ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ BETWEEN US ✖ [SF/OS l KAIHUN ft. EXO]

    ลำดับตอนที่ #5 : :: HOST 02

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 58


    02

     

    ใครบ้างที่ไม่เคยง่วงในเวลาเรียน...?

     

    ชายหนุ่มผิวแทนเป็นคนหนึ่งล่ะที่ง่วงนอนและแอบงีบในคาบเรียนประจำ และช่วงหลังๆมานี้มันบ่อยขึ้นจนเพื่อนสนิทอย่างคยองซูอดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนตัวสูงไปอดหลับอดนอนมาจากไหน

     

    "ช่วงนี้ติดเกมหรือไง เห็นนอนทุกคาบ" ถึงเจ้าหมีตัวนี้จะง่วงอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังตั้งใจเรียน ไม่เคยเห็นหลับมาราธอนขนาดที่ว่าเรียกหลายครั้งก็ยังไม่ตื่นจนถึงกับต้องเขย่าตัวแรงๆ กว่าจะยอมตื่นแล้วไปหาข้าวกินด้วยกันได้

     

    คนถูกถามไม่ยอมตอบ เขาเขี่ยข้าวในจานไปมาอยู่อย่างนั้น รู้สึกไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย หมูผัดซอสนี่ใช่ว่าจะไม่อร่อยแต่เขากลับกินมันไม่ลง คีบเนื้อหมูทั้งหมดที่พร่องไปเพียงนิดใส่ถ้วยเพื่อนตัวเล็ก เป็นการยัดเยียดให้มันกินซะ

     

    "นี่คิมจงอิน มีเรื่องเครียดอะไรงั้นหรอ?" ร่างหนาไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น แต่แววตาคู่นั้นมันสะท้อนว่าเพื่อนคนนี้กำลังมีเรื่องไม่สบายใจและเหมือนคนกำลังหมดแรง

     

    "คิมจงอิน..." เจ้าของชื่อเอ่ยออกมาพรางหัวเราะให้กับตัวเอง คยองซูขมวดคิ้วมุ่น เพื่อนของเขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้เรียกชื่อตัวเองแล้วขำออกมาแบบนั้น แต่เอาเถอะ หมอนี่อาจจะเครียดจนสติหายไปแล้วก็ได้

     

    ชายหนุ่มไม่ได้สนใจนักว่าเพื่อนสนิทจะคิดว่าเขาบ้าหรือเปล่า มองไปรอบๆตัวซึ่งมีแต่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ในรั้วมหา'ลัยแห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ไฝว่หาความรู้ในด้านสาขาวิชาต่างๆเพื่อนำไปประกอบอาชีพต่อ

     

    เขาก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ เรื่องการเต้นแทบทุกคนในคณะต่างรู้ว่าชายหนุ่มมีฝีมือขนาดไหน ทั้งยังเป็นคนสดใสร่าเริง เรียนเก่ง มีจิตใจเอื้อเฟื้อจนรุ่นพี่รุ่นน้องหรือแม้แต่อาจารย์ต่างก็รักใคร่ นั่นแหละ 'คิมจงอิน' แต่ใครจะรู้...ว่าหลังจากเลิกเรียนเขาต้องสลัดคราบเด็กหนุ่มแสนดีทิ้งไปราวกับเป็นคนละคน ใครจะเชื่อว่าเขาทำงานสกปรกและเห็นแก่เงินมากเพียงใด เขาเกลียดตัวเองตอนอยู่ในคราบโฮสต์หนุ่มสุดเร่าร้อนที่ใช้โค้ดเนมว่า 'ไค' มากที่สุด

     

    มันช่างไร้ค่าสิ้นดี...

     

    "คยองซู..." เพื่อนตัวเล็กครางอือตอบรับในลำคอ มองแก้มตุ่ยซึ่งเต็มไปด้วยข้าวกับหมูผัดซอสที่เขาเป็นคนตักให้พรางชั่งใจอยู่นานว่าควรจะพูดต่อดีมั้ย เพราะพูดไปมันก็ไม่เป็นผลดีกับใคร แต่ก็... "ถ้าฉันบอกว่าฉันใช้หน้าตาและร่างกายหาเงินนายจะเชื่อมั้ย?"

     

    เคร้ง!!

     

    ช้อนในมือร่วงหล่นบนโต๊ะ ข้าวในปากไม่ได้ถูกบดให้ละเอียดอย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมอยู่เกือบครึ่งนาทีเขาก็สำเหนียกได้แล้วว่าไม่ควรจะพูดออกไปเลยจริงๆ สองมือทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง คยองซูจะมองเขาอย่างไร จะเลิกเป็นเพื่อนกันเลยหรือเปล่า แต่ทว่า...ประโยคถัดมากลับทำให้จงอินอยากเอาหัวโขกโต๊ะมากว่าเดิมกับความซื่อนั้น

     

    "มีคนมาทาบทามไปเป็นเด็กฝึกอีกแล้วหรอ ยินดีด้วยนะนายนี่เก่งจริงๆ ไม่เห็นต้องเครียดเลย" หยิบช้อนมาตักข้าวกินอีกครั้งราวกับก่อนหน้านี้ดันเกิดอาการมือไม้อ่อนขึ้นมา ไม่ได้ตกใจหรือคิดไปในทางลบเลยซักนิด

