ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✖ BETWEEN US ✖ [SF/OS l KAIHUN ft. EXO]

    ลำดับตอนที่ #2 : :: Lost love [2/3]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 60





    2





                แกร่ก

     

    ประตูค่อยๆเปิดออกราวกับจงใจให้เสียงเบาที่สุด แต่ก็นั่นแหละ คิมจงอินหูไวยิ่งกว่าอะไร หันไปเห็นรุ่นน้องตัวสูงยืนเก้ๆกังๆเลยพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เข้ามา

     

    “ไม่คิดว่าพี่จะยังอยู่” เด็กหนุ่มรูปร่างสูงชะรูดลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามรุ่นพี่ผิวแทน เอื้อมมือไปคว้ากีต้าร์มาวางบนตักในท่าทางที่พอดี ก่อนจะเริ่มเกากีต้าร์เป็นทำนอง วันนี้ห้องชมรมดนตรีไม่มีใครอยู่นอกจากจงอิน ไม่บ่อยนักที่ห้องจะเงียบแบบนี้ เพราะเมื่อมีเวลาว่างหลังจากเลิกเรียนสมาชิกในชมรมมักจะมาพูดคุยและเล่นดนตรีด้วยกันเสมอ

     

    “คิดว่าตั้งใจมาหากูซะอีก”

     

    “ก็...” ชานยอลอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าโง่ใส่ไปหรืออย่างไรจงอินถึงได้รู้ทัน “แหม่ ไหนๆก็รู้ทันละ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน”

     

    คนผิวแทนปรายตามองรุ่นน้องที่วางกีต้าร์ลง พร้อมกับเท้าแขนทั้งสองข้างลบนหน้าขา ทั้งยังประสานมือตัวเองแน่นปั้นหน้าจริงจังมองมาทางเขา แต่ขอโทษ...จงอินไม่ได้สนใจนักหรอก เขาพอจะเดาได้ว่าชานยอลจะพูดเรื่องอะไร

     

    "ไอเซฮุนอ่ะ..."

     

    "สบายดี?" จงอินพูดแทรกตั้งแต่รุ่นน้องตัวสูงยังเกริ่นเรื่องไม่จบ เขาคิดผิดที่ไหนว่าไอ้หูกางนี่ต้องมาพูดเรื่องของเซฮุน

     

    ชานยอลถอนหายใจ นี่มันบ้ามากที่เขาต้องมาหารุ่นพี่คนสนิทเพื่อคุยเรื่องที่คนสองคนมันควรจะเคลียร์กันเองให้รู้เรื่อง เขาไม่ได้อยากจะยุ่งเลยหากมันไม่มีปัญหาหนักจนเซฮุนขาดเรียนไปเกือบสามสัปดาห์ขนาดนี้

     

    เออ นั่นแหละ ต้องโทษไอ้รุ่นพี่ตัวดี จะให้คิดไปในทางไหนได้ในเมื่อเซฮุนไม่เคยขาดเรียน ถึงฝนจะตกหนักขนาดไหนมันก็จะต้องมานั่งจามให้เขารำคาญอยู่ตลอด เคยเห็นมันเฮิร์ทหนักก็ตอนเลิกกับไอเจ๊กนั่นจนขาดเรียนไปหลายวัน งั้นครั้งนี้ก็จะโทษจงอินแบบหน้าด้านๆนี่แหละ ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เซฮุนหายหน้าหายตาไปนานแบบนี้

     

    "มันไม่มาเรียนจะเป็นเดือนแล้ว พี่ไม่รู้อะไรบ้างหรอวะ"

     

    "ยังไงตัดเกรดก็ใช้คะแนนสอบเต็มร้อยอยู่แล้ว เด็กนั่นหัวดีจะตาย ไม่เข้าเรียนมันก็คงทำได้สบาย"

     

    “นั่นมันไม่ใช่ประเด็นปะวะพี่”

     

    “แล้วประเด็นของมึงคืออะไรล่ะ”

     

    คุณเข้าใจอารมณ์ประโยค ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับปะ พี่จงอินแม่งแย่ว่ะ ห่วยแตกโครตๆ ดูมันตอบดิครับ นอกจากจะไม่สนใจแฟนตัวเองแล้วยังตอบคำถามชวนให้อวัยวะต่ำสุดของร่างกายมันอยู่ไม่สุข รู้อย่างนี้กูไม่ให้ไอเซฮุนคบด้วยตั้งแต่แรกหรอก

     

    “ก่อนที่มึงจะไม่พอใจกูอ่ะ ไปถามเพื่อนมึงดีกว่าไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้ากูเป็นคนผิดจริงๆกูจะนอนรอให้มึงใส่คอมแบทมาเหยียบหน้ากูเลย”

     

    “...”

