ตอนที่ 1 : dojae ; os "hide one’s light under a bushel"
dojae ; os “hide one’s light under a bushel”
------------------------------------
nc-17
welcome to my room ;)
---------------------------------
“ไอ้เด็กบ้า!” ผมตะคอกสุดเสียงเมื่อถูกกระทั้นกายเข้ามาอย่างแรงจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ขาที่งออยู่ถูกช้อนที่ข้อพับแล้วคนทำก็โถมน้ำหนักใส่จนเข่าของผมแทบชิดอก อาการจุกจากแรงกระแทกปนกับความเสียวซ่านทำให้ต้องครางเครือในลำคออย่างกลั้นไม่อยู่
“ชอบไม่ใช่เหรอครับ” ตัวที่สั่นคงเป็นคำตอบชัดเจน ผมได้ยินเสียงหัวเราะที่บ่งบอกความพออกพอใจของอีกฝ่าย ช่องทางเร้นลับที่ถูกล่วงเกินมาพักใหญ่ ๆ ตอดรัดอย่างหน่วงหนัก น่าอายชะมัด…ผมไม่เหลือมาดคนที่เหนือกว่า ไม่แม้แต่จะออกปากปฏิเสธว่าสิ่งที่เขาถามมันโง่เง่าสิ้นดี
เพราะผมชอบ… ชอบจริง ๆ
“อย่าทำรอย” ริมฝีปากที่พรมจูบทั่วแผ่นอกชะงัก ผมเห็นรอยยิ้มที่ใครต่อใครกล่าวขานว่าเป็นยิ้มน่ารักบนใบหน้าไร้เดียงสา เขายังคงสร้างภาพผู้ชายอบอุ่นและสุภาพแม้เราจะฟอนฟัดกันจนเตียงเละเทะ
“แต่ผมอยากทำ”
“อย่าทำ”
“ผมต้องเชื่อฟังคุณ?” ดวงตากลมสุกใสวาววับยามที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ กลีบปากถูกบดขยี้ด้วยอวัยวะเดียวกัน พลันความเจ็บแปลบก็เกิดขึ้นเมื่อเขาทั้งกัด ทั้งขบเม้ม ผมยกสองแขนล็อกต้นคอเขาไว้ กักขังร่างไว้ในอ้อมกอด กลิ่นที่ผสมปนเปกันทั้งแอลกอฮอล์ น้ำหอมที่ผมใช้ และกลิ่นจากตัวดาราหน้าใหม่ พาลให้เคลิ้มจนสายตาจับโฟกัสไม่ได้
“ไม่ใช่คำสั่งหรอก”
“ขอร้องงั้นสิ”
“ฉันไม่ขอร้องคนอย่างนายหรอก…ย้า!”
เพียะ
ผมร้องเสียงหลงตอนไอ้หมอนี่กัดเข้าที่หัวไหล่เต็มเขี้ยว ฝ่ามือที่ฟาดใส่ไม่สะทกสะท้าน หนำซ้ำแขนผมยังถูกกดลงกับผืนเตียงพร้อมการเสือกไสแท่งเนื้อเข้า ๆ ออกๆ เป็นจังหวะจนผนังด้านในคับแน่น
“อ๊า…บ..เบาหน่อย”
“คุณยั่ว”
“เปล่าเลย” ผมค้าน ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นแสนจะรุนแรง มันแสบนิดหน่อยแต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคหรอก คนฟังถอนแก่นกายออกไปจนผมรู้สึกว่างเปล่า ให้ตายเถอะ… เอาเข้ามาอีกได้มั้ย ได้โปรด ได้โปรด…
“เจ็บรึเปล่า น้ำตาคุณไหล” คำถามเชิงเป็นห่วงขัดอารมณ์เป็นบ้า ผมกะพริบตาถี่แล้วหลับลงรับจุมพิตเบา ๆ ที่ซับน้ำตา
“อย่าทำตัวเป็นพระเอกนักเลยน่า”
“ชอบคนร้าย ๆ ?”
