คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :: Lost love [3/3]
3
สันกรามนูนเด่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจ้าของขบฟันเข้าหากันจนเสียงดังกรอด
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะต้องมาเจอกับมารหัวใจเป็นครั้งที่สอง
แน่นอนว่าการเจอกันครั้งแรกไม่ใช่เรื่องที่น่าประทับใจนัก
จงอินยังจำคำพูดของจื่อเทาได้แม่นยำ เขาจะไม่โกรธเคืองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยหากคำพูดพวกนั้นไม่ได้ทำให้เซฮุนเสียหายและดูไม่ดีในสายตาคนฟัง
ต่อให้พูดจาถากถางขนาดไหนจงอินไม่เคยสนใจอยู่แล้ว แต่ประโยคที่ว่า...
‘มึงเองหรอที่คบกับเมียเก่ากูอยู่
จะว่าไปก็คิดถึงเหมือนกันนะ ตั้งแต่เลิกกันไปไม่มีใครยอมกูทุกอย่างเหมือนเซฮุนมาก่อนเลยว่ะ
ท่าทางจะรักกูมากคงยังลืมกูไม่ได้หรอกมั้ง... ใช่ไหม? มึงน่าจะรู้ดีนี่’
มือหนากำแน่นอย่างอดกลั้นกับคำพูดยั่วยุ
แต่ขีดจำกัดของจงอินไม่ได้มีมากขนาดนั้น
หมัดลุ่นๆถูกส่งไปกระแทกหน้าคนตรงหน้าอย่างแรงจนเสียหลัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเทาต้องการอะไรถึงได้มาพูดกับเขาแบบนี้
จงอินรู้ดีว่าคนตรงหน้ามีอิทธิพลต่อจิตใจของเซฮุนขนาดไหน
อารมณ์โทสะสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้
จงอินเหมือนคนบ้าที่พรุ่งเข้าหาคนที่มีสัดส่วนได้เปรียบเขาอยู่พอสมควร
เทาเก่งเรื่องต่อสู้และศิลปะป้องกันตัว ถึงอย่างนั้นร่างหนาก็ไม่มีคำว่ากลัวผุดขึ้นมาในหัวเลยแม้แต่น้อย
ยังไม่ทันได้เข้าถึงตัวร่างหนาก็ต้องเซถอยไปตามแรงดึงจากด้านหลัง
แขนทั้งสองข้างถูกชายชุดดำที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ตรึงเอาไว้
สงสัยได้ไม่นานคนที่เพิ่งถูกเขาต่อยไปก็หยัดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างคนเหนือกว่า
เทาถ่มน้ำลายปะปนไปด้วยเลือดลงพื้น เห็นอย่างนี้หมัดหนักใช่เล่นที่ไหน
เขาเดินเข้าหาคนผิวแทนก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าท้องจงอินเต็มแรง
เทายกยิ้มพอใจเมื่อคนตรงหน้าตัวงอเป็นกุ้งพร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาให้เห็น...
สะใจจริงๆ เทาเป็นพวกชอบเอาชนะและเลือดร้อน
ทนไม่ได้เลยที่เห็นคนที่เคยอยู่ในความควบคุมของเขากำลังไปรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
เซฮุนน่ะเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เขารู้ดีว่าเซฮุนรักเขาขนาดไหน
และเด็กนั่นจะต้องรู้สึกแบบนั้นตลอดไป ถ้าใครคิดจะเอาเซฮุนไปจากเขาแล้วล่ะก็...
อั่ก!
เสื้อยืดสีเข้มของจงอินเต็มไปด้วยร่องรอยฝุ่นจากรองเท้าแบรนด์หรู
นับครั้งไม่ถ้วนที่เขาโดนต่อยโดนถีบอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทางสู้
เรี่ยวแรงหมดไปกับการพยายามสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม
โหนกแก้มถูกแรงกระแทกซ้ำๆจนถลอกก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแผลแตก มุมปากก็ไม่ต่างกัน
จงอินถ่มน้ำลายใส่คนที่กำลังสะใจกับการได้อัดเขาจนน่วมเสียยิ่งกว่ากระสอบทราย
หึ...เทามึงมันก็แค่พวกหมาหมู่ หมาขี้แพ้เอ๊ย
ร่างหนาแสยะยิ้มพรางสบถด่าอีกฝ่ายในใจ
การอ้าปากพูดไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นักในเวลานี้
‘หมดเวลาของมึงแล้ว
กูมาทวงคนของกูคืน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีกก็เลิกกับเซฮุนซะ’
จงอินไม่เคยกลัวสิ่งใด
ทำไมเขาจะต้องทำตามคำขู่ไร้สาระของเด็กเมื่อวานซืนอย่างจื่อเทาด้วย
ต่อให้ต้องโดนกระทืบจนตายจงอินก็ไม่มีทางเลิกกับเซฮุนอย่างแน่นอน
แต่ทว่าสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง เพียงแค่สี่วันหลังจากที่เขามีเรื่องชกต่อยกับเทา
วันนั้น...วันที่เขากลับไปที่ห้องแล้วเห็นอาการกระวนกระวายของเด็กตัวผอม
คำพูดกำกวมพอจะจับใจความได้ว่าเซฮุนไปเจอกับเทามา
จงอินไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันไม่รู้ว่าเทาขู่อะไรเด็กนั่นหรือเปล่า
แต่มันได้ผล...
เซฮุนเลือกที่จะจากเขาไปในวันนั้น
“มีอะไรก็ว่ามา
กูไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมายืนมองเบ้าหน้ามึงนานๆหรอกนะ” จงอินเอ่ยอย่างเหลือทน
“หึ...
แผลมึงหายดีแล้วนี่” เรียวลิ้นดันกระพุ้งแก้มจนนูนขึ้นมา
เทาจะรู้ไหมว่าเขาต้องอดกลั้นขนาดไหน เพื่อที่จะไม่พาร่างของตัวเองพุ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่หน้าทะเล้นค่อนไปทางกวนตีนนั่นให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนคราวที่แล้ว
ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนเล่นไม่ซื่ออีก
แต่ตอนนี้เขาอยากกลับไปหาคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องเขามากกว่า “เซฮุนทิ้งมึงไปแล้วนี่
แต่แหมเล่นตัวชะมัด หลบหน้ากูเป็นเดือนๆ”
“กูไม่อยากจะพูดให้มึงอารมณ์เสียหรอกนะ
แต่ตอนนี้เซฮุนอยู่ห้องกู”
“มึง!!”