     

    พูดไม่ออก เด็กตัวสูงเหมือนถูกกระชากให้ออกมาจากอารมณ์บ้าคลั่งที่พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ไอ้หน้าไหนก็ตามที่ทำให้เพื่อนรักของเขาต้องทุกข์ใจ ตลอดเกือบเดือนที่เซฮุนเอาแต่หลบหน้า ใช่...หากใช้คำว่าหลบหน้าคงไม่ผิด ถึงจะติดต่อกันได้แต่เพื่อนตัวผอมก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเจอหน้าพูดคุยกันตามประสาเพื่อนเลย

     

    เคยตามไปถึงคอนโดอยู่หลายครั้งแต่เจ้าตัวก็ไม่อยู่ เซฮุนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนขนาดตอนที่เลิกกับจื่อเทาที่ว่าหนักแล้ว เพราะร้องไห้หนักจนป่วยไปหลายวัน แต่นี่หายไปเกือบเดือนขนาดนี้มันไม่ใช่เล่นๆแล้ว เวลาอยู่มหา'ลัย ไม่ว่าเซฮุนจะอยู่ที่ไหนจงอินก็จะเดินเป็นเงาตามตัวตลอด วันไหนเจอหน้าพวกเขาแล้วไม่เห็นเซฮุนก็ถามหาแล้ว แต่นี่ไม่เลย เดินสวนกันหลายครั้งแต่จงอินก็ไม่ถามถึงแฟนตัวเองอย่างที่ผ่านมา

     

    ชานยอลไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซฮุนและจงอิน และการที่เขามาหารุ่นพี่ก็เพราะอยากจะรู้ว่าเพื่อนตัวดีหายหัวไปอยู่ไหน ในเมื่อเซฮุนเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เลี่ยงที่จะมาเจอหน้า อย่างน้อยคนเป็นแฟนก็ต้องรู้อะไรบ้างล่ะวะ

     

    “กูไม่ได้เจอ...” จงอินกรอกตาพรางหยุดพูดทันทีที่ไอ้หูกางยกมือขึ้นมาโชว์ฝ่ามือด้านๆของมันตรงหน้าเขา

     

    “เดี๋ยว แม่โทรมา” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มาสไลด์ปุ่มสีเขียวที่หน้าจอ “จ๋า ที่รัก” จงอินเบ้ปากให้ไอ้รุ่นน้องที่ทำหน้าระรื่นทำเสียงอ้อล้อล่อตีน ต่างจากก่อนหน้านี้ที่พร้อมจะเข้ามาสตั๊นหน้าเขาอย่างลิบลับ

     

    “แม่ทูนหัวมึงสินะ” จงอินยกขาขึ้นเตะฝ่ามือที่ตั้งค้างอยู่นานแล้วเหมือนท่าเทควันโด้ด้วยความหมั่นไส้ ตากลมๆนั่นหันมาถลึงใส่ คนผิวแทนกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มึงควรซาบซึ้งที่กูไม่เตะมึงเต็มแรงนะน้องรัก

     

    “นัดกับเซฮุนตอนไหน ทำไมไม่บอกวะแฟน” สาบานว่าเขาไม่อยากจะสนใจหูกางๆของรุ่นน้องตรงหน้าเลย หากแต่จงอินกลับจ้องสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่แนบอยู่ต่างหาก “เออเดี๋ยวไปหา รออยู่นั่นแหละ”

     

    จงอินหยิบกีต้าร์ขึ้นมาดีดเพลงโปรดไม่ให้รุ่นน้องจับได้ว่าเขากำลังสนใจบทสนทนานั้นขนาดไหน ชานยอลวางสายไปแล้ว อยู่ๆหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้นเพียงแค่ได้ยินชื่อของเซฮุน เด็กนั่นอยู่ที่ไหน สบายดีหรือเปล่า ฤดูฝนแบบนี้ต้องไม่สบายบ่อยแน่ๆ

     

    จงอินคิดถึงเซฮุน อยากดึงเด็กนั่นมากอดใจแทบขาด

     

     

     

     

    "อย่างน้อยก็ทางผ่านขอติดรถไปหน่อยดิ" ปาร์คชานยอลเดินตามจงอินไปติดๆ แค่ขอติดรถไปหาแบคฮยอนหน่อยทำเป็นใจดำเหมือนสีผิวไปได้ ถ้าเขาเอารถมาก็ไม่ตามมาตั้งแต่ห้องชมรมแบบนี้หรอก

     

    "รถเมล์เลยน้อง" จงอินกดรีโมทปลดล็อกรถก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งที่คนขับ

     

    ปึง!

     

    สาบานได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงปิดประตูรถจากฝีมือจงอินอย่างแน่นอน ไม่ต้องสืบสาวให้มากความ หันไปทางขวาก็เห็นไอ้รุ่นน้องหูกางเข้ามานั่งโชว์ฟันขาวข้างๆเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดีเลยได้แต่ถอนหายใจใส่พวงมาลัยตรงหน้าพร้อมกับเหยียบคันเร่งจมตีน ชานยอลถอยหลังไปติดเบาะรถเหมือนถูกกระชากจากด้านหลังเพราะการออกตัวที่รุนแรง

     

    "เออ ก่อนผมจะรับโทรศัพท์พี่พูดว่าไรนะ"

     

    "...กูลืมละ"

     

    "ไม่เอาหน่า พูดมาเร็ว" นิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะ ก่อนจะเหลือบมองชานยอลแวบหนึ่งด้วยความหงุดหงิด

     