     

    จงอินถอนหายใจพรางส่ายหน้าหน่ายๆ "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก" แววตาคู่นั้นที่มองมาแฝงไปด้วยคำถามว่าแล้วมันยังไงล่ะ แต่เขาจะไม่พูดแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้เสมอไป ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ

     

     

     

     

     

    X

     

     

     

     

     

    กรุ๊งกริ๊ง

     

    เซฮุนเหลือบมองโมบายน่ารักที่ถูกแขวนประดับไว้นอกร้านคาเฟ่ซึ่งถูกลมพัดจนเกิดเสียง  ลมเริ่มแรงขึ้นและอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆเป็นสัญญาณว่าหน้าหนาวใกล้จะเข้ามาแล้ว คิดอะไรต่อมิอะไรได้เพียงครู่ก็ตัดสินใจผลักประตูเข้าไปในร้านคาเฟ่เล็กๆ

     

    กลิ่นกาแฟหอมกลุ่นเป็นสิ่งแรกที่ลอยเข้าสู่ปลายจมูกโด่งรั้นให้โสตประสาทได้รับรู้ เซฮุนชอบกลิ่นของกาแฟ มันหอมและทำให้รู้สึกดีกว่ากลิ่นอับๆจากเหล้าและบุหรี่ตอนอยู่ในคลับเป็นไหนๆ เลือกที่นั่งด้านในสุดเพราะดูแล้วจะสงบและห่างไกลจากผู้คน ทั้งๆที่ชอบไปสถานที่อโคจรและอึกทึกอย่างผับบาร์ แต่ในบางเวลาเขาก็เกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุด

     

    "ไม่ยักรู้ว่าคุณก็เข้าร้านกาแฟเป็น" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของรองเท้าไนกี้ที่หยุดอยู่ตรงโต๊ะเขาพอดี ช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของใบหน้าคมซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน

     

    "เห็นฉันเป็นคนยังไงกัน ไค"  ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขาอย่างถือวิสาสะ แต่เซฮุนก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้วหากโฮสต์หนุ่มคนนี้จะนั่งด้วย

     

    "เป็นคนเร่าร้อนและเซ็กซี่สุดๆ โดยเฉพาะตอนอยู่..." คำพูดกำกวมพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ทำให้เซฮุนลืมหายใจตอนที่ร่างหนาเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง "...บนเตียง"

     

    ฉ่า!

     

    ใครสั่งสอนให้พูดจาแบบนั้นกัน รู้สึกหน้าร้อนไปหมดแล้วแต่ก็ไม่คิดจะละสายตาออกจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น

     

    สายตาคมจ้องมองใบหน้าหวานอย่างพินิจ ปกติจะเจอเซฮุนเวลาอยู่ที่คลับที่ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีเสียงหรือไม่ก็ตอนอยู่บนเตียงที่มีเพียงแค่แสงสว่างจากโคมไฟสีนวลเท่านั้น และคนที่เอาแต่มุดอยู่ในอ้อมอกแกร่งก็ไม่ยอมให้เขาได้มองหน้าเสียเท่าไหร่ พอตอนนี้ได้สบตาคู่สวยนานๆเขาถึงกับใจกระตุกวูบ

     

    เซฮุนเปลี่ยนท่านั่งหันมาหาเขาเต็มตัวพร้อมกับท้าวแขนไว้บนโต๊ะศีรษะเอนแนบไปกับเรียวแขนของตัวเองพรางจ้องเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้ ชั่วขณะหนึ่งหัวใจของชายหนุ่มเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเพราะท่าทางแบบนั้นจนต้องหลุบตาลงแทน เขาไม่เคยมองเซฮุนแบบนี้มาก่อน ไม่เคยสังเกตุเลยว่าลูกค้าที่เคยร่วมรักกันมาหลายครั้งจะ... น่ารักขนาดนี้

     

    "กำลังจะไปไหนหรอ" เพิ่งเคยเห็นชายหนุ่มผิวแทนในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สบายๆแบบนี้เป็นครั้งแรก มันส่งให้ไคดูดีไปอีกแบบ ดูเป็นเด็กหนุ่มวัยทะเล้นมากกว่าชายหนุ่มผู้ร้อนแรง... แต่ไม่ว่าจะแบบไหนเซฮุนก็ชอบทั้งหมดนั่นแหละ

     

    "เดี๋ยวจะไปคลับแล้วล่ะครับ"

     

    "เพิ่งจะ 6 โมงเอง อยู่ด้วยกันก่อนสิ"

     

    "..."