คนเลือดร้อนหมดความอดทนเพียงเพราะประโยคเชิงเย้ยหยันประโยคเดียว
เทาพุ่งเขามากระชากคอเสื้อร่างหนาอย่างแรง
ถึงกระนั้นใบหน้าหล่อเหลากลับประดับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่มีความหวาดกลัวแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“มึงคิดว่ามึงเป็นใครเหรอถึงได้ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเซฮุน
เด็กนั่นไม่ใช่ของๆใคร...” มือใหญ่นั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
หวั่นใจอยู่บ้างว่ามันอาจจะส่งมากระแทกหน้าเขาให้ได้เจ็บแสบสักครั้งสองครั้ง
“...เซฮุนไม่ใช่ของมึง จำใส่กะโหลกไว้”
ผลั่วะ!!
คิดผิดที่ไหน
จงอินหน้าหันไปตามแรงอัดอย่างแรง ร่างของเขาเซถลาลงไปกับพื้นเพราะถูกถีบซ้ำเข้าที่สะโพก
แรงกดทับตรงช่วงเอวทำให้เขาขยับตัวได้ยากลำบาก
ไม่ทันได้ตั้งตัวหมัดหนักๆก็ส่งมากระแทกหน้าเขาไม่ยั้ง
แต่ครั้งนี้จงอินไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
ใช้จังหวะที่เทากำลังง้างมือสวนหมัดกระแทกเข้าที่ปลายคางเต็มแรง
ได้โอกาสก็รีบพลิกคร่อมร่างอีกคนเอาไว้ เขาอาจจะไม่รู้วิธีต่อสู้ที่ถูกต้อง
ไม่รู้วิธีป้องกันตัว แต่จงอินได้ชื่อว่าเป็นพวกรวดเร็วและหมัดหนัก
เขาเหมือนคนบ้าครั่งที่เอาแต่ต่อยจุดเดิมซ้ำๆบนใบหน้านั้น
แก้มกร้านแตกเป็นรอยแผลจนเลือดไหลซิบ ไม่ต่างจากหลังมือของจงอินที่ทั้งเจ็บและมีรอยถลอก
“ได้สติซักทีเถอะน่า
เซฮุนไม่ได้รักมึงแล้ว” จงอินผละตัวลุกออกมา เขาอยากจะอัดเทาให้หนักกว่านี้
ให้เท่ากับที่ทำเขาไว้คราวที่แล้ว และมากไปกว่านั้น
เขาอยากทำให้เทาเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำให้เซฮุนเสียใจ แต่ต่อยไปก็เท่านั้น แผลภายนอกรักษาไม่นานก็หาย
จงอินอยากให้เทาเจ็บปวดใจ... ให้ทรมานจนแทบทนไม่ไหว
“ให้ตายยังไงมึงก็ไม่มีวันได้เซฮุนคนเดิมคืนไปหรอก เพราะอะไรรู้ไหมเทา...”
“...”
“เพราะมึงทำให้คนที่เคยรักมึงจนหมดหัวใจต้องเจ็บช้ำไง”
จงอินบีบแก้มของคนที่นอนสติเหลือน้อยเต็มทีให้หันมามองหน้า “ไม่ต้องห่วงนะ
กูจะดูแลหัวใจที่บอบช้ำนั้นเอง ส่วนคนอย่างมึงน่ะ...อย่าโผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก”
จงอินหันหลังแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
เขาสะบัดมือไล่ความเจ็บปวดออกไป แต่ก็เท่านั้น...มือเขาเป็นแผลถลอกและเลือดไหลซิบ
อัดหน้ามันไปได้แค่สิบครั้งเองมั้ง แต่นั่นก็คงเพียงพอให้คนที่โดนกระทบกระเทือนจุดเดิมซ้ำๆเบลอจนเดินไม่ตรงได้แล้ว
ไม่เข้าใจหรอ...เคยโดนลูกฟุตบอลกลมๆกระแทกหน้าไหมล่ะ?
โดนหมัดหนักๆไปหลายครั้งก็คงหนักหนากว่าพอสมควร
ทำไมจงอินจะไม่รู้ว่าความรู้สึกพวกนั้นมันเป็นยังไง ถูกกระทืบปางตายก็เคยมาแล้ว
โดนต่อยแค่นั้นเดี๋ยวก็ลุกมาหาทางกลับบ้านได้เองนั่นแหละ
นึกขอบคุณจื่อเทาที่ไม่พาลูกสมุนหน้าโง่พวกนั้นมาล็อกตัวเขาไว้จนไม่มีทางสู้อีก
ครั้งนี้ถือว่าเขาชนะ
เรื่องดีอีกเรื่องคือ
ตลอดหนึ่งเดือนที่ห่างกันเซฮุนไม่ได้กลับไปหาไอ้เวรนั่นอย่างที่จงอินกังวลมาตลอด...