    "ขี้เสือก" จงอินเอื้อมมือไปผลักหัวรุ่นน้องอย่างแรงจนหัวแทบชนกระจกรถ ไม่ใช่อะไรหรอก กูรำคาญเสียงเคี้ยวหมากฝรั่งแจ๊บๆของมึงเนี่ย

     

    "พี่แม่งแย่ว่ะ" ตั้งหลักได้ก็หันมาจัดทรงผมให้เข้าทรง ไม่อยากเล่าก็ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายปะวะ ไม่อยากรู้ก็ได้ นาทีต่อมาเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบโปรแกรมแชทที่ป็อปอัพเด้งสว่างวาบอยู่หลายครั้งแล้ว

     

    "กูไม่ได้เจอเซฮุนเป็นเดือนแล้ว"

     

    "ทะเลาะกันหรอวะ"

     

    "ยังไม่ทันได้ทะเลาะเลยห่า"

     

     

     

     

     

     

    'เซฮุนจะไปไหน' ก้าวขาเข้ามาในห้องได้ไม่ถึงสามก้าวก็ต้องหันไปคว้าข้อมือบางของคนเป็นแฟนเอาไว้ ท่าทางของเซฮุนดูร้อนรนไปหมด

     

    'เขาเจอผมแล้ว ผม...ผมจะทำยังไงดี' ริมฝีปากบางสั่นเทา พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ ขอบตาของเซฮุนกำลังแดงก่ำและเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เขาปวดหัวใจเหลือเกินที่เห็นแฟนเป็นแบบนี้ ทั้งยังไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เซฮุนมีท่าทางร้อนรนผิดปกติยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด

     

    ใจเย็นๆนะ มีอะไรค่อยพูด กูอยู่ตรงนี้สองมือหนาประคองใบหน้าเรียวให้หันมาสบตากัน เพียงเท่านั้นหยาดน้ำใสที่คลอหน่วงอยู่ก็ไหลรินลงมาเป็นสาย เขาที่ว่าคือไอ้เทาใช่ไหม?

     

    การเงียบมักเป็นคำตอบที่ดีเสมอในเวลาแบบนี้ หัวใจของจงอินกระตุกวูบ มือหนาที่โอบแก้มเนียนทั้งสองข้างนั้นกำลังสั่นเทา สมองของเขาประมวลผลช้าลงเรื่อยๆ เขารู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลต่อเซฮุนขนาดไหน จงอินรู้ดีว่าแฟนของเขายังลืมจื่อเทาไม่ได้ ก่อนหน้านี้เซฮุนไปเจอเทาได้ยังไง มันพูดอะไร ทำไม...เซฮุนต้องร้องไห้หนักขนาดนี้

     

    นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามโหนกแก้มของเขา ไล่ลงมาสัมผัสแผ่วเบาตรงมุมปาก เด็กหนุ่มมองรอยช้ำบนใบหน้าคมด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เทาเป็นคนเลือดร้อน จงอินก็ไม่เคยยอมใคร แฟนหนุ่มของเขาไม่เคยบอกว่าแผลพวกนั้นได้มาเพราะอะไร ถ้าชานยอลไม่เป็นคนบอกว่าแฟนและอดีตแฟนของเขามีเรื่องกันเซฮุนก็คงคิดว่าจงอินไปโดนพวกอันธพาลหาเรื่องอย่างที่เจ้าตัวบอก

     

    ใบหน้าคมคายนี้ไม่ควรจะมีรอยฟกช้ำแบบนี้เลย เซฮุนเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมัน เขาไม่รู้ว่าทั้งคู่ไปเจอกันได้ยังไง คุยกันแบบไหนถึงได้มีปากเสียงกันถึงกับต้องลงไม้ลงมือขนาดนี้ พอแล้ว...เซฮุนไม่อยากเห็นจงอินต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องไร้สาระซึ่งมีเขาเป็นต้นเหตุ

     

    เรี่ยวแรงทั้งหมดที่จงอินมีถูกดูดหายไปหมดเพียงเพราะประโยคสั้นๆประโยคเดียว ใบหน้าเรียวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาค่อยๆเลื่อนเข้าใกล้ สัมผัสอ่อนนุ่มประทับลงมาบนรอยช้ำที่มุมปาก มันแผ่วเบาจนไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่ควรจะเป็น

     

    หากแต่ความเจ็บปวดนั้นมันกำลังก่อตัวขึ้นมาในหัวใจอย่างช้าๆ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายปวดหนึบราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเข้าอย่างแรง จงอินรู้ซึ้งถึงคำว่าใจสลายก็ตอนที่แผ่นหลังของเซฮุนหายลับไปพร้อมกับบานประตูไม้สักที่ปิดลง

     

    ไปแล้ว...เซฮุนจากเขาไปพร้อมกับประโยคสั้นๆประโยคนั้น

     

     

     

    ผมขอโทษ

     

     

     

     

     

     

    “ไม่ได้ทะเลาะแล้วมันยังไง ทำไมเซฮุนถึงหายไป” จงอินหันไปแสยะยิ้มพรางส่ายหน้าน้อยๆใส่ชานยอล

     

    “มึงนี่มันขี้เสือกจริงๆ”

     

    “อ้าว คนเป็นห่วงเพื่อนเว้ย ไม่เหมือนพี่หรอก แฟนหายยังไม่สนใจ”

     

    “เกี่ยวกันตรงไหนวะ” ชานยอลยักไหล่ จะหาคำตอบดีๆมีเหตุผลจากเขาน่ะหรอ รอไปก่อน “มึงไปเจอเซฮุนแล้วก็ถามมันเองแล้วกันว่าทำไมต้องหนีหน้าพวกมึง แล้วทำไม...ต้องหนีกูไป”

     

    “หนี?”

