลื่อนมากุมมือเขาซึ่งบีบปากอีกฝ่ายไว้อยู่อย่างแผ่วเบา ใช้สายตากลมโตเหมือนแมวน้อยมองมาราวกับอ้อนวอนให้เขาปล่อยมือออกโคตรน่ารักเลยว่ะ

     

    จนสุดท้ายจงอินก็ยอมทำตามความต้องการของเซฮุน เขาปล่อยมือจากริมฝีปากบาง ไม่ใช่เพราะสายตาเว้าวอนนั่นอย่างเดียวหรอก แต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะแกล้งบีบแรงจนมันช้ำมากกว่า

     

     

    “เราจะไปไหนกันหรอครับ?” ร่างหนาหันกลับไปมองรุ่นน้องตัวผอมหลังจากรอดผ่านเชือกกั้นเขตออกไปแล้ว เซฮุนชี้เชือกที่กั้นขวางเราเอาไว้ราวกับเตือนเขาอีกครั้งว่ารุ่นพี่ไม่ให้ออกไปด้านนอก

     

    “ตามมาเถอะน่า”

     

    “แต่เราไม่ควรออกไปนะครับ เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา”

     

    “...”

     

    “พี่จงอิน...”

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเพียงแค่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนที่ไม่กล้าออกมาจากเขตที่ถูกกักกั้นไว้ มือข้างที่ถูกผูกติดกันด้วยผ้าบัดนี้มันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมเพราะมือหนาแสนอบอุ่นเลื่อนมาสอดประสานมือของเราเข้าด้วยกันจนแนบสนิท พร้อมกับเอ่ยประโยคสั้นๆซึ่งเรียกความมั่นใจให้คนขี้กลัวได้มากโข... จงอินดูออกว่าเซฮุนกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างที่รุ่นพี่บอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วง แต่ตราบใดที่ข้อมือของเรายังผูกติดกันอยู่แบบนี้... ตราบใดที่มือของเรายังประสานกันแน่นแบบนี้ เขาก็จะไม่ยอมให้เราเป็นอันตรายหรอก

     

    “เชื่อใจฉัน”

     

    คิมจงอินจะไม่ยอมให้โอเซฮุนเป็นอันตรายเพราะตัวเองเป็นคนพาแหกกฎแน่ๆ

     

     

     

     

    เดินลัดเลาะไปตามทางได้ไม่นานเซฮุนก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามันสวยงามราวกับเขาเพิ่งหลุดออกมาจากอีกมิติหนึ่ง จากดินละเอียดเริ่มเปลี่ยนเป็นเม็ดทรายขาว เสียงคลื่นซัดฝั่งจากที่ไกลๆทำให้เขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป น้ำทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาดูมีชีวิตมากขึ้นเพราะเกลียวคลื่นพากันเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่ง เซฮุนวิ่งไปที่หาดทรายขาวสะอาดตาอย่างลืมตัวว่ามือของตัวเองยังคงสอดประสานไว้กับใครอีกคนอยู่ จนร่างหนาต้องวิ่งตามไปด้วย

     

    จงอินหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มจนโลกสดใสของเซฮุนอีกครั้ง ไม่อยากจะปฏิเสธเลยว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นมัน...

     

    “พี่รู้ได้ไงว่ามีทะเลอยู่ตรงนี้” เอื้อยเอ่ยออกไปอย่างตื่นเต้น เซฮุนเหมือนตัวเองกำลังเป็นเด็กน้อยที่ได้มาเที่ยวทะเลครั้งแรก แต่จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ผิด เพราะเขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นทะเล

     

    “ตอนหาที่พักต้องมีกลุ่มที่มาเซอร์เวย์น่ะ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องมาดูสถานที่จริงก่อน ตอนประชุมพวกเราลงความเห็นว่าจะไปพักรีสอร์ทติดทะเล แต่พอดีมันเต็ม อีกอย่างอาจารย์ก็ยกเลิกการเล่นน้ำทะเลเพราะกลัวจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง”

     

    เซฮุนทำปากยื่นปากยาวด้วยความเสียดาย ถ้าได้เล่นน้ำกับคยองซูและจื่อเทาต้องสนุกมากแน่ๆ แต่เอาเถอะ ไว้จะไปเที่ยวด้วยกันตอนไหนก็ได้

     

    “ที่พักก็ไม่ได้ไกลจากทะเลมากนี่ครับ ไม่เห็นจะได้ยินเสียงคลื่น”

     