X
เวลาเที่ยงคืนเห็นจะได้ที่ร่างหนากลับมาถึงคอนโดของตัวเอง
ไฟในห้องนั่งเล่นยังสว่างจ้าแต่ไม่พบร่องรอยของผู้อยู่อาศัยอีกคนเลย
บางทีเซฮุนอาจจะกลับห้องของตัวเองไปแล้วเพราะอยู่ถัดไปเพียงห้องเดียวเอง
แต่ทว่าแสงสลัวที่รอดผ่านออกมาจากห้องนอนเหมือนเป็นความหวังเล็กๆ ว่าเซฮุนยังอยู่และไม่ได้หนีเขาไปไหน
ค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้าไปก็พบร่างผอมบางนอนคุ้ดคู้อยู่บนเตียง
เดินเข้าไปใกล้ก็ต้องแปลกใจอยู่ไม่น้อย
ที่เห็นเจ้าหมีบราวน์อยู่ในอ้อมกอดของเซฮุนแทนที่จะอยู่ในกล่อง
สร้อยเงินที่คล้องอยู่บนลำคอระหงส์เป็นสิ่งชี้ชัด ว่าเซฮุนคงไปเจอกล่องใบนั้นในตู้เสื้อผ้าของเขา
"นี่รื้อห้องกันหรือไง"
จงอินระบายยิ้มอ่อนโยน
เขาดีใจที่เซฮุนเลือกที่จะรับเกียร์ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของเขาเอาไว้
ทั้งๆที่เด็กตัวผอมก็คงรู้อยู่แล้วว่าใจของเขาอยู่ที่เซฮุนตั้งนานแล้ว
หรือเด็กนี่แค่คิดว่า 'ต้องเก็บไว้สิ เกียร์เชียวนะ'
ชายหนุ่มหัวเราะพรางส่ายหัวให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง
เอื้อมมือไปเกลี่ยผมหน้าม้าของคนที่นอนหลับปุ๋ยด้วยความเอ็นดู
เซฮุนดูน่ารักอยู่แล้ว แต่เด็กนี่น่ารักเข้าไปอีกยามที่ใส่เสื้อผ้าของเขา
อย่างเช่นตอนนี้... ถึงแม้ว่าพวกเราจะตัวเท่าๆกันแต่เพราะเซฮุนตัวผอมบางกว่า
เวลาใส่เสื้อของเขามันถึงได้ดูหลวมโคล่งแบบนี้
"อือ~"
คนถูกก่อกวนครางฮือในลำคอก่อนจะขยับตัวเล็กน้อย
จงอินทิ้งตัวลงนอนข้างๆเป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กตัวผอมขยับเข้ามาอยู่ในอ้อมอกแกร่งอย่างพอดิบพอดี
กลิ่นหอมอ่อนๆจากเซฮุนคือกลิ่นสบู่ที่เขาใช้ประจำไม่ผิดแน่
จงอินสะกดกลั้นตัวเองอย่างหนักไม่ให้ฟัดคนกำลังหลับแรงๆสักทีสองที
กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเบียดตัวเข้าหาราวกับต้องการความอบอุ่น
เห็นดวงตาคู่สวยที่เขาหลงใหลบวมช้ำแล้วก็รู้สึกปวดใจ
ไม่ชอบเลยเวลาเห็นเซฮุนร้องไห้
เมื่อวานเขาแทบใจสลายตอนที่เซฮุนยื่นมือเย็นเฉียบมาโอบใบหน้าเขาเอาไว้ด้วยความโหยหา
น้ำตาที่ปะปนไปกับน้ำฝนนั้นไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเขาหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะ...
ว่าจงอินรู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หากต้นเหตุที่ทำให้เซฮุนต้องร้องไห้คือเขา มันจะไม่มีอีกแล้ว
คิมจงอินคนนี้จะไม่ทำให้โอเซฮุนต้องเสียน้ำตาอีก
มือบางยกขึ้นมาปิดหน้าเมื่อแสงจากภายนอกกระทบลงมาบนเปลือกตา
ขยี้ตาอย่างที่ชอบทำในทุกๆเช้าแต่ก็ต้องชะงักมือเพราะความเจ็บที่แล่นปราบไปทั่วรอบๆดวงตา
มันยังบวมช้ำจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เซฮุนขยับตัวพร้อมกับดันผ้าห่มที่โอบรอบกายเขาจนอึดอัดให้ออกไป
“อยู่เฉยๆดิ
เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก”
เปลือกตาหนักอึ้งที่ยังไม่ลืมขึ้นมารับแสงอรุณเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อสายตาโฟกัสภาพตรงหน้าชัดเจน
ลำคอแกร่งสีแทนนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ใบหน้าของเขายังซบอยู่ที่ไหล่กว้างอยู่เลย
ร่างกายของเซฮุนเหมือนถูกแช่แข็ง
เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองว่าเจ้าของกายหนาที่เขานอนอิงแอบอยู่ใช่คนที่โหยหามาตลอดหรือเปล่า
หัวใจกระตุกวูบ
เด็กหนุ่มหลับตาลงเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาบนเปลือกตาบวมช้ำของตัวเอง ซึมซับความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดตาขึ้นอีกครั้ง
เซฮุนรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของใบหน้าคมคายที่เขาหลงรัก
จงอิน...เป็นจงอินจริงๆด้วย
มือที่สั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปข้างหน้า
จนคนที่นอนมองอยู่นานแล้วทนไม่ไหว จงอินจับมือข้างนั้นมาแนบแก้มกร้านเอาไว้พร้อมกับมือของตัวเองที่ทาบลงไป
เซฮุนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรในเวลาแบบนี้ ไม่รู้เลย...
เขากำลังดีใจที่จงอินกลับมาอยู่ตรงนี้ข้างๆเขา
ถึงอย่างนั้นความกลัวก็ยังไม่จางหายไปไหน กลัว...จะไม่ได้สัมผัสคนตรงหน้าอีก
โหนกแก้มและมุมปากมีรอยแผลอีกแล้ว
มือข้างที่สอดประสานกันอยู่ก็มีรอยถลอกไม่ต่างกัน
คงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดหรอกใช่ไหม?
“จงอิน...”
สายตาคมหากได้มองใครผู้นั้นจะต้องรู้สึกเหมือนถูกหลอมเหลวจนอยากละลายหายไปกับธาตุอากาศ
เซฮุนกำลังรู้สึกอย่างนั้น เขากลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก ไม่...เขาจะไม่ร้องไห้อีก
จงอินคงไม่ชอบใจแน่ที่เห็นเขาร้องไห้บ่อยๆ
“จะไปไหน”
วงแขนแกร่งรั้งเอวบางคอดเอาไว้เมื่อคนในอ้อมกอดทำท่าจะลุกออกไปไหน
เซฮุนวางมือลงบนท่อนแขนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างใจหาย
จงอินกอดเขาแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปอีก
“ผมจะไปเอากล่องพยาบาลมาทำแผลให้คุณ”
“กูไม่อยากทำแผลตอนนี้”
อ้อมกอดอบอุ่นกระชับให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
แล้วเซฮุนจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากทิ้งตัวลงนอนดังเดิม พร้อมกับฝังใบหน้าลงไปกับแผงอกแกร่งอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
เสียงหัวใจที่เต้นดังอยู่ข้างหูช่างชัดเจน จงอินจะรู้สึกถึงแรงบีบของหัวใจเขาที่มันเต้นระรัวไม่ต่างกันบ้างไหม?
“จงอิน...