     

    "ถ้ามันเข้าเวลางานของนายแล้ว ฉันจ่ายให้ก็ได้ ค่าจ้างที่นายต้องได้คืนนี้น่ะ" ริมฝีปากสีชมพูอิ่มยื่นเหมือนปากเป็ด ชายหนุ่มมองพรางยกยิ้มเล็กน้อย เขารู้ดีว่านี่คือท่าทางที่พร้อมจะงอแงได้ทุกเมื่อหากถูกขัดใจ

     

    "คุณอายุเท่าไหร่แล้ว" หัวเราะให้กับคนตัวบางเบาๆ ก่อนจะเกลี่ยปลายจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    "ก็เยอะกว่านายหลายปีอยู่... เดาเอานะ" คิ้วหนาข้างหนึ่งยกสูงขึ้นราวกับแปลกใจ เซฮุนควรคิดเข้าข้างตัวเองมั้ยนะว่าเขาหน้าเด็กจนใครๆก็เข้าใจผิด ทั้งๆที่อีก 3 ปีก็จะเข้าเลขสามแล้วแท้ๆ "ขอบคุณครับ" ร่างบางส่งยิ้มให้พนักงานที่เอาวาฟเฟิลมาเสิร์ฟหลังจากสั่งไปสักพักแล้ว

     

    "ถามจริง?" เห็นว่าพนักงานคนนั้นเดินออกไปแล้วก็หันมาถามคนข้างๆอีกครั้ง ตอนแรกที่พูดไปเขาต้องการจะสื่อว่าทำตัวเป็นเด็กๆ แต่ตอนนี้เขาชักอยากรู้ขึ้นมาซะแล้วสิ

     

    "ฉันอายุ 27" เอ่ยพรางตัดวาฟเฟิลชิ้นขนาดพอดีคำ "และถ้าให้เดา นายคงกำลังเรียนมหา'ลัยอยู่แน่ๆ" ร่างหนาอึ้งเล็กน้อยเพราะเซฮุนดูเด็กกว่าอายุจริงมาก บ่งบอกได้เลยว่าอีกคนดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไหนจะเดาถูกอีกว่าเขากำลังเรียนมหา'ลัยอยู่

     

    ตักวาฟเฟิลยื่นไปตรงหน้าอีกคนด้วยรอยยิ้ม ไคมองเขาแต่ก็ไม่ยอมกินซักทีจนต้องพยักหน้าเป็นการกระตุ้นว่ากินเข้าไปซะ จากนั้นชายหนุ่มถึงยอมอ้าปากรับขนมหวานที่ป้อนให้

     

    "ทำไมถึงมาเป็นโฮสต์ล่ะ" จะมีคนซักกี่ประเภทกันที่เลือกมาทำงานแบบนี้ นอกจากคนที่รักสนุกและเห็นว่าค่าตอบแทนสูง ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็เซฮุนอยากจะถามเหลือเกินว่าต้องการเงินเท่าไหร่ เขาจะเขียนเช็คให้เดี๋ยวนั้นแล้วให้ไคไปลาออกกับแบคฮยอนซะเลย นึกแล้วก็อยากจะขำขึ้นมาอีกแล้ว นอกจากจะหวงโฮสต์คนนี้แล้วเขาอยากให้จงอินเลิกทำงานนี้... นั่นมันไม่ใช่ตัวเขาเลย แต่ยังมีอะไรที่ดีและเหมาะกับไคมากกว่านี้ในสายตาเขา

     

    "ผมไม่ได้อยากจะเป็นแต่..."

     

    "ร้อนเงินหรอ?"

     

    ไคชะงักเล็กน้อยกับคำถามตรงๆที่ส่งมา สุดท้ายก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เขาไม่ชอบสายตาเห็นใจหรือสงสารที่เซฮุนกำลังมองมาแบบนั้นเลย มันเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเขาจนตรอกขนาดนั้นเลยหรือ มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการมาเป็นโฮสต์ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เสียใจที่สุดจะต้องเป็นคนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแน่ๆ หากรู้ว่าเขาตัดสินใจแบบนี้

     

    "เลิกเป็นได้ไหม..." นอกจากเสียงผู้คนในร้านพูดคุยกัน นอกจากเสียงแอร์ที่ดังหึ่งๆอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นเสียงหัวใจของคนที่เหนื่อยล้าอย่างคิมจงอินที่เต้นดังขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แววตาเว้าวอนมาพร้อมกับมือบางที่เลื่อนมากุมมือเขาเอาไว้เป็นดั่งพลังและแม่เหล็กบางอย่าง

     

    ชายหนุ่มก้มลงแนบหน้าผากตัวเองลงกับไหล่คนข้างกายอย่างไม่เกรงกลัวสายตาคนในร้าน สัมผัสแผ่วเบาลูบไล้แผ่นหลังของเขาขึ้นลงช้าๆอยู่อย่างนั้นราวกลับกำลังปลอบประโลม และดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย ร่างหนารู้สึกเหมือนมือข้างนั้นดูดเอาความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจออกไปจนหมด หลับตาลงรับสัมผัสพรางสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตัวบางอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในเมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กันขนาดนี้คงไม่แปลกที่จะได้กลิ่นกายหอมเป็นเอกลักษณ์ของเซฮุน

     

    เชื่อเถอะว่ามันทำให้เขาผ่อนคลายมากจริงๆ

     

    "...ตอนนี้ผมยังเลิกไม่ได้ แต่ถ้าเงินที่ผมต้องการครบเมื่อไหร่ตอนนั้นคุณคงไม่ได้เจอผมที่คลับอีก"

     