    “ไม่ไกลอะไรล่ะ... กว่าจะเดินจากที่พักมาถึงป่านั่น จากป่าทะลุมาโผล่ที่นี่อีกให้พูดอีกทีว่าไม่ไกล?” จงอินทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นทรายจากนั้นรุ่นน้องตัวผอมก็นั่งลงข้างๆพรางคิดตามที่รุ่นพี่พูด จะว่าไปมันก็ไกลเหมือนกันนะ แต่เดินตามรุ่นพี่จงอินมาทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ไกลเลยล่ะ

     

    “จริงด้วยครับ...” เซฮุนเบนสายตาไปด้านหน้าให้น้ำทะเลสีใสเป็นที่ยึดสายตา “เราออกมาแบบนี้จะไม่เป็นอะไรหรอครับ? ผ้าแดงก็ไม่ได้หาด้วย"

     

    “ก็แค่กลับไปให้ทันก่อนตะวันตกดิน ส่วนผ้าแดง รุ่นพี่คนนึงมันขี้เกียจเอาผ้าไปซ่อน เลยให้ฉันไปซ่อนแทน... ซึ่งผ้าพวกนั้นก็อยู่ที่ฉันอยู่เลย" จงอินหลุดขำออกมาให้กับความขี้โกงของตัวเอง

     

    "งั้นพี่ก็วางแผนไว้แล้วหรอว่าจะพาผมมาที่นี่น่ะ?"

     

    "หลงตัวเองไปหน่อยมั้ง ฉันแค่คิดว่ากิจกรรมนั่นมันไม่ได้ทำให้สนิทกันได้หรอก ที่สำคัญจะหาไปทำไมทั้งที่มันก็อยู่กับฉันทั้งห้าผืนแล้ว"

     

    "แล้วถ้านั่งอยู่ตรงนี้เราจะสนิทกันมากขึ้นหรอครับ?"

     

    "หรือว่านายอยากจะไปเดินเล่นในป่าแทนที่จะนั่งพูดคุยกินลมชมวิวทะเลแสนสวย... กับฉันล่ะ" ประโยคหลังฟังดูแผ่วเบาลงแต่เซฮุนกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน หายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันมองรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างกาย โชคดีที่จงอินหันหน้าไปทางอื่น แล้วไม่ได้ใช้สายตาทรงเสน่ห์มองเขาจนทำตัวไม่ถูก

     

    มือของเขาชื้นเหงื่อไปหมดเพราะเรายังไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน เขาไม่กล้าขยับมือตัวเองด้วยซ้ำ ในเมื่อจงอินไม่ยอมปล่อยมือออกเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน ทั้งที่ไม่สามารถหาเหตุผลใดๆมาสนับสนุนในการกระทำนี้ได้ แต่เซฮุนรู้สึกดีที่ถูกมือหนาของจงอินกอบกุมอยู่แบบนี้...

     

    คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อความคิดบางอย่างเข้ามาในหัวเขาอีกแล้ว เซฮุนจ้องมองใบหน้าด้านข้างของอีกคนด้วยความเผลอไผล แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ... สันกรามคมชัดปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันเด่นชัดแม้จงอินจะขยับเปลี่ยนองศาเพียงเล็กน้อย นอกจากแววตาที่มักจะสื่อความหมายทุกอย่างออกมาแล้ว สันกรามคมนั้นคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างในตัวรุ่นพี่คนนี้สินะ

     

     

    สันกรามคมชวนบาดใจ

     

     

    “พี่รหัส...”

     

    “...?”

     

    "พี่เป็นพี่รหัสผมใช่มั้ยครับ?"

     

    เซฮุนจ้องดวงตาคมไม่กระพริบเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากัน จงอินไม่ได้แสดงท่าทางมีพิรุธออกมาให้จับได้ นั่นยิ่งทำให้เขาคาดเดาไม่ถูกว่ารุ่นพี่คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ และรอยยิ้มอบอุ่นที่มาพร้อมกับคำตอบรับนั้นยิ่งสร้างความสับสนให้เขามากกว่าเดิม

     

    "ใช่ ฉันเป็นพี่รหัสนาย"

     

    "..."

     

    "ไม่เชื่อหรือไง"

     

    เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เขายอมรับกับง่ายๆอย่างนี้เลยหรอ หรือว่าจงอินจะแกล้งเขาอีก? แต่คำใบ้ที่ได้มาจากพี่จุนมยอนก็ตรงกับรุ่นพี่จงอินนี่นา สับสนไปหมดแล้ว

     

    "ทำไมยอมรับง่ายจังอ่ะ แกล้งผมปะเนี่ย?"