ผมคิดถึงคุณ” น้ำเสียงแผ่วเบาอู้อี้อยู่ในอก ทว่ามันกลับดังก้องไปทั่วทั้งหัวใจ
ความอดทนกำลังจะหมดลงเพราะคำพูดน่ารักเพียงประโยคเดียว
เซฮุนจะรู้ไหมว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน เมื่อคืนที่กลับมาถึงห้องอยากกอดอยากจูบจะแย่
แต่ก็ต้องเลิกคิดเพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนของเด็กตัวผอม แล้วดูสิ
ใครให้มาพูดจาแบบนี้ใส่เขากัน
เชยคางมนขึ้นมารับจูบแผ่วเบาด้วยความหมั่นเขี้ยว
แต่เซฮุนร้ายกาจกว่าที่คิด
วงแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งพร้อมกับรั้งเอาไว้ไม่ให้ผละออกไป
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนไล่ขบเม้มปากล่างของเขาอย่างเอาแต่ใจ
แล้วมีหรือที่คนอย่างคิมจงอินจะปล่อยให้อีกคนเล่นสนุกอยู่ฝ่ายเดียว
ลิ้นเรียวไล้ไปตามริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่เขาหลงใหล
ก่อนจะสอดแทรกเข้าไปช่วงชิงความหอมหวานภายในให้สมกับความคิดถึงที่มีจนล้นอก
ใบหน้าหวานเอียงปรับองศาเพื่อดูดกลืนลิ้นร้อนได้ถนัดยิ่งขึ้นสร้างความพึงพอใจให้ร่างหนาอยู่ไม่น้อย
ความอัดอั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาถูกถ่ายทอดผ่านจูบแสนอ่อนโยนสลับกับเร่าร้อนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักพอ
“อื้อ
~ “
เสียงครางประท้วงในลำคอนั้นไม่ได้เรียกความสนใจของจงอินได้มากไปกว่าใบหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของเขาเลยซักนิด
เซฮุนลืมตามองใบหน้าคมที่ผละริมฝีปากออกไปให้เขาได้หายใจ
ทำแบบนั้นได้ไม่กี่วินาทีเท่านั้นคนเจ้าเล่ห์ก็ก้มลงมาช่วงชิงลมหายใจเขาไปอีกครั้ง
เรียวลิ้นที่สัมผัสกันไปมาพาเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว
เซฮุนกำลังทรมานเพราะจูบร้อนแรงที่จงอินมอบให้
อีกทั้งมือหยาบกร้านที่ผลุบหายเข้าไปในเสื้อตอนไหนก็ไม่รู้
ทุกครั้งที่มือข้างนั้นลูบผ่านไปจุดไหนร่างกายรังแต่จะบิดเร้าอย่างเหนือความควบคุม
จงอินรู้ว่าสัมผัสตรงไหนเขาถึงจะรู้สึกดี...
แต่ไม่ว่าอะไรหากเป็นจงอิน โอเซฮุนก็รู้สึกดีไปหมด
“จะหนีกูไปอีกไหม
หืม?”
เซฮุนแทบเสียสติเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วอยู่ข้างใบหู
จงอินขบเม้มมันอย่างนึกสนุกระหว่างรอคำตอบ
ร่างทั้งสองเปลือยเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ ยากเหลือเกินที่จะเอ่ยปากตอบคำถามออกไปในตอนนี้
เพราะเมื่อริมฝีปากบางเผยอออกคราใด
เสียงครางน่าอายอันเกิดจากความเสียวซ่านก็หลุดออกมาอยู่เรื่อย
เขาไม่อยากทำให้จงอินเจ็บตัวเลยแต่คนเจ้าเล่ห์ก็แกล้งเขาไม่หยุด
แผ่นอกถูกปรนเปรอพร้อมๆกับมืออีกข้างที่ลากผ่านไปตามแนวกระดูกสันหลังจนเสียวแปร๊บไปทั้งร่าง
“ผ...ผมจะไม่หนีคุณไปอีกแล้ว”
จงอินยกยิ้มพอใจในคำตอบ และเซฮุนก็หมายถึงอย่างนั้นจริงๆ
แทบหยุดหายใจเมื่อร่างกายของเขาถูกรุกล้ำโดยสมบูรณ์แล้ว
เล็บครูดไปตามแผ่นหลังเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ
บอกแล้วว่าไม่อยากทำให้ร่างกายของจงอินมีรอยถลอกเลย แต่เขาก็ต้องการที่จะระบายความทรมานนี้ออกไปเหมือนกัน
คลอเคลียไปตามสันกรามน่าหลงใหลอย่างออดอ้อน
จนจงอินทนไม่ไหวที่จะเชยคางคนตัวบางขึ้นมารับจูบอีกครั้งเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่าง
เซฮุนครางเสียงหลงอย่างห้ามไม่อยู่ด้วยความสุขสม
แรงกระแทกกระทั้นที่เพิ่มมากเข้าไปทุกทีราวกับจะทำให้ร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปรือตามองคนผิวแทนที่เอาแต่พรมจูบผิวขาวเนียนไปทั่วทั้งร่างจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวไม่เจ็บแผลที่มุมปากหรืออย่างไร
รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆที่เห็นรอยแผลพวกนี้
ถึงจงอินไม่บอกเขาก็พอจะเดาได้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
“...?”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อเซฮุนประคองใบหน้าเขาให้เงยขึ้นมามองหน้ากัน
“เจ็บมากไหมครับ?”
สัมผัสแผ่วเบาบริเวณรอยแผลทำให้จงอินเข้าใจว่าเซฮุนหมายถึงอะไร
“ไม่เจ็บก็บ้าละ”
ความร้อนในกายที่ยังไม่จางหายไปไหนระอุขึ้นมาอีกครั้ง
ทำไมเซฮุนถึงชอบทำให้เขาสติแตกอยู่เรื่อย ประโยคเมื่อครู่ที่พูดออกมาเจ้าตัวเขินแค่ไหนทำไมจงอินจะไม่รู้
ก็ดูสิ แก้มขาวขึ้นริ้วแดงอย่างน่ารักจนต้องจูบซ้ำลงไปหนักๆอีกซักที
เซฮุนสมองขาวโพลนไปหมดเมื่อส่วนนั้นเริ่มทำหน้าที่อย่างหนักหน่วงอีกครั้ง นอกจากร่างกายที่ตอบสนองโดยอัตโนมัติแล้วก็ทำได้เพียงโอบกอดผู้ชายคนนี้เอาไว้ให้แน่นที่สุด
ซบแก้มลงกับบ่ากว้างแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป
.
.
.
“ถ้าเจ็บ...ก็กอดผมให้มากกว่าที่คุณเจ็บสิครับจงอิน"
ถ้าอย่างนั้น...