     

    ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ พอๆกับหัวใจของจงอินที่มืดสนิท เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์สุนทรีที่พร้อมจะตอบคำถามแทงใจของชานยอลได้ทุกคำถาม เวลาหนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอเซฮุนไม่ได้ทำให้เขามีสภาพจิตใจดีขึ้นเลย อาจเป็นเพราะทุกอย่างมันยังไม่เคลียร์ คำขอโทษนั่นน่ะ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ

     

    แค่ไอ้เทาโผล่หน้ามาเซฮุนก็หนีเขาไป ตลอดเวลา 5 เดือนที่คบกันมาเคยมีความหมายสำหรับโอเซฮุนบ้างหรือเปล่า หรือจงอินคนนี้ก็เป็นแค่ตัวแทนของใครคนนึง แค่คนที่ทำให้หายเหงาไปวันๆ ไม่เคยมีค่าอะไร...

     

    “เห้ยพี่ๆ จอดตรงนี้” ชานยอลแหกปากร้องทันทีเมื่อเห็นแบคฮยอนยืนเก้ๆกังๆอยู่บนทางเท้า จงอินจอดรถเทียบริมถนนตามที่ไอ้รุ่นน้องบอก “แบคฮยอน!!” ชานยอลกดปุ่มเลื่อนกระจกรถลงพรางตะโกนเรียกแฟน แขนยาวๆของมันโบกไปมาอยู่นอกหน้าต่างรถให้คนตัวเล็กเห็นพิกัดของตัวเอง

     

    แปะๆ

     

    ซ่า!!

     

    แบคฮยอนวิ่งขึ้นมาบนรถได้อย่างหวุดหวิด จงอินมองเม็ดฝนที่ตกกระทบลงบนกระจก ก่อนจะกดที่ปัดน้ำฝนให้ทำงานเพื่อจะได้มองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ชัดขึ้น

     

    “หวะ...หวัดดีครับพี่จงอิน” แบคฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่ามีใครอีกคนอยู่บนรถด้วย และนี่ไม่ใช่รถของชานยอล จงอินพยักหน้ารับคำทักทายอ้ำๆอึ้งๆนั้นก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม สายตาเพ่งไปยังเด็กคนหนึ่งที่ริมฟุตปาธ

     

    เด็กน้อยคนนั้นกำลังเล่นสนุกกับสายฝนอย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะไม่สบาย ภาพนั้นพลันให้นึกถึงเด็กตัวขาวของเขา เซฮุนเคยเล่าเรื่องตอนเด็กให้ฟัง สาเหตุที่ทำให้เซฮุนเกลียดฝนและป่วยง่าย

     

    “เซฮุนล่ะ?”

     

    “เพิ่งแยกกันเอง แล้วอยู่ๆฝนก็ตกหนักขนาดนี้มันยิ่งไม่สบายอยู่ ร่มก็ไม่ค่อยจะพก”

     

    “อ้าว มันคงยังไปไหนไม่ไกลหรอกไปตามกันปะ เป็นลมตรงไหนขึ้นมานี่งานหยาบ ตัวอย่างกับควายใครจะไปอุ้มไหว”

     

    “พี่จงอินมีร่ม...ไหม?”

     

    ปึง!

     

    แบคฮยอนถามยังไม่ทันจบก็ต้องอ้าปากหวอ เกิดมาไม่เคยโดนใครปิดประตูกระแทกหน้ามาก่อน แล้วนั่นเป็นบ้าอะไรอยู่ๆก็เปิดประตูรถวิ่งฝ่าฝนออกไปแบบนั้น

     

    ต้องขอบคุณที่ปัดน้ำฝนที่ยังทำงานอยู่ ถึงได้เห็นว่าจงอินกำลังวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง คนผิวแทนหยุดยืนอยู่หน้าม้านั่งริมฟุตปาธ เพ่งมองอยู่ชั่วครู่ก็เห็นว่ามีร่างผอมบางของใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย

     

    “นั่นเซฮุน!” แบคฮยอนรั้งแขนชานยอลไว้พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม นี่อาจจะเป็นโอกาสให้สองคนนั้นได้คุยกันเสียที

     

    “ฉันไม่รู้ว่าสองคนนั้นมีเรื่องอะไรกัน แต่จากที่ได้คุยกับเซฮุนวันนี้แล้วมันไม่โอเค” แบคฮยอนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “ถ้าคิดจะตามพี่จงอินออกไป นายควรขับรถไปรับสองคนนั้นดีกว่านะ”

     

     

     