     

    "จุนมยอนมันให้คำใบ้ว่าอะไรล่ะ"

     

    "ก็... หน้าบวมเหมือนหมี ชอบนอนบนต้นไม้ แล้วก็ขี้แกล้งนิสัยไม่ดี" เซฮุนพ่นคำโกหกออกไปก่อนจะรอดูปฏิกิริยาของคนข้างๆ แต่จงอินเพียงแค่นิ่งไปครูหนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา

     

    "ฉันเป็นแบบนั้นหรอ หืม?"

     

    "..." เซฮุนผงะไปข้างหลังเมื่อจงอินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ครั้นจะหันหน้าหนีไปทางอื่นมือหนาก็จับปลายคางมนให้หันไปสบตากันจนได้

     

    "หน้าฉันเหมือนหมีหรอ? ฉันไปนอนบนต้นไม้เมื่อไหร่? ฉันขี้แกล้งแล้วก็นิสัยไม่ดีด้วยหรอ?"

     

    จงอินเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ทุกครั้งที่ถามจบหนึ่งคำถาม เมื่อกี๊ก็ถามไปสามคำถามแล้วตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันแค่คืบ เขารู้ว่าจุนมยอนเขียนคำใบ้ว่าอะไรบ้าง ก็แค่แกล้งถามไปเฉยๆ ซึ่งน้องรหัสตัวแสบก็เลือกที่จะโกหกเขาเสียด้วย

     

    "ช..ใช่ ไม่มีใครเคยบอกหรอว่าพี่หน้าเหมือนหมีบราวน์เลย แล้วพี่ก็ชอบแกล้งผมด้วย ... แค่ผมยังไม่เคยเห็นพี่นอนบนต้นไม้เอง"

     

    ชายหนุ่มจ้องมองดวงหน้าขาวอย่างเอ็นดู ทั้งที่แสดงอาการหวาดหวั่นออกมาจนเห็นได้ชัดแต่ก็ยังจ้อใส่เขาไม่หยุด ยิ่งตอนที่เซฮุนเผลอเลียริมฝีปากตัวเองยิ่งบ่งบอกว่าอีกคนกำลังประหม่าขนาดไหน จงอินยิ้มออกมาราวกับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไปแล้ว ท่าทางของเซฮุนที่ได้เห็นมันน่ารักจนเขาไม่สามารถบังคับริมฝีปากให้หยุดยิ้มได้

     

    "แล้วนายรู้มั้ย ว่าถ้าทายพี่รหัสผิดจะโดนลงโทษยังไง"

     

    "..."

     

    "นายคิดว่าฉันเป็นพี่รหัสนาย แล้วคำใบ้ที่ได้ก็บอกว่าพี่รหัสนิสัยไม่ดีด้วย"

     

    "คือว่า..."

     

    "เพราะฉันนิสัยไม่ดี... ถ้าน้องรหัสฉันทายผิดฉันจะลงโทษโดยการ..."

     

    เซฮุนกลืนน้ำลายอยากฝืดคอ แวบหนึ่งที่สายตาทรงพลังคู่นั้นดูแปลกไป มันทั้งแสดงความอ่อนโยนออกมารวมทั้งความเจ้าเล่ห์ในคราเดียวกัน เด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่าจงอินกำลังจะแกล้งเขาอีกแล้ว... และในตอนนั้นเองที่ใบหน้าคมโน้มเข้ามาจนระยะห่างที่มีเพียงน้อยน ิดเท่ากับศูนย์

     

    เซฮุนเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสนุ่มหยุ่นประทับค้างอยู่บนกลีบปากเขา มันไม่ได้เบาบางจนไม่รู้สึก แต่ก็ไม่ได้หนักแน่นจนรู้สึกวูบวาบไปทั้งกาย ร่างบางกำลังตีอกชกตัวอยู่ในความคิดตัวเองว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ แต่สมองของเขามันขาวโพลนไปหมด เขาอยากจะตีตัวเองแรงๆให้เรียกสติกลับมาแล้วผลักรุ่นพี่จงอินออกอย่างที่ควรจะเป็น

     

    แต่ทว่า... หัวใจไม่รักดีกลับสั่งให้เปลือกตาสีอ่อนปิดลง พร้อมกับซึมซับสัมผัสอ่อนโยนที่ร่างหนามอบให้ เซฮุนยันมือไปด้านหลังเมื่อร่างของเขาเอนไปตามแรงกดจูบที่ได้รับ มือบางกำเม็ดทรายเนียนละเอียดแน่นตอนที่จงอินดูดดึงริมฝีปากล่างของเขาหนักหน่วงยิ่งขึ้น

     

    ในวินาทีต่อมาคนเป็นรุ่นพี่ก็ต้องผละออกมาอย่างหักห้ามใจไม่ให้ถลำลึกไปกว่านี้ ถึงแม้มันจะยากเหลือเกินเพราะความหอมหวานอยู่ตรงหน้าแท้ๆ จงอินเบนหน้าไปทางอื่นหลังจากเห็นเซฮุนช้อนสายตาขึ้นมามองเขาพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้รู้สึกอยากวิ่งลงทะเลไปดับความบ้าบอของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด

     

    "นี่คือการลงโทษของพี่หรอครับ?"