“คิดเองเออเองเก่ง”
“ก็คุณไม่ค่อยตอบตรง ๆ”
“พูดมากจริง”
“เฮ้อ…”
“ฉันไม่เคยมีเซ็กส์กับใครแล้วต้องพูดเยอะขนาดนี้” ด้วยความสัตย์ คนตรงหน้าดูไม่ใช่คนกวนตีนอะไร ในคราแรกที่เจอผมว่าเขาออกจะสุขุม แต่ทำไมพออยู่บนเตียงถึงได้จี้จุดผมเก่งนัก
“โทษทีที่ทำคุณอารมณ์เสีย แต่ต้องเปลี่ยนถุงยางน่ะ”
“แตกแล้ว?”
“เฮ้ ๆ คีพลุคหน่อยสิคุณ” แม้จะเอ่ยเตือนแต่ผมเห็นหรอกว่าหลุดหัวเราะ ผมพลิกตัวนอนคว่ำระหว่างที่คนร่วมเตียงจัดการกับเครื่องป้องกันเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งคู่
“หรี่แอร์ด้วยนะ”
“ผมว่าเย็นกำลังดี”
“ฉันหนาว”
“เดี๋ยวก็ร้อนแล้วน่า”
“ไม่ขัดจะตายมั้ย…เฮ้ย!” ขาผมถูกลากจนตัวไถลตกหมอน ไอ้คนขี้แกล้งนวดสะโพกแบบไม่ยั้งมือจนผิวเนื้อน่าจะแดงเถือก ยังไม่ทันจะได้ว่าอะไรมือใหญ่สองข้างก็ช้อนเอวให้คลานเข่าเสียแล้ว
เพียะ
“โอ๊ะ…มือลั่น”
“ไอ้…”
เพียะ
“ก้นคุณเด้งอย่างกะพุดดิ้ง”
“มันใช่เวลามากวนตีนมั้ย” ผมเอี้ยวคอมาส่งสายตาอาฆาตใส่คนที่เล่นไม่รู้กาลเทศะ ดวงตาของกระต่ายป่าที่จ้องกลับมาวาววับ
“ใคร ๆ ก็บอกว่าคุณเป็นเสือ” หน้าผมแนบไปกับผ้าปูขณะที่ร่างกายท่อนล่างยกสูงขึ้นเมื่อยืนเข่า นิ้วโป้งสองข้างแหวกแก้มก้นแดงปลั่งออก นิ้วกลางเกลี่ยช่องทางที่เต้นตุบ ๆ แล้วสอดเข้าไปจนสุด
“อ่า…อย่าแกล้งกันสิ”
“คุณน่ะแมวต่างหาก”
“ฉันจะเป็นตัวอะไรก็ช่างแม่งเหอะ” ผมพรูลมหายใจออกทางปาก เปลือกตาปิดลงเพราะรู้สึกวิงเวียนจากการมองโลกในแนวเฉียง
“คุณดูไม่สนใจสายตาคนอื่น ไม่แคร์ว่าเขาจะมองคุณยังไง”
“อือฮึ” เมื่อนิ้วถูกถอนออกสิ่งที่ใหญ่กว่าก็รุกล้ำเข้ามา สองขาเกือบจะทรุดลงหากไม่มีมือรั้งไว้ พอเขาเริ่มขยับความเจ็บเสียดก็เกิดขึ้นจนผมต้องจิกเล็บลงกับผ้า
“ซี้ด…ทีแรกไม่คับขนาดนี้นี่…”
“อึก…”
“ผมเอาออกดีกว่า…”
“ไอ้เวร มันใช่เรื่องมั้ย”
“ถึงขั้นต้องด่าเลยเหรอ”
“เอาเข้ามาให้สุดเลย” เสียงสั่งที่แตกพร่าพอ ๆ กับเนื้อตัวผมที่แทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ยามที่ท่อนเนื้ออุ่นถลำเข้ามามิดด้าม