วันนี้ก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปไหนเลยโอเซฮุน
X
“หมั่นไส้จริงโว้ย”
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำทักทายของรุ่นน้องที่ดังขึ้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะด้วยซ้ำ
แอบเห็นคนข้างกายเอ็ดเพื่อนแบบไม่มีเสียงว่า ‘เงียบปากไป’ แล้วก็หลุดขำออกมา
“แล้วหน้าพี่ไปโดนอะไรมา”
จงอินดันเอวบางให้เข้าไปด้านในจะได้นั่งติดริมกระจก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพรางหันไปหาแบคฮยอน
ลูบรอยแผลเบาๆเหมือนกำลังทวนคำถามอยู่ในใจ
มันผ่านมาสี่ห้าวันแล้วแต่รอยช้ำยังไม่หายดีนัก
“กัดกับหมามาน่ะ”
ตอบพร้อมกับเอื้อมมือไปยีผมคนตัวเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยว
ไม่ทันถึงสองวินาทีก็มีปฏิกิริยารีเฟลกซ์แอคชั่นกลับมาอย่างรวดเร็ว ที่พูดน่ะหมายถึงไอ้ชานยอลล้วนๆ
มันปัดมือเขาออกซะแรงราวกับว่าฝ่ามือนี้มีอันตรายหากโดนเส้นผมของแฟนมันแล้วไฟจะต้องลุกโชนไปทั่วทั้งหัวเยี่ยงโกสต์
ไรเดอร์
จงอินหมั่นไส้กับความหวงแฟนของรุ่นน้องตัวสูงเลยเปลี่ยนความสนใจจากแบคฮยอนไปโบกหัวทุยนั่นแรงๆซักที
คนถูกกระทำปัดมืออีกฝ่ายเป็นพัลวันพร้อมทั้งแหกปากโวยวายให้แฟนช่วย
แต่ขอโทษ...แบคฮยอนกำลังหัวเราะสะใจอยู่ที่มีคนจัดการกับชานยอลให้
สาบานได้ว่าคนตัวเล็กไม่ได้เครียดแค้นอะไรแฟนตัวโย่งมาก่อนเลย ไม่เลยแม้แต่น้อย
หึหึ
“พอเถอะชานยอล”
เซฮุนเอ่ยปรามเพราะตอนนี้โต๊ะของพวกเขากำลังโหวกเหวกจนจะกลายเป็นที่สนใจของคนในร้านไปแล้ว
“ดูเอาซี้
ทั้งเพื่อนทั้งแฟนไม่มีใครเข้าข้างซักคน”
ประโยคตัดพ้อนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ไม่น้อย
เกิดเป็นชานยอลนี่มันน่าสมเพช... เอ้ย น่าสงสารจริงๆ
“คุณจะกินอะไรครับ”
จงอินหลุบตามองเมนูของหวานที่เซฮุนกางให้ดู ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็ไม่คะยั้นคะยอให้แฟนหนุ่มสั่งอะไรอีก
เซฮุนรู้ดีว่าจงอินไม่ชอบของหวาน
ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาทันทีเพราะเขาเป็นคนอยากกินขนมเค้กและเป็นคนนัดชานยอลกับแบคฮยอนเสร็จสรรพ
จงอินไม่ได้โกรธหรืออะไรอยู่แล้วเพราะตามใจแฟนตลอด
แต่ทว่าหัวทุยที่เอนมาซบไหล่เขาอย่างออดอ้อนพร้อมกับเมนูแผ่นใหญ่ซึ่งถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับใบหน้านั้นทำให้นึกอยากแกล้งงอนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ขอโทษนะครับ
ผมไม่น่ามาร้านของหวานเลย”
จงอินหันมองเจ้าของใบหน้าหวานที่เปลี่ยนมาเป็นท่าเกยไหล่เขาแทนแล้ว
รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนรินรดกันเพราะระดับความห่างที่เรียกได้ว่าไม่ถึงคืบ
เด็กนี่ร้ายกาจจริงๆ รู้ว่าทำยังไงแล้วเขาจะเผลอไผลไปกับความน่ารักจนสติหลุด
เซฮุนก็จะชอบทำแบบนั้นอยู่เรื่อย
ขยับเข้าใกล้อีกนิดก่อนจะฉกฉวยริมฝีปากบางเอาไว้ในครอบครอง ขบกัดความนุ่มหยุ่นสีอ่อนราวกับขนมหวานจนพอใจ
เซฮุนใจเต้นระส่ำเสียยิ่งกว่ามีกลองชุดมาตีอยู่ข้างใน
จงอินไม่เคยจูบเขาหากนั่นไม่ใช่ที่ลับตาคน
แผ่นเมนูที่บังอยู่นั่นถือว่ามันลับตาได้หรือเปล่านะ
"ของหวานกูไม่ชอบ
เพราะกินแค่เซฮุนระดับน้ำตาลก็สูงเกินแล้ว" เซฮุนหลุดขำออกมา เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่จงอินพูดอะไรเลี่ยนๆใส่เขา
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขินกับประโยคนั้นจริงๆ
“ถ้าจะขนาดนี้ก็ไม่ต้องเอาเมนูบังหรอก
กูมองไม่เห็น”
เหมือนถูกดับฝันกลางอากาศ
เซฮุนผละออกไปก่อนจะผินหน้าออกไปนอกกระจก
ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูระเรื่อ จงอินยกมือขึ้นเกลี่ยริ้วแดงบนแก้มใสอย่างไม่สนใจคำพูดโห่แซวแม้แต่น้อย
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเซฮุนแสดงสีหน้าเขินอายออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้เวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ
ต้องขอบคุณจงอินที่ทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเด็กร่างผอมคนนี้
“เฮ้ย
นั่นเกียร์นี่หว่า ใช่ปะ” มือบางยกขึ้นจับสร้อยที่คล้องคออยู่โดยอัตโนมัติ
จงอินยักไหล่อย่างไม่นี่หร่ะเป็นเชิงตอบคำถาม ก็เกียร์อ่ะดิ เห็นเป็นจตุคามหรือไง
“เหยด มึงเก็บไว้ดีๆนะเซฮุน” คนถูกกล่าวถึงหัวเราะ
ไม่บอกก็จะเก็บไว้อย่างดีอยู่แล้ว
ไม่อยากเอามาใส่ด้วยซ้ำเพราะกลัวไปทำหล่นหายที่ไหน แต่เซฮุนอยากเอามันติดตัวไว้ตลอดนี่
จะว่าขี้อวดก็ได้แต่เขาไม่สนหรอก
“ใช่
เก็บไว้ดีๆนะ ขนาดฉันคบกับไอโย่งนี่มาเป็นปีแล้วมันยังไม่ให้ฉันเลย” แบคฮยอนเสริม
ณ จุดนี้ค่อนข้างอิจฉาตาร้อนครับบอกเลย
“ขอโทษนะบยอนแบคฮยอน
พวกเราเรียนบริหารแล้วฉันจะไปเอาเกียร์มาจากไหน”
“เออว่ะ”
จงอินหลุดขำคนตัวเล็กที่บุ้ยปากพร้อมกับพองแก้มอย่างน่ารักที่ปล่อยไก่ซะตัวเบ้อเริ่ม
“ว่าแต่มันมีความหมายว่าอะไรหรอครับจงอิน”
ได้ฟังคำถามจากแฟนตัวขาวแล้วก็ได้แต่เสยผมชื้นเหงื่อด้วยความเคยชิน
หยิบเมนูมาโบกพัดบรรเทาความร้อนอันเกิดจากอาการเขินอายซึ่งไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
พนักงานปิดแอร์หรือไงทำไมอยู่ๆก็ร้อนแบบนี้
“อยากรู้ก็ไปหาในเน็ตโน่น”
ด้วยอะไรไม่รู้มันดลใจ
คนผิวแทนเอื้อมไปหยิบอเมริกาโน่ของชานยอลซึ่งมันเป็นกาแฟที่เขาเกลียดมาดูดไปอึกใหญ่
จะอเมริกาโน่หรืออะไรเขาก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้ามันขึ้นชื่อว่าเป็นกาแฟ
จงอินอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียตรงนั้น
ขนาดตอนเขียนจดหมายกิ๊กก๊อกนั่นเขายังไม่เขียนความหมายลงไปเลย
แล้วนี่เล่นมาถามกันซึ่งๆหน้าบวกกับมีคู่รักอีกคู่นั่งหน้าสลอนอยู่ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ป๊อดว่ะ
ก็บอกไปดิว่าเกียร์คือใจ ใจอยู่ที่เกียร์ ฝากเกียร์ไว้กับใครฝากใจไว้กับคนนั้น
โอ๊ย!!”