     

    รุ่นน้องตัวผอมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหลังจากที่เพิ่งจูบกัน เขาคิดว่าจงอินคงแกล้งเล่น และมันก็เป็นการแกล้งที่ส่งผลต่อจิตใจเขาอย่างมาก รุ่นพี่คนนี้ไม่ได้เอ่ยขอโทษออกมา ซึ่งเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เป็นแบบนั้น มันออกจะรู้สึกแย่ถ้าคำขอโทษหลุดออกมาจากปากอีกคน เพราะนั่นหมายความว่า ที่อีกคนจูบเขาก็แค่แกล้งแล้วไม่รู้สึกอะไรจริงๆ

     

    "กลับกันเถอะ"

     

    เขาไม่ได้คาดหวังว่าจงอินจะรู้สึกอะไรบางอย่างกับจูบระหว่างเราอย่างที่เขารู้สึก ในตอนนี้ เซฮุนเป็นฝ่ายคลายมือที่ประสานกันออกก่อน พวกเขาจับมือกันนานจนเม็ดเหงื่อซึ่งไม่รู้ว่าของใครกันแน่ผุดขึ้นมาให้รู้สึกชื้นแฉะ บางทีรุ่นพี่จงอินอาจจะอึดอัดหรือไม่ก็อยากปล่อยมือออกนานแล้วก็ได้...

     

    แต่ทว่า ทุกอย่างกลับเกินความคาดหมาย จงอินกระชับมือเขาแน่นกว่าเดิม ริมฝีปากหนาเอื้อนเอ่ยประโยคแสนธรรมดาออกมา แต่แววตาและน้ำเสียงฟังดูเหมือนกำลังขอร้องเขาอย่างไรอย่างนั้น

     

    "อย่าปล่อย..."

     

    เซฮุนพยักหน้ารับพร้อมกับกระชับมืออีกคนให้แนบแน่นเหมือนในทีแรก ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ มันน่าแปลกที่การกระทำของพวกเขา แววตา คำพูด และอะไรหลายๆอย่างมันเกินกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องไปแล้ว มันคือความไม่ชัดเจนที่ต่างคนต่างก็ยังไม่อยากจะคิดหาคำตอบในตอนนี้

     

    แต่มีสิ่งหนึ่งซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นมาในใจของเขาทั้งคู่ ความรู้สึกบางอย่างที่พวกเขายังไม่กล้ายอมรับว่ามันคือ... ความรัก

     

     

     

     

     

    x

     

     

     

     

    เกือบเดือนแล้วหลังจากกลับมาจากค่ายอาสา มีการเฉลยพี่รหัสในคืนวันนั้น วันที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นในใจอยู่ตลอดเวลาเพราะจูบแสนอ่อนโยนนั่น

     

    'โอเซฮุน พี่รหัสเบอร์อะไร?'

     

    '88 ครับ'

     

    'รู้มั้ยว่าคือใคร'

     

    'เอ่อ...' เขาอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปหารุ่นพี่ผิวแทนซึ่งยืนปั้นหน้ากวนๆใส่เขาอยู่ 'พี่จงอิน... ใช่มั้ยครับ?'

     

    'ถ้ายังไม่รู้ก็แย่แล้วน้อง!!'

     

    'ออกจะเอาใจใส่ขนาดนั้น' ประโยคเอ่ยแซวดังขึ้นจากรุ่นพี่รอบข้างอีกแล้ว จงอินเดินออกไปหาน้องรหัสพร้อมกับแจกนิ้วกลางให้เพื่อนปากหมาเรียงคน จากนั้นเสียงฮาครืนก็ดังขึ้น เพราะไม่บ่อยนักที่จงอินจะมีปฏิกิริยาเวลาใครแซว แต่พอพูดถึงรุ่นน้องคนนี้เป็นไม่ได้เลย

     

    'ไงน้องรหัส' เซฮุนส่งยิ้มแห้งๆไปให้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีใจที่ได้จงอินเป็นพี่รหัส แต่เหตุการณ์ที่ทะเลยังทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นอยู่เลย

     

    'ยินดีต้อนรับเข้าสายรหัสนะเซฮุน' เซฮุนค้อมหัวให้พี่มินซอกพี่โตสุดกับพี่เวนดี้ซึ่งอยู่ปี 3 เล็กน้อย... นี่สินะสายรหัสสายตรงของเขา