“คุณพูดเองนะ”
“อ๊า…อ๊ะ…” จังหวะสอดลึกแล้วถอนออกจนปริ่มปากทางเนิบนาบอย่างจงใจ ฉับพลันก็กระแทกเข้ารัวเร็ว เพลงรักที่บรรเลงอย่างต่อเนื่องกระตุ้นให้ผมครางไม่เป็นศัพท์ ยิ่งตอนที่ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมารูดรั้งส่วนที่อ่อนไหวจนถึงจุดสุดยอด ตัวผมกระตุกติดกันหลายครั้งจนปลดปล่อยออกมา
น่าอายเหลือเกิน…
“ผมเกลียดถุงยาง” เขาสบถพร้อม ๆ กับผละตัวออกแต่อวัยวะนั้นยังคาอยู่ ภายในร่างที่กลืนกินกันจนแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวของเราทลายกำแพงบางอย่างที่เคยกั้นไว้
ผมไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาคืออะไร แต่มันก็…ไม่เลว
“เอาออกไปสักที”
“พอถึงที่หมายก็ถีบกันตกเรือเลยนะ”
“เดี๋ยวจะถีบตกเตียงด้วย”
“มีแรงยกขาเหรอ” ไม่ผิดอย่างที่ไอ้บ้านี่ท้า ทันทีที่เขาถอนกายออกผมก็นอนแอ้งแม้งไร้เรี่ยวแรงแบบหมดสภาพ การหอบหายใจเฮือกใหญ่ราวกับวิ่งมาหลายสิบกิโลคงดูน่าขำพิลึก คนมองถึงได้หัวเราะในลำคอแล้วเดินไปหยิบรีโมตมาปรับแอร์
“มาห่มผ้าให้ฉันด้วย”
“ครับ ๆ”
“แล้วก็ไสหัวไปสักที รำคาญ” ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แล้วความเงียบที่ปกคลุมทั่วห้องก็ส่งผมเข้าสู่นิทราในเวลาไม่นาน
“ราตรีสวัสดิ์นะคุณ”
*
“หล่อ บ้านรวย จบนอก โปรไฟล์ดีขนาดนี้ยังจะปฏิเสธอีก” ผมกลอกตาไปมาเมื่อได้ยินผู้จัดการส่วนตัวพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
“โปรไฟล์ดีแล้วมันเกี่ยวกับงานตรงไหน พี่ไบแอสเขาออกนอกหน้าเลยนะ”
“ดูออกเหรอ” ใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว! คนแก่กว่าน่ะเชียร์ไอ้เด็กนี่ตั้งแต่ตอนมาแคสติ้ง ไม่รู้ถูกอกถูกใจอะไรนักหนา ถ้าพูดถึงเบ้าหน้า ในวงการนี้มีคนหล่อ ๆ แบบนี้และมากกว่านี้อีกถมเถ ส่วนเรื่องที่เจ้าตัวมารยาทดี พูดจาอ่อนน้อม แถมยังประวัติขาวสะอาด ผมยังยืนยันคำเดิมว่ามันไม่เกี่ยวกับงาน ต่อให้อีกฝ่ายเคยบวชมาก่อนมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับบทเลย!