ชานยอลยกเท้าขึ้นมากุมแน่นเพราะโดนรองเท้าหนังของจงอินเหยียบเข้าให้อย่างจัง
ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดไปทั่วนิ้วโป้งตีนเลยครับ ถ้าจะเหยียบขนาดนี้กระทืบกันเลยเถอะ
พอได้รู้ความหมายเด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่ก้มหน้าซ่อนอาการเขินอายเอาไว้
ไม่ใช่ไม่รู้ความหมายของมันแต่อยากฟังจากปากคนให้มากกว่า
แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าโดนเพื่อนแซวเสียอย่างนั้น ขอโทษนะครับจงอิน
ผมก็เขินเหมือนคุณนั่นแหละ
“เซฮุน...”
เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ต้นเสียงมาจากฝั่งแฟนหนุ่มของเขาแท้ๆ
แต่น้ำเสียงนั้นดังห่างออกไปไม่ใช่เสียงของจงอินแน่ๆ
ดูเหมือนสายตาทุกคู่กำลังมองไปยังคนมาใหม่จนเซฮุนต้องช้อนสายตาขึ้นไปยังจุดนั้นบ้าง
ลมหายใจของเขาสะดุดไปชั่ววินาที
นาทีต่อมามือบางก็ได้รับความอบอุ่นจากคนข้างกาย
เซฮุนกระชับมือหนาแน่นเมื่อจงอินค่อยๆสอดประสานเติมเต็มช่องว่างที่เหลืออยู่
หากสังเกตคงรู้ว่าภายในดวงตาคู่สวยกำลังวูบไหวด้วยความกลัว
เซฮุนกำลังกลัวว่าเทาจะมาหาเรื่องจงอินอีก
“กูคิดว่าตอนนั้นมึงยังมีสติพอที่จะได้ยินคำพูดของกูนะ...”
แบคฮยอนมองรอยฟกช้ำบนใบหน้าหนุ่มชาวจีนก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบถามชานยอลว่า
นี่เหรอหมาที่จงอินไปกัดด้วย ดูจากสภาพแล้วเละกว่าจงอินอยู่มาก
“...ว่าอย่าโผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก”
“เซฮุนมาคุยกันหน่อย
ขอร้องล่ะ” มือข้างที่ว่างถูกเทาคว้าไปอย่างรวดเร็ว
จงอินมองไอ้เจ๊กที่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาเขาทั้งยัง
ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขาด้วยความหงุดหงิด
บีบข้อมือของคนที่บังอาจมาแตะต้องตัวแฟนเขาอย่างแรงจนเทาต้องยอมปล่อยมือเซฮุนออก
“ถ้าจะคุยอะไรก็พูดมาตรงนี้นี่แหละ”
เซฮุนกลืนก้อนหนืดลงคอ แววตาของจงอินแข็งกร้าวกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยเห็น
คนที่ได้ชื่อว่าแฟนและแฟนเก่าส่งสายตาดุดันใส่กันอย่างน่ากลัว
หากเป็นรายการโทรทัศน์จะต้องมีกระแสไฟฟ้าลั่นเปรี๊ยะไปทั่วบริเวณแน่ๆ
“...ขอร้องล่ะเซฮุน”
จงอินรู้สึกหัวใจหล่นวูบตอนที่เซฮุนหันมามองเขาเป็นเชิงขออนุญาต
จะไปกับมันจริงๆหรอ เขาได้แต่ถามอีกคนในใจ “แค่โต๊ะตรงนั้น”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะพูดกับเขามากกว่าเซฮุน
จงอินมองตามปลายนิ้วของจื่อเทาก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เซฮุนอย่างไม่เต็มใจนัก
จงอินไม่ไว้ใจคนอย่างจื่อเทาเลยจริงๆ
แต่จงอินไว้ใจแฟนของเขา
ถ้าหากมึงพาเซฮุนไปไกลเกินกว่าบริเวณโต๊ะที่บอกไว้หรือไกลเกินระยะสายตาเขาจะมองเห็นเมื่อไหร่...
แผลที่กำลังตกสะเก็ดบนหน้าของมึงจะแหกจนต้องพึ่งมีดหมอเพื่อลบรอยแผลเป็นอย่างแน่นอน
คิมจงอินขอลั่นวาจาไว้ตรงนี้เลย
"เซฮุน
ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?"
เซฮุนผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นายจะเอาโอกาสไปทำไมหรอเทา
"จำได้ไหมที่เราสัญญากันไว้ เราจะเข้ามหา'ลัยที่เดียวกัน
แล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันไง"
"แล้วยังไงล่ะ
นายจะย้ายมาเรียนที่เดียวกับฉันหรือไง?"