     

     

    “ถามจริง นายกับพี่จงอินนี่ยังไง” ประโยคคำถามมาพร้อมกับแรงกระทุ้งศอกจากเพื่อนชาวจีนทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

     

    “ทำไม? ก็ไม่มีอะไรนี่”

     

    “อย่ามา ฉันเห็น... สายตาที่พวกนายใช้มองกัน” จื่อเทาชูสองนิ้วขึ้นมาชี้ดวงตาของพวกเขาสลับกันไปมาด้วยท่าทางกวนประสาท “รุ่นพี่รุ่นน้องอะไรเขามองกันแบบนั้น”

     

    “อะไรของนาย ไปโน่นเลย ไปช่วยคยองซูถือน้ำโน่น” เซฮุนฟาดไหล่เพื่อนตัวเขียวอย่างแรงก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางคยองซูที่ถือแก้วน้ำสามแก้วมาเต็มสองมือ

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกถามเรื่องระหว่างเขากับจงอิน แต่เซฮุนก็ไม่เคยให้คำตอบใดๆได้ เราต่างรู้ว่าความรู้สึกที่เรามีให้กันและกันมันไม่ใช่เพียงแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง คงเรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกล่ะมั้ง เพราะเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ความสัมพันธ์ของเราถึงได้ไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ หลายครั้งเขามักจะเก็บเรื่องเหล่านี้มาคิดแล้วก็ได้แต่รู้สึกแย่อยู่คนเดียว

     

    เรื่องระหว่างพวกเขาเหมือนกำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่บางทีมันก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจงอินไม่ได้ทำตัวผิดแปลกไปจากเดิม ยังคงชอบทำหน้าทะเล้นใส่ตอนที่เจอกัน ยังคงชอบแกล้งเขาเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คงเป็นที่จงอินพาเขาไปทานมื้อเย็นด้วยในวันที่เราเลิกเรียนตรงกัน โดยอ้างว่าไม่มีเพื่อนกินข้าว หรือไม่ก็ยกเรื่องพี่รหัสต้องเลี้ยงน้องมาใช้เป็นข้ออ้าง เซฮุนจะโทรไปขอคำปรึกษาเรื่องเรียนกับจงอินเป็นบางครั้ง หรือบางทีจงอินก็โทรมาถามว่ามีปัญหาในการปรับตัวกับมหาลัยหรือเปล่า ไปจนถึงเรื่องสุขภาพร่างกายหากรู้จากเพื่อนๆว่าวันนั้นเขาไม่ได้ไปเรียน

     

    ทั้งที่จะวางสายเลยก็ได้เมื่อคุยธุระที่ต้องการจบ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะหาเรื่องสรรพเพเหระมาคุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ เหมือนกับต่างคนต่างก็ไม่อยากจะวางสายจากกัน...

     

    เด็กหนุ่มตัวผอมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกดีกับรุ่นพี่ผิวแทนคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้คือนับวันมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มันดีมากๆ เขาได้รับการดูแลจากจงอินอย่างดีหรืออาจจะดีกว่าที่น้องรหัสคนนึงควรจะได้รับด้วยซ้ำ เซฮุนพอใจกับสิ่งที่ได้รับถึงแม้มันจะไม่มีความชัดเจนในความสัมพันธ์นี้ แต่พอนึกถึงจูบนั้นทีไรมันทำให้รู้ว่าเขาแค่หลอกตัวเอง...

     

    เซฮุนต้องการความชัดเจนระหว่างเรา ต้องการได้ยินจากริมฝีปากหนาที่ฉกฉวยจูบจากเขาไปว่าเรื่องของเรามันคืออะไรกันแน่ หากเขาแค่คิดไปเองคนเดียวและจงอินไม่ได้รู้สึกเหมือนกันก็จะได้พอแล้วไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้... เซฮุนจะได้ห้ามตัวเองไม่ให้ชอบจงอินไปมากกว่านี้

     

     

     

    .

    .