    "นายต้องการเท่าไหร่ ฉันจะให้นายเอง" ร่างหนาผละออกจากไหล่บาง ใบหน้าหวานดูมุ่งมั่นและจริงจังกับคำพูด เซฮุนจะให้เงินเท่าที่เขาต้องการเพียงเพราะต้องการให้เลิกเป็นโฮสต์อย่างนั้นเหรอ "ไม่ต้องบริการใคร ไม่ต้องนั่งฟังคนมาปรับทุกข์ ไม่ต้องแก้ปัญหาให้คนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ไม่ต้องรับลูกค้าไม่ว่าใครทั้งนั้น"

     

    "เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทั้งๆที่คุณเห็นพวกโฮสต์เป็นแค่ของเล่น แต่ทำไมกับผม.."

     

    คำพูดที่เปล่งออกไปด้วยความสงสัยขาดห้วงหลังจากริมฝีปากบางเข้ามาฉกฉวยเอาไป ริมฝีปากหนาถูกขบเม้มแรงๆราวกับเป็นการทำโทษและให้เขาหยุดพูดเสียที แต่ทำอย่างนั้นได้ไม่นานโฮสต์หนุ่มก็ผละตัวออกไป

     

    หันมองรอบๆร้านพวกเขาไม่ได้เป็นที่สนใจอย่างที่กังวลก็ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย ใครเค้าสั่งสอนให้เข้ามาจูบในร้านคาเฟ่แบบนี้กัน ถึงตรงนี้จะเป็นมุมอับแต่ก็เป็นที่สาธารณะ ชายหนุ่มต้องห้ามใจขนาดไหนกว่าจะผละออกมาจากความหอมหวานตรงหน้าได้

     

    เซฮุนรอบถอนหายใจก่อนจะช้อนสายตามองคนที่ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานาน ความรู้สึกเหมือนเด็กสาวกำลังมีความรักหรืออะไรแบบนั้นไม่ได้เกิดกับเขานานมากแล้ว

     

    ใช่ที่เขาเห็นโฮสต์ทุกคนเป็นแค่ของเล่น แต่ไคคือข้อยกเว้น...

     

    "ฉันไม่อยากให้นายเป็นโฮสต์ ฉันหวง.. แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นนายเป็นของเล่นได้เลย"

     

     

     

     

     

    X

     

     

     

     

    1 สัปดาห์แล้วที่เซฮุนไม่ได้เจอโฮสต์หนุ่มคนนั้น 3 วันก่อนเขาเข้าไปหาแบคฮยอนที่คลับแล้วถามถึงไคว่ายังมาทำงานอยู่หรือเปล่า แน่นอนว่ามันสร้างความประหลาดใจให้เพื่อนตัวเล็กอยู่ไม่น้อยที่ถามแบบนั้น  เพราะไคไม่ได้มาที่คลับหลายวันแล้ว ถ้าจะให้นับก็คงตั้งแต่วันที่เจอกับเขาล่าสุดที่คาเฟ่ เซฮุนโล่งใจไม่น้อยหากมันเป็นสัญญาณว่าไคจะเลิกเป็นโฮสต์จริงๆ หลังจากที่เขาให้เช็คเป็นจำนวนหลายวอน โดยที่เขาไม่ได้ใช้บริการไคในฐานะโฮสต์กับลูกค้าแต่อย่างใด

     

    ร่างบางไม่ได้ต้องการอะไรจากไคเลย นอกจากให้เขาเลิกทำงานนี้ก็เท่านั้น

     

    “แกต้องรู้อะไรแน่ๆ”

     

    “รู้อะไรที่ว่า... มันอะไรล่ะ” ตีหน้ามึนถามกลับไปจนแบคฮยอนแยกเขี้ยวใส่ ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าแบคฮยอนมาหาเขาถึงที่บริษัทเป็นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องไค ยอมรับว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกโล่งใจที่ไคไม่โผล่ไปที่คลับเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวลาออกแล้วเสียเมื่อไหร่

     

    แต่ดูเหมือนวันนี้จะได้ข่าวดีนะ..

     

    “เรื่องที่ไคมาลาออกกับฉันน่ะสิ” เอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อย เซฮุนไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ได้จนต้องอาศัยแก้วเซรามิกเนื้อดีเป็นตัวช่วยบดบัง “หรือว่าจะมีปัญหาสุขภาพนะ?”

     

    “หมายความว่าไง?” รอยยิ้มเมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สีหน้าของเซฮุนเป็นกังวลจนปิดไม่มิด

     

    “เมื่อวานฉันไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาล แล้วเห็นไคอยู่ที่นั่นน่ะสิ”

     

    “เขาอาจจะไปเยี่ยมญาติเหมือนแกก็ได้” เซฮุนไม่อยากจะคิดไปในแง่ลบเลย ชายหนุ่มที่มีรูปร่างดีแถมยังดูแข็งแรงแบบนั้นจะมีปัญหาสุขภาพอย่างนั้นเหรอ บ้าน่า..