     

    ภาพเด็กน้อยตรงหน้าหรือบทสนทนาของคู่รักบนรถของเขาไม่น่าสนใจเท่ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งนั่งตัวสั่นเทาอยู่บนม้านั่งริมทางเท้าคนนั้นเลยแม้แต่น้อย จงอินวิ่งฝ่าสายฝนและฝูงชนซึ่งก็ต่างหาที่หลบฝนเพื่อไม่ให้ตัวเองเปียก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เขาทิ้งทิฐิทั้งหมดแล้ววิ่งไปหาเด็กหนุ่มที่ปล่อยให้ตัวเองเปียกปอนนั้นเขาไม่สนใจแล้ว

     

    จงอินไม่อยากจะมานั่งคิดว่า เซฮุนจะอยากเจอเขาหรือเปล่า เด็กนั่นจะทิ้งเขาไปอีกไหม ที่หายไปเป็นเดือนกลับไปหาไอ้เทาใช่ไหม กำลังคิดอะไรอยู่ คิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเป็นห่วงเซฮุน ระยะทางที่ลดลงเรื่อยๆยิ่งทำให้เขาเห็นอากัปกิริยาของเซฮุนได้ชัดเจนมากขึ้น

     

    จงอินไม่เห็นน้ำตาของเซฮุนเพราะใบหน้านั้นปะปนไปด้วยน้ำฝน หากแต่แรงสะอื้นและดวงตาบวมช้ำนั้นเป็นคำตอบทุกอย่าง เด็กนี่ควรจะยิ้มแย้มและหัวเราะอย่างร่าเริงสิ ทำไมถึงได้มานั่งร้องไห้แบบนี้ ไอ้เจ๊กนั่นมันทำให้เสียใจอีกแล้วเหรอ

     

    “เซฮุน”

     

    “...”

     

    "เซฮุน!! ได้ยินหรือเปล่า มานั่งตากฝนทำไม" จงอินโน้มตัวลงไปใกล้พร้อมกับเรียกเซฮุนอีกครั้ง เด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมามองเขา ขอบตาแดงก่ำและบวมช้ำคู่นั้นเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     

    "จงอิน นั่นคุณใช่ไหม?" มือบางทั้งสองข้างค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบใบหน้าของเขาเอาไว้ มือคู่นั้นทั้งสั่นเทาและเย็นเฉียบ นิ้วเรียวที่จงอินชอบสอดประสานแน่นเวลาได้จับมือกันกำลังไล้ปาดหยดน้ำฝนบนใบหน้าของเขาออก

     

    "หยุดพูดแล้วกลับบ้านเดี๋ยวนี้"

     

    จงอินไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงดุอย่างที่ชอบทำ เซฮุนดูจะไม่สนใจคำพูดของเขาเลยจนคนผิวแทนต้องเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้หลวมๆ แต่เซฮุนเป็นเด็กเอาแต่ใจและไม่รู้จักพอ มือบางกระชับเข้ากับมือหนาให้แน่นขึ้นอย่างคนต้องการความอบอุ่น

     

    เด็กตัวผอมตัวโอนเอนจนเขากลัวว่าจะล้มลงไปกระแทกกับพื้นเข้า จงอินรีบเข้าไปประคองในจังหวะนั้น หัวทุยก็แนบลงบนอกเขาพอดี ก้มมองดวงหน้าซีดเผือดแล้วก็ต้องถอนหายใจ เด็กนี่ทำท่าว่าจะไม่ไหวอยู่แล้วแต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเองอยู่ได้

     

    ...แล้วแบบนี้จะไม่ให้จงอินเป็นห่วงได้ยังไง

     

    เปลือกตาบวมเป่งนั้นค่อยๆปิดลงพร้อมๆกับน้ำหนักตัวของเซฮุนที่โถมเข้าหาเขาจนหมด ตบแก้มเนียนเบาๆเรียกสติแต่ก็เท่านั้น เซฮุนหมดสติไปแล้ว...

     

     

     

     

     

    X

     

     

     

     

    แสงสว่างจ้าทะลุผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามากระทบเปลือกตาจนคนตัวผอมซึ่งนอนอยู่บนเตียงต้องยกผ้าห่มผืนหนาขึ้นคลุมโปรง ทว่าแรงกระตุกผ้าห่มจากปลายเตียงไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น เซฮุนปรือตามองเจ้าของมือใหญ่ผู้เป็นตัวก่อกวนการนอนของเขา

     

    "พระอาทิตย์แยงดากละ" เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก หัวของเขาหนักอึ้งแถมยังปวดเมื่อยไปทั้งตัว ผมเผ้าของคนเพิ่งตื่นชี้ฟูจนชานยอลอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปยีมัน

     

    นั่งคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พิษไข้กลับมาโดยสมบูรณ์อยู่นาน พอเรียงลำดับเหตุการณ์ดูแล้ว... เมื่อวานเขาไปหาแบคฮยอนที่คาเฟ่ พอแยกย้ายกันฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จากนั้น...