    “จงอิน แกมานี่เลย”

     

    “โอ๊ย เจ๊เบาๆดิ” เจ้าของชื่อถลาไปตามแรงดึง เพราะหากไม่รีบสาวเท้าตามไปมีหูขาดแน่ๆ ทำไมพี่รหัสคนสวยของเขาถึงได้โหดสัสขนาดนี้

     

    “แกจีบน้องรหัสแกใช่มั้ย ตอบ!” ชายหนุ่มผิวแทนเลิกคิ้วมองหญิงสาวผู้มีปลายผมสีฟ้าอย่างไม่เข้าใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเลี้ยงขนมน้อง ไม่เคยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแต่วันนี้ดึงหูเขามาเพื่อถามเรื่องนี้งั้นดิ

     

    “มีกฎข้อไหนห้ามไม่ให้จีบสายรหัสตัวเองหรอครับพี่”

     

    “กวนประสาท” จงอินร้องโอดครวญเมื่อพี่รหัสสุดสวยกระโดดโบกกบาลเขาเต็มรัก น้ำตาจะไหล “ฉันแค่จะบอกว่าอย่าให้มันมีปัญหา ฉันไม่อยากให้สายรหัสเราขาดไป”

     

    “ถ้าสายรหัสจะขาด ก็ขาดตั้งแต่ที่ผมได้เจ๊เป็นพี่รหัสแล้วล่ะ... พี่เวนดี้สุดสวย”

     

    “ย่า!! คิมจงอิน!

     

    ชายหนุ่มใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีวิ่งหนีพี่รหัสตัวเองออกมาก่อนจะระเบิดหัวเราะให้กับเสียงที่ตะโกนไล่หลังมา เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่พวกเขาชอบถกเถียงกันแบบนี้ จงอินเข้าใจสิ่งที่เวนดี้ต้องการจะบอกเป็นอย่างดี  เพราะคำว่าพี่รหัสกับน้องรหัสที่ค้ำคออยู่ มันค่อนข้างน่าอึดอัดหากพวกเขาคบกันจริงๆแล้ววันหนึ่งเราต้องเลิกกันไป พวกรุ่นพี่คงไม่อยากให้มีปัญหาในสายรหัส เขาก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรพวกนี้เหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเขาจะดูแลเซฮุนอย่างดีในฐานะพี่รหัส ส่วนฐานะอื่นค่อยว่ากันอีกที...

     

    “แดกเหล้ามั้ยเพื่อน”

     

    จงอินละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งดึงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อส่งข้อความหาใครบางคนไปมองหน้าเพื่อนสนิท แต่แค่วินาทีเดียวเท่านั้นแหละ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความส่งไปอีกครั้งทั้งที่ยังไม่มีการตอบกลับใดๆ ไม่แม้แต่จะขึ้นให้เห็นว่าอ่านแล้วด้วยซ้ำ

     

    “ช่วงนี้เครียดหรอครับ”

     

    “เออ จะไปไม่ไป”

     

    “ไม่ล่ะ" จงอินยกยิ้มพอใจเมื่อได้รับข้อความตอบกลับมาเสียที “กูมีนัดแล้ว”

     

     

    14:57 วันนี้เลิกเรียนกี่โมง

     

    15:05 มาเจอกันที่แม่น้ำฮันตอน สองทุ่มได้หรือเปล่า

     

    15:35 โอเซฮุน มีเรื่องจะคุยด้วย

     

     

    น้องรหัสของพี่ 88 :

    ขอโทษครับ ผมเพิ่งเลิกเรียน 15:37

     

    แม่น้ำฮันหรอครับ งั้นผมรอที่เดิมนะ ^^ 15:38

     

     

    จงอินหลุดยิ้มให้กับอิโมตายิ้มที่เด็กนั่นส่งมาแทบทุกครั้งที่แชทคุยกัน ไม่รู้ว่าเขาบ้าหรือเปล่า แต่พอเห็นอิโมนี้ทีไร เหมือนหน้าแป๊ะยิ้มของเซฮุนจะลอยเข้ามาในหัวเขาทุกที

     

    “โอเซฮุน กวนใจฉันได้ตลอดเลยสินะ”

     

     

     

     

     

     

    19:53

     

    เซฮุนมองเวลาที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกดล็อกสกรีนตามเดิม ตอนนี้เขานั่งอยู่ 'ที่เดิม' ที่พวกเราชอบมานั่งเล่นกันบ่อยๆเวลามาแม่น้ำฮัน จากมุมนี้มันไม่ได้วิวสวยกว่าจุดอื่นหรือมีอะไรพิเศษตรงไหนหรอก มันก็แค่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก

     

    "มานานยัง"

     

    เซฮุนหันไปหาเจ้าของน้ำเสียงคุ้นเคยที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ โชคดีที่พวกเขาต่างก็เป็นคนตรงเวลากันทั้งคู่ ถึงได้ไม่มีใครคนนึงต้องรอนานจนพาลให้อารมณ์เสีย

     

    "พี่มีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ"

     

    "มีอ่ะมันมีแน่... แต่ยังไม่พร้อม"

     

    เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมองรุ่นพี่ผิวแทน เขาไม่เคยเห็นจงอินมีท่าทีประหม่าแบบนี้มาก่อน

     

    "มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ"

     

    "...แล้วนายล่ะ?"