"ใช่เซฮุน
ฉันจะไปเรียนที่นั่น กลับมาหาฉันเถอะนะ ให้โอกาสฉันอีกซักครั้ง"
"..."
พูดไม่ออกเลยจริงๆเขาแทบลืมไปแล้วว่าเพราะอะไรผู้ชายคนนี้ถึงได้เข้ามามีอิทธิพลในใจของเขาได้มากขนาดนี้
แต่ตอนนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เคยรักมากแค่ไหนก็เลิกรักได้เหมือนกัน
และตอนนี้เซฮุนรู้แล้วว่าใครที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด
โอเซฮุนควรจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว
ว่าต้องเลิกจมปรักกับอดีตและควรรักษาใครเอาให้นานที่สุด
"พอเถอะเทา
ความฝันพวกนั้นมันพังลงตั้งแต่นายทิ้งฉันไปแล้ว" จนถึงตอนนี้ก็อยากจะหัวเราะให้กับตัวเองดังๆ
คำมั่นสัญญาบ้าบออะไรนั่นมันก็แค่คำโกหกที่ไม่น่าให้อภัย
'เราต้องสอบเข้ามหาลัยK
ให้ติดนะ พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน จะได้อยู่หอเดียวกันด้วย'
"นายยังรักฉันอยู่ไม่ใช่หรอเซฮุน
กลับมาหาฉันสิ" นี่หรือคือประโยคอ้อนวอนของคนที่อยากให้เขากลับไป ทำไมเซฮุนถึงสัมผัสได้แต่ความเห็นแก่ตัวในประโยคนั้นนะ
เทาเอาแต่คิดว่าเซฮุนยังรักตัวเอง นั่นไม่ใช่ความคิดที่ผิด
แต่ทว่าในคำพูดนั้นทำให้เซฮุนรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้น
"ทำไมล่ะเทา
คนใหม่ของนายไม่ดีได้เท่าฉันหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้น"
มือที่ประสานกันอยู่ถูกเทาดึงไปจับอีกแล้ว
เขาหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่ามันจะสร้างความไม่พอใจให้แฟนหนุ่มของเขาได้
ชำเลืองมองไปยังคนรักแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ จงอินกำลังมองมา
มือหนาที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะเผยให้เห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาตามแรงโทสะ
คนเรามักรู้สึกว่าใครคนนึงมีค่าและสำคัญกับเราแค่ไหนก็ตอนที่เราต้องเสียคนๆนั้นไป ตอนเทาทิ้งเขาไปด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้
เด็กหนุ่มได้แต่จมอยู่กับคำถามว่าทำไม? แน่นอนว่าเทาเป็นคนที่รักและสำคัญมาก
แต่คนๆนี้เคยเห็นเขาสำคัญบ้างไหม หรือเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้... มันสายไปแล้วล่ะ
เพราะโอเซฮุนก็รู้แล้วเหมือนกันว่าใครที่เขาควรให้ความสำคัญมากที่สุด
คนที่เห็นคุณค่าของเขาและทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากกว่าใครๆ
เพราะเซฮุนเกือบจะเสียจงอินไป ถึงได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนทุกอย่างของเขา
จงอินไม่เคยสัญญา ไม่เคยให้ความหวังลมแล้งๆเพราะคำสัญญาและความฝันพวกนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเสมอไป
จงอินก็แค่พาเขาก้าวเดินไปด้วยกัน สร้างความทรงจำดีๆไปด้วยกัน
แบบนั้นก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด
ถึงจะเคยรักมากแค่ไหน
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถลืมความทรงจำดีๆที่เคยมีร่วมกันได้...
แต่ก็ไม่สามารถกลับไปรักได้อีกแล้ว "ขอโทษนะเทา"
เกือบยี่สิบนาทีที่ต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่กำลังประทุขึ้นเอาไว้
เซฮุนกลับมาแล้วหลังจากที่คุยกับจื่อเทาอยู่นาน แต่สำหรับคนรออย่างจงอินน่ะ
เวลามันเดินช้ายิ่งกว่าอะไร
เจ้าของผิวแทนรวบเอวบางมากอดไว้อย่างไม่กลัวสายตาคนในร้านหรือแม้แต่คู่รักอีกคู่ว่าจะมองยังไง
ซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบด้วยความหวงแหน
จงอินไม่อยากจะงี่เง่าเลยจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่พอใจที่เทาจับมือถือแขนแฟนของเขาแบบนั้น
เด็กหนุ่มก้มมองกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มพรางเกลี่ยปอยผมนุ่มเบาๆ
จงอินกอดเขาแน่นมากกว่าครั้งไหนๆที่เราเคยกอดกัน วงแขนแกร่งราวกับต้องการจะพันธนาการเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
"ผมขอโทษครับจงอิน"
"อย่าไป...
เซฮุน" เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ทำไมเซฮุนถึงได้เอาแต่พูดคำว่าขอโทษอีกแล้ว ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วหัวใจเมื่อภาพสีซีเปียฉายเข้ามาในหัวราวกับม้วนฟิล์ม
ภาพเมื่อเดือนก่อนที่เซฮุนเอ่ยคำขอโทษบ้าๆนั่นแล้วเดินจากเขาไป ไม่เอาแล้ว...
จงอินคนนี้ยังไม่พร้อมเจ็บปวดอีกครั้ง
แบคฮยอนกระทุ้งศอกใส่แฟนตัวสูงเบาๆเป็นเชิงบอกให้ทำอะไรซักอย่าง
เพิ่งจะปรับความเข้าใจกับจงอินได้แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันได้แค่ 5 วันเอง
แล้วนี่อะไร พูดขอโทษโง่ๆออกมาอีกแล้ว
ถ้าคราวนี้มานั่งพร่ำเพ้อกับเขาอีกนะจะไม่สงสารเลยซักนิด
ชานยอลทำหน้ากระอักกระอ่วน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้
แต่เชื่อเถอะว่าแม่งโครตน่าอึดอัดใจเลย
เขาเข้าใจอารมณ์ของจงอินแล้วตอนที่เข้าไปคุยด้วยในห้องชมรมแล้ว
“ผมขอโทษ...
ผมคงต้องขออยู่กับคุณถาวร”
จงอินละใบหน้าออกมาพรางเงยหน้ามองเด็กตัวขาวที่มีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
ปล่อยให้สมองประมวลผลสิ่งที่เซฮุนพูดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ผมจะขออยู่กับคุณ... จนกว่าคุณจะไล่เลยล่ะครับ”
“เซฮุน...”