     

    ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อภาพของใครบางคนปรากฎขึ้นมาในหัว

     

    "เห้ย จะไปไหน" ชานยอลเรียกเพื่อนตัวผอมที่อยู่ๆก็ลุกพรวดพลาดออกไปจากห้อง อาการไข้หนักพอจะทำให้ร่างซูบผอมเดินเซถึงกับต้องคอยจับกำแพงไว้เป็นตัวช่วยพยุง "จะไปไหน" เอ่ยถามคำถามเดิมออกไปอีกครั้ง ชานยอลรั้งแขนเซฮุนเอาไว้ ทว่าดวงหน้าซีดเซียวที่หันมาหาเขานั้นกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

     

    "จ...จงอิน" เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เซฮุนเปล่งเสียงที่แหบพร่าออกไปด้วยความยากลำบาก

     

    พอได้ฟังคำตอบชานยอลก็เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง "พี่จงอินไม่ได้อยู่ที่นี่" ตอนแรกกะว่าจะปลุกให้ลุกมากินข้าวจะได้กินยา พอเห็นสภาพเพื่อนแล้วก็ทำได้แค่พยุงมันไปนั่งโซฟาด้วยความสงสาร

     

    เปลือกตาบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อวานยังไม่หายเป็นปกติ เขารู้สึกเจ็บไปหมดยามที่น้ำตาคอยแต่จะไหลออกมาเรื่อยๆเพื่อเพิ่มความเจ็บช้ำให้มากกว่าเดิม มองไปรอบๆห้องที่แสนคุ้นเคยก็ยิ่งสงสัย ที่นี่เป็นห้องของจงอินไม่ผิดเพี้ยนแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าของห้องเลย มันคงเป็นเรื่องตลกที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ได้โดยที่ไม่รู้ตัว และถ้าหากชานยอลเป็นคนพาเขากลับมาหมอนั่นก็ไม่มีทางรู้รหัสผ่านแน่ๆ

     

    "นายเป็นคนพาฉันมาที่นี่หรอ" เซฮุนเลือกที่จะถามประโยคปลายเปิด

     

    "ดูตัวเองด้วยโอเซฮุน คิดว่าฉันจะแบกนายกลับมาหรอ"

     

    "ถ้างั้น...?"

     

    "ต้องไปเรียนแล้วว่ะ กินข้าวกินยาด้วย เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะเข้ามา"

     

    "เดี๋ยวสิ" เซฮุนร้องเรียก แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ไม่รู้เพราะขายาวๆนั่นหรือไม่อยากจะตอบคำถามเขากันแน่ ถึงได้เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วขนาดนั้น

     

    มือบางปาดน้ำตาออกลวกๆ ถ้าเหตุการณ์เมื่อวานเป็นเรื่องจริง หากมันไม่ใช่ภาพหลอนเพราะพิษไข้ นั่นถือเป็นเรื่องดีใช่ไหม? เป็นจงอินจริงๆใช่ไหมที่ช่วยเขาไว้

     

    หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ จงอินจะทิ้งเขาไว้ตรงนั้นก็ยังได้ แต่ทว่าผู้ชายคนนี้ยังเลือกจะช่วยเขา และไม่ว่าคนผิวแทนจะช่วยเขาไว้ด้วยความสมเพชหรืออะไรก็ตาม แต่เซฮุนดีใจที่อย่างน้อยจงอินก็ยังเป็นห่วงเขา มันเป็นแบบนั้นใช่ไหมจงอิน...?

     

    เด็กหนุ่มใช้เวลาทั้งวันไปกับการหันมองไปที่ประตูบานใหญ่ เซฮุนกำลังรอคอยเจ้าของห้องกลับมา แต่ไม่เลย... ไม่มีวี่แววของผู้ชายผิวแทน คนที่เขารักจนหมดใจ

     

    ชานยอลแวะเข้ามาในช่วงเย็นอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้ แบคฮยอนเองก็หิ้วถุงอาหารพรุงพรังมาด้วย พวกเรากินมื้อเย็นด้วยกันเสร็จทั้งสองก็อยู่ดูโทรทัศน์พรางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสาเพื่อน เวลาล่วงไปจนถึงสองทุ่มชานยอลกับแบคฮยอนก็ขอตัวกลับก่อน

     

    เซฮุนผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตลอดหนึ่งเดือนเซฮุนกลับมาคอนโดเป็นครั้งคราว ดูเหมือนเจ้าของห้องนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับมาที่นี่เหมือนกัน โต๊ะทำงานดูโล่งจนผิดปกติ บนชั้นหนังสือเหลือเพียงหนังสือที่จงอินอ่านจบแล้ว ออกมาจากห้องน้ำในตะกร้าไม่ร่องรอยของเสื้อผ้าที่ถูกใช้แล้ว

     

    เด็กหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เซฮุนหยิบเอาเสื้อสเวตเตอร์สีกรมตัวโคล่งของจงอินมาสวมอีกทั้งบ็อกเซอร์ตัวเก่งซึ่งเขาชอบเอามาใส่ตอนที่อยู่ด้วยกันจนมันกลายเป็นของเขาไปแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าในตู้หลังนี้จะมีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่ และมันก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้นัก ในนั้นมีชุดลำลองสบายๆอยู่สองสามชุดรวมทั้งที่เขากำลังใส่อยู่ แต่ทว่าบางอย่างกลับเกินความคาดหมาย