ใจผมอะเลือกจอห์นนี่ ซอ แต่ทีมงานเกินครึ่งเลือกคิมโดยอง เพราะงั้นบทพระเอกเอ็มวีเพลงใหม่ของผมเลยต้องเป็นเขานี่ไง
“นายก็ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย เดี๋ยวน้องเขาก็ใจเสียหรอก”
“ก็ทำหน้าดี ๆ มาตลอดวันครึ่งแล้วเนี่ย” ตั้งแต่เมื่อวานที่เริ่มถ่ายทำผมก็พยายามเป็นกันเองให้มากที่สุดแล้ว ถึงจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจเวลาสบตากันตรง ๆ ก็เถอะ
“แจฮยอนเข้าฉาก”
“ครับ” ขานรับด้วยเสียงเนือย ๆ แล้วเดินลากเท้าเข้าไปในบริเวณที่เซ็ตฉากไว้ บรรยากาศริมทะเลตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเป็นหนึ่งในซีนสำคัญ และเป็นซีนสุดท้าย ดังนั้นการซักซ้อมอย่างคร่ำเคร่งจึงจำเป็น เราจะพลาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นการถ่ายทำก็จะยาวออกไปจนถึงเย็นพรุ่งนี้
“มองตากัน ใช่ แบบนั้นแหละ ตอนจูบพี่ขอให้โดยองประคองหน้าแจฮยอนไว้ด้วยนะ”
“แบบนี้เหรอครับ” เจ้าของมือสองข้างที่แตะแก้มผมอยู่หันไปทำหน้าซื่อใส่ผู้กำกับ ผมกระแอมไอเล็กน้อยจนเขาสะดุ้ง แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มเจื่อน ๆ ราวกับทำตัวไม่ถูก
“ไม่ต้องเกร็ง จับ ๆ ไปเหอะ”
“ขออนุญาตนะครับ”
“อือ” ผมเบนสายตาไปอีกทางระหว่างรอให้ทุกคนเตรียมหน้าที่ของตัวเองจนพร้อม ในใจก็พ่นคำหยาบมากมายออกมาฆ่าเวลา ขอด่าไอ้คนต้นคิดที่อยากให้การคัมแบคครั้งนี้ของผมหวือหวาหมาเห่าเลยออกไอเดียให้เนื้อหาในมิวสิกวิดีโอเป็นความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย และผมต้องเล่นเอง
ได้ยินตอนแรกผมเกือบหลุดสบถ ให้คนแข็งทื่อเป็นตอไม้อย่างผมเนี่ยนะมาแสดง สาบานเลยว่าผมหมายหัวทุกคนที่เห็นด้วยไว้หมดแล้ว จบงานนี้ต้องมีแก้แค้นแน่นอน
“แจฮยอนค่อย ๆ หลับตาลงนะ พอจูบแล้วกล้องจะปรับโฟกัสเป็นพระอาทิตย์ตกด้านหลัง ส่วนมือนายถ้าเกะกะนักวางไว้บนไหล่น้องเขาก็ได้”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับคำ จากการบรีฟเป็นแสนรอบก็ทำให้คนทักษะการแสดงเป็นศูนย์กลายเป็นดาราหน้าใหม่ได้ ไม่ใช่แค่ผมที่ทึ่งกับตัวเอง ใคร ๆ ก็บอกว่าผมทำได้ไม่เลว แฟนคลับน่าจะดีใจมาก ๆ ที่ผมทำเพื่อพวกเขาขนาดนี้
“เอาล่ะ ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง”
ลมที่พัดเอื่อย ๆ พาเอากลิ่นเกลือเข้าสู่ปอด ผมสบตากับดวงตาสุกใสที่ทอดมอง ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมนัยน์ตาถึงได้ระยิบระยับราวกับอัญมณี ใบหน้าที่คนมากมายชื่นชมเคลื่อนเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดผิว มือของโดยองประกบที่ข้างแก้มแผ่วเบา เขาเอียงคอเล็กน้อยจนปลายจมูกฝังลงกับเนื้อ
อีกฝ่ายควรจะหยุดอยู่แค่นี้เพราะสิ่งที่เราตกลงกันคือการใช้มุมกล้อง แต่ริมฝีปากได้รูปกลับประทับลงมาอย่างจาบจ้วง ตัวของผมนิ่งค้าง โสตประสาทได้ยินเสียงพูดคุยจอแจจากทีมงาน แต่ถ้าผมผลักไอ้บ้านี่ออกเท่ากับว่าซีนนี้พัง ให้ผมต้องถ่ายซ่อมน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!