     

    จงอินเอนไปด้านหลังก่อนจะยันมือไว้กับพื้นด้วยท่าทีสบายๆ ทอดสายตามองคลื่นน้ำที่แผ่กระจายออกเป็นวงกลมเนื่องจากเซฮุนโยนก้อนหินก้อนหนึ่งลงไป ท่าทางที่เด็กคนนี้แสดงออกมาเหมือนกับพยายามทำตัวให้เป็นปกติตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เขารู้สึกได้ว่าเซฮุนกำลังมีเรื่องกังวลในใจ

     

    "ผมไม่ได้เป็นอะไร"

     

    "กังวลหรอ?"

     

    "เรื่องอะไรครับ"

     

    เซฮุนกอดขาทั้งสองข้างแน่นจนหน้าขาชิดกับแผ่นอกตัวเอง จู่ๆความรู้สึกกลัวก็เข้ากัดกินในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ บทสนทนาของเราในครั้งนี้ดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีการแกล้งกันหรือพูดคุยหยอกล้อใดๆทั้งสิ้น รุ่นพี่จงอินโหมดนิ่งๆทำให้เขาเริ่มกลัวแล้วนะ

     

    "เรื่อง... จูบล่ะมั้ง"

     

    หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เขาหันไปสบเข้ากับดวงตาคมซึ่งไม่ได้ฉายเจ้าเล่ห์หรือหยอกล้อออกมาแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากพี่รหัสแสนร้ายกาจคนนี้ปั้นหน้าจริงจังแล้วจบด้วยการบอกว่าที่ถามไปแค่แกล้งเล่นพร้อมกับกลั้วหัวเราะใส่ แบบนั้นเขาจะโกรธจริงๆด้วย ให้ตาย!

     

    "ผมคิดว่าพี่ลืมมันไปแล้วซะอีก" เซฮุนแนบแก้มลงกับหัวเข่าตัวเอง เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดเหมือนตัดพ้อแบบนั้นเลยนะ แต่ก็... ไม่ทันแล้ว

     

    "ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนายฉันไม่ลืมหรอก"

     

    "..."

     

    "แล้วฉันก็ไม่ได้แกล้งลืมเรื่องที่จูบนายวันนั้นด้วย... ฉันแค่อยากให้เวลาตัวเอง ให้เวลานาย เพื่อคิดทบทวนว่าเรื่องระหว่างเรามันไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ"

     

    "พี่กำลังจะบอกอะไรผมกันแน่" นัยน์ตาสีเข้มซึ่งสะท้อนภาพเขาอยู่ในนั้นแน่วแน่ไม่ไหวติง แม้ประโยคคล้ายกับสารภาพรักกลายๆจะทำให้หัวใจเขาเต้นระส่ำ แต่ทว่ามันก็แฝงไปด้วยความกลัว

     

    คนขี้แกล้งแบบรุ่นพี่จงอินไม่ได้กำลังล้อเขาเล่นใช่ไหม?

     

    "ก่อนจะบอก ขอถามอะไรอย่างนึงได้มั้ย?" จงอินมองดวงหน้าน่ารักอยู่ชั่วอึดใจ พอเห็นเซฮุนพยักหน้าตอบรับแล้วจึงถามต่อ "มันแย่มั้ยที่มีฉันเป็นพี่รหัส ฉันชอบแกล้งนาย กวนนายสารพัด"

     

    "ไม่เลย ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีด้วยซ้ำที่มีพี่เป็นพี่รหัส" เซฮุนส่ายหน้าปฏิเสธทันทีที่ฟังจบ รุ่นพี่คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ถามอะไรแบบนี้ออกมา "พี่ดูแลผมดีกว่าน้องรหัสคนนึงควรจะได้รับด้วยซ้ำ"

     

    "แล้วถ้าฉันไม่ได้อยากจะดูแลนายในฐานะน้องรหัสล่ะ"

     

    "...?"

     

    "นายจะเปลี่ยนจากน้องรหัสของพี่เบอร์ 88 มาเป็น... แฟนของพี่เบอร์ 88 ได้หรือเปล่า?"

     

    "พี่จงอิน..."