     

    “แต่สีหน้าเขาดูไม่ดีเลยนะ คงไม่ได้... ติดโรคจากลูกค้าหรอกนะ ฉันกำชับตลอดนี่ว่าต้องป้องกะ.. ”

     

    “จะบ้าหรือไงแบคฮยอน!!” คนถูกตะคอกใส่ชะงักกึก

     

    นี่มันอะไรกัน? ดูเหมือนว่าช่วงนี้เซฮุนจะทำอะไรให้แบคฮยอนแปลกใจได้อยู่เสมอ เพื่อนคนนี้กำลังโกรธที่เขากำลังพูดถึงโฮสต์ในทางไม่ดีอย่างนั้นหรือ คนที่ไม่เคยจะแยแสคนพวกนั้นว่าเป็นตายร้ายดียังไง ทั้งยังพูดคุยกับเขาเสียสนุกปากว่าพวกนี้จะต้องเป็นโรคที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันร่วมหลับนอนด้วย แต่เซฮุนกำลังโกรธแม้เขาจะพูดเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังว่าไคจะติดโรคจริงๆ ไคที่เป็นโฮสต์หนุ่มคนนั้นน่ะ...

     

    “ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างแกจะ.. กลืนน้ำลายตัวเอง"

     

    "จะตอกย้ำหรือเยาะเย้ยอะไรฉันไม่สนหรอก แต่ตอนนี้บอกมาว่าแกเจอไคที่โรงพยาบาลอะไร"

     

     

     

     

    .

    .

     

    "แกจะหาทั่วทั้งโรงพยาบาลเลยหรือไง วันนี้เขาอาจจะไม่เข้ามาก็ได้" แบคฮยอนรั้งแขนเพื่อนที่เดินวนไปมาด้วยความว้าวุ่นเต็มหัวใจ เพื่อนตัวเล็กบอกว่าเจอไคแถวนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็แค่บังเอิญ ใช่ว่าไคจะเดินผ่านตรงนี้ทุกครั้ง ทั้งๆที่โรงพยาบาลก็กว้างใหญ่ และที่สำคัญ วันนี้ ตอนนี้ไคจะมาที่นี่หรือเปล่าก็ไม่รู้

     

    "ฉันโทรไปหลายสายแล้วเขาไม่รับเลย หรือว่าจะเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆนะ"

     

    "ใจเย็นๆนะ เราลองไปถามที่เคาท์เตอร์ดูเถอะ เผื่อจะรู้อะไรบ้าง"

     

    "แล้วแกรู้ชื่อจริงไคหรือเปล่าล่ะ" ถามออกไปอย่างไร้ความหวังว่าจะได้คำตอบ เซฮุนรู้อยู่แล้วว่าแบคฮยอนรับสมัครปากเปล่า ไม่มีการกรอกเอกสารประวัติใดๆ เพราะหมอนั่นถือว่ามันเพื่อความสบายใจหากคนที่สมัครเป็นโฮสต์ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูล ในทางธุรกิจแล้วมันไม่แฟร์เลยเพราะจะโดนโกงได้ง่ายๆ

     

    "ถามจริง แกเป็นคนบอกให้ไคลาออกใช่มั้ย?" เสียงครางอือตอบรับในลำคอกับท่าทางเป็นกังวลตลอดเวลานั่นแบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลย "เอากันจนเกิดเป็นความรักมันมีอยู่จริงหรอวะ"

     

    ประโยคลอยๆที่ดูเหมือนจะเป็นคำถามแต่ทว่าแบคฮยอนไม่ได้ต้องการคำตอบ เพราะสีหน้าท่าทางของเซฮุนเป็นคำตอบทุกอย่างแล้วว่ามันเกิดขึ้นได้จริง

     

    "แกชอบไคจริงๆหรอ"

     

    เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น อย่าว่าแต่แบคฮยอนเลย ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าความรู้สึกที่มีให้ไคจะมากมายขนาดนี้ มันเริ่มจากความสัมพันธ์ฉาบฉวย ถึงกระนั้นเขากลับตราตรึงในสัมผัสอ่อนโยนและร้อนแรงในคราเดียวกัน มันเป็นดั่งวังวนที่กักขังเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ เขามีสติและรู้ทุกอย่างว่ากำลังหลงระเริงจนเหมือนจะหน้ามืดตามัว

     

    เซฮุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไคคิดยังไงกับเขา อาจจะเห็นเขาเป็นเพียงแค่ลูกค้าที่เต็มไปด้วยตัณหา ความต้องการจะได้เพียงร่างกายของอีกคน ซึ่งมันไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะไม่ว่าจะร่างกายหรือหัวใจ เซฮุนก็อยากครอบครองมันทั้งหมด ถึงแม้จะไม่รู้ความรู้สึกอีกฝ่ายเลยก็ตาม..