“คัท!”
“น้องโดยอง! คือ…”
“ขอโทษนะครับ ขอโทษจริง ๆ ผมลืมตัวไปหน่อย” คนที่อ้างว่าลืมตัวโค้งขอโทษรอบทิศ ผมใช้หลังมือปิดปากตัวเอง พรูลมหายใจเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์
“คนที่นายควรขอโทษที่สุดคือฉันไม่ใช่รึไง”
“ขอโทษนะครับคุณแจฮยอน”
“อินบทขนาดนั้น? บ้าเอ๊ย ฉันไม่เข้าใจพวกนักแสดงเลยจริง ๆ” ผมเท้าเอวยืนมองคนเด็กกว่าที่ก้มหน้า ถ้าผมบ่นอะไรออกไปก็คงดูไม่มืออาชีพอีกสินะ
“แจฮยอน! มาดูนี่ ภาพสวยมาก” ผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนอยู่ข้างผู้กำกับโบกไม้โบกมือเรียก ผมเลยเลิกสนใจเด็กฉวยโอกาสแล้วจ้ำอ้าวไปอีกทางแทน
*
“เอาจริง ๆ ปะพี่ ผมว่าเขาแปลก ๆ อะ” ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ ทีมงานหลายคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันหันมามองอย่างสนอกสนใจกับประโยคที่ผมพูด
“แปลกยังไง”
“ก็...เป็นคนสุภาพเกินไป...”
“นั่นเพราะนายเป็นคนขวานผ่าซากต่างหาก”
“อ้าว ๆ เจ๊!” ผมมองค้อนคนพูดที่หัวเราะคิกคัก ประเด็นเกี่ยวกับคิมโดยองที่เริ่มมาได้สักพักมีแต่เรื่องดี ๆ ที่แต่ละคนผลัดกันชม ครั้นพอผมเอ่ยแหวกขึ้นมาก็คงหนีไม่พ้นถูกตราหน้าว่ามองโลกในแง่ร้าย อิจฉา หรือไม่ก็...
“คิดมาก”
“ผมไม่ได้คิดมากนะ พวกพี่ก็ทำงานกับผมมาตั้งนานก็น่าจะรู้ป้ะว่าผมคิดน้อยจะตาย”
“ว่าตัวเองทำไมเนี่ย”
“ผมยืนยันเลยนะว่าเขาแปลก”
“ขอเหตุผลสนับสนุนมากกว่านี้”
“ถ้าพูดถึงบุคลิกท่าทาง พวกพี่อาจจะดูไม่ออก แต่สายตาอะ...เขาชอบมองผมแบบ เฮ้อ พูดไปเดี๋ยวก็หาว่าใส่ร้ายป้ายสี” ผมรินแอลกอฮอล์ใส่แก้ว เว้นช่วงเพื่อเรียกความสนใจสักหน่อย
“พูด ๆ มาสิยะ!”
“เขามองเหมือนผมเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ”
“นั่นเพราะนายน่ารักรึเปล่า”
“ไม่ใช่ในเชิงนั้นดิ...ผมเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แล้วเขาเหมือนสัตว์นักล่า”
“อยากถูกน้องโดยองมองแบบนั้นบ้างจัง”
“เฮ้ย ๆ ผมไม่ตลกนะพี่ เวลาผมจ้องกลับไปเขาก็ชอบตีหน้าซื่อตาใส ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะ แบบนี้จะไม่ให้ผมมองว่าเขาแปลกได้ไง…”
“โต๊ะนี้ยังอยู่ต่อยาว ๆ ใช่มั้ย ฝากโดยองไว้หน่อยดิ พวกพี่เมากันหลายคนแล้วเนี่ย” ผู้กำกับโผล่หน้ามาทักพร้อมกวักมือเรียกขวัญใจทีมงานที่เดินยิ้มมาแต่ไกล
“นั่งเลยน้อง พวกพี่ใจดีทุกคน” ผมกลอกตามองบนใส่อากัปกิริยาวี้ดว้ายของพี่ ๆ ผู้หญิง คนเด็กสุดนั่งบนเก้าอี้ว่างที่อยู่ด้านซ้ายถัดจากผมไปสองตัว พอเขามาแบบนี้หัวข้อนินทาก็เป็นอันต้องพับเก็บสินะ
“คอแข็งกันจังเลยนะครับ”
“จ้า แต่ไม่เท่าหมอนั่นหรอก” ผมยักไหล่เมื่อมีคนพาดพิง เอื้อมมือไปตักกับแกล้มของทอดเข้าปากพลางฟังบทสนทนาของคนร่วมโต๊ะ
เป็นเวลาพักใหญ่ที่เสียงพูดคุยดังต่อเนื่องไม่หยุด จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเสนอเกม Truth or Dare ขึ้นมา ผมถอนหายใจยาว ๆ หยัดตัวลุกเตรียมชิ่งแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยประโยคท้าทายจากคนที่ไม่คาดคิด
“คุณแจฮยอนไม่กล้าเหรอครับ”
“จริง! ไม่กล้าเหรอจองแจ!”
“เฮ้อ เข้ากันดีเหลือเกินนะ” ผมทรุดตัวนั่ง เอามือค้ำคางเท้าศอกกับโต๊ะระหว่างที่หลายคนเคลียร์จานอาหารเพื่อให้มีที่ว่างพอสำหรับหมุนขวดเบียร์เปล่า
“เวียนขวา ใคร Dare ต้องดื่มหมดแก้ว”
“เริ่มที่ฉันแล้วกัน…โอ๊ะ! น้องโดยอง!” โชคชะตาเป็นใจชะมัด ที่อยากเล่นเกมนี้กันก็คงกะจะถามหมอนี่แหละ ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่แจกยิ้มไม่หยุด อยากรู้นักว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ใต้หน้ากากคนดีนั่น...
“มีคนที่ชอบรึยังคะ”
“ฮิ้วววววววววววววววววววววว”
“มีแล้วครับ”
“กรี๊ด! จริงเหรอคะ ในวงการมั้ย...”
“เฮ้ ๆ เจ๊ ได้คำถามเดียวไม่ใช่รึไง โดยองหมุนขวดเลยค่ะ” บอกเลยว่าไม่ได้เซอร์ไพรส์กับคำตอบ ในวงการนี้เต็มไปด้วยคนหน้าตาดีจะปิ๊งใครสักคนเข้าก็ไม่แปลกหรอก
“แจฮยอน!”
“ฮะ!? เฮ้ย...” ผมสะดุ้งกับเสียงเรียกพอหลุดจากภวังค์ก็เจอปากขวดหยุดอยู่ตรงหน้า
“มีคนที่ชอบรึยังครับ”
“…” สายตาอยากรู้อยากเห็นที่มองมาเจือด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมอ่านไม่ออก ผมจ้องหน้าเขากลับ ส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้อย่างยียวนแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกจนหมด
“ว้า...”