     

    กล่องสีขาวสะดุดตาวางอยู่มุมสุดของตู้ ชั่งใจอยู่นานว่าจะเปิดกล่องดีไหม เขาไม่อยากก้าวก่ายของส่วนตัวของจงอิน หากว่าตัวอักษรภาษาเกาหลีที่นูนเด่นอยู่ตรงกลางฝากล่องไม่ใช่ชื่อของเขา เซฮุนคงไม่เอื้อมมือไปเปิดฝากล่องออกแบบนี้

     

    ภายในกล่องไม่มีอะไรนอกจากตุ๊กตาหมีบราวน์ตัวการ์ตูนจากไลน์ เซฮุนจำได้ว่าเคยให้ตุ๊กตาโคนี่ให้จงอิน ตั้งแต่ตื่นมาจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นตุ๊กตาตัวนั้นเลย ถ้าคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยจงอินคงจะเอามันไปด้วย หยิบเจ้าหมีบราวน์ขึ้นมาพิจารณาก็เห็นสร้อยเงินที่คล้องคออยู่ นิ้วเรียวไล้ไปตามจี้รูปฟันเฟือง ตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

     

    หากจี้เฟืองนี้เป็นแผ่นทองเหลืองสลักชื่อธรรมดาเขาคงไม่รู้สึกอยากจะร้องไห้แบบนี้ แต่ทว่าเฟืองนี้ถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษบ่งบอกถึงรุ่นและตัวย่อของสาขาวิชา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามันคือ...เกียร์ของเด็กวิศวะ

     

    มือบางสั่นเทาตอนที่กำลังพยายามสวมสร้อยเส้นนี้ เพราะเขามองไม่เห็นห่วงจึงใส่ได้ยากลำบาก เซฮุนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ของสำคัญต่อเด็กวิศวะอย่างนี้ กว่าจะได้สิ่งนี้มาจงอินต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ มันเป็นของที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆเลย และคนอย่างเขาก็ไม่ควรได้รับมันด้วย

     

    เอื้อมไปหยิบกระดาษแข็งสีครีมมาเปิดออก กลิ่นหอมของมันทำให้เขารู้สึกดีอยู่ไม่น้อย ลายมือหวัดๆที่คุ้นเคยเป็นของจงอินไม่ผิดแน่ และวันนี้เซฮุนก็ไม่ได้ตาลายด้วย น้ำใสคลอหน่วงขึ้นมาอีกแล้ว

     

    ตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรนะถึงได้หนีจงอินไป ทั้งๆที่ผู้ชายคนนี้คอยมอบความสุขให้เขาไม่ขาด คอยดูแลเอาใจใส่และไม่เคยทอดทิ้งไปไหนในยามที่เขาต้องการคนอยู่เคียงข้าง  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดถึงตัวเอง เห็นแก่ตัว...เซฮุนเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย

     

    'การ์ดงี่เง่านี่เขาเขียนอะไรกันบ้างวะ'

     

    เซฮุนหลุดหัวเราะให้กับประโยคแรกของจดหมาย จงอินก็คือจงอินอยู่วันยันค่ำ ไม่มีหรอกที่จะพูดอะไรซึ้งๆน่ะ

     

    '6 เดือนแล้วสินะ ทุกๆวันครบรอบถึงกูจะไม่พูดแต่ก็ไม่เคยลืมนะ  ไม่อยากจะพูดว่า 'สุขสันต์วันครบรอบ 6 เดือนของเรานะเซฮุนนา~' เลยว่ะ มันน้ำเน่าไป '

     

    โอเซฮุนกำลังยิ้มกว้างขนาดไหนนะ หน้าเขามันจะต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ

     

    เขาจำได้ว่าจงอินไม่ชอบนับวันเวลาระหว่างที่คบกัน ร่างหนายังดุเขาอีกที่เอาแต่นับมันอยู่ได้ จงอินบอกว่า 'จะนับไปทำไม อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆก็มีความสุขดีอยู่แล้ว วันเวลาน่ะช่างมันเถอะ ถ้าวันนึงเลิกกันขึ้นมามึงจะเอาวันเดือนปีที่นับไปทำอะไร เอามานั่งเสียดายว่าไม่น่าคบกับคนอย่างกูเลยงี้หรอ' ครั้นจะเถียงกลับไปแต่อีกคนก็ตอกกลับให้เขาต้องเขินอีกด้วยประโยคที่ว่า 'ถึงจะเลิกกันไปกูก็ไม่เสียดายเวลาที่คบกันมาหรอก เพราะกูมีความสุขเวลาได้อยู่กับมึง' จงอินจะรู้ไหมว่าเขาก็มีความสุขไม่ต่างกัน

     

    'คงรู้ใช่ไหมว่าเกียร์นี่สำคัญกับกูมากแค่ไหน และมันมีความหมายว่าอะไร มันไม่ง่ายนะที่จะยกให้ใครสักคน'

     

    เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น มือที่ว่างเลื่อนมากุมจี้เกียร์ที่เป็นดั่งหัวใจของวิศวะ งั้นเกียร์อันนี้ก็คือหัวใจของจงอินใช่ไหม เซฮุนรู้ว่าจงอินให้ใจเขามานานแล้ว แต่การได้ของสำคัญแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

     

    'เกียร์อันนี้ให้โอเซฮุน ถ้าไม่อยากได้ก็เอาไปทิ้งไม่ต้องเอามาคืน เพราะอะไรกูไม่บอกหรอกนะ มันเป็นของมึงแล้วมาเอาไปด้วย

     

    “...” มือเรียวยกขึ้นมาปิดริมฝีปากเพื่อป้องเสียงสะอื้นน่าเกลียดเอาไว้ ประโยคยาวๆถัดจากนี้มันคือความรู้สึกทั้งหมดของจงอินใช่ไหม? เซฮุนคิดเลยว่าจงอินจะรู้สึกยังไงหลังจากที่เขาตัดสินใจจากไป

     

    กลับมาซักทีสิเซฮุน ทำไมชอบให้กูรอวะ กูเหนื่อยแล้วนะ ไม่ว่าอะไรที่ทำให้มึงพูดคำขอโทษออกมา ไม่ว่ามึงจะสื่อถึงอะไรกูไม่สนหรอก ในเมื่อคำว่าเลิกยังไม่หลุดออกมาจากปากมึงก็ยังไม่ถือว่าเลิก ถ้าอยากทิ้งกูไป ถ้าอยากให้กูตัดใจก็กลับมาสิเซฮุน กลับมาบอกเลิกกู แล้วกูจะยอมปล่อยมึงไป ถึงแม้กูจะรักมึงมากแค่ไหนก็ตาม'

     

    โง่...เซฮุนควรด่าตัวเองว่าอะไรดีนอกจากคำนี้ ถ้าวันนั้นเขาไม่ทิ้งจงอินไปก็คงไม่ต้องมานั่งทรมานใจแบบนี้ เด็กหนุ่มคิดมาตลอดว่าตัวเองรักผู้ชายที่ชื่อจื่อเทาและไม่มีวันจะลบล้างความทรงจำที่มีร่วมกับคนๆนั้นออกไปจากสมองได้ แม้กระทั่งจงอินเข้ามาในชีวิต เซฮุนยอมรับว่ารู้สึกดีกับจงอินอยู่ไม่น้อย และที่ยอมคบก็ไม่เคยคิดจะเอาจงอินมาแทนที่เทา เพราะทั้งสองคนไม่ได้มีนิสัยคล้ายคลึงกันเลย

     

    แต่ทว่า...ในตอนนั้นความรู้สึกที่มีต่อเทายังไม่จางหายไปไหน เซฮุนยังคงยึดติดกับความรู้สึกเดิมๆ

     

    จนถึงวันที่จื่อเทากลับมาอีกครั้ง...คำพูดคำจาของคนๆนี้ร้ายกาจและเห็นแก่ตัว ในวันที่รู้สาเหตุว่าอะไรทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของจงอินเต็มใบด้วยรอยแผลเขาแทบใจสลาย

     

    'ถ้าไม่อยากเห็นมันเจ็บตัวอีกก็เลิกกับมันสิเซฮุน'

     

    ในวันนั้นเด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะเดินออกไปจากชีวิตจงอิน เซฮุนไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ถ้าเขายังคบต่อไปเทาก็คงทำร้ายจงอินไม่เลิกรา มันบ้ามากที่เขาเลือกทำตามคำขู่ของจื่อเทา

     

    หากไม่มาลองมาเป็นเซฮุนก็คงไม่รู้หรอก ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นคนรักบาดเจ็บเพราะตัวเอง

     

    ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ห่างจากจงอินทำให้อะไรๆชัดเจนขึ้น สิ่งที่เซฮุนคิดมาตลอดว่ามันคือความรู้สึกดีๆที่ยังมีต่อเทาและไม่เคยลืมเรื่องราวที่ผ่านมานั้น เขาก็แค่จมปรักกับอดีต ถ้าให้ชั่งน้ำหนักระหว่างฮวางจื่อเทากับคิมจงอิน เซฮุนรู้ตัวแล้วว่าเขา...รักและต้องการจงอินมากแค่ไหน

     

    "ผมจะไม่หนีคุณไปอีกแล้ว จงอินคุณอยู่ที่ไหน?"

     















     

    TBC








    ตอนหน้าก็จบแล้วแต่ไคฮุนยังไม่ได้เจอกันซักที ;o;
    แชปนี้ยาวกว่าแชปแรกอีกน่ะ และดูเหมือนตอนหน้าก็จะยาวกว่านี้อีก แง
    แต่ล่ะตอนกว่าจะจบเราเขียนได้ช้ามาก นั่งหน้าคอมสองสามชม.เขียนได้พันคำงี้ จะร้อง

    ขอบคุณคนที่คอมเม้นต์นะคะ จะว่าเราบ้าก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้เราได้จริงๆ TT
    ขอบคุณคนที่หลงเข้ามาอ่านด้วยค่ะ รักนะ <3





















     


    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×