     

    สิ่งที่ได้รับกลับมาคือไคยอมลาออกจริงๆ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำตามคำพูดของเขาก็ได้ในเมื่อเงินก็ได้ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เซฮุนรู้สึกขอบคุณจากใจ

     

    "กลับกันเถอะ ไว้ค่อยติดต่อไควันหลังก็ได้"

     

     

     

     

     

    X

     

     

     

     

     

     มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูด แนวกระดูกนูนขึ้นชัดเจนทั้งยังสั่นไปหมด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองทะลุกระจกใสไปยังผู้ป่วยโรคหัวใจซึ่งนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง เครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆที่เขาไม่รู้จักระโยงระยางเต็มไปหมด หน้าจอมอนิเตอร์แสดงเส้นกราฟฟิกที่เคลื่อนที่เหมือนคลื่นความถี่หยักขึ้นลงเป็นตัวบ่งบอกถึงอัตราการเต้นของหัวใจ... ซึ่งมันอ่อนลงทุกที

     

    ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองแข็งแรงที่สุดในตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนต่อ เขาทิ้งตัวลงให้แผ่นหลังไถลไปกับกำแพงเย็นเฉียบ ชายวัยกลางคนที่อยู่ในห้องปลอดเชื้อด้วยอาการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายคือพ่อของเขาเอง พ่อไม่เคยบอกว่าตัวเองป่วยหนัก ไม่เคยแสดงอาการเจ็บปวดออกมาให้ลูกเห็น

     

    จนกระทั่งวันนั้นที่จงอินได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตกในห้องนอนของพ่อ วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปและภาพที่ได้เห็นทำให้ชายหนุ่มช็อคจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบวิ่งเข้าไปประคองร่างทุรนทุรายของพ่อ มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นยามลูบหัวลูกชายคนนี้กำลังกอบกุมอกข้างซ้ายของตนเองด้วยความเจ็บปวดทรมานจนแทบทนไม่ไหว ตลอดทางที่พาพ่อมาส่งโรงพยาบาลจงอินแทบไม่มีสติเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ภาวนาให้พ่อปลอดภัยและอยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ เขายังไม่ได้ทำอะไรให้พ่อได้ภูมิใจเลย

     

    "หมอบอกว่าถ้าไม่รีบผ่าตัด พ่ออาจจะ.." จงอินเงยหน้ามองหญิงสาวที่ค่อยๆประคองตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้เพราะท้องโย้ใกล้คลอดเต็มที ใบหน้าของเธอเศร้าสร้อยจนจงอินต้องเอื้อมไปคว้ามือที่ประสานกันแน่นอยู่บนตักมากุมเอาไว้

     

    คิมราจินพี่สาวแท้ๆของเขา คนที่ควรมีความสุขที่สุดในตอนนี้เพราะเธอกำลังจะได้เห็นหน้าลูกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ทว่าอาการของพ่อที่น่าเป็นห่วงไม่ได้ทำให้เธอมีจิตใจที่สงบได้เลย

     

    "นี่เรากำลังรออะไร เรารอคนบริจาคหัวใจหรือไอ้โรงพยาบาลไร้จรรยาบรรณรอเงินจากเรากันแน่" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

    "จงอิน ค่ารักษามันแพงมากเราจะหาเงินมาจากไหน" มือเรียวสวยกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น จงอินรู้ว่าเธอเครียด อย่าว่าแต่ค่าผ่าตัดเลย แค่นอนอยู่ในห้องนั้นไปวันๆก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายตั้งเท่าไหร่ คนๆนึงจะต้องถูกตัดสินชีวิตว่าควรจะอยู่หรือตายด้วยเงินงั้นหรือ เขาจะไม่โกรธเคืองหากพ่อได้รับการผ่าตัดแล้วแต่ท่านไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดไหวแล้วจากไป แต่มันไม่แฟร์หากท่านต้องไปเพราะไม่ได้รับการรักษาด้วยกระดาษที่คนจนๆอย่างพวกเขาไม่มีให้ก็คือเงิน

     

    "ผมมีเงินทั้งหมดเท่านี้" ราจินมองสมุดเล่มเล็ก ตัวหนังสือนั้นบ่งบอกถึงจำนวนเงินที่เข้าออกในสมุดบัญชี และยอดเงินคงเหลือในช่องสุดท้ายทำให้เธอเบิกตากว้างเพราะมันเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว "มันมากพอที่จะจ่ายค่าผ่าตัดได้หรือยัง"

     

    "จ..จงอิน ไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาได้ยังไง คงไม่ได้ไปค้ายาอะไรแบบนั้นหรอกใช่มั้ย"

     

    "ผมไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก พี่.. ขอร้องล่ะ ทำเรื่องกับโรงพยาบาลให้เตรียมผ่าตัดพ่อเถอะนะ"

     

    "แกไม่ได้ไปกู้เงินมาใช่มั้ย บอกพี่สิจงอิน!"