“ไม่คิดว่าน้องจะกล้าถามนะคะ แต่พี่ว่าอย่าไปสนใจแจฮยอนเลย”
“ทำไมเหรอครับ”
“พ่อเสือหนุ่มไม่มีหัวใจหรอก” ผมหัวเราะออกมา นึกขำที่ถูกมองว่าไร้หัวใจทั้งที่มันยังเต้นตึกตักอยู่ในอก จริงอยู่ว่าสิ่งที่คนทั่วไปเห็นคือผมไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเอาแต่หิ้วเด็กขึ้นคอนโดไม่ซ้ำหน้า แต่ง่ายไปรึเปล่าที่จะตัดสินผมแบบนั้น
เฮ้อ...ป่วยการที่จะอธิบาย อีกอย่างผมก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาเข้าใจหรือพยายามมองผมในแง่มุมอื่น ๆ
เกมดำเนินไปหลายตา มีทั้งคนที่ยอมตอบความจริงและคนที่ยอมกระดกเบียร์หมดแก้ว ผมภาวนาให้มีใครสักคนเริ่มเมาแล้วพังวงซะ นี่มันก็ดึกแล้วทำไมไม่เลิกกันสักทีคงกะจะปาร์ตี้ปิดกล้องกันถึงเช้า
“ผมง่วงแล้วนะ”
“น่า...ขออีกตา พี่ยังอยากถามน้องโดยองอยู่เลย”
“นายก็รีบ ๆ ง่วงได้ละ ไม่รู้รึไงว่าพวกพี่ ๆ กะจะล้วงความลับน่ะ” คนถูกถามเลิกคิ้ว จะว่าไปตั้งแต่เล่นมาเด็กนี่ก็ตอบทุกคำถามเลยแฮะ ไม่ยอมดื่มสักแก้ว
“ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังนี่ครับ ตอบได้หมด”
“เนี่ยเห็นมั้ยแจ! น้องเขาจริงใจ ใครจะเหมือนนายเอาแต่ดื่มไม่ยอมตอบ”
“ก็ผมขี้เกียจตอบ”
“ขวดมันหมุนมาที่นายอีกแล้ว เจ้าบ้า!” เสียงกรีดร้องขัดใจดังขึ้น หวังจะให้ขวดหยุดที่เด็กนั่นล่ะสิ ผมรินเบียร์ใส่แก้วรอเลยก็แล้วกัน…
“ผมขอถามได้มั้ย”
“ว่ามาสิ”
“การจะถูกใจใครสักคนคุณมองที่ตรงไหนเหรอครับ”
“หืม?” ถ้าผมมองไม่ผิดไอ้ประกายแวววาวที่ฉายผ่านดวงตาคู่นั้นคงเป็นเสือตัวใหญ่เตรียมตะครุบเหยื่อ ขอโทษนะ...นี่ผมเป็นเหยื่อเหรอ
ฝันอยู่รึไงไอ้กระต่ายน้อย...
“คุณจะหนีไม่ยอมตอบอีกก็ได้นะ”
“เห็นแก่ที่นายอยากรู้มาก”
“ครับ?”
“เซ็กส์”
“…”
“ผมไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ครับทุกคน” ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เดินลากขาออกจากบริเวณนั้น ทำทีเป็นสนใจผืนฟ้าสีดำสนิทที่มีหมู่ดาวเปล่งประกายระยิบระยับ
เสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้จะเข้าเขตที่พัก จนถึงวินาทีที่ผมทาบคีย์การ์ด บานประตูก็ถูกเปิดออกโดยผู้บุกรุกที่แทรกตัวเข้ามาในห้อง
“คุณท้าทายผม?”
“อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น”
“จะบอกว่าผมเข้าใจผิด?”
“เปล่า...อื้อ!” ผมจูบกับใครต่อใครมานับครั้งไม่ถ้วน ฉะนั้นแค่ริมฝีปากที่ประทับลงมาไม่ได้ทำให้ผมลืมสติแล้วปล่อยเขาทำตามอำเภอใจหรอก
แต่ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าคิมโดยองไม่ใช่คนแสนดีอย่างที่แสดงตบตา
“มาลองดูกันมั้ยครับว่าใครกันแน่ที่เป็นเสือ”
บอกแล้ว...ผีเห็นผี
--------------
พาร์ทแรกของเรื่อง(nc) คือเหตุการณ์ที่ต่อจากประโยคสุดท้าย ไม่งงไทม์ไลน์ใช่มั้ยคะ ;-;
เพิ่งเดบิวต์นุตื่นเต้นมาก ๆ แง ถ้าชอบก็อย่าลืมบอกกันบ้างน้า
ฝากตัวด้วยค่า /โค้ง
#ฟิคน้องเขียว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่างเราๆคงเป็นเจ้ในกอง55555