     

    "ได้หรือเปล่าเซฮุน"

     

    เซฮุนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาพยักหน้ารับคำสารภาพนั้นไปกี่ครั้ง ความรู้สึกทุกอย่างมันตีตื้นขึ้นมาจนพูดไม่ออก ความกลัวในใจเมื่อก่อนหน้านี้หายไปจนหมดเมื่อจงอินเข้ามาเติมเต็มทุกอย่าง

     

    ริมฝีปากอุ่นร้อบทาทาบลงมาพร้อมกับแรงบดคลึงแสนอ่อนโยน จงอินละเลียดชิมกลีบปากอิ่มที่เคยได้ลิ้มลองไปแล้วครั้งหนึ่ง มันยังคงนุ่มหยุ่นและหอมหวานเหมือนในครั้งแรก หัวใจของคนทั้งคู่พองโตอย่างเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ในตอนที่พวกเขาผละออกจากกันเพียงเล็กน้อยเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย แววตาของทั้งคู่แสดงความรักให้กันและกันอย่างเปิดเผย...

     

    จงอินไม่สามารถอดทนแววตาใสดุจแมวน้อยของเด็กตรงหน้าได้อีกต่อไป รั้งท้ายทอยของอีกคนเข้ามาบดจูบริมฝีปากสีชมพูสดอีกครั้ง เขาลืมแล้วทุกสิ่งว่าตอนนี้กำลังนั่งกันอยู่ในที่สาธารณะ ถึงจะมืดค่ำแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเลย แต่คิมจงอินไม่สนใจอะไรแล้ว สัมผัสนุ่มละมุนลิ้นที่ได้สัมผัสอยู่ตอนนี้มันเย้ายวนเกินจะหักห้ามใจได้

     

    มือบางที่ยกขึ้นพักไว้บนไหล่กว้างขยำปกเสื้อเชิ้ตจนยับ เซฮุนแทบไม่รู้ตัวและควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเผยอปากให้เรียวลิ้นร้อนเข้ามากอบโกยทุกอย่างไปจนกว่าจะพอใจ ปลายลิ้นของเรากระหวัดกันอย่างโหยหา เซฮุนไม่คิดเลยว่าความว้าวุ่นกังวลใจที่เขาสั่งสมมาตลอดหนึ่งเดือนจะหายลับไปง่ายดายขนาดนี้...

     

    อย่างน้อยตอนนี้จงอินก็ทำให้มันชัดเจนซักที ถึงแม้มันจะออกมาในทางบวกหรือออกมาในแง่ลบ แต่มันย่อมดีกว่าตอนที่จมอยู่กับความสับสนเป็นไหนๆ

     

    "แต่ทำไงดี... ผมยังอยากเป็นน้องรหัสพี่อยู่เลย"

     

    "พยักหน้ารับแล้วจะมาคืนคำไม่ได้นะ" จงอินใช้สายตาคมดุจ้องมองคนตรงหน้าที่พูดประโยคก่อนหน้าออกมาทันทีที่เขาผละริมฝีปากออก

     

    เซฮุนแสดงท่าทางขวยเขินออกมาก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น จากนั้นก็เอ่ยประโยคแสนน่ารักออกมาจนจงอินอดใจตัวเองไม่ไหวแล้วกระโจนเข้าไปฟัดแก้มกลมๆนั่นเสียฟอดใหญ่

     

    "อยากเป็นทั้งน้องรหัส แล้วก็แฟนของพี่รหัสด้วย..."

     

    ใบหน้าหวานระบายยิ้มจนตาหยีซึ่งเหมือนเป็นอาวุธเอาไว้ฆ่าเขาให้สำลักความน่ารักของโอเซฮุนจนตาย ชายหนุ่มได้แต่ร้องขอเด็กตรงหน้าว่าอย่าน่ารักไปกว่านี้เลย แล้วอีกคนก็ไม่ฟังด้วยดิ... ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาแกล้งเซฮุนมากไปหรือเปล่า ตอนนี้ถึงได้ถูกเอาคืนแม้จะเป็นแค่ประโยคสั้นๆประโยคเดียว

     

     

     

     

     

     

    "พี่เบอร์ 88 ของผม"

     

     

     

     

     

    คิมจงอิน Knock out!

     

     

     

     

     

     

    END

     

     

     

     

     

     

    พี่เบอร์ 88 ของเซฮุนนะรู้ยัง

    ตอนนี้ทะลุร้อยเปอร์ไปเยอะมากกกกกก ถ้าจบแบบยังไม่เต็มอิ่มก็เอามีดมาแทงเราเลยเถอะ TT

    หรือจะมีตอนสเปเชียล หลังจากพี่รหัสกับน้องรหัสเขาคบกันแล้วดี???

     

     

    ขอบคุณที่ทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เล่นแท็ก คนที่เข้ามาอ่าน

    คนที่แนะนำฟิคเราด้วย TT ขอบคุณมากๆเลยค่ะ <3

     

    .

    .

    #พี่รหัสไคฮุน

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×