ผู้ชายอกสามศอกอย่างจงอินอยากจะหลั่งน้ำตาออกมาเสียตรงนั้น
เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? เซฮุนไม่ได้จะทิ้งเขาไป “...ถ้าอย่างนั้น
มึงก็ไม่มีสิทธิ์ได้หนีไปไหนอีกแล้ว”
รอยยิ้มประดับขึ้นบนริมฝีปากบางพร้อมๆกับตาหยีลงอย่างน่ารัก
มือเรียวไล้ไปตามใบหน้าเจ้าข องผิวสีแทนแผ่วเบา เซฮุนเชื่อแล้วว่าผู้ชายยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งดูดี
ผู้ชายวัยกลางสามสิบคนนี้ไม่ได้ดูหล่อน้อยไปกว่าสิบปีที่แล้วเลย
ทั้งร่างกายกำยำที่เขานอนอิงแอบอยู่ทุกคืนรังแต่จะมีมัดกล้ามเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
เซฮุนรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นสายตาของสาวๆในบริษัทมองจงอินราวกับจะเขมือบเข้าไปทั้งตัว
ขยับตัวเข้าใกล้อีกนิดก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนสันกรามนูนเด่น
ขบเม้มเบาๆบริเวณปลายคาง
ตอหนวดที่เริ่มขึ้นเนื่องจากไม่ได้โกนทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้
คนถูกก่อกวนปรือตามองคนในอ้อมแขนพรางคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"อรุณสวัสดิ์ครับ
จงอิน"
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ
มักจะเป็นอย่างนี้ทุกวัน
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเพราะถูกก่อกวนเซฮุนก็จะยิ้มจนตาปิดพร้อมกับคำทักทายแบบนี้ในทุกเช้า
ถ้าถามว่าเขาไม่เบื่อบ้างเหรอ จงอินคนนี้ก็ขอตอบอย่างมั่นใจเลยว่า
ทุกๆอย่างที่เป็นโอเซฮุนเขาไม่เคยเบื่อเลย
จงอินขยับตัวเพียงนิดพร้อมกับรั้งเอวบางเข้ามากอดจนจมอก
เขาไม่เคยต้องการสิ่งใดนอกจากได้กอดได้สัมผัสคนตรงหน้าในทุกๆวัน
เหมือนเป็นการเติมพลังให้กับตัวเองในวันที่เหนื่อยล้า
“จงอินครับ
วันนี้น่ะ...”
เซฮุนเว้นจังหวะไว้ชั่วขณะจนเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งต้องผละตัวออกมาเล็กน้อยเพื่อจะได้มองสีหน้าของคนรักได้ถนัด
แต่ถึงอย่างนั้นคนในอ้อมกอดก็เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่กับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขา
“ว่าไงหืม”
“...วันนี้ครบรอบ
10 ปีแล้วนะครับ”
“อ่า...จริงด้วย
ลืมไปเลย” เซฮุนหน้างอทันทีที่ได้ยินประโยคน่าผิดหวังจากคนรัก
จงอินไม่เคยลืมวันครบรอบมาก่อนเลย แล้ววันนี้มันอะไรกัน
หรือว่าอายุเยอะแล้วสมองเริ่มเลอะเลือน เขาล่ะอยากจะงอนเหมือนเด็กวัยรุ่นจริงๆเลย
เซฮุนมองมือของตัวเองที่ถูกมือหยาบประคองขึ้นมาก่อนจะได้รับสัมผัสอ่อนโยนบนหลังมือ
วินาทีต่อมาก็ต้องยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาป้องริมฝีปากตัวเองเอาไว้ ดวงตาเรียวเบิกโพรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่นไหวระริกพยายามกลั้นน้ำใสที่คลอหน่วงอยู่
ความเย็นจากโลหะกลมกลึงค่อยๆกลืนกินนิ้วนางข้างซ้ายทีละนิดโดยใครอีกคนเป็นผู้สวมใส่ให้
“จ...จงอิน”
ริมฝีปากหยักยิ้มขึ้นอีกแล้ว จงอินแกล้งทำเป็นลืมสินะ “แกล้งผมหรอครับ”
ทุบแผ่นอกแกร่งอย่างไม่จริงจังนัก ไม่ได้อยากจะทำร้ายร่างกายอีกคนหรอก
แต่คนมันทั้งเขินทั้งตื้นตันนี่นา
“แต่งงานกันนะเซฮุนนา~”
แทบไม่ต้องใช้เวลาคิดไต่ตรองกับขอนั้น
เซฮุนพยักหน้ารับจนผมสลวยฟูฟ่อง หลับตารับสัมผัสนุ่มหุ่นจากริมฝีปากหนาที่จรดลงมาช่วงชิงลมหายใจเขาไปจนหมด
กลีบปากบางเผลอออกเพื่อกอบโกยลมหายจากแต่การกระทำนั้นเหมือนเปิดโอกาสให้คนตรงหน้ารุกล้ำเข้ามามากขึ้น
เรียวลิ้นหยาบที่กวาดหาความหอมหวานจนทั่วทำให้เขาลืมหายใจ
ยามที่ปลายลิ้นตวัดเกี่ยวกันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้รู้สึกร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม
เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆเปิดขึ้นเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
สายตาเขาถูกตรึงไว้กับรอยยิ้มอ่อนโยนจนเผลอระบายยิ้มออกมาบ้าง
จนถึงตอนนี้เซฮุนรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เขาเลือกคนๆนี้มาอยู่ข้างกาย แต่ยิ่งไปกว่านั้น..
“ขอบคุณนะครับจงอิน”
“...”
“ที่อยู่ข้างผมไม่เคยไปไหน
ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งผมเลย”
ได้ยินคำพูดคำจาที่น่ารักก็ได้แต่มองใบหน้าหวานด้วยความหลงใหล
ยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มใสพรางมองเข้าไปในดวงตาใสเพื่อที่จะสื่อความหมายบางอย่างที่มีเพียงคนสองคนที่รู้และเข้าใจ
จะให้ทิ้งคนที่รักดั่งดวงใจไปได้อย่างไร คิมจงอินรักโอเซฮุนจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว
.
.
.
ไม่ต้องพูดก็รู้ใช่ไหม?
-END-
talk : และแล้วก็ถูๆไถๆจนจบจนได้ ขอโทษที่หายไปนานเพราะเพิ่งสอบเสร็จค่ะ TT
ยังแต่งได้ไม่ดีขออภัยด้วยค่ะน้อมรับคำติ/ชม
เจอกันเรื่องต่อไปนะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
ความคิดเห็น