     

    "ทำไมพี่ถึงได้เอาแต่สนใจเรื่องเงินอยู่ได้ คนนั้นไม่ใช่หรอที่พี่ควรจะสน" ปลายนิ้วชี้ไปยังผู้ให้กำเนิด จงอินกำลังอดกลั้นไม่ให้ตะคอกเสียงใส่พี่สาว ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังท้องและจิตใจไม่ดีอยู่แล้ว มันจะส่งผลกระทบถึงเด็กได้

     

    แต่ถึงแม้เขาจะเป็นห่วงมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาคำตอบดีๆมาบอกเธอได้ว่าเงินพวกนี้ได้มาอย่างไร หัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อสายตาที่มองมาเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง จงอินทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง คุกเข่าต่อหน้าพี่สาวของตนพร้อมกับกุมมือของเธอเอาไว้แน่น

     

    "ผมขอร้อง พี่ไม่ต้องสนใจได้มั้ยว่าผมได้เงินมายังไง พี่จะปล่อยให้พ่อตายอย่างนั้นหรอ? ขอร้องล่ะ"

     

    น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาไม่ขาดสาย ราจินเอื้อมมือไปลูบผมน้องชายซึ่งดูเหนื่อยล้าและซูบผอมเสียเหลือเกิน จงอินรักพ่อมากและเธอก็เช่นกัน เพราะพ่อรู้ดีว่าครอบครัวเราไม่มีเงินพอที่จะรักษาได้ท่านถึงไม่ยอมบอกลูกๆ นอกจากเงินแล้วก็รู้ตัวของตัวเองดีว่ายากที่จะกลับมาเป็นปกติ ถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดแต่ความเสี่ยงที่จะรอดน้อยเกิน ทุกวันได้แต่เฝ้าภาวนาให้ตนจากไปอย่างสงบอย่าได้เป็นภาระของลูก แต่พระเจ้าไม่สนใจคำภาวนานั้นชายวัยกลางคนถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะไม่มีสติรับรู้ถึงลำบากของลูกๆที่ต้องหาเงินมารักษาเพื่อยื้อเวลาของตนเอาไว้ก็ตาม

     

     

     

     

    .

    .

     

    ชั่งใจอยู่นานว่าควรเดินเข้าไปหาคนที่เขาเฝ้าตามหาดีหรือเปล่า ชายหนุ่มที่ดูโทรมกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน แม้จะแค่สัปดาห์เดียวแต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนั้น เจ้าของกายหนาเอนหลังพิงกำแพงด้วยท่าทีหมดหวัง หญิงสาวท้องโตใกล้คลอดเดินมานั่งบนเก้าอี้คนนั้นเกือบทำให้เซฮุนเข้าใจผิดว่าเธออาจมีความสัมพันธ์กับโฮสต์หนุ่มจนท้อง แต่เปล่าเลย...

     

    เหตุการณ์ต่อจากนั้นทำให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร

     

    เซฮุนอยากจะหนีออกไปตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา แต่โชคดีที่เขาไม่ใช่พวกยอมรับความจริงไม่ได้จึงยังอยู่ตรงนั้น และมันทำให้รู้ว่าสิ่งที่คิดมันผิด เธอเป็นพี่สาวของไค

     

    เขาไม่ชอบพวกสอดรู้แต่ตอนนี้กำลังแอบฟังสองพี่น้องคุยกัน บทสนทนาดูซีเรียสขึ้นเรื่อยๆ ขาเรียวชะงักงันเพราะเจ้าของตัดสินใจไม่ได้ว่าควรก้าวเข้าไปดีหรือไม่ แล้วเขาจะเข้าไปพูดอะไร?

     

    เพราะไคดูแตกต่างจากโฮสต์คนอื่นๆ แววตาที่แสดงออกมานั้นเจ้าเล่ห์และเปร่งประกาย แต่ทว่าหากมองลึกลงไปมันกลับเต็มไปด้วยความกังวล เซฮุนมองผ่านกระจกใสเข้าไป ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่สินะที่เป็นสาเหตุให้ไคตัดสินใจมาทำงานแบบนี้เพื่อให้ได้เงินเร็วๆ เงินที่ให้ไปครั้งสุดท้ายซึ่งเหมือนเป็นการจ้างให้ไคเลิกทำงานเป็นโฮสต์นั้นเขาไม่รู้สึกเสียดายเลย แม้เขาจะไม่ได้อะไร แต่หากมันช่วยให้ลูกชายคนนึงได้พ่อที่รักยิ่งกว่าตัวเองกลับมา มันก็คุ้มค่าที่จะเสียไป

     

    “ผมเป็นคนให้เงินนั้นกับไค...เอ่อ...จงอินเอง” ทำใจกล้าเดินเข้าไปหาพี่น้องทั้งสองคน เขาไม่สามารถทนมองไคนั่งร้องไห้อ้อนวอนพี่สาวแบบนั้นได้อีกต่อไป ใบหน้าคมที่บัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมามองเขา พี่สาวของจงอินก็เช่นกัน

     

    “คุณเป็นใคร /  คุณเซฮุน” ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เซฮุนเม้มปากแน่นตอนที่เธอหันไปมองน้องชายเป็นเชิงถามว่ารู้จักกันเหรอ

     

    “ผมโอเซฮุน เป็นรองประธานบริษัทจิวเวอร์รี่แห่งนี้น่ะครับ” เซฮุนยื่นนามบัตรของเขาให้ราจินดู หันไปมองชายหนุ่มปาดน้ำตาออกลวกๆพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาคมที่มองมาคงอัดแน่นไปด้วยความสงสัย แต่ไม่แปลกหรอกเพราะจงอินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย

     

    “อ..เอ่อ สวัสดีค่ะ” เธอทำท่าจะลุกขึ้นมาโค้งให้แต่เซฮุนยกมือห้ามไว้เสียก่อน “ทำไมคุณถึงให้เงินจงอินเยอะขนาดนี้”

     

    “คือ...เอ่อ...คือผมกำลังมองหาโมเดลลิ่ง แล้วเขาก็เข้าตาผมมาก ผมเลยจ้างเขามาเป็นนายแบบให้กับเราน่ะครับ” ชายหนุ่มตัวผอมรอบถอนหายใจพรางร้องขอฟ้าดินให้เธอเชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วย แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยที่หาโมเดลลิ่งผู้ชายไปเป็นนายแบบให้กับบริษัทจิวเวอร์รี่แบบนี้

     

    จงอินมองริมฝีปากอิ่มที่ถูกเจ้าของขบเม้มไว้แน่น ในหัวเขามีความคิดมากมายวิ่งวุ่นเต็มไปหมดจนไม่สามารถจัดระเบียบมันได้ว่าควรจะคิดเรื่องไหนหรือควรจะพูดอะไรก่อนหลัง ทำไมเซฮุนต้องโกหกเพื่อช่วยเขาปิดบังว่าเงินพวกนั้นมันมาจากการได้เป็นโมเดลลิ่ง ไม่ใช่เพราะทำงานเป็นโฮสต์

     

    “จริงเหรอจงอิน?” ราจินหันมาถามน้องชายเพื่อความแน่ใจ แวบหนึ่งที่เขาหันไปมองเซฮุนซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้เขาตอบรับไป จงอินไม่สบายใจเลยที่ต้องโกหกแต่ถ้าหากรู้ความจริงพี่สาวคงผิดหวังในตัวเขามากและไม่รับเงินนั้นแน่ๆ ซึ่งมันก็หมายความว่าพ่อของเขาจะไม่ได้รับการรักษา

     

    ในสถานการณ์แบบนี้ยังต้องห่วงเรื่องศีลธรรมอีกหรือ? จงอินคิดอย่างนั้น ไม่ว่าเงินนี่จะได้มายังไง แค่พ่อได้รักษาก็เพียงพอแล้ว

     

    “จริงครับ” คำโกหกคำโตเอ่ยออกไปอย่างหนักแน่น

     

     

     

     

    .

    .

     

    เซฮุนมองมือหนาที่ประสานกันแน่นอยู่บนตัก เขาเอื้อมไปกุมมือคู่นั้นไว้ราวกับต้องการส่งผ่านความห่วงใยให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จงอินเปลี่ยนมาสอดประสานนิ้วเรียวเข้าด้วยกันมันให้ความรู้สึกดีกว่าตอนกุมมือตัวเองเป็นไหนๆ

     

    “ขอโทษที่แอบฟัง” เซฮุนเอ่ยเสียงแผ่ว เห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง

     

    ตอนนี้พี่สาวของจงอินไปทำเรื่องผ่าตัดกับทางโรงพยาบาล ชายหนุ่มผิวแทนเอนตัวไปด้านหลัง ทิ้งน้ำหนักและความเหนื่อยล้าทั้งหมดให้พนักพิงเป็นที่รองรับ มองมือที่ประสานกันอยู่บนตักของเขาด้วยความคิดมากมาย มือของเซฮุนขาวจนมันดูตัดกับผิวของเขาที่ออกจะคล้ำกว่ายามที่เราจับมือกัน มือของเขาหยาบและเย็นจัด แต่ทว่ามือของเซฮุนนุ่มและส่งผ่านความอบอุ่นมาให้เขาจนมันกลับมาอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

     

    “ผมชื่อคิมจงอิน” เซฮุนหันมองคนข้างกายที่อยู่ๆก็เอ่ยแนะนำตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น จงอินไม่ได้หันมามองเขา และตัวร่างบางเองก็เงียบเพื่อรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ “มันตลกดีนะที่คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันดีด้วยซ้ำ”

     

    “...”

     

    “มีแต่ร่างกายของเราที่รู้จักกันอย่างลึกซึ้ง... ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณ และคุณก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผม”

     

    “จงอิน...”

     

    “ขอบคุณมากนะครับ ทั้งๆที่คุณไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้”

     

    “ถ้าในฐานะโฮสต์กับลูกค้า... ฉันก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้จนถึงตอนนี้หรอก” เซฮุนกลืนน้ำลายลงขออย่างยากลำบาก เขาเห็นว่าแววตาของจงอินดูหม่นลงจนน่าใจหายตอนที่เราหันมาสบตากัน

     

    “...”

     

    “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีความรู้สึกที่มีให้นายมันก็มากมายจนฉันยังไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ฉันบอกแล้วว่าไม่อยากให้นายเป็นโฮสต์เพราะฉันหวงนาย”

     

    “...”

     

    “และที่ฉันยังนั่งอยู่ตรงนี้... เพราะฉันเป็นห่วงนาย คิมจงอิน”

     













     

    TBC





     

     



     

    ยังไงต่อล่ะทีนี้ ฝากติดตามด้วยนะคะ
    ขอบคุณที่คอมเม้นต์มันคือกำลังใจให้เราจริงๆ
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ





    #โฮสต์ไคของฮุน